บทที่ 57 แรงจูงใจ
จี้เฟิงพูดว่า “แน่นอนฉันเชื่อในการมองคนของนาย แล้วในสายตาของนาย แฟนของอาจารย์เซียวเป็นคนยังไงล่ะ?”
จางเล่ยพยักหน้าแล้วตอบว่า “ตามความคิดของฉัน แม้ว่าภายนอกผู้ชายคนนี้จะดูเป็นสุภาพบุรุษ แต่สายตาของเขาที่มองอาจารย์เซียวสามารถเห็นได้ชัดถึงความโลภหรือต้องการอะไรบางอย่างที่ไม่บริสุทธิ์ใจซ่อนอยู่ในแววตาของเขา แต่ระดับฉันแล้ว มองเพียงแวบเดียวฉันก็รู้เลยว่า ผู้ชายคนมีเป้าหมายอยู่ที่อาจารย์เซียวอย่างไม่ชอบมาพากล!”
“อ่า..ฉันเกรงว่าคงไม่มีผู้ชายคนไหน เมื่อได้ใกล้ชิดสนิทสนมกับผู้หญิงที่สวยอย่างอาจารย์เซียวแล้วจะไม่คิดเรื่องพวกนั้นเสียมากกว่า..” จี้เฟิงพูดด้วยน้ำเสียงสงบนิ่ง แต่มือของเขากลับกำแน่น
“ไอ้เจ้าบ้าเอ๊ย!” จางเล่ยพูดอย่างช่วยไม่ได้ “นายเข้าใจสิ่งที่ฉันกำลังจะสื่อหรือเปล่า ฉันรู้ว่ามันเป็นเรื่องปกติถ้าผู้ชายจะชอบผู้หญิงสวยๆ แต่มันต้องไม่ใช่สายตาที่ดูละโมบจนเกินพอดีแบบนั้น ผู้ชายของอาจารย์เซียวคนนั้นต้องมีอะไรที่ไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน บางทีเขาอาจจะเป็นอันตรายกับอาจารย์เซียวก็ได้!”
สีหน้าของจี้เฟิงดูตึงเครียดขึ้น แต่หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็ส่ายหัวอย่างท้อแท้และพูดว่า “ต่อให้เรารู้ แล้วเราไปบอกอาจารย์เซียวว่าแฟนของเธอหรือคนที่เธอกำลังชอบอยู่เป็นคนไม่ดี คิดว่าเธอจะเชื่อไหม เธอจะหาว่าพวกเรายุ่งไม่เข้าเรื่องซะมากกว่า?!”
“แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้น ฉันก็ต้องบอกอาจารย์เซียวอยู่ดี” จางเล่ยขมวดคิ้ว “ในเมื่อฉันรู้เรื่องนี้อยู่แก่ใจ แล้วจะให้ฉันเพิกเฉยไปแบบนี้ได้ยังไง อย่างน้อยเธอก็เป็นอาจารย์ของเราไม่ใช่เหรอ ไม่งั้นพวกเราก็ไม่ต่างอะไรกับคนไม่ดีหากปล่อยให้เธอพบกับอันตราย ทั้งๆที่พวกเรารู้กันอยู่ก่อนแล้ว”
จี้เฟิงกำลังจมอยู่กับความคิดของตัวเอง อาจารย์เซียวมีแฟนแล้วหรืออย่างน้อยๆเธอก็กำลังมองหาแฟนอยู่ เขารู้สึกราวกับว่า มีสิ่งสำคัญในใจของเขาได้หายไป ความเจ็บปวดที่อธิบายไม่ได้ ทำให้เขาไม่อยากจะพูดอะไรสักคำในตอนนี้ เขาอยากจะหาที่เงียบๆที่ไม่มีใครจะมากวนใจเขาได้อีก
มันเกิดอะไรขึ้นกับฉัน? จี้เฟิงไม่เข้าใจตัวเองอย่างมากในตอนนี้ เขายังคิดกับเซียวหยูซวนในฐานะอาจารย์อยู่ใช่ไหม…
จี้เฟิงตัดสินใจที่จะไม่คิดเรื่องนี้อีกต่อไป เขากลัวผลลัพธ์ที่ออกมาจะทำให้เขากลัว แต่เขาก็ไม่สามารถหลีกหนีความรู้สึกที่แท้จริงในใจได้ ไม่ต้องสงสัยเลยว่า แม้ว่าเขาจะรู้จักกับอาจารย์เซียวหยูซวนได้ไม่ถึงครึ่งเดือน แต่หลังจากที่เขาได้พบกับเธอ เขาก็… ชอบเธอ? ฉันชอบเซียวหยูซวน!
เมื่อนึกถึงฉากที่คลุมเครือในอะพาร์ตเมนต์ของเซียวหยูซวน เขาก็รู้สึกตัวทันทีว่าเขานั้นไร้ยางอาย เห็นได้ชัดว่าเขามีความรู้สึกชอบถงเล่ยอยู่แล้ว เขาจะไปชอบเซียวหยูซวนได้อย่างไร?
หรือแท้จริงแล้วเขาจะเป็นคนแบบ..รักพี่เสียดายน้อง?
