ที่เทียนขุยเอ่ยมานั้นถูกต้องทุกประการ อย่าว่าแต่ฟางเหยียนจะไม่ปล่อยกู่ปิ่งไปง่ายๆ ก็แม้แต่กู่ผินที่ได้ยินข่าวคราวแล้วรีบบึ่งมาก็ยังโมโหจนถึงที่สุด เคราตั้งขึ้นมาแล้ว โมโหจนเกือบจะตาย! ไปมีเรื่องบาดหมางกับใครไม่ไป? ดันไปหาเรื่องเทพสงครามแห่งประเทศหวา? นายมีชีวิตเยอะเท่าไรที่จะฆ่าได้!
ใช่!
ไม่ยอมรับไม่ได้เลยว่า แค้นที่ฝังลึกนั้นจำต้องแก้แค้นให้ได้ มีกลิ่นอายของคนผู้นั้น มั่นใจแล้วว่าเป็นลูกศิษย์ของเขาแล้วจะอย่างไร? นายแก้แค้นได้หรือ? หากจะพูดถึงสถานะของฟางเหยียน กู่ผินได้สืบสาวชัดเจนแล้ว เขามั่นใจว่าเป็นศิษย์ของคนผู้นั้น ทว่าเขาก็เป็นเทพแห่งสงครามผู้รุ่งโรจน์ของประเทศหวาด้วย เขาพยายามประนีประนอมคลี่คลายความแค้นข้างในมาโดยตลอด ต่อให้จะเป็นความแค้นระดับโลก เขาก็ไม่มีเวลาไปสนใจดูแล
เพราะว่าเขาเป็นผู้ที่รู้จักสัมมาคารวะ ความแค้นของสำนักไม่ควรที่จะใช้ฟางเหยียนมาแทนที่ อีกอย่าง ต่อให้จะนำเรื่องมากองไว้ที่ฟางเหยียน สำนักกุ่ยกู๋ก็ยังจะกล้าทำอะไรมั่วๆ หรือ? ความสามารถของเขามีมากจนไม่อาจคาดเดาได้ บวกกับฟางเหยียนไม่ใช่วายร้ายผู้เจ้าคิดเจ้าแค้น เขาเป็นเทพแห่งสงครามที่แยกแยะบุญคุณและความแค้นออกได้อย่างชัดเจนผู้หนึ่ง สำนักกุ่ยกู๋จะกล้าปฏิบัติไม่ดีต่อเขาได้อย่างไร?
และอีกอย่าง ต่อให้นำพลังทั้งหมดของสำนักกุ่ยกู๋ออกมา ก็เกรงว่าคงไม่สามารถที่จะทำร้ายฟางเหยียนจนบาดเจ็บได้แม้แต่นิดเดียว ฟางเหยียนเป็นชายหนุ่มคนแรกที่กู่ผินคาดเดาไม่ได้ จนกระทั่งได้เห็นเขาที่ร่างกายป่วยหนัก ทว่ากลับสามารถทำร้ายนักรบเบญจธาตุเกราะทองให้บาดเจ็บหนักได้ ก็ทำให้กู่ผินรู้สึกว่า การแก้แค้นนั้นไม่มีความหวังแล้ว!
หรือว่า กู่ผินคือคนบาปที่หักหลังสำนักออกจากทางธรรม ที่รังแกผู้อ่อนแอกว่าแต่กลัวคนที่แข็งแรงกว่าเช่นนั้นหรือ?
กรรมเกิดจากเหตุ มีเหตุจึงมีผลตามมา ไม่ใช่เรื่องที่ฟางเหยียนก่อ เหตุใดจึงต้องบังคับเอามาไว้กับตัวเขาด้วย!
นี่คือหลักการที่กู่ผินยึดมั่น!
