The Ultimate Student สุดยอดนักเรียนสมองอัจฉริยะ – ตอนที่ 91

ตอนที่ 91

บทที่ 91 อา?

“แค่ก แค่ก!!”

ชายแปลกหน้าไออย่างแรงพร้อมกับเอามือจับที่คอของเขาไว้ เขาคงจะตายไปแล้วจริงๆ ถ้าไม่ได้เซียวซูเหม่ยตะโกนห้ามไว้ได้ทันเวลา

“เจิ้นผิง คุณโอเคไหม” เซียวซูเหม่ยถามด้วยความเป็นห่วง

ชายคนนั้นไออยู่สักพักจากนั้นเขาก็ส่ายหัวอย่างช้าๆและพูดว่า

“พี่สะใภ้ฉันโอเค ไอ้ตัวเล็กนี่มันโหดจริงๆ!” ใบหน้าของเซียวซูเหม่ยหม่นหมองขึ้นทันที “ฉันบอกคุณกี่รอบแล้ว ฉันไม่ใช่พี่สะใภ้ของคุณ ฉันไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับผู้ชายคนนั้นอีกแล้ว เพราะฉะนั้นอย่างเรียกฉันว่าพี่สะใภ้อีก!”

ชายที่ชื่อเจิ้นผิงอดไม่ได้ที่จะถูคอของเขาอีกครั้ง ก่อนที่เขาจะพยักหน้าพร้อมกับรอยยิ้มที่บิดเบี้ยว เขามองไปที่จี้เฟิงอีกครั้งก่อนที่จะกัดฟันและพูดว่า “ไอ้ตัวเล็ก เธอคิดว่าฉันเป็นใครกันล่ะเนี่ย เธอรู้ไหมว่าเธอเกือบจะฆ่าอาของตัวเองไปแล้ว!?”

จี้เฟิงเพียงแค่มองกลับไปด้วยสายตาเย็นชาและไม่ได้พูดตอบอะไรออกไป

เจิ้นผิงมองกลับไปที่เซียวซูเหม่ยด้วยรอยยิ้มอันขมขื่น

เมื่อเห็นชายแปลกหน้ามองไปที่แม่ของเขาเหมือนกันต้องการจะสื่ออะไร จี้เฟิงจึงหันไปมองแม่ของเขาด้วยเช่นกัน ตอนนี้ในความสับสนของเขาต้องการการอธิบายจากแม่ของเขามาก คืนนี้มีเรื่องที่เป็นปริศนามากจริงๆ

“นี่ เอ่อ…” เซียวซูเหม่ยพูดพร้อมยิ้มอย่างจนใจ เธอรู้ว่าลูกชายของเธอคงกำลังสับสนและสงสัยอยู่มาก เธออดไม่ได้ที่จะถอนหายใจและพูดว่า “เฟิงเอ๋อ ชื่อของผู้ชายคนนี้คือ จี้ เจิ้นผิง และเขาเป็นน้องชายของพ่อของลูกจะเรียกว่าเขามีศักดิ์เป็นอาของลูกก็ได้!”

“เจิ้นผิง นี่จี้เฟิง ลูกชายของฉัน”

“เหมือนกันมากจริงๆ!”

จี้เจิ้นผิงมองไปที่จี้เฟิง เขาพยักหน้าอย่างช่วยไม่ได้ “พี่สะใภ้… คุณเลิกจ้องฉันแบบนั้นได้แล้ว ฉันขอเรียกว่าพี่สะใภ้แล้วกัน ไอ้ตัวเล็กคนนี้ไม่ว่าดูยังไงเขาก็เหมือนพี่ชายของฉันทุกกระเบียดนิ้ว!”

เซียวซูเหม่ยจ้องเขาโดยไม่ได้พูดอะไร

จี้เฟิง มองไปที่ชายที่ชื่อเจิ้นผิง เขาคิดว่าชายคนนี้ดูๆไปก็มีส่วนคล้ายเขาอยู่เหมือนกัน ตกลงเขาเป็นอาของฉันจริงๆงั้นหรือ?

เซียวซูเหม่ยนิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่งและพูดขึ้นว่า “เจิ้นผิงวันนี้ก็ดึกมากแล้ว ถ้ามีอะไรพรุ่งนี้ค่อยว่ากัน!”

จี้เจิ้นผิงพยักหน้าและกล่าวว่า “โอเค แต่พี่สะใภ้ สถานที่ที่พี่สะใภ้อยู่ตอนนี้มันออกจะเล็กเกินไปหน่อย เอาเป็นว่าคืนนี้พี่กับไอ้หนุ่มน้อยคนนี้ไปพักกันที่โรงแรมสักคืนหนึ่งก่อน แล้วพรุ่งนี้เราค่อยคุยกัน ดีไหม?”