อย่างไรก็ตามถงเล่ยนั้นเป็นเด็กสาวที่สวยแบบบริสุทธิ์น่าทะนุถนอมสมวัย ส่วนเซียวหยูซวนนั้นสวยแบบมีเสน่ห์น่าหลงใหล แล้วจะมีผู้ชายคนไหนล่ะที่จะไม่ชอบ?
จี้เฟิงส่ายหัวเลิกคิดเรื่องที่ซับซ้อนเหล่านี้ เพราะเขารู้ว่า ไม่ว่าจะเป็นถงเล่ยหรือเซียวหยูซวน เขาก็สามารถแอบชอบพวกเธอได้แค่เพียงในใจ เพราะระหว่างเขากับพวกเธอนั้นมีช่องว่างขนาดใหญ่ที่ไม่สามารถหาอะไรมาเติมเต็มได้ในตอนนี้
เพราะปัจจุบันเขาเองเป็นเพียงเด็กยากจนไม่มีพลังอำนาจไม่ว่าจะเรื่องไหนเขาก็ไม่สามารถทำให้คนที่เขาคบด้วยมีความสุขสบายได้เลย
ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อคุณได้คบหากับใครสักคนอยู่ แต่ในใจก็ยังคงชอบอีกคนไปพร้อมๆกัน มันคงเป็นเรื่องที่ไม่ดีนัก
แต่อย่างไรก็ตามดูเหมือนว่าจะมีอีกเสียงโผล่ขึ้นมาในใจและบอกกับเขาว่า “นายจะกลัวอะไร ถ้านายชอบใครก็แค่ไล่ตามเขาให้ทัน นายมีความสามารถของสมองอัจฉริยะ ตราบใดที่นายตั้งใจฝึกฝนและตั้งใจให้มากขึ้น ไม่ว่ายังไงความสำเร็จก็ต้องเกิดขึ้นแน่นอน แล้วทำไมจะเป็นไปไม่ได้ที่จะได้คบกับคนที่ตัวเองชอบ?!”
เมื่อจางเล่ยมองไปที่ใบหน้าของจี้เฟิง เขาคิดว่าจี้เฟิงก็รู้สึกโกรธเช่นเดียวกัน เขาพูดว่า “เจ้าบ้า นายอย่าเพิ่งคิดมาก ฉันอาจจะดูผิดก็ได้ เดี๋ยวฉันลองหาข้อมูลของผู้ชายคนนี้ให้แน่ชัดกันก่อน แล้วเราค่อยตัดสินใจกันภายหลัง นายคิดว่าไง?”
จี้เฟิงหยุดคิดเรื่องในหัว เขาหันไปมองจางเล่ยแล้วพยักหน้าเล็กน้อย “ไม่มีปัญหา!”
“ฮ่าฮ่า มันต้องแบบนี้สิเพื่อนรัก!” จางเล่ยหัวเราะอย่างมีความสุข เขาตบไหล่จี้เฟิงแล้วพูดว่า “ฉันจะเป็นคนออกสืบสวนเรื่องนี้เอง แต่ก่อนหน้านั้น นายต้องไปหาชื่อแฟนของอาจารย์เซียวและข้อมูลพื้นฐานบางอย่างมาให้ฉันให้ได้ซะก่อน… หึหึ~ ถึงเวลาของยอดนักสืบแล้ว!!”
จี้เฟิงถึงกับสะดุ้ง “แล้วฉันจะทำได้ยังไง?”
“เจ้าโง่เอ๊ย!”
จางเล่ยเหล่มองจี้เฟิงอย่างดูถูก “แน่นอนว่านายก็ต้องพยายามทำให้อาจารย์เซียวเธอพูดออกมาให้ได้ ไม่งั้นเราจะรู้ได้ยังไงล่ะ?!”
เมื่อจี้เฟิงนึกถึงรอยยิ้มที่สวยงามของเซียวหยูซวน จี้เฟิงก็พยักหน้าตกลงทันที “ไม่มีปัญหา ฉันจะพยายาม!”
ในความคิดของจี้เฟิง เขานึกถึงรอยยิ้มที่มีเสน่ห์ของเซียวหยูซวนและรอยยิ้มของถงเล่ยที่เปรียบได้ดั่งนางฟ้าบนสวรรค์ แล้วเขาก็พบว่า ที่เขาเห็นด้วยกับจางเล่ย ไม่ใช่แค่เพื่อป้องกันไม่ให้เซียวหยูซวนถูกหลอกไปคบกับคนไม่ดี
แต่ที่สำคัญกว่านั้นคือจี้เฟิงไม่เต็มใจที่จะปล่อยให้ผู้หญิงที่เขาชอบถูกคนอื่นฉกไป เขาไม่อยากให้ผู้ชายคนอื่นได้เห็นรอยยิ้มที่มีเสน่ห์ของเซียวหยูซวน และเขาไม่เต็มใจอย่างยิ่ง หากวันหนึ่งนางฟ้าอย่างถงเล่ยต้องตกอยู่ในอ้อมแขนของคนอื่น นี่ก็เป็นสิ่งที่เขายอมให้เกิดขึ้นไม่ได้เช่นกัน!
“ฉันสูญเสียความสุขในวัยเด็กไปแล้วและตอนนี้โชคชะตาชีวิตของฉันกำลังจะเปลี่ยนไปเพราะสมองอัจฉริยะที่ฉันมี แล้วเหตุผลอะไรฉันถึงจะไม่ต่อสู้เพื่อความสุขของตัวเอง?”
จี้เฟิงกระซิบบอกกับตัวเอง “มันจะเป็นอะไรไป ถ้าฉันจะลองหน้าด้านไร้ยางอายเพื่อความสุขของตัวเองบ้าง? ฉันจะยอมปล่อยให้ผู้หญิงที่ฉันชอบตกอยู่ในอ้อมกอดของผู้ชายคนอื่นได้อย่างไร?
ถ้าฉันปล่อยให้เป็นแบบนั้น ฉันคงรู้สึกเสียใจไปตลอดชีวิต แล้วเมื่อไหร่ล่ะที่ชีวิตของฉันจะพบกับความสุขเสียที!!”
จี้เฟิงดูเหมือนเขาจะตาสว่างในทันทีที่เขารู้ใจตัวเอง หลังจากคิดถึงเรื่องนี้เขาก็พบว่าความคิดของเขาดูเหมือนจะค่อยๆเปลี่ยนไป ตั้งแต่ที่เขาได้พบกับสมองหมายเลข 1 ปัญญาประดิษฐ์ที่ทำให้เขามีสมองอัจฉริยะและมีความสามารถต่างๆ จี้เฟิงที่ต่ำต้อยด้อยค่าในอดีตได้หายไปตั้งแต่หญิงสาวที่ชื่อฮูซูฮุ่ย เรียกเขาว่า ‘ไอ้ลูกเมียน้อย’ แล้ว ตั้งแต่นั้นมา ก็จะไม่มีจี้เฟิงคนเดิมที่ไม่เห็นค่าตัวเองอีกต่อไป!
ในตอนนี้ จี้เฟิงเต็มไปด้วยความมั่นใจและศักยภาพที่ไร้ขีดจำกัด
จี้เฟิงมีความมั่นใจมากพอที่จะมอบความสุขให้กับเซียวหยูซวนและถงเล่ย อีกเหตุผลหนึ่งก็เพราะว่าเขาไม่ได้ชอบพวกเธอแค่ที่เพียงรูปร่างหน้าตา แต่เขารักพวกเธอด้วยใจจริงๆ
ในความคิดของจี้เฟิง ผู้หญิงทั้งสามคนนี้ แม่ ถงเล่ย และเซียวหยูซวน พวกเธอเป็นคนที่สำคัญที่สุดในชีวิต หากเขาสามารถแลกชีวิตเพื่อความสุขของผู้หญิงทั้งสามคนนี้ได้ จี้เฟิงก็จะสละชีวิตโดยไม่ลังเล!
“เมื่อตัดสินใจได้แล้ว ฉันต้องมุ่งมั่นตั้งใจใช้ทุกช่วงเวลาให้มีค่าที่สุด และพยายามฝึกฝนสมองอย่างไม่ย่อท้อ!” จี้เฟิงเปิดสมุดบันทึกและเขียนประโยคดังกล่าวลงไป เขาขีดเส้นใต้สองบรรทัดเน้นข้อความที่ว่า ‘การตัดสินใจ!’ และ ‘ความพยายาม!’
“ไม่ว่าจะมีอุปสรรคอะไรอยู่ตรงหน้า มันก็ไม่สามารถที่จะหยุดความมุ่งมั่นที่จะไล่ตามความฝันของฉันได้ ฉันจะไม่ละทิ้งเป้าหมายของฉันเป็นอันขาด!” จี้เฟิงพูดกับตัวเองอย่างหนักแน่น “เพื่อให้พวกเธอมีความสุขฉันจะพยายามให้หนักขึ้น!”
เมื่อคิดได้ดังนี้ จี้เฟิงจึงฉีกกระดาษจากสมุดบันทึกของเขาออกมาแผ่นหนึ่งและเขียนลงไปว่า ‘เธอจะช่วยติวให้ฉันต่อในตอนเลิกเรียนได้หรือเปล่า? ฉันต้องการความช่วยเหลือจากเธอ!’
หลังจากพับกระดาษโน้ตแล้วเขาก็เขียนชื่อของถงเล่ยลงไปด้านบนด้วยสีหน้าจริงจังและยื่นส่งให้เพื่อนร่วมชั้นคนเดิมช่วยส่งต่อมันผ่านไปข้างหน้า
หลังจากที่เขาส่งกระดาษโน้ตเสร็จ จี้เฟิงก็ยิ้มออกมาอย่างเจ้าเล่ห์ เขาอยากรู้ว่าเมื่อถงเล่ยได้เห็นโน้ตแผ่นนี้แล้วเธอจะประหลาดใจแค่ไหน?
ในเมื่อตัดสินใจได้แล้วก็ต้องกล้าที่จะลงมือ!
……จบบทที่ 57~