นอกจากเรื่องนี้แล้ว เขาเฝ้าสังเกตเป็นเวลานาน พบว่าฟางเหยียนมิใช่ผู้ที่บ้าเลือด ซึ่งมีความแตกต่างจากอาจารย์ของเขาเป็นอย่างยิ่ง! สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ ฟางเหยียนเป็นผู้ที่กล้าประจันหน้ากับเพลิงเสวนเพียงหนึ่งเดียว!
เพียงประเด็นนี้ ต่อให้จะมีความแค้นฝังลึกแล้วจะอย่างไร?
ใช่ ต่อให้จะเป็นคำฝากฝังที่ต้องปฏิบัติของบิดาก่อนตาย ความชั่วร้ายที่อาจารย์ของเขากระทำไว้ ก็ควรที่จะให้ฟางเหยียนรับผิดชอบผลร้ายที่จะตามมา!
กู่ผินยังคงทำเช่นนั้นไม่ได้!
แค้นระดับโลกและความถูกต้อง เขาเลือกความถูกต้อง!
เพลิงเสวนปรากฏตัว ทำร้ายราษฎรจำนวนมาก เป็นภัยต่ออีกฝ่าย ไร้บ้านแล้ว ยังจะคิดแก้แค้นอันใดอีก?
ฟางเหยียนเป็นคนที่สามารถต่อต้านพวกมันได้เพียงคนเดียว มีเพียงเขาที่จะต่อสู้กับเพลิงเสวนได้ ผู้กล้าที่มีคุณธรรมสูงส่งเช่นนี้ ใครจะไม่เคารพ? ใครไม่กล้าศรัทธา? ใครอยากกลายเป็นทาสรับใช้? ใครไม่อยากใช้ชีวิตอยู่ภายใต้แสงอาทิตย์อันสงบนิ่งและสงบสุข?
เพียงประเด็นนี้ กู่ผินรู้สึกว่า ประโยคที่ว่าคำฝากฝังก่อนตายของบิดาก็ต้องทำให้สำเร็จจนได้ ไม่ถูกต้อง!
!
ผู้ที่มีคุณธรรมสูงส่ง สำนักกุ่ยกู๋ไม่มีความจำเป็นที่จะใจแคบเช่นนี้!
เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ กู่ผินมองไปยังกู่ปิ่ง พร้อมเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาว่า: “ได้ทำความผิดที่ร้ายแรงไว้แล้ว ยกโทษให้ไม่ได้ นายสติเลอะเลือนจริงๆ เลยนะ เป็นถึงเจ้าสำนักของสำนักกุ่ยกู๋ผู้ทรงเกียรติ กลับถูกความแค้นควบคุมได้ ช่างเป็นคนอกตัญญูจริงๆ เลยนะ!”
กู่ปิ่งขมขื่นอย่างถึงที่สุด อยากจะร้องไห้ครั้นก็ร้องไม่ออก ที่ศิษย์พี่เอ่ยนั้นไม่มีผิด เขากระทำผิดต่อบรรพบุรุษของสำนักกุ่ยกู๋ เป็นถึงเจ้าสำนักของสำนักกุ่ยกู๋ผู้ทรงเกียรติ การที่มีจิตใจเจ้าคิดเจ้าแค้นนั้นไม่ผิด ทว่าใช้ชีวิตจมปลักอยู่กับความแค้นตลอดทั้งชีวิต ทั้งชาตินี้ก็แทบจะไร้ความหวังแล้ว เขาประทับใจอย่างยิ่ง กู่ผินแสดงจุดยืนครั้งแล้วครั้งเล่าโดยไม่สนใจเรื่องนี้ ครั้นกลับเป็นการปกป้องที่ดีที่สุดสำหรับสำนักกุ่ยกู๋!