“ไม่!”

เซียวซูเหม่ยตอบสั้นๆ “เจิ้นผิงฉันต้องขอโทษด้วยจริงๆ ฉันกับเฟิงเอ๋อจะไม่ไปไหนเด็ดขาด!”

จี้เจิ้นผิงยิ้มอย่างขมขื่น “พี่สะใภ้ถ้าฉันไม่สามารถพาพี่สะใภ้และลูกชายกลับไปด้วยได้ในครั้งนี้ ฉันคงต้องแย่แน่ๆ พี่ชายคนโตได้กำชับและสั่งอย่างเด็ดขาดว่า ถ้าพาพวกคุณสองแม่ลูกกลับไปด้วยไม่ได้ ก็ห้ามโผล่หัวไปให้เขาเห็นอีก และฉันอาจจะถูกส่งมาอยู่ที่เขตหมางซืออย่างถาวรในตำแหน่งรัฐมนตรีสูงสุดของกรมกองกำลังทหาร!”

“นั่นมันเรื่องของพวกคุณ” เซียวซูเหม่ยกล่าว

จี้เจิ้นผิงยิ้มอย่างช่วยไม่ได้ “เอาละ งั้นคืนนี้ผมจะกลับไปก่อน แล้วพรุ่งนี้เราค่อยมาเจอและคุยกันใหม่ คนของผมจะเฝ้าอยู่ที่ชั้นหนึ่งข้างล่างตึกนี้ให้ เพราะฉะนั้นพี่สะใภ้ ก็พักผ่อนอย่างสบายใจได้เลย”

“เอ่อ.. คนพวกนั้นน่าจะทำงานต่อไม่ได้แล้วล่ะ พวกเขาสลบเหมือดกันหมดแล้ว ฝีมือผมเองแหละ ขอโทษที” จี้เฟิงพูดเบาๆ

“ห๊ะ!” จี้เจิ้นผิงตกใจ เขาถึงกับหยุดหายใจไปครู่หนึ่งและถามว่า “เธอเป็นคนทำพวกเขาสลบกันหมด ทุกคนเลยเหรอ?”

“แล้วถ้าไม่ใช่แบบนั้น แล้วคุณคิดว่าผมจะมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง?” จี้เฟิงตอบด้วยเสียงที่สงบนิ่ง ตอนนี้เขาเริ่มเข้าใจอะไรหลายๆ อย่างมากขึ้น และสิ่งต่างๆ อาจไม่เป็นอย่างที่เขาคิด

จี้เจิ้นผิงตกใจมาก แต่แรกเขาคิดว่าจี้เฟิงนั้นซ่อนตัวอยู่ในห้องของเซียวซูเหม่ย เขาไม่คิดว่าเด็กคนนี้เพิ่งจะกลับมาจากข้างนอก ฝีมือการต่อสู้ที่สุดยอดขนาดนี้เขามีมันได้อย่างไร..?

เขารู้ดีว่าผู้ชายทั้งสี่คนที่มากับเขานั้นไม่ใช่คนที่จะถูกจัดการอย่างง่ายๆ โดยเด็กผู้ชายเพียงคนเดียว

“อ่า.. ถ้าอย่างนั้น ฉันจะลงไปรอในรถที่จอดอยู่ข้างล่างและรอจนกว่าพวกเขาจะฟื้น” จี้เจิ้นผิงยิ้มอย่างบิดเบี้ยว

“อย่าลำบากเลย คุณแค่ต้องออกแรงกดระหว่างกระดูกสันหลังส่วนที่เจ็ดและแปดที่ด้านหลังศีรษะของพวกเขาอย่างแรง แล้วพวกเขาก็จะฟื้นขึ้นมาได้ทันที” จี้เฟิงพูดเบาๆ

จี้เจิ้นผิงเหลือบมองเขาด้วยความประหลาดใจอีกครั้ง จากนั้นเขาก็พยักหน้าและเดินออกไป

จี้เฟิงหันไปมองแม่ของเขาทันทีและถามว่า “แม่ ตกลงมันเกิดอะไรขึ้น!”

เซียวซูเหม่ยไม่อยากพูดอะไรมาก เธอจึงส่ายหัวและพูดว่า “อย่าเพิ่งถามอะไรมากเลย แม่อยากพักผ่อนแล้ว ถ้ามีอะไรพรุ่งนี้ค่อยคุยกัน!”

