บทที่ 59 การทดสอบ
ถงเล่ยไม่ได้อยู่ต่อในตอนเย็นตามคำขอร้องของจี้เฟิงตามที่เขาได้เขียนไว้ในโน้ตที่เขาส่งให้เธอ เมื่อเสียงกริ่งแจ้งเตือนหมดเวลาเลิกเรียนดังขึ้น ถงเล่ยเก็บข้าวของและเดินออกจากห้องเรียนไปอย่างรวดเร็ว
จี้เฟิงมองไปที่ด้านหลังของถงเล่ยที่หายไปจากประตูห้องเรียน เขามองอยู่สองสามวินาที หลังจากนั้นเขาก็ยิ้มและส่ายหัว ถงเล่ยดูแปลกไปดูเหมือนว่าหัวใจของเธอจะไม่ได้สงบนิ่งอย่างที่เธอแสดงออกมา!
การแสดงออกของถงเล่ยเช่นนี้ มันสามารถบอกได้ว่าจิตใจของเธอไม่ได้สงบนิ่งเหมือนทุกครั้งที่มีคนส่งจดหมายรักให้กับเธอ เพราะผลลัพธ์เพียงอย่างเดียวที่ได้จากการส่งจดหมายรักให้กับถงเล่ย คือเธอจะทำแค่เพียงเหลือบมองหรืออาจจะไม่มองมันเลย และมันก็จะถูกโยนลงถังขยะในห้องเรียนทันที
แต่นั่นไม่ใช่กับกระดาษโน้ตใบเล็กๆของจี้เฟิง มันถูกเก็บไว้ในลิ้นชักของถงเล่ยอย่างดี แม้ว่าเธอจะปล่อยผ่านเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่เมื่อเทียบกับที่ผ่านมา การแสดงออกแบบของเธอก็เรียกได้ว่าได้รับการปฏิบัติที่ดีกว่ามาก!
สิ่งสำคัญที่สังเกตได้มากไปกว่านั้นคือถงเล่ยไม่ได้อยู่ต่อตอนเย็นตามปกติ นั่นแสดงให้เห็นว่าหัวใจของเธอกำลังหวั่นไหว
ด้วยความเข้าใจแบบนั้นของจี้เฟิง เขาก็อดไม่ได้ที่จะแอบยิ้มกระหยิ่มในใจ ดูเหมือนว่าถงเล่ยมองเขาในฐานะที่แตกต่างจากคนอื่นอยู่บ้าง แต่ถ้าเขาอยากจะให้เธอประทับใจจริงๆ เขาก็มีแต่ต้องพยายามต่อไป!
“เฮ้ย เจ้าบ้า!”
จางเล่ยที่กำลังเก็บกระเป๋านักเรียนอยู่ข้างๆเขา สะกิดแขนของจี้เฟิงแล้วกระซิบว่า “เกิดอะไรขึ้นกับน้องสาวสุดโหดของฉัน เธอไม่ได้อยู่เพื่อที่จะสอนการบ้านนายทุกวันหรอกเหรอ? แล้วนี่ยังกลับไปโดยไม่ทักทายกันสักคำ!”
จี้เฟิงอดไม่ได้ที่จะกลอกตาแล้วพูดว่า “ฉันจะไปรู้ได้ยังไงเธอไม่ใช่น้องสาวของฉันสักหน่อย!”
จางเล่ยส่ายหัวอย่างสงสัย “แปลก.. แปลกมากจริงๆ…”
จี้เฟิงจะไม่บอกจางเล่ยเด็ดขาด ว่าเขากำลังคิดจะจีบถงเล่ย ไม่เช่นนั้นจางเล่ยคงได้เอะอะโวยวายตื่นเต้นราวกับว่าเขากำลังจะได้เห็นเรื่องสนุกๆ
หลังจากเก็บกระเป๋านักเรียนอย่างรวดเร็วและร่ำลาจางเล่ยเรียบร้อยเขาก็ตรงกลับบ้านทันที เพราะในคืนนี้จี้เฟิงจะได้ฝึกสมอง และเริ่มเรียนรู้ทักษะใหม่เป็นทักษะที่สาม!
