ที่แท้!
กู่ปิ่งและคนอื่น ๆ ทำให้ทหารเกราะทองได้มีชีวิตขึ้นมา แม้จะเรียกทหารเกราะทองออกมาแล้ว แต่ก็ไม่รีบร้อนลงมือต่อสู้ ที่แท้ยังขาดจิตวิญญาณนี่เอง! และจิตวิญญาณนี้ได้มาจากกำลังเบญจธาตุที่ทรงพลังที่สุดในโลก รวมตัวกันกลายเป็นจิตวิญญาณของทหารเกราะทอง!
ทำลายกฎธรรมชาติ น่ากลัวเกินไปแล้ว!
เมื่อทหารเกราะทองก้าวออกมา แรงกดดันที่ปกคลุมทั่วทุกทิศก็เหมือนอุทกภัยที่ร้ายแรงทำลายคันดินกั้นน้ำ จนน้ำไหลทะลักเข้ามา!
ทั่วทุกที่ เต็มไปด้วยความกดดัน เทียนขุยรับแรงกดดันขนาดนี้ไม่ไหวแล้ว เลยรีบไปหลบอยู่ด้านหลังฟางเหยียน แล้วพูดอย่างอกสั่นขวัญแขวนว่า : “จอมพลโผ้จวินครับ ตอนนี้แม่งเจอกับไอ้เวรนี่ ทำไมแต่ละตัวมันถึงได้แข็งแกร่งมากขึ้นเรื่อย ๆ? เหมือนเจอผีเลยจริง ๆ! คุณมั่นใจไหมครับ? หรือแค่ตั้งใจข่มขวัญศัตรู?”
ไม่ตำหนิที่เทียนขุยสงสัยในตัวฟางเหยียน เพราะเดิมทีฟางเหยียนก็มีอาการเจ็บป่วยอยู่แล้ว ร่างกายเจ็บป่วยอย่างนี้ ไม่ดีขึ้นบ้างเลย เมื่อครู่นี้ยังถูกโจมตีกลับอีก เป็นห่วงก็ถือเป็นเรื่องปกติ ถึงแม้เทียนขุยจะเป็นคนไม่อินังขังขอบยังไง แต่สายตาก็ยังดีอยู่
อีกอย่างตอนนี้สถานการณ์ไม่สู้ดีนัก ทหารเกราะทองเดิมทีก็มีฝีมือระดับปรมาจารย์อยู่แล้ว พลังทำลายล้างมากขนาดนี้ เป็นนินจาระดับปรมาจารย์ที่เทียนขุยไม่เคยเห็นมาก่อนเลย เดิมทีไม่หวั่นเกรงอะไร แต่ตอนนี้ ทหารเกราะทองมีจิตวิญญาณขึ้นมาแล้ว พลังเกินระดับปรมาจารย์ไปแล้ว ลมหายใจที่หนักหน่วงอย่างนี้เหมือนใกล้แตะระดับยอดดาวเหนือแล้ว!
หากไม่เป็นกังวลก็คงจะไม่จริง!
ฟางเหยียนยังคงสงบนิ่งไม่แสดงท่าทีใด ๆ พลังของเขายังคงเป็นปริศนา นี่เป็นสิ่งที่ทำให้เทียนกังวลใจ!
ถึงแม้ติดตามฟางเหยียนมานาน แต่เขาไม่เคยรู้ถึงพลังที่แท้จริงของฟางเหยียนเลย ที่เห็นเป็นเพียงแค่ยอดภูเขาน้ำแข็งเท่านั้น ลึกลับน่าสงสัยเหมือนเทพมังกรที่เห็นแต่หัวไม่เห็นหาง ยังไงก็แล้วแต่ฟางเหยียนลงมือเพียงครั้งเดียวเท่านั้น ทุกครั้งลงมือจัดการเหมือนดั่งสายฟ้า จัดการศัตรูอย่างหนักจนอยู่หมัด ทำให้ศัตรูไม่มีแรงได้ต่อสู้กลับ!
แต่ครั้งนี้ เขาไม่มั่นใจเลย!
แต่ดูท่าทางที่สงบนิ่งของฟางเหยียน สีหน้าที่ดูนิ่งเฉย ทำให้เทียนขุยสงสัยขึ้นมา ว่าเขามีความมั่นใจหรือเขาแค่เสแสร้งแกล้งทำ?