เมื่อเธอพูดจบ เธอก็เดินตรงเข้าไปในห้องนอนของเธอโดยปล่อยให้จี้เฟิงยืนอยู่คนเดียวด้วยความงุนงง

“ดูเหมือนว่าแม่จะอารมณ์ไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่ ไว้พรุ่งนี้ค่อยถามใหม่ก็แล้วกัน” จี้เฟิงเริ่มรู้สึกว่า สิ่งต่างๆ มันจะไม่เรียบง่ายเหมือนกับที่ผ่านมาอย่างแน่นอน

….……

ตลอดทั้งคืน จี้เฟิงไม่สามารถข่มตาให้หลับได้ เขามัวแต่นึกถึงเรื่องที่ จู่ๆ ก็มีญาติฝ่ายพ่อหรือคนที่เขาต้องเรียกว่าอาโผล่ขึ้นมาอย่างกะทันหัน จี้เฟิงอยากรู้ว่า เขามาได้อย่างไรและมาทำไม?

เพราะตลอดระยะเวลาสิบกว่าปีที่เขากับแม่อาศัยอยู่ที่นี่ ก็ไม่เคยมีญาติคนไหนคิดที่จะมาตามหาพวกเขามาก่อน

จี้เฟิงไม่เข้าใจเลยจริงๆ หลังจากที่ครุ่นคิดมาทั้งคืน จี้เฟิงหันไปมองดูนาฬิกาและพบว่าใกล้จะเช้าแล้ว เขาจึงเลิกคิดฟุ้งซ่านและหลับตาลงเล็กน้อย เข้าสู่สภาวะหลับใหล แต่เขาไม่ได้หลับจริงๆ เนื่องจากเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นทำให้จี้เฟิงต้องมีความระแวดระวังอยู่ตลอดเวลา โดยเฉพาะกับแม่ของเขาที่อยู่ห้องข้างๆ หากมีอะไรเกิดขึ้นกับแม่ขึ้นมาจริงๆ มันอาจจะสายเกินไป และถ้าเป็นเช่นนั้นจี้เฟิงคงจะไม่มีวันอภัยให้ตัวเองอย่างแน่นอน

โชคดีที่ไม่มีอะไรเกิดขึ้นตลอดทั้งคืน ภายใต้การกระตุ้นของกระแสไฟฟ้าชีวภาพ จี้เฟิงไม่ได้ดูเหนื่อยล้าเลยแม้ว่าเขาจะไม่ได้นอนมาทั้งคืน แต่กลับดูเหมือนเต็มไปด้วยพลัง

เมื่อฟ้าสางจี้เฟิงรีบลุกจัดเก็บหมอนและผ้าห่มพับเข้าที่อย่างเรียบร้อยและลงไปชั้นล่างเพื่อซักผ้าและทำอาหารเช้า

หลังจากที่เขาทำทั้งหมดนี้เสร็จแล้วเขาก็กลับไปนั่งลงบนโซฟา เพื่อรอให้แม่ของเขาตื่น

เพราะเหตุการณ์เมื่อคืนที่อาของเขาที่ชื่อจี้เจิ้นผิงมาพบกับแม่เมื่อคืนวาน โดยลักษณะนิสัยของแม่แล้ว เขารู้ดีว่าเธอจะไม่ออกไปขายผักในวันนี้อย่างแน่นอน

หลังจากนั้นไม่นาน เซียวซูเหม่ยก็เปิดประตูและเดินออกมาจากห้องนอนของเธอ เมื่อเห็นจี้เฟิงที่กำลังนั่งอยู่บนโซฟาเธอถึงกับชะงักไปชั่วขณะ จากนั้นเธอก็ถอนใจ แม้ว่าเธอจะจำบางสิ่งได้แต่เธอก็โล่งใจในเวลาเดียวกัน

ในความเป็นจริงเซียวซูเหม่ยรู้ดีอยู่แก่ใจว่า จี้เฟิงกระตือรือร้นอยากจะรู้เรื่องที่เกี่ยวกับพ่อของเขามากแค่ไหน ไม่มีเด็กคนไหนที่ไม่ต้องการความรักจากพ่อและแม่ แม้กระทั่งเด็กที่มีจิตใจแข็งแกร่งอย่างจี้เฟิงก็ไม่มีข้อยกเว้น

เมื่อนึกถึงเรื่องนี้เซียวซูเหม่ยก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเศร้า ถ้าไม่ใช่เพราะเรื่องนั้น เธอก็คงจะไม่จากไปโดยไม่บอกลา