ตัวเองกระทำผิด ก็ต้องรับกรรมเอง ขอเพียงเขาตาย จึงจะสามารถช่วยเหลือทั้งสำนักกุ่ยกู๋ ปกป้องรากฐานสุดท้ายเอาไว้
“ศิษย์พี่ ผมไม่มีอะไรพูด เรื่องในวันนี้เป็นความผิดของผม ผมไม่ควรที่จะเอาแต่ใจตัวเองเกินไป ไม่ควรที่จะเอาแต่คิดแก้แค้น ฝังใจอยู่แต่การแก้แค้นแบบนี้ ผมมีตาแต่หามีแววไม่ ถูกความแค้นครอบงำสติ จึงได้ไม่สนเรื่องของการขัดต่อศีลธรรมเช่นนี้” กู่ปิ่งเอ่ยพร้อมสะอื้น จากนั้นเอ่ยขึ้นด้วยท่าทางที่ซื่อสัตย์: “ผมหวังว่าหลังจากผมตายไปแล้วท่านจะดูแลเรื่องทุกอย่างของสำนักกุ่ยกู๋แทน กู่ปิ่งต้องขอบคุณด้วย!”
สิ้นเสียง กู่ปิ่งก็ยกมือขึ้นมาตบไปยังศีรษะของตัวเองทันที ความเร็วสูง ทำให้ทุกคนทำอะไรไม่ถูก!
เงียบสงัด!
ความเงียบเข้าครอบงำเป็นเวลาชั่วครู่ ไม่ได้มีเสียงสมองแตกละเอียดออกเหมือนดั่งที่จินตนาการไว้แต่อย่างใด
ทุกคนจึงเรียกสติกลับคืนมาได้อย่างอึ้งๆ และกลับพบว่าฝ่ามือของกู่ปิ่งแนบชิดอยู่กับศีรษะ ไม่สามารถที่จะตบลงได้!
ฟางเหยียนเอ่ยขึ้น ทำลายความเงียบงัน น้ำเสียงเย็นยะเยือกราวกับความหนาวเหน็บของช่วงเวลาที่หนาวที่สุด จนทำให้ผู้คนต้องเนื้อตัวสั่นเทา!
“อยากจะตายไปให้มันสิ้นๆ เรื่อง? ฉันอนุญาตหรือยัง?”
กู่ปิ่งมองฟางเหยียน จากนั้นก็ก้มหน้าลงด้วยความรู้สึกละอายใจ แล้วจึงเอ่ยด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำว่า: “จอมพล ผมทำผิดศีลธรรมเอง จึงได้ทำความผิดที่หนักหนาแบบนี้ ผม…”
“การแสดงคร่ำครวญแบบนี้อย่าเล่นเลย หากอยากตายก็บอกกับฉันมาให้ชัดเจน ความแค้นระหว่างอาจารย์ฉันกับพวกนาย เมื่อก่อนฉันก็เคยบอกไว้ว่าความแค้นของอาจารย์ฉัน ฉันจะรับไว้เอง อีกอย่าง สำนักกุ่ยกู๋และเพลิงเสวนมีความเกี่ยวข้องอะไรกันหรือเปล่า!”