“ขอแค่ไม่ใช่พละกำลังที่แท้จริง ก็เป็นแค่เพียงสิ่งลวงตาเท่านั้น พลังระดับนี้ถึงแม้จะน่ากลัวมาก แต่สุดท้ายก็ไม่ใช่ของตัวเอง อีกอย่างทหารเกราะทอง ดูท่าทางเหมือนทรงพลังมาก แต่ก็ไม่มีชีวิตจิตใจ เพราะมันไม่ใช่คน!”
ได้ยินประโยคนี้ เทียนขุยก็โล่งใจขึ้นมา แล้วพึมพำว่า : “ยังดี ที่ยังอยู่ในการควบคุม!”
ทางนี้เพิ่งโล่งใจไปได้เฮือกหนึ่ง แต่ใครจะไปรู้ว่าประโยคถัดไปของฟางเหยียน ทำให้เขารู้สึกเหมือนนั่งรถไฟเหาะ ไม่สามารถสงบสติอารมณ์ได้เลย!
“แต่ได้ยืมใช้พลังฟ้าดินมา จึงไม่สามารถดูถูกพลังนี้ได้ สามารถพูดได้ว่าเขาในตอนนี้ เป็นผู้ที่ไม่มีใครต้านทานได้ มีความมั่นใจเต็มเปี่ยม โอหังอวดดี!”
เทียนขุย : “……? !”
จอมพลโผ้จวินก็พูดเล่นเป็นด้วยเหรอ? พูดครึ่ง ๆ กลาง ๆ ทำร้ายคนถึงตายได้เลยนะ!
เทียนขุยปิดปากเงียบไม่พูดไม่จาอีกต่อไป เขาเห็นตัวเองหายใจไม่ค่อยคล่องแล้ว ในใจก็เหมือนมีก้อนหินก้อนใหญ่กดทับอยู่ นอกจากทหารเกราะทองที่เกินระดับปรมาจารย์แล้ว ยังมีฟางเหยียน ไม่รู้เพราะอะไร เขาถึงได้รู้สึกเหมือนตัวเองเห็นอะไรบางอย่าง จิตสังหารที่ฟางเหยียนแผ่ซ่านออกมาในตอนนี้ ไม่หวาดกลัวทหารเกราะทองแม้แต่น้อย ทั้งยังดูแข็งแกร่งยิ่งกว่าทหารเกราะทองอีกด้วย!
เทียนขุยสำรวจได้ถูกต้อง ฟางเหยียนในตอนนี้ดูตื่นเต้น เหมือนเลือดที่ถูกแช่ไว้นานกำลังเดือดพล่านขึ้นมา หน้าอกเหมือนมีไฟค่อย ๆ ประทุออกมา แผ่ไปทั่วทั้งร่างกาย นินจาดูแวบเดียวก็รู้ว่า กำลังภายในของฟางเหยียนกำลังไหลเวียนไปตามเส้นเลือดและลมปราณ หากไหลเวียนไปทั่วทั้งตัว กำลังภายในนี้ อย่างน้อยแตะระดับปรมาจารย์ได้เลย!
กู่ปิ่งก็เห็นสภาพของร่างกายฟางเหยียนเช่นกัน เขาขมวดคิ้วเป็นปม ไม่รู้ว่าเพราะอะไร เมื่อเห็นตอนที่ฟางเหยียนใช้กำลังภายใน เขารู้สึกว่าเรื่องนี้ไม่ชอบมาพากล ถูกต้อง ก่อนหน้านี้เขาดูไม่ออกว่าฟางเหยียนมีพลังระดับไหน กู่ปิ่งเป็นนินจาระดับปรมาจารย์เชียวนะ มองพลังของฟางเหยียนไม่ออก จะเป็นไปได้ยังไง?
หลังจากที่พลังปราณไหลเวียนทั่วตัว ฟางเหยียนก็ระเบิดกำลังภายในที่แข็งแกร่งออกมา!
ปัง!
ดูเหมือนจะมีอะไรโผล่ออกมาจากพื้น!
ไม่เพียงเท่านี้ เทียนขุยที่เดิมทีดูหดหู่ใจ ตอนนี้ได้เปลี่ยนเป็นสดใสขึ้นมา จุดศูนย์กลางที่ฟางเหยียนยืนอยู่ มีแสงสีทองพุ่งทะยานสู่ท้องฟ้า!
นี่……
กู่ปิ่งอยู่มาสองร้อยกว่าปีแล้ว นี่เป็นครั้งแรกที่ได้เห็นเหตุการณ์แปลกประหลาดอย่างนี้!