แต่ตอนนี้เซียวซูเหม่ยรู้แล้วว่า เธอคงจะไม่สามารถปิดบังเรื่องนี้ได้อีกต่อไป

“เฟิงเอ๋อ ทำไมตื่นเร็วจังล่ะลูก” เซียวซูเหม่ยถามเบาๆ

“ผมแค่นอนไม่ค่อยหลับน่ะครับ” จี้เฟิงยิ้มเล็กน้อย “แม่ ผมทำอาหารเช้าไว้แล้วนะ”

เซียวซูเหม่ยอดไม่ได้ที่จะยิ้ม ตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมาลูกชายของเธอเปลี่ยนไปมาก ไม่เพียงแต่เขาจะร่าเริงและมีความมั่นใจขึ้นเท่านั้น แต่เขายังรู้จักช่วยเหลือตัวเองและแบ่งเบาภาระของเธอด้วย สิ่งเหล่านี้ทำให้เธอรู้สึกมีความสุขมาก

“ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!”

เสียงเคาะประตูดังขึ้น

จี้เฟิงชะงักหันไปมองแม่ของเขาจากนั้นเขาก็ลุกขึ้นและไปเปิดประตูX

คนที่ยืนอยู่หน้าประตูคือจี้เจิ้นผิง เมื่อเห็นจี้เฟิงเขาก็ส่งยิ้มให้และพูดว่า “ไงพ่อหนุ่ม ไม่คิดจะทักทายอาของเธอซักหน่อยเหรอ?”

“…..” จี้เฟิงมองหน้าเขาครู่หนึ่ง จากนั้นก็หันหลังกลับไปที่ห้องนั่งเล่น โดยไม่สนใจจี้เจิ้นผิง…

จี้เฟิงอยู่กับแม่สองคนมาหลายปี แล้วจู่ๆ มีคนแปลกหน้าต้องการให้เรียกว่าอา เขาทำไม่ได้จริงๆ

“ไอ้เด็กคนนี้ …” เมื่อเห็นว่าจี้เฟิงไม่สนใจเขา จี้เจิ้นผิงก็อดไม่ได้ที่จะส่ายหัวและยิ้มอย่างขมขื่น เขาคิดว่าเด็กคนนี้นอกจากหน้าตาจะเหมือนพี่ใหญ่ของเขาแล้ว นิสัยเรื่องความดื้อรั้นก็ได้มาอย่างเต็มๆเช่นกัน

“พี่สะใภ้ อรุณสวัสดิ์!” จี้เจิ้นผิงยิ้มทันทีที่ก้าวเข้ามาในห้องนั่งเล่นด้วยท่าทีสงบนิ่ง

เซียวซูเหม่ยจ้องมองไปที่จี้เจิ้นผิงโดยที่ไม่ได้แก้ไขคำเรียกของเขา เธอรู้จักนิสัยของจี้เจิ้นผิงพอสมควร ผู้ชายคนนี้เป็นคนที่ไหลลื่นแม้เขาจะไม่ค่อยแสดงความใหญ่โตโอ้อวดกับใครแต่ก็ไม่ยอมอ่อนข้อให้ใครง่ายๆ เช่นกัน และเขามีความเคารพในตัวเองสูงมาก

“โอ๊ะ พี่สะใภ้กับจี้เฟิงกำลังกินข้าวเช้ากันอยู่เหรอ?” จี้เจิ้นผิงหัวเราะเล็กน้อยเมื่อเห็นอาหารเช้าบนโต๊ะ “พอดีเลย ฉันก็ยังไม่ได้กินข้าวเช้ามาเหมือนกัน บังเอิญจริงๆ!”

จากนั้นจี้เจิ้นผิงจึงนั่งลงโดยไม่สนใจคนรอบข้างและลงมือกินทันทีโดยไม่ต้องรอให้ใครชวน

จี้เฟิงขมวดคิ้วและชำเลืองมองจี้เจิ้นผิง ระหว่างกินข้าวเขารู้สึกได้ถึงความใกล้ชิดระหว่างเขาและจี้เจิ้นผิง แต่เขาไม่อยากจะพูดออกไป เขาจึงกินข้าวต่อ เพียงไม่กี่คำอาหารมื้อนี้ก็จบลง