จากข้อมูลที่สมองหมายเลข 1 ได้เคยบอกไว้ ว่าในฐานะสุดยอดสายลับที่ยอดเยี่ยมที่สุดในยุคของดวงดาว ไม่เพียงแต่จะต้องเชี่ยวชาญเรื่องมารยาทและภาษาต่างๆเท่านั้น แต่ยังต้องเรียนรู้การขับยานพาหนะชนิดต่างๆ ด้วย เพราะเมื่อถึงเวลาปฏิบัติงาน สายลับอาจจะต้องสวมบทบาทที่แตกต่างกันในแต่ละภารกิจ ยิ่งไปกว่านั้นการขับขี่ยานพาหนะยังเป็นทักษะพื้นฐานที่ขาดไม่ได้หากต้องทำภารกิจที่มีการขนส่งเคลื่อนย้าย
สำหรับเด็กที่ยากจนแล้วนั้น การที่จะได้ขับรถมันเป็นได้แค่เพียงความฝันลมๆแล้งๆ แต่ความฝันลมๆแล้งๆนี้ของจี้เฟิงกำลังจะเป็นจริง…ในความฝัน (ฝันเป็นจริงที่อยู่ในฝันอีกที – -* #ผู้แปล) แล้วจะไม่ให้จี้เฟิงรู้สึกตื่นเต้นได้อย่างไร
“มาสเตอร์! ตามสถานการณ์ปัจจุบันบนดาวโลกและการเรียนรู้ที่ผ่านมาของมาสเตอร์ สมองขอแนะนำให้มาสเตอร์เริ่มต้นด้วยวิธีการขับขี่ยานพาหนะขั้นพื้นฐานที่สุด!” สมองหมายเลข 1 บอกกับจี้เฟิง ที่ในขณะนี้เขากำลังทำท่าที่ 5 ของยิมนาสติกอยู่ และเหมือนเช่นทุกครั้ง ฉากด้านหน้าของเขาได้เปลี่ยนไป แต่ในครั้งนี้สิ่งที่ปรากฏขึ้นมาไม่ใช่ห้องว่างๆ แต่กลับเป็นถนนที่ว่างเปล่าปรากฏขึ้นมาแทน และมีรถสีฟ้าจอดอยู่ข้างๆเขา
“รถยนต์เป็นพาหนะที่ธรรมดามากสำหรับบนโลกที่มาสเตอร์อาศัยอยู่ และการใช้งานก็หลากหลายมากเช่นกัน ดังนั้นสมองขอแนะนำให้มาสเตอร์เริ่มต้นด้วยการฝึกขับรถยนต์!” สมองหมายเลข 1 กล่าว
จี้เฟิงพยักหน้าและถูมือของเขาด้วยความตื่นเต้น “โอเคๆ เรามาเริ่มกันเลย!”
ทันทีที่เขาพูดจบ จู่ๆ ก็มีข้อมูลมากมายหลังไหลเข้ามาในสมองของเขา เขาตกใจเล็กน้อยแต่เมื่อเขาตั้งสติได้ เขาจึงพบว่าข้อมูลเหล่านี้เป็นข้อมูลพื้นฐานสำหรับการขับรถ
“ในที่สุดฉันก็จะได้ลองขับรถ.. หุหุ!” จี้เฟิงมองไปที่รถสีฟ้าที่จอดอยู่ข้างๆเขา เขาเปิดประตูรถและ
เข้าไปนั่งในรถอย่างตื่นเต้น เขาทำตามข้อมูลที่เพิ่งได้รับมา เขาเริ่มจากการเหยียบคลัตช์และเข้าเกียร์…
“บรึ้มมม…!!”
เสียงคำรามของเครื่องยนต์ดังขึ้น จี้เฟิงขับรถคันสีฟ้าและออกตัวไปเหมือนกับกระสุนปืนใหญ่ในทันที
“โคตรเจ๋งเลย!” จี้เฟิงที่นั่งอยู่บนเบาะคนขับกำลังขับรถอย่างตื่นเต้น เขาตะโกนเสียงดัง “ฮ่าๆๆ ฉันกำลังขับรถอยู่ล่ะ!!”