เมื่อได้ยินส่วนหน้า กู่ปิ่งกลับสามารถทนรับฟังได้ ครั้นเมื่อพูดถึงมีความเกี่ยวข้องกับเพลิงเสวน เขาก็สะดุ้งโหยง รีบเอ่ยขึ้นมาทันที: “จอมพล ให้ความกล้าท่วมท้นกับผม ผมก็ไม่กล้าที่จะเป็นสุนัขรับใช้หรอก และไม่มีทางที่จะกลายเป็นคนผิดที่เสียเอกราชและเสียเกียรติภูมิของชาติแน่นอน สำนักกุ่ยกู๋ก็ไม่มีทางที่จะให้สำนักนินจาอื่นๆ ตำหนิอยู่ลับหลังได้ กลายเป็นกบฏของสำนักนินจา พวกเราไม่มีทางกล้าแน่นอน หวังว่าจอมพลจะประจักษ์ในเรื่องนี้ด้วยเถิด”
ฟางเหยียนมีท่าทางสงบนิ่ง จ้องกู่ปิ่งตาเขม็ง
และกู่ผินเอ่ยสมทบต่อว่า: “จอมพล เรื่องนี้ผมสามารถรับประกันได้ สำนักกุ่ยกู๋ไม่มีทางที่จะมีจิตใจเป็นกบฏ แม้ว่าสำนักกุ่ยกู๋จะลึกลับ โลกภายนอกจึงคาดเดาไม่ออกว่าเป็นมิตรหรือศัตรู ทว่าสำนักกุ่ยกู๋กลับไม่เคยมีจิตใจที่เป็นกบฏ ไม่ว่าจะเป็นใคร ก็ไม่มีคนกล้าที่จะกระทำผิดเช่นนี้ลงได้ อีกอย่าง กู่ปิ่งได้ทำผิดมหันต์กับท่านไว้ คนใกล้ตายย่อมพูดความจริงเสมอ”
กู่ผินได้ยืนยันความบริสุทธิ์ให้กับสำนักกุ่ยกู๋แล้ว!
“ใช่แล้วจอมพล ศิษย์พี่ใหญ่พูดไม่มีผิด ไม่ว่าผมจะเป็นเจ้าสำนักของรุ่นนี้ หรือว่าจะเป็นเจ้าสำนักรุ่นก่อนอย่างศิษย์พี่ใหญ่ รวมถึงเจ้าสำนักในรุ่นต่อๆ ไป ก็ไม่มีผู้ใดที่จะกล้าทำเรื่องผิดร้ายแรงเช่นนี้ลงได้ สำนักกุ่ยกู๋คิดเพียงต้องการพัฒนาอย่างมั่นคง ไม่ได้มีเจตนาที่จะขยายใหญ่ขึ้น ยิ่งไม่กล้ากลายเป็นคนผิดในประวัติศาสตร์ เพลิงเสวนไม่เกี่ยวข้องกับพวกเราจริงๆ ใช่ เพลิงเสวนออกตามหาที่อยู่ของพวกเราอย่างกระตือรือร้นอยู่ตลอด ทว่าพวกเขาไม่ได้สมดั่งปรารถนามาโดยตลอด พวกเราไม่มีความข้องเกี่ยวกับเพลิงเสวนเลยแม้แต่น้อยจริงๆ ”
“กำลังจะตายอยู่แล้วยังกล้าเล่นลิ้นอีก!” เทียนขุยเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา: “ไม่เกี่ยวข้องกัน? งั้นหลงเซี่ยวเทียนจากแก๊งเก้ามังกรล่ะ? แล้วก็นาย…” ขณะที่เอ่ยอยู่นั้นเขาก็ชี้ไปยังกู่ผินชายชราตาบอดผู้นั้น เอ่ยว่า: “อายุปูนนี้แล้วพูดจาไม่อายปากเลยนะ พูดโกหกหน้าด้านๆ ? นายกล้าพูดเหรอว่าเรื่องที่หลงเซี่ยวเทียนและลูกชายหายตัวไปไม่เกี่ยวกับนายน่ะ?”
กู่ผินอึ้งไป “รองผู้นำเทียนขุย ท่านพูดอะไรของท่าน ถูกต้อง ผมเห็นหลงเซี่ยวเทียนและลูกชายจริงๆ และค้างมีดให้พวกเขาด้วย แต่ว่าเรื่องหลังจากนี้ผมไม่รู้ด้วย พวกเขาเกี่ยวข้องอะไรกับผมด้วย?”
เทียนขุยเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่ดุดัน: “ถ้าไม่ใช่พวกนายร่วมมือกับเพลิงเสวน ลูกชายของหลงเซี่ยวเทียนจะถูกจับเหรอ? ถ้าไม่ใช่เพราะลูกชายของเขาถูกจับ สำนักกุ่ยกู๋ของพวกนายจะปรากฏตัวออกมาเหรอ? นายบอกฉันมา เรื่องเหล่านี้เกี่ยวกับพวกนายอยู่หรือเปล่า?”
เทียนขุยเอ่ยอย่างมีหลักการ มีเหตุมีผล ทำให้เขาโต้ตอบไม่ได้
หลังจากที่เงียบเป็นเวลาหนึ่งแล้วจึงได้เอ่ยขึ้นมา: “รองผู้นำเทียนขุย ความหมายของท่านคือ สำนักกุ่ยกู๋ของพวกเราร่วมมือกับเพลิงเสวน จับหลงเซี่ยวเทียนและลูกชายไปงั้นเหรอ? แน่นอนว่าผมไม่ได้จะล่วงเกินความหมายของท่าน ผมก็แค่อยากจะสอบถามดูเท่านั้น ตามที่ผมทราบมา หลงเซี่ยวเทียนได้เจอกับท่านจอมพลและท่านเป็นการส่วนตัว และได้มอบเกราะเทพมังกร สมบัติล้ำค่าของแก๊งเก้ามังกรให้ด้วย เพียงประเด็นนี้ เพลิงเสวนจะจับลูกชายของหลงเซี่ยวเทียนก็ไม่สมเหตุสมผลเลยนี่นา? พวกเขาทำเพื่ออะไร? แล้วก็สำนักกุ่ยกู๋ของผม พวกเราจะทำเพื่ออะไรกัน?”
เทียนขุยอึ้งไปชั่วขณะ ไม่รู้ควรจะตอบกลับอย่างไร กู่ผินพูดไม่มีผิด สมบัติล้ำค่าของแก๊งเก้ามังกรอยู่ที่ฟางเหยียนแล้ว เพลิงเสวนจะจับเขาไปทำอะไร?
“รองผู้นำเทียนขุย ผมไม่ได้จะพูดให้คนอื่นลำบากใจนะ แต่ว่าท่านเข้าใจผิดแล้วจริงๆ การค้างดาบเป็นการยอมรับในตัวหลงเซี่ยวเทียนและลูกชาย ไม่ใช่เพื่อช่วยเหลือเพลิงเสวน สำหรับว่าทำไมลูกชายของเขาทำไมหายตัวไป นี่เป็นเรื่องที่สมควรสืบสาวต่อไป! ผมไม่รู้เลยว่ารองผู้นำเทียนขุยทราบมาจากไหนว่าสำนักกุ่ยกู๋ร่วมมือกับเพลิงเสวน ผมก็แค่หวังว่าพวกเราอย่าถูกคนอื่นหลอกใช้เลย”
เทียนขุยขมวดคิ้วแน่นกว่าเดิม ทันใดนั้นก็นึกถึงชิงตี้ขึ้นมา!
เธอเป็นผู้นำข่าวสารมาให้!
หรือว่าจะเป็นแผนลวงที่เธอจงใจวางไว้?
ยิ่งคิด เทียนขุยก็ยิ่งรู้สึกว่าที่กู่ผินเอ่ยนั้นมีเหตุผล อย่างนั้นก็ยอมรับได้!
ชิงตี้บอกว่าหลงเซี่ยวเทียนและลูกชายประสบภัย จากนั้นก็ยมราชสืบสาวเรื่องราวได้ข่าวคราวมา ว่าทั้งสองสำนักร่วมมือกัน พวกเขาจึงยึดมั่นว่าสำนักกุ่ยกู๋ร่วมมือกับเพลิงเสวน การคาดเดานี้มีเหตุมีผล เพราะว่าหลงเซี่ยวเทียนต้องการช่วยเหลือฟางเหยียนในการได้รับสมบัติล้ำค่าของสำนักกุ่ยกู๋มา จากนั้นจึงถูกจับตัวไป ตรรกะสมเหตุสมผล!
“โผ้จวิน พวกเราถูกนังปีศาจนั่นหลอกอีกแล้ว!”