“พี่สะใภ้วันนี้กลับไปกับฉันเถอะ!” หลังจากรับประทานอาหารเสร็จจี้เจิ้นผิงแทบรอไม่ไหวที่จะพูด “พี่สะใภ้ ไม่ว่าจะพี่ใหญ่หรือทุกคนที่บ้าน ต่างก็อยากให้พี่สะใภ้กลับไป อันที่จริงแม้ว่าพี่ใหญ่จะเป็นฝ่ายผิด แต่มันก็จบไปนานมากแล้วไม่ใช่เหรอ? แล้วก็เรื่องนั้น… เฮ้อ จะพูดยังไงดี ฉันเป็นน้องที่ไม่ดี”

“จี้เจิ้นผิงคุณอย่าพูดอย่างนั้นเลย ไม่ว่ายังไงฉันก็จะไม่กลับไปกับคุณอยู่ดี” เซียวซูเหม่ยส่ายหัวของเธอ

ใบหน้าของจี้เจิ้นผิงหม่นหมองลงทันทีและพูดด้วยรอยยิ้มที่ขมขื่น “พี่สะใภ้จะไม่สงสารน้องสามที่น่าสงสารคนนี้จริงๆเหรอ ถ้าพี่สะใภ้ไม่กลับไปกับฉัน พี่ใหญ่ต้องส่งฉันมาประจำที่หมางซือนี้เพื่อคอยปกป้องพี่ตลอดไป”

เซียวซูเหม่ยรู้สึกขบขันกับรอยยิ้มแหยๆ ของจี้เจิ้นผิง เธออดไม่ได้ที่จะพูดแหย่ “ทำไมล่ะ คุณไม่เต็มใจที่จะปกป้องฉันงั้นเหรอ?”

“มันจะเป็นอย่างนั้นได้อย่างไร ขอแค่พี่สะใภ้พูดมาคำเดียว ลูกชายคนที่สามแห่งตระกูลจี้คนนี้จะบุกน้ำลุยไฟในทันที!” จี้เจิ้นผิงพูดพร้อมกับเอามือทุบไปที่อกของเขา

จากนั้นจี้เจิ้นผิงส่ายหัวอย่างเศร้าหมองและพูดว่า “อย่างไรก็ตาม รัฐมนตรีระดับสูงสุดของกรมกองกำลังทหารในเขตหมางซือยังเป็นเพียงแค่ระดับกองร้อยเท่านั้น และถ้าฉันต้องมาประจำการที่นี่ ฉันที่เป็นรองแม่ทัพระดับพลตรีจะต้องกลายเป็นหัวหน้ากองร้อยในทันที พี่สะใภ้โปรดเมตตาฉันด้วย!”

“คุณนี่เหมือนเดิมเลยนะ ยังคงชอบเกี่ยวการกับทหาร” เซียวซูเหม่ยพูดและจ้องมองเขาอย่างดุๆ แต่กลับมีรอยยิ้มปรากฏอยู่บนใบหน้าของเธอ

เห็นได้ชัดว่าเซียวซูเหม่ยมีความสัมพันธ์อันดีกับจี้เจิ้นผิง และจี้เจิ้นผิงก็เคารพเซียวซูเหม่ยเป็นอย่างมาก มิฉะนั้นผู้บังคับบัญชาระดับสูงผู้สง่างามจะให้เกียรติคนขายผักธรรมดาๆ ได้อย่างไร?

“พี่สะใภ้ ฉันจะพูดกับพี่ตรงๆ เพราะฉันรู้ตั้งแต่เมื่อคืนนี้แล้วว่าไม่ว่าฉันจะพูดยังไงพี่ก็คงไม่ยอมไปกับฉันอย่างแน่นอน โดยเฉพาะหลังจากที่เจ้าเด็กจี้เฟิงตัวร้ายนี่ได้แสดงทักษะการต่อสู้ที่ยอดเยี่ยมขนาดนั้น มันยิ่งทำให้ความเป็นไปได้ที่พี่สะใภ้จะไม่ไปกับฉันนั้นเพิ่มมากขึ้น”

จี้เจิ้นผิงส่ายหัวและยิ้มอย่างไม่ค่อยเต็มใจ “ฉันโทรหาเจ้านายของฉันเมื่อคืนนี้”

“ทำไมคุณถึงโทรหาเขา?” เซียวซูเหม่ยจ้องเขม็งไปที่หน้าของจี้เจิ้นผิง

จี้เจิ้นผิงกล่าวด้วยใบหน้าที่ขมขื่น “พี่สะใภ้ไม่มีทางที่คุณจะปิดบังเขาได้ ที่ฉันมาที่นี่ก็เพราะพี่ชายใหญ่เป็นคนขอให้ฉันมา คุณจะคุยกับเขาