บทที่ 19 อาจารย์คนใหม่ 3
“เล่ยซือ ขอบคุณ!” จี้เฟิงตบไหล่จางเล่ย
จางเล่ยส่ายหัวเล็กน้อยและพูดว่า “เฮ้ย เจ้าบ้า นายพูดสุภาพกับฉันเป็นด้วยเหรอเนี่ย?”
จี้เฟิงส่ายหัวและยิ้ม “งั้นผมไม่คุยกับคุณแล้วดีกว่าคุณผู้ชาย ผมกลับก่อนล่ะนะ!”
“จี้เฟิง!”
ทันใดนั้นเสียงที่ชัดเจนไพเราะก็ดังขึ้น เสียงนี้เหมือนเสียงที่ถูกสร้างโดยธรรมชาติที่พอฟังแล้วทำให้ผู้คนรู้สึกผ่อนคลายสบายใจ (ปานนั้น-.-) เจ้าของเสียงนี้ไม่ใช่ใคร แต่คือถงเล่ย ดอกไม้ประจำโรงเรียนนั่นเอง
เมื่อเห็นถงเล่ย สีหน้าของจางเล่ยก็เปลี่ยนไปในทันทีเขารีบพูดว่า “เอ่อ..ฉันมีอะไรต้องไปทำเหมือนกัน ไปก่อนนะ!”
ฟึ่บ..บ~!!
ก่อนที่จี้เฟิงและถงเล่ยจะมีปฏิกิริยาใดๆ จางเล่ยก็เหมือนได้หายตัวไปจากตรงนั้นอย่างรวดเร็ว จี้เฟิงถึงกับตกตะลึงในความว่องไวของเพื่อน.. จางเล่ยสุดโหดคนเมื่อกี้ไปไหนแล้วฟร๊ะ!
“พี่ชายคนนี้นี่…” ถงเล่ยพึมพำเบาๆขณะที่มองตามหลังไวๆของจางเล่ยที่วิ่งหนีไป เธอส่ายหัวและหันมาหาจี้เฟิง เธอถามจี้เฟิงว่า “จี้เฟิงนายคุยอะไรกับซูหม่าเหรอ มีปัญหาอะไรกันหรือเปล่า?”
“ไม่มีอะไรหรอก แค่คุยกันเฉยๆ” จี้เฟิงยิ้มเล็กน้อย เขาไม่ต้องการให้ถงเล่ยรู้ เพราะเขามีความภาคภูมิใจในตนเองเล็กน้อยเท่านั้น จางเล่ยช่วยเขาได้มาก แต่ถ้าถงเล่ยรู้เธอจะต้องไปหาซูหม่าเพื่อคิดบัญชีอย่างแน่นอน แต่จี้เฟิงไม่ต้องการให้ผู้หญิงมาปกป้องตนเอง
“ไม่มีอะไรจริงๆเหรอ?” เสียงของถงเล่ยเต็มไปด้วยความสงสัย “พี่ชายฉัน… นิสัยของจางเล่ยน่ะ ฉันพอจะรู้มาบ้าง เขาไม่ไปหาซูหม่าโดยไม่มีเหตุผลหรอก แล้วซูหม่าก็เหมือนจะเคยเรียกนายไปคุยก่อนหน้านั้นไม่ใช่หรือ?”
จี้เฟิงไม่ได้ยินคำพูดของถงเล่ย.. เพราะความสนใจของเขาถูกดึงดูดตั้งแต่ประโยคแรกที่ถงเล่ยพูด
“หัวหน้าชั้น เหมือนเธอเพิ่งพูดว่าจางเล่ย…เป็นพี่ชายของคุณ?” จี้เฟิงถามด้วยความประหลาดใจ
ทันใดหน้าสีหน้าของถงเล่ยก็เปลี่ยนไปเล็กน้อยเธอส่ายหัวและพูดว่า “จี้เฟิงอย่าเพิ่งเข้าใจฉันผิดฉันแค่…”
“เขาเป็นพี่ชายเธอไม่ใช่เหรอ” จี้เฟิงขัดจังหวะเธอ “ไม่น่าแปลกใจว่าทำไม ซูหม่าดูกลัวจางเล่ยนัก ไอ้บ้าจางเล่ยมาหลอกฉันได้!”
ถงเล่ยพูดอย่างร้อนลน “จี้เฟิงใจเย็นก่อน นายอย่าโกรธพี่ชายฉันเลย พวกเราไม่ได้ตั้งใจที่จะหลอกนาย!”
ฮ่าฮ่าๆ! จี้เฟิงหัวเราะ “ทำไมฉันต้องโกรธด้วยล่ะ ดีซะอีกที่มีเจ้าชายแห่งหมางซือเป็นพี่ชายของฉัน อืม…ไม่เลวแฮะ!”
“อะไร? ใครเป็นเจ้าชาย เขาเป็นแค่คนโง่!” ปากเล็กๆของถงเล่ยเม้มเล็กน้อยแล้วหัวเราะเบาๆ “จี้เฟิงนายไม่โกรธจริงๆเหรอ?”
“ทุกคนต่างก็มีเรื่องส่วนตัวกันทั้งนั้น บางคนอาจจะสามารถแบ่งปันกับคนอื่นได้ แต่บางคนก็มีเรื่องที่ไม่สามารถบอกใครได้เช่นกัน ฉันเองก็มีเรื่องที่ไม่สามารถบอกใครได้ มันเป็นเรื่องปกติธรรมดา” จี้เฟิงพยักหน้าและกล่าวอย่างแน่วแน่จริงจัง
“ที่นายพูดก็มีเหตุผล!” ถงเล่ยกล่าวด้วยความชื่นชม
จี้เฟิงยิ้มและกล่าวว่า “มันไม่ใช่เหตุผลซะทีเดียวหรอก แต่มันเป็นเพราะฉันมีประสบการณ์มากขึ้นและได้เห็นสิ่งต่างๆมากขึ้นเท่านั้นเอง”
เมื่อมองไปที่รอยยิ้มที่เรียบง่ายของจี้เฟิง ถงเล่ยดูเหมือนจะเห็นความผันผวนของชีวิตจากสายตาของจี้เฟิง เธออดไม่ได้ที่จะรู้สึกแปลกใจ นักเรียนมัธยมปลายอายุน้อยกว่า 20 ปีคนนี้ จะดูเหมือนคนที่ชีวิตผ่านร้อนผ่านหนาวมาขนาดนี้ได้อย่างไร?
“หัวหน้าชั้นเธอมีอะไรอีกหรือเปล่า” จี้เฟิงถามเพราะอยู่ดีๆถงเล่ยก็เงียบไป
ถงเล่ยยิ้มและส่ายหัว ดวงตาที่แวววาวน่าค้นหาเต็มไปด้วยรอยยิ้มทำให้จี้เฟิงอดไม่ได้ที่จะจ้องมอง
……………
หัวใจที่เต้นรัวของจี้เฟิงแทบจะไม่สงบลงจนกระทั่งเขาเดินออกจากโรงเรียน แต่เมื่อนึกถึงรอยยิ้มของถงเล่ยเมื่อตอนคุยกันที่โรงอาหารครั้งแรกหัวใจของเขาก็หล่นวูบ
“จี้เฟิง นายไม่ควรที่จะเพ้อเจอหรือสนใจเรื่องอื่นในเวลานี้ สิ่งที่สำคัญที่สุดของนายในตอนนี้ คือการตั้งใจเรียนให้ดีที่สุด นายจะได้พึ่งพาตัวเองได้ในอนาคต!”
“ถงเล่ย เธอคือคนที่เหมือนอยู่กันคนละโลกกับฉัน ฉันต้องไม่คิดเรื่องเธออีก” จี้เฟิงพึมพำกับตัวเอง
แม้ว่าเขาจะบอกกับตัวเองว่าเขาจะไม่คิดถึงเธออีก แต่หัวใจของจี้เฟิง ก็ยังอดไม่ได้ที่จะนึกถึงรอยยิ้มของถงเล่ย โดยเฉพาะเรือนร่างอันเย้ายวนของเธอ ในเช้าวันนั้นที่เขามองเธอด้วยความสามารถด้านการมองทะลุ มันยิ่งทำให้เขาไม่สามารถลืมได้ [[อยู่ในตอนที่ 10 ที่แอบมองจนเลือดกำเดาไหล พระเอกชั้น หื่นจริง ! (¯―¯٥) ]]
จี้เฟิงเดินไปอย่างคนไร้วิญญาณ เขาส่ายหัวอย่างเร็วเรียกสติกลับมาและยิ้มอย่างฝืดๆ แล้วพูดในใจ : “ไม่ว่าถงเล่ยจะหุ่นดี หน้าได้รูป เอวก็เล็ก สะโพกก็ผาย..หรือสวยงามแค่ไหน… แต่ตอนนี้มันไม่ใช่เวลาที่เขาต้องสนใจ
เขาทำได้แค่เพียงเก็บเธอไว้ในใจ และรอวันที่เขาแข็งแกร่งและมั่นใจว่าจะสามารถเทียบเคียงถงเล่ยได้ เมื่อถึงวันนั้น…”
ในขณะที่เขากำลังคิดเพลินๆ จี้เฟิงที่จู่ๆก็เหมือนสัมผัสโดนวัตถุนิ่มๆ เขาสะดุ้งและได้ยินเสียงร้อง
“อ๊ะ!”
“ใครน่ะ!” จี้เฟิงรู้สึกกลัวขึ้นมาทันที เขาเดินถอยหลังไปสองก้าว สิ่งแรกที่เขานึกถึงคือพวกของซูหม่า เนื่องจากท้องฟ้ามืดเกินไปและถนนก็ไม่มีไฟ จี้เฟิงจึงมองไม่เห็นสิ่งที่อยู่ตรงหน้าได้ชัดนัก เขาทำได้เพียงค่อยๆก้าวถอยหลังอย่างระมัดระวัง
“โอ๊ยย! ฉันเจ็บนะ!” เสียงที่นุ่มนวลแผ่วเบาดังเข้ามาในหูของจี้เฟิง
เสียงผู้หญิง?!
จี้เฟิงก้าวไปข้างหน้าสองก้าวด้วยความสับสน เขาเห็นเพียงร่างที่อยู่บนพื้นสั่น เขาถามอย่างลังเล “คุณ.. ผู้หญิงเหรอ?”
ทันทีที่เขาพูดจบ เขารู้สึกว่าเขากำลังพูดเรื่องไร้สาระ หลังจากที่ได้ยินเสียงเขาก็รู้ได้ว่าเงาร่างนั้นน่าจะเป็นผู้หญิง
“คุณเป็นใคร?!” ร่างนั้นพูดอย่างลังเลและน้ำเสียงยังคงสั่นเครือ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะความกลัวหรืออะไร
จี้เฟิงเกาหัวตัวเองและพูดอย่างขัดเขิน “เอ่อ..ผมชื่อจี้เฟิง ผมเป็นนักเรียน ผมต้องขอโทษด้วยที่เดินไม่ระวังจนชนคุณ คุณโอเคไหม?”
“เฮ้อ~”
“เท้าฉันเจ็บมากจนลุกไม่ไหว ขอมือหน่อยได้ไหม?” เจ้าของเสียงนุ่มนั้นอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจอย่างโล่งอก เมื่อได้ยินว่าจี้เฟิงเป็นนักเรียน
“โอ้ ไม่มีปัญหา มันคือสิ่งที่ผมควรทำ!” จี้เฟิงพยักหน้าทันทีและหญิงสาวก็ถูกดึงมือลุกขึ้นในความมืด เธอขยับมาข้างหน้าสองก้าว
หญิงสาวรู้สึกหนาวสั่นเล็กน้อยและดูเหมือนว่าเธอจะเจ็บมาก จี้เฟิงอดไม่ได้ที่จะพูดว่า “ให้ผมไปส่งคุณที่โรงพยาบาลไหมครับ ดูเหมือนคุณจะเจ็บมาก!”
“ไม่ต้องๆ ไม่เป็นไร ฉันแค่เท้าแพลง นั่งพักสักแป๊ป” หญิงสาวรีบพูด
“ว่าแต่เธอพอจะช่วยไปส่งฉันที่โรงเรียนมัธยมปลายข้างหน้านี้หน่อยได้ไหม เธอเป็นนักเรียนของที่นั่นหรือเปล่า?”
“ผมเป็นนักเรียนที่นั่น เดี๋ยวผมพาคุณไปส่งทันที!” จี้เฟิงพยุงหญิงสาวแล้วเดินไปที่โรงเรียนมัธยมปลายหมางซือวิทยาเขตที่สอง
จี้เฟิงเต็มใจที่จะช่วยเหลือหญิงสาวเป็นที่สุด เพราะว่าเธอนั้นมีกลิ่นหอมทำให้เขารู้สึกสดชื่นอย่างน่าหลงใหล ด้วยเสียงที่อ่อนนุ่มและกลิ่นหอมอ่อนๆนี้ ทำให้จี้เฟิงรู้สึกกระสับกระส่าย
จี้เฟิงส่ายหัวและโยนความคิดไปในทางนั้นทิ้งไป จี้เฟิงระงับความคิดเจ้าเล่ห์ในใจและตั้งสมาธิอยู่กับการช่วยเหลือหญิงสาวที่เดินอยู่ข้างๆเขาในตอนนี้
ในไม่ช้าทั้งสองก็มาถึงประตูโรงเรียนภายใต้การส่องสว่างของโคมไฟหน้าประตูโรงเรียน จี้เฟิงสามารถมองเห็นรูปลักษณ์ของหญิงสาวที่อยู่ข้างๆเขาได้อย่างชัดเจน
ตะลึง!!!
นี่เป็นความรู้สึกแรกของจี้เฟิง
หญิงสาวคนนี้อายุประมาณยี่สิบปี เธอมีรูปร่างที่อวบแต่สูง และดวงตาคู่สวยที่สวยมีเสน่ห์ แววตาของเธอกำลังสะท้อนกับพระจันทร์ที่ส่องแสงบนท้องฟ้ายามค่ำคืนสว่างไสว
หญิงสาวสวมชุดสีขาวแขนดอกบัวทั้งสองข้าง ลำคอขาวราวกับหิมะนั้นดูบอบบางเรียบเนียน แต่สิ่งที่ดึงดูดใจและสายตาของจี้เฟิงมากที่สุดคือ รูปร่างที่มีเสน่ห์ในแบบผู้ใหญ่ของเธอซึ่งทำให้ผู้คนหลงใหล…
……จบบทที่ 19~