บทที่ 10 เรียนรู้ด้วยตนเอง
ช่วงเวลาในการรับประทานอาหารเช้าทำให้ระยะห่างระหว่างจี้เฟิงและถงเล่ย ลดลงมาก แต่ความสัมพันธ์ของพวกเขาทั้งสองก็ไม่ได้เกินเลยไปกว่าคำว่าเพื่อนแต่ยังไม่ถึงกับเป็นเพื่อนที่สนิท
จี้เฟิงรู้ดีว่าที่ถงเล่ยเรียกพวกเขามาที่โรงอาหารเพราะเป็นเวลาอาหารเช้าพอดีและในทางกลับกันเธอคงอยากคุยเรื่องที่เธอได้ยินที่เขาและจางเล่ยคุยเล่นกัน นั่นอาจทำให้เธอเข้าใจผิด คิดว่าเขาคิดอะไรเกินเลยกับเธอ นั่นเป็นเหตุผลที่เขาต้องใช้โอกาสนี้เพื่อที่จะเคลียตัวเองให้ชัดเจน! และพยายามเตือนตัวเองไม่ให้คิดเกี่ยวกับเรื่องนี้อีก!
จี้เฟิงยิ้มอย่างขมขื่น ใจจริงเขาชอบเธอมาสองปีแล้วแต่ชีวิตเขาคงวุ่นวายมากถ้าเขาคิดจะไล่ตามจีบคนระดับถงเล่ยอย่างจริงจัง
อย่างไรก็ตามจี้เฟิงได้ตระหนักในตัวเอง หลังจากที่ได้สัมผัสสิ่งต่างๆที่เขาพบเจอเกี่ยวกับฮูซู่ฮุ่ย จี้เฟิงไม่ได้ทำตามอารมณ์ตนเองเหมือนแต่ก่อน
เมื่อเดินกลับมาที่ห้องเรียน ถงเล่ยยังคงเดินอยู่ข้างหน้าตามมาด้วยจางเล่ยและจี้เฟิง “ไงไอ้บ้า ดอกไม้ประจำโรงเรียนของเราน่ารักสุดยอดไปเลยใช่มั้ย” จางเล่ยกระซิบ “ถ้านายต้องการจะไล่ตามจีบเธอ ฉันจะเป็นหน่วยข่าวกรองให้นายเอง!”
จี้เฟิงส่ายหัวและพูดว่า “นายอย่าสร้างปัญหาเลย เธอกับฉันมันคนละโลกกัน!” จางเล่ยส่ายหัวเล็กน้อยและกล่าวทันที “นายนี่มันเป็นไอ้บ้าสมฉายาเกินไปแล้ว นายไม่ได้ด้อยไปกว่าใคร นายต้องมีความมั่นใจในตัวเองมากกว่านี้ ความอุตสาหะอดทนและความจริงใจของนายมันเหนือกว่าใครหลายๆคน นายมีดีกว่าคนส่วนใหญ่แน่นอน นายสามารถที่จะเป็นแฟนเธอได้ ถ้านายพยายามและมั่นใจสักหน่อย!”
จี้เฟิงส่ายหัวและยิ้ม แต่สายตาของเขาไม่อาจละไปจากด้านหลังของถงเล่ยที่อยู่เดินอยู่ด้านหน้าได้เลย ถึงจะเป็นแค่เพียงด้านหลัง ก็มากพอที่จะทำให้ผู้คนหลงใหลในความสวยงามของเธอเกินกว่าที่ใครจะเทียบได้
ไม่รู้ว่าภายใต้เสื้อเชิ้ตและกระโปรงยีนส์ตัวนั้นจะเป็นยังไง..! ทันทีที่ความคิดนี้แว่บผ่านเข้ามาในสมองของเขา เขาก็ตกใจและแอบโมโหตัวเองที่ไร้ยางอายนึกถึงถงเล่ยแบบนั้นได้ยังไง!
ในใจของจี้เฟิงนั้น ถงเล่ยไม่ต่างจากการมีอยู่จริงของเทพธิดา!
“เฮ้ย! ไอ้บ้าจี้เฟิงนายเลือดกำเดาไหล?!” จางเล่ยมองไปที่จี้เฟิงด้วยความตกใจ และถามด้วยความประหลาดใจ “ไม่ใช่เพราะนายคิดอะไรไม่ดีเกี่ยวกับดอกไม้ประจำโรงเรียนเราเหรอ?”
“จางเล่ย! นายนายพูดอะไรน่ะ?!” ใบหน้าของถงเล่ยแดงเล็กน้อยเธอมองไปที่จางเล่ย แล้วรีบหยิบทิชชู่ยื่นให้จี้เฟิง และถามด้วยความกังวล “จี้เฟิงนายโอเคไหม?”
จี้เฟิงหยิบกระดาษทิชชู่มาเช็ดที่จมูกของเขา ทันใดนั้นเขาก็เห็นเลือดสีแดงบนกระดาษทิชชู่
“ฉันเลือดกำเดาไหลเหรอ?” จี้เฟิงยิ้มแบบเจื่อนๆ เขารู้สึกอับอายภายในใจ
“ฉันไม่เป็นไร เราไปกันเถอะ” จี้เฟิงพยายามทำให้ตัวเองสงบลง แต่ในใจเขาแอบคิดว่า “ถ้าฉันมีความสามารถมองทะลุได้ก็ดีสินะ”
“มาสเตอร์! เพียงแค่ต้องมีสมาธิจะสามารถกระตุ้นกระแสไฟฟ้าชีวภาพและเปิดใช้งานฟังก์ชันมุมมองได้!” จู่ๆก็มีเสียงดังขึ้นในจิตใต้สำนึกของจี้เฟิง เสียงของสมอง!! จี้เฟิงตกใจ
เขาไม่ได้เข้าสู่จิตใต้สำนึกของตัวเอง ทำไมเขาถึงสื่อสารกับสมองหมายเลข 1 ได้ “ครับมาสเตอร์ตราบใดที่คุณมีสมาธิกับมัน!” เสียงของสมองหมายเลข 1 ดังขึ้นอีกครั้ง
ครั้งนี้ในที่สุด จี้เฟิงก็แน่ใจแล้วว่านอกจากจะมีพลัง ความจำระดับเทพแล้ว เขายังความสามารถเกี่ยวกับเรื่องการมองอีก! แม้ว่ามันจะดูเป็นความสามารถที่ไม่โดดเด่นอะไรนัก แต่จี้เฟิงเชื่อว่าความสามารถใดๆที่ไม่ใช่คนธรรมดาจะทำได้ ก็เพียงพอที่จะสร้างปาฏิหาริย์ที่น่าตกใจได้แล้ว!
อย่างไรก็ตามหากความสามารถพิเศษนี้ถูกใช้เพื่อถ้ำมองเท่านั้นมันก็จะเป็นการดูถูกพลังพิเศษนี้มากเกินไป!!
“ในอนาคตหากไม่จำเป็นเขาจะไม่ใช่ฟังก์ชันมุมมองอีกต่อไป!” จี้เฟิงตัดสินใจอย่างลับๆ ยิ่งไปกว่านั้นถ้าการแอบมองกลายเป็นนิสัย มันง่ายมากที่จะทำให้จิตใจของผู้คนมืดมนและบิดเบี้ยว จากนั้นพวกเขาก็จะไม่ใช่คนปกติอีกต่อไป
“ถ้าในอนาคตฉันยังมีค่าพอที่จะคู่ควรกับเธอ ฉันจะไล่ตามเธอให้ทันในภายหลัง เพียงแต่ตอนนี้ฉันยังเป็นแค่เด็กยากจนที่ไม่มีอะไรเลย!” หลังจากพบเจอปัญหาที่คบกับฮูซู่ฮุ่ย ทำให้จี้เฟิงหมดความมั่นใจในการคบหากันของหญิงและชายไปมาก!
เมื่อเห็นว่าจี้เฟิงไม่ได้เป็นอะไรมาก จางเล่ยก็โล่งใจ และทั้งสามคนก็เดินต่อไปยังห้องเรียน ในขณะนั้นพวกเขาไม่ได้รู้เลยว่าที่หน้าต่างของอาคารเรียนมีดวงตาจับจ้องไปที่จี้เฟิงอย่างน่ากลัว
เจ้าของสายตานี้เป็นหนุ่มหล่อตัวสูง ด้วยรูปร่างหน้าตาดังกล่าวจึงไม่แปลกที่จะมีสาวๆหลายคนหลงเสน่ห์อย่างแน่นอน อย่างไรก็ตามดวงตาของหนุ่มหล่อคนนี้เต็มไปด้วยความแค้น!
“จี้เฟิง!! นายกล้ามากที่จะมาฉกฉวยผู้หญิงที่ฉันเพ่งเล็งไว้ ถงเล่ยเป็นผู้หญิงของฉัน!” หนุ่มหล่อคนนี้ไม่ใช่ใครอื่นแต่เป็นหนึ่งในรองหัวหน้าชั้นซูหม่า “ลูกพี่ ไม่ต้องโมโหไป จี้เฟิงเปรียบเหมือนหมามองเครื่องบิน ไม่มีเหตุผลอะไรที่หัวหน้าชั้นของเราต้องไปมองเขา” เด็กผู้ชายที่อยู่ข้างๆเขาพูดอย่างประจบประแจง “นอกจากลูกพี่ก็ไม่มีใครคู่ควรกับดอกไม้ประจำโรงเรียนของเราอีกแล้ว พวกคุณเปรียบได้ดั่งกิ่งทองใบหยก”
ซูหม่าดูใจเย็นลงหลังจากได้ยินคำเยินยอนี้ เขากระซิบบอกกับ เฉินหยาง “นายนั่งข้างหลังจี้เฟิงนี่ หลังจากนี้นายพยายามไปตีสนิทกับเขา พยายามชวนคุย ถ้าได้เรื่องอะไรนายต้องมารายงานฉันทันที แล้วฉันจะดูแลนายอย่างดี!”
“ฉันจัดการเอง ลูกพี่ไม่ต้องห่วง!” เฉินหยางพูดอย่างประจบ “เหอะ! ไอ้เด็กยากจนที่ถูกทิ้ง คิดจะเด็ดดอกฟ้า สงสัยไม่เสียดายชีวิตซะแล้ว!” สีหน้าของซูหม่าแสดงความเย้ยหยันเมื่อมองลงไปที่จี้เฟิงที่กำลังเดินอยู่ข้างล่าง