บทที่ 39 เริ่มออกเดินทาง!
ขณะนั้นถงเล่ยผู้ที่โดดเด่นอยู่ท่ามกลางเหล่านักเรียนก็พูดขึ้นมาว่า “เอาล่ะ ในเมื่อทุกคนมากันครบแล้ว เราก็ออกเดินทางกันเถอะ ไม่อย่างนั้น กว่าจะไปถึงภูเขาหมางซืออากาศมันจะร้อนมาก!”
“โอเค! ไปกันเถอะ”
นักเรียนคนอื่นๆ ตอบอย่างรวดเร็ว พวกเขาไม่กล้าที่จะแสดงความไม่เคารพหรือเมินเฉยต่อถงเล่ย ถึงแม้พวกเขาอาจจะทำเรื่องตลกหรือกล้าที่จะคุยเล่นกับซูหม่าบ้างบางครั้ง แต่ต่างกับถงเล่ยที่พวกเขาทำได้แค่เพียงตอบรับอย่างสงบปากสงบคำ
ถ้าพวกเขารู้ว่าความจริงแล้วจางเล่ย ก็ไม่ได้น่าเกรงขามน้อยไปกว่าถงเล่ยเลย เพราะพวกเขาต่างก็เป็นลูกของถงไค่เต๋อเลขาธิการคณะกรรมการพรรคประจำเขต นึกไม่ออกเลยว่าพวกเขาจะทำตัวกันยังไง?
“เดี๋ยวก่อน!!” จู่ๆ ซูหม่าก็ตะโกนขึ้น เขายิ้มอย่างมีเลศนัยและพูดว่า “ยังมีอีกคนนึงที่ยังมาไม่ถึง รออีกแป๊บนึง”
ซูหม่ามองเข้าไปยังทิศทางของโรงเรียนและทันใดนั้น ดวงตาของเขาก็เบิกกว้างขึ้นเล็กน้อยและพูดขึ้นว่า “มาแล้ว!”
นักเรียนที่อยู่โดยรอบมองตามสายตาของซูหม่าเข้าไปในโรงเรียน และทันใดนั้นก็พบว่า มีผู้หญิงผมยาวสลวยอยู่ในชุดกระโปรงสีขาวกำลังเดินออกมาจากทางมหาวิทยาลัย หญิงสาวคนนี้สวยมาก เมื่อมองจากไกลๆ เธอดูราวกับนางฟ้าที่ลงมาจากสวรรค์!
“อ่า…นั่นอาจารย์เซียวนี่นา!” นักเรียนคนหนึ่งพูดด้วยความแปลกใจ
ผู้หญิงคนนี้ไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นอาจารย์สาวคนสวยที่สอนภาษาอังกฤษคนใหม่ของชั้นม.ปลายปี 3 เซียวหยูซวน
(#ผู้แปล: ที่เห็นเซียวหยูซวนเดินออกมาจากมหาวิทยาลัยเพราะโรงเรียนและที่พักอาจารย์ตั้งอยู่ในเขตของมหาวิทยาลัยอีกทีค่ะ)
จี้เฟิงอดไม่ได้ที่จะตกตะลึงเมื่อเขามองไปที่เซียวหยูซวน หญิงสาวที่สวยงามและมีเสน่ห์ เขาอดไม่ได้ที่จะส่ายหัวและยิ้ม ไม่น่าแปลกใจที่ซูหม่าจะดูภาคภูมิใจมาก ผู้หญิงที่สวยงามขนาดนี้ฉันกลัวว่าจะไม่มีนักเรียนชายคนไหนมองเธอในฐานะอาจารย์จริงๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับคนอย่างซูหม่า
ดูเหมือนว่าความคิดของซูหม่าก็ไม่เลว เมื่อพิจารณาจากความคุ้มค่าที่สามารถพาเซียวหยูซวนให้ไปเที่ยวด้วยกันได้!
จี้เฟิงไม่รู้ว่าตัวเขาเองคิดอย่างไรกับพี่สาวแสนสวยคนนี้ที่พบกันเพราะอุบัติเหตุ แต่จนถึงตอนนี้แม้ว่าเขาจะมีความคิดใดๆ ก็ตาม แต่เขาจะไม่มีทางเผยมันออกไปอย่างแน่นอน
ดังนั้นเมื่อเซียวหยูซวนเดินใกล้เข้ามา จี้เฟิงก็ได้แต่พูดทักทายไปเบาๆ “สวัสดีครับอาจารย์เซียว”
“ขอโทษนะที่ฉันมาสาย!” เซียวหยูซวนพูดพร้อมกับมีรอยยิ้มน้อยปรากฏบนใบหน้าของเธอ แต่เธอก็ไม่สามารถซ่อนความงามที่ไม่เหมือนใครของเธอได้ แม้แต่สายตาของเธอที่จ้องมองมาก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้ผู้คนตื่นเต้น!
ดวงตาของซูหม่าสว่างวาบขึ้นและเกิดประกายแวววาวในดวงตาของเขาทันที เขายิ้มอย่างมีเลศนัย “คุณครูเซียว วันนี้คุณสวยมากเลยนะครับ!” เซียวหยูซวนยิ้มให้เล็กน้อยโดยไม่ได้พูดอะไร
“เมื่อทุกคนมากันครบแล้ว เราก็ออกเดินทางกันเถอะ!” ซูหม่าตะโกนด้วยเสียงอันดัง จากนั้นเขาก็หันไปมอง เซียวหยูซวนอีกครั้งและพูดว่า “อาจารย์เซียวครับ เราไปกันเถอะ!”
เซียวหยูซวนพยักหน้าและมองไปทางจี้เฟิงกำลังยืนอยู่ด้านข้างของกลุ่มนักเรียน เขามีสีหน้าที่ดูไม่ค่อยร่าเริงนัก
เซียวหยูซวนขมวดคิ้วอย่างเป็นกังวลและอดไม่ได้ที่จะถาม “จี้เฟิงเธอมีเรื่องอะไรไม่สบายใจอยู่หรือเปล่า?”
จี้เฟิงส่ายหัวเล็กน้อยและยิ้มบางๆ “ไม่มีอะไรครับ เราไปกันเถอะอาจารย์เซียว” จี้เฟิงเดินนำหน้าไปเล็กน้อย
“น้องชาย!” เซียวหยูซวนเผลอตะโกนเรียก เธอหันไปมองรอบๆทันที เมื่อเห็นว่ารอบข้างไม่มีใครทันสังเกต เธอจึงเข้าไปกระซิบข้างๆ หูของจี้เฟิง “น้องชายนายจะไม่บอกพี่สาวคนนี้จริงๆเหรอ ว่ามีปัญหาอะไรสีหน้านายดูไม่ค่อยดีเลยนะ!”
จี้เฟิงยิ้มนิดๆและพูดว่า “นั่นเป็นเพราะผมแค่นอนไม่ค่อยหลับเฉยๆ น่ะ ฮะฮะ ว่าแต่พี่สาว…ตอนนี้พี่อยู่ใกล้ผมมากเลยนะ คนอื่นๆ กำลังจ้องมาที่พี่สาวเต็มเลย!”
เซียวหยูซวนตกใจและรีบหันไปมองรอบๆทันทีโดยไม่รู้ตัว แต่เธอก็ต้องพบว่าไม่มีใครให้ความสนใจเธออย่างที่จี้เฟิงบอก เธอรู้ทันทีว่าเธอถูกหลอก เธออดไม่ได้ที่จะยื่นหน้าขาวๆ เข้าไปใกล้จี้เฟิงอีกครั้งและกระซิบ “น้องชาย! นายแสบมากนะ ระวังตัวไว้เถอะ!”
จี้เฟิงยิ้มโดยไม่ได้พูดอะไรออกมา
จู่ๆ เซียวหยูซวนก็นึกถึงคืนที่เธอได้พบกับจี้เฟิงเป็นครั้งแรกขึ้นมา ฉากเร่าร้อนและบรรยากาศที่คลุมเครือในห้องของเธอเมื่อตอนนั้น ทำให้เธอหน้าแดงขึ้นมาอย่างกะทันหัน แต่นั่นทำให้ใบหน้าของเธอกลับดูมีเสน่ห์น่าหลงใหลมากยิ่งขึ้น!
จางเล่ยที่เดินตามหลังทั้งสองคนอยู่ไม่ไกล จงใจรักษาระยะห่างให้ไกลพอที่ทั้งสองจะไม่ทันสังเกตเห็น แต่ก็ใกล้พอที่จะเห็นใบหน้าแดงระเรื่อที่แก้มขาวนวลทั้งสองข้างของเซียวหยูซวนที่อยู่ๆ ก็ปรากฏขึ้นหลังจากกระซิบกระซาบคุยกับจี้เฟิง มันทำให้เขาอดไม่ได้ที่จะตกตะลึงและพึมพำกับตัวเอง “ไอ้บ้านี่ มันร้ายนัก มันแอบไปสนิทสนมกับอาจารย์ภาษาอังกฤษคนสวยตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ทำไมฉันไม่เห็นรู้?”
ในขณะที่เขาพูดพึมพำกับตัวเอง เขาก็อดไม่ได้ที่จะส่ายหัวและเหลือบมองไปทางถงเล่ยที่กำลังเดินอยู่กับกลุ่มของเด็กผู้หญิงคนอื่นๆ เขาพูดได้แต่บ่นในใจว่า “ระหว่างเด็กสาวแสนสวยกับหญิงสาวที่เต็มไปด้วยเสน่ห์ นายจะพัฒนาความสัมพันธ์กับใครได้แค่ไหน ก็คงขึ้นอยู่กับพรหมลิขิต…”
ไม่มีใครทันได้สังเกตว่า ซูหม่าที่เดินอยู่ข้างหน้าในตอนนี้นั้นมีสีหน้าที่มืดมนขนาดไหน
“ไอ้เลวจี้เฟิง มึง..!!” ซูหม่ากัดฟันกรอด ในตอนนี้หัวใจเขาเต็มไปด้วยความแค้น
เป้าหมายของซูหม่า คือการได้ถงเล่ยมาครอบครอง เพราะมันจะเป็นเรื่องดีสำหรับทั้งสองครอบครัว และมันก็จะมีประโยชน์อย่างมากในการทำธุรกิจของครอบครัวเขา
อย่างไรก็ตามซูหม่ามีความคิดในเชิงที่ว่า “ธงสีแดงที่บ้านยังไม่ล้มลง ธงหลากสีกระพือปีกอยู่ข้างนอก”
(คำอธิบายเสริม: ธงสีแดง=ภรรยา ธงหลากสี=เมียน้อย กระพือปีกอยู่ข้างนอกเปรียบได้กับการไปมีเมียน้อยอยู่ข้างนอกเมียหลวงไม่รู้หรือต่อให้รู้ก็สามารถจัดการได้อย่างดีจนไม่มีปัญหากระทบต่อชีวิตครอบครัว)
ยิ่งเมื่อต้องเผชิญกับความงามอย่างเซียวหยูซวน เกรงว่าจะไม่มีใครใจแข็งพอที่จะทำเป็นนิ่งเฉยอยู่ได้ กับซูหม่าก็ไม่มีข้อยกเว้น ดังนั้นตั้งแต่แวบแรกที่เขาเห็นเซียวหยูซวน ซูหม่าก็มีความปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะพัฒนาความสัมพันธ์กับเซียวหยูซวนให้ได้… แน่นอนว่านอกเหนือจากสถานะของครูและนักเรียน และมันจะดีมากหากเขาสามารถพัฒนาความสัมพันธ์ในครั้งนี้จนถึงขั้นได้จูบกับเซียวหยูซวน
เพื่อจุดประสงค์นี้ ซูหม่าจึงได้เชิญชวนเซียวหยูซวนมาร่วมกิจกรรมนอกสถานที่ในครั้งนี้ด้วย
แต่เมื่อเขาเห็นเซียวหยูซวนและจี้เฟิงได้แอบกระซิบคุยกันอย่างเงียบๆ หัวใจของซูหม่าก็เต็มไปด้วยความหึงหวงและโกรธแค้น
ไอ้เด็กยากจนไร้ประโยชน์คนนี้สามารถเชยชมความงามที่น่าทึ่งทั้งของถงเล่ยและเซียวหยูซวนที่เขาเพ่งเล็งไว้ อย่างใกล้ชิด!
“ไอ้จี้เฟิง! ทีแรกกูกะไว้แค่ว่า จะทำให้มึงได้อับอายเพียงเล็กน้อยเท่านั้น แต่ตอนนี้มึงอย่าได้มานึกเสียใจทีหลังในสิ่งที่มึงทำกับกูก็แล้วกัน!!!”
ดวงตาของซูหม่าเหลือบมองไปที่จี้เฟิงอย่างอาฆาตแค้น สีหน้าของซูหม่าตอนนี้ดูโหดเหี้ยมอย่างน่ากลัวและมีรอยยิ้มที่ดูเยือกเย็น
……จบบทที่ 39~