“มาสเตอร์! ทางข้างหน้าเป็นทางโค้ง กรุณามีสมาธิและตั้งใจในการขับขี่!” เสียงของสมองหมายเลข 1 ดังอยู่ในหูของจี้เฟิง ทำให้จี้เฟิงดึงสติจากความคึกคะนองและหันหน้ามองตรงไปยังถนนและตั้งใจในการขับรถ
การขับรถเข้าโค้งเป็นการทดสอบความยืดหยุ่นและทักษะการขับขี่ของผู้ขับขี่ อย่างไรก็ตามหลังจากที่จี้เฟิงได้ออกกำลังกายและฝึกฝนยิมนาสติกในทุกๆ วัน ร่างกายของเขาสามารถยืดหยุ่นปรับเปลี่ยนเพื่อให้เหมาะสมตามการเคลื่อนไหวของร่างกายได้ ด้วยเหตุนี้เองหลังจากที่เขาขับรถมาได้ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงจี้เฟิงก็สามารถเรียนรู้ทักษะการขับขี่ยานพาหะได้อย่างชำนาญ
เมื่อรู้ว่าถนนแห่งนี้คือพื้นที่เสมือนจริงที่มีเขาเพียงคนเดียวเท่านั้น จี้เฟิงจึงขับรถด้วยความสนุกสนานอย่างไม่เกรงกลัวที่จะเกิดอุบัติเหตุ เขามีความกล้าในการทดลองขับรูปแบบต่างๆ เขาเลือกที่จะใช้แบบฝึกหัดยากๆ อยู่ตลอดเวลา แต่นั่นก็เป็นเหตุผลที่ทำให้ทักษะการขับขี่ยานพาหนะของเขามีความเชี่ยวชาญมากขึ้นอย่างรวดเร็ว
และในตอนนี้ จี้เฟิงเริ่มฝึกซ้อมด้วยรถแบบที่สอง
……………………………………..
ตลอดทั้งคืนจี้เฟิงซ้อมขับรถบนถนนในรูปแบบต่างๆ และใช้รถในรุ่นที่แตกต่างกันไป ทำให้เขารู้สึกสนุกและตื่นเต้นสุดๆ
แต่สิ่งที่ทำให้เขาตื่นเต้นมากที่สุดคือการขับรถเข้าโค้งบนถนนที่ด้านหนึ่งเป็นภูเขาที่เกือบจะเป็นแนวตั้งส่วนอีกด้านหนึ่งเป็นหน้าผาสูงถึงหนึ่งหมื่นฟุต จี้เฟิงขับบนถนนนี้ด้วยรถสปอร์ตชนิดหนึ่งที่เขาเองก็ไม่รู้จัก
ตามข้อกำหนดของสมองหมายเลข 1 ถ้าขับรถผ่านโค้งของหน้าผานี้ด้วยความเร็วสองร้อยแปดสิบกิโลเมตรต่อชั่วโมงขึ้นไป ถึงจะถือว่าผ่านเกณฑ์ แต่เพราะความกลัวที่เกิดขึ้นในจิตใจของจี้เฟิง จึงทำให้ในครั้งแรกเขาขับรถหลุดโค้งและวิ่งลงไปยังหน้าผาสูง หากนี่เป็นการขับรถในความจริง เขาเกรงว่าตอนนี้เขาคงมีการบาดเจ็บที่มากกว่ากระดูกหักอย่างแน่นอน!
หลังจากที่เขาขับรถลงหน้าผาติดต่อกันหลายสิบครั้ง ในที่สุด จี้เฟิงก็สามารถเอาชนะอุปสรรคที่เกิดขึ้นจากความกลัวในจิตใจของเขาได้ เขาขับรถวิ่งผ่านโค้งหน้าผาด้วยความเร็วสามร้อยกิโลเมตรต่อชั่วโมง เมื่อเขาลงจากรถเขารู้สึกว่ามันยากมากที่จะยืนโดยที่ขาของเขาไม่สั่น
อย่างไรก็ตามในเวลานี้ สมองหมายเลข 1 เปรียบเหมือนอาจารย์ผู้เข้มงวด เขาไม่รอให้จี้เฟิงได้พักหายใจหายคอ เขาดำเนินการสั่งให้จี้เฟิงขับรถผ่านโค้งหน้าผาอีกครั้งจนกว่าเขาจะสามารถควบคุมความเร็วได้หลากหลายตามต้องการเพียงปลายนิ้วสัมผัส เมื่อสามารถทำสิ่งดังกล่าวได้ จึงจะเรียกได้ว่าเขาผ่านการทดสอบนี้อย่างแท้จริง!