“เขา เขาเป็นใครกันแน่?”
หลังจากพึมพำ เขาก็เห็นฟางเหยียนขยับตัว เพียงแต่ยังคงยืนอยู่ที่เดิม มีแค่มือที่ขยับ เห็นเขาพนมมือ แล้วแสงสีทองที่พุ่งสู่ท้องฟ้าได้ตกลงมาอย่างรวดเร็ว ปกคลุมทั่วทั้งตัวเขาในชั่วพริบตา และตอนนี้เอง ก็เกิดฟ้าร้องฟ้าแลบขึ้น ฟ้าร้องคำรามเป็นระลอก ๆ แล้วแสงสีทองก็พุ่งเข้าไปที่ระหว่างคิ้วของฟางเหยียน!
ฟึบ……
เสียงมังกรคำรามดังกึกก้อง ราวกับเป็นเสียงฟ้าผ่าที่ระเบิดกลางใจผู้คน!
พลังยังคงปะทุออกมา กำลังภายในปั่นป่วนปกคลุมทั่วทุกแห่งหน จนปกคลุมพลังของทหารเกราะทอง!
น่ากลัวเกินไปแล้ว!
น่ากลัวอะไรอย่างนี้!
เขาเป็นใครกันแน่?
ไม่รอให้กู่ปิ่งครุ่นคิดอีกต่อไป เขาก็ได้เห็นภาพที่ทำยากจะลืมเลือนได้ในชีวิตนี้!
เห็นเพียงสายฟ้าล้อมรอบ แสงสีทองที่ปกคลุมร่างกาย รวมตัวกันกลายเป็นมังกรยักษ์ตัวหนึ่ง มังกรยักษ์ตัวนี้ส่องแสงเป็นประกาย อ้าปากที่ดุร้ายนั่น ราวกับจะกลืนกินฟ้าดินไม่มีผิด แล้วพลิกตัว พุ่งทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า! ได้ยินเสียงดังสนั่นหวั่นไหว แล้วมังกรยักษ์นั่นก็หายไป กลายเป็นดาบยาวใหญ่ยักษ์เล่มหนึ่ง ดาบยาวถูกมังกรยักษ์พันอยู่โดยรอบ ที่ด้ามจับมีมังกรยักษ์ส่งเสียงร้องคำรามอยู่! ดาบยาวตกลงมาจากท้องฟ้า ระหว่างที่ตกลงมาได้เปลี่ยนเป็นอันเล็กอย่างรวดเร็ว เปล่งประกายสีทองสาดส่องไปทั่วทุกที่ ไม่สนใจสิ่งใดในโลกทั้งนั้น!
ราวกับว่าทั่วทั้งท้องฟ้าไม่สามารถแบกรับพลังนี้ได้ จึงค่อย ๆ กระจัดกระจายออกไป!
เปรี้ยง เปรี้ยง……
เมื่อเสียงดังสนั่นสิ้นสุดลง ฟ้าดินก็เหมือนถูกแยกออกจากกัน!
เพียงแต่นี่ไม่ใช่ฟ้าดินแยกออกจากกัน แต่เป็นค่ายกลที่กู่ปิ่งและคนอื่น ๆ สร้างขึ้นมา ค่อย ๆ สลายหายไปทีละนิดทีละนิด ต้านพลังที่เหนือธรรมชาติแบบนี้ไว้ไม่ไหว!
ขณะที่เทียนขุยกำลังตกใจ จู่ ๆ ด้านหลังก็ปรากฏทางขึ้นมา!
ท้องฟ้าเปลี่ยนไปแล้ว!
นี่เป็นการเปลี่ยนท้องฟ้าที่แท้จริง แม้แต่ฟ้าดินยังต้านทานการโจมตีนี้ไม่ไหว เห็นอย่างนี้กู่ปิ่งถึงกับใจสลาย ไม่มีความมั่นใจเหมือนก่อนหน้านี้ เขารู้สึกไม่สบายใจ ความรู้สึกไม่สบายใจแบบนี้เกิดจากดาบยาวที่มีมังกรยักษ์พันล้อมรอบอยู่ ทำให้ค่อย ๆ เกิดความไม่สบายใจขึ้น!
นี่เป็นวรยุทธเหนือธรรมชาติอะไรกันเนี่ย?
ดาบมังกร!
ดาบมังกรที่สูญหายไปนาน!
นี่เป็นการโจมตีที่แข็งแกร่งที่สุดเป็นครั้งที่สอง ที่ได้ปรากฏให้เห็นหลังจากสงครามสิบก๊ก ครั้งก่อนคือการสู้รบของเต๋ายอดเซียน ณ ภูเขาทิพย์ ตอนนั้นฟางเหยียนมีพลังเพียงหกระดับ ไม่สามารถใช้วิชาเพลิงสวรรค์ได้อย่างเต็มที่ ทำให้ตอนที่ปะทะกับเต๋ายอดเซียน เขาจึงแพ้ไปอย่างเฉียดฉิว! แต่ตอนนี้ พลังของเขาฟื้นฟูถึงระดับเจ็ดแล้ว อย่ามองว่าแค่หนึ่งระดับ เพราะดาบมังกรที่ใช้สามารถทำลายฟ้าดินได้เลย ทำให้คนกลัวจนตัวสั่น!
นี่เป็นการบาดเจ็บหนักเป็นครั้งที่สองหลังจากใช้วิชาเพลิงสวรรค์!
ดังนั้นหนี้ครั้งนี้ แม้ว่าเขาจะต้องบาดเจ็ดอีกแค่ไหน ก็ต้องเอาคืนให้ได้!
ศึกครั้งใหญ่ ค่อย ๆ เปิดฉากขึ้นแล้ว!
คนที่อยู่ในเกมทั้งสองฝ่าย ต่างมีความคิดของตัวเอง ฟางเหยียนยังคงท่าทางสงบนิ่ง คิดหากลยุทธ์ด้วยท่าทีที่นิ่งเฉย แต่เมื่อกู่ปิ่งเห็นฉากนี้ ความไม่สบายใจก็มีมากขึ้นเรื่อย ๆ เขาเกิดความคิดที่จะสลายทหารเกราะทองขึ้นมากะทันหัน และความวู่วามนี้รุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ โดยเฉพาะตอนที่เห็นดาบยาวของฟางเหยียนเข้ามาใกล้มือของเขามากขึ้นเรื่อย ๆ เขาก็คิดอยากทำอะไรขึ้นมา!
แต่ลูกธนูเมื่อขึ้นสายแล้วก็ต้องยิงให้เต็มเหนี่ยว เมื่อแสดงท่าทีออกไปแล้ว ก็ต้องเห็นผลลัพธ์ที่ได้!
สิ่งที่ทำไปแล้วยากที่จะย้อนไปแก้ไข สรุปแล้วฝีมือสู้ไม่ได้หรือฝีมือเท่าเทียมกัน อีกเดี๋ยวก็ได้รู้กัน!
ฟึบ!
ฟางเหยียนใช้มือจับดาบมังกรไว้ วินาทีนั้น พลังของเขาก็เปลี่ยนไป!
เขาในตอนนี้ไม่ใช่คนธรรมดาอีกแล้ว เหมือนเป็นเทพเทวดาไม่มีผิด บุคลิกท่าทางไม่ธรรมดา เพิกเฉยต่อทุกสรรพสิ่ง ดั่งการกลับมาของราชา!
เมื่อหันไปมองทหารเกราะทอง ก็เหมือนเป็นหุ่นไม้ที่เหมือนศพเดินได้ ที่ได้แต่ชักดาบอย่างเอื่อยเฉื่อย แล้วตวัดดาบไปมา!
ใน ในที่สุด จะ จะสู้กันแล้วใช่ไหม?
ทุกคนต่างเพ่งสมาธิกลั้นลมหายใจ ไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่าม!
สุดยอดการประลองครั้งนี้ พบเห็นได้ยากยิ่งนัก!
ฟางเหยียนทำเหมือนไม่เห็นดาบที่ทหารเกราะทองตวัดเข้ามา เขายกมือขึ้นแล้วชี้ไป!
ต่อต้าน!
ปัง!
อานุภาพเกรียงไกร สำนักกุ่ยกู๋ดูเหมือนเริ่มเกิดการสั่นสะเทือน เหมือนภูเขาถล่ม กำลังภายในพัดโหมกระหน่ำจนเกิดพายุทราย เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง พลังทำลายล้างรุนแรง กวาดทำลายทั้งสำนักกุ่ยกู๋ ชั่วพริบตาเดียวพังราบเป็นหน้ากลอง!
น่ากลัวอะไรอย่างนี้!
แค่กระบวนท่าเดียว ฟ้าดินแทบพังทลาย!