ดังนั้นจี้เฟิงจึงเริ่มฝึกมันอีกครั้งด้วยอารมณ์ที่หลากหลาย เขามีทั้งความรู้สึกกลัวและตื่นเต้นในเวลาเดียวกัน
……………………………………
เมื่อเขาตื่นขึ้นมาในตอนเช้า จี้เฟิงก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกอยากจับพวงมาลัยและขับรถด้วยความเมามันอีก ความรู้สึกตื่นเต้นในใจของเขายังคงไม่จางไป
แต่ในใจลึกๆแล้ว จี้เฟิงนั้นรู้ดีว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลาจะมาตื่นเต้น เพราะไม่ว่าเขาจะมีความสามารถในการขับรถได้ดีมากแค่ไหน แต่เขาก็ไม่ได้มีรถเป็นของตัวเองจริงๆ!
เมื่อจี้เฟิงอาบน้ำล้างหน้าเสร็จ เขาก็รีบไปโรงเรียนอย่างรวดเร็วก่อนจะคิดถึงเรื่องอื่นเขาต้องตั้งใจที่จะศึกษาหาความรู้ในโรงเรียนให้ได้มากที่สุดเสียก่อน ไม่ว่าความรู้ที่เขาได้จะมาจากทางไหน เขาจะต้องเก็บเกี่ยวมันมาให้มากที่สุด ยิ่งมากเท่าไหร่ก็ยิ่งดี เพราะในอนาคตเขาจะสามารถเลือกใช้มันได้อย่างหลากหลายตามที่เขาต้องการ!
แล้ววันหนึ่งเมื่อเขาตั้งตัวได้ เขาจะออกจากหมางซือนี้เพื่อไปสร้างอนาคตของของตัวเอง!
ดังนั้นในตลอดหนึ่งเดือนข้างหน้า จี้เฟิงพยายามอย่างหนักที่จะเรียนรู้ และในช่วงเวลาแห่งการทดสอบประจำปลายเดือน เขาได้ผ่านการทดสอบอย่างง่ายดาย
จี้เฟิงพบว่าเขารู้คำตอบของคำถามทั้งหมดในข้อสอบจากการที่เขามองมันเพียงแค่แวบเดียว โดยเฉพาะคำถามที่ต้องใช้ความสามารถในการท่องจำ เขารู้สึกตื่นเต้นมากที่สุดท้ายแล้วความพยายามของเขามันไม่ได้ไร้ผล!
อย่างไรก็ตามจี้เฟิงไม่ต้องการให้เป็นที่สังเกตมากเกินไป ดังนั้นเขาจึงตั้งใจไม่ตอบคำถามในข้อสอบสองถึงสามข้อในแต่ละวิชา เขาแสร้งทำเป็นว่าเขาไม่สามารถทำมันได้และตั้งใจที่จะส่งข้อสอบไปทั้งแบบนั้น
เมื่อผลออกมา มันก็ไม่ต่างจากสิ่งที่จี้เฟิงคาดการณ์ไว้ แต่โดยรวมผลการเรียนของเขาก็ยังจัดอยู่ในส่วนท้ายของระดับปานกลางและเขาก็ไม่เคยติดอันดับใดๆ เลยตลอดทั้งปี
ในตอนนั้นเองจี้เฟิงไม่ได้รู้เลยว่า เมื่อถงเล่ยเห็นผลสอบของจี้เฟิงแล้ว เธอรู้สึกผิดหวังอยู่ลึกๆ และมันก็ปรากฏชัดขึ้นอยู่ในแววตาของเธอ…
……จบบทที่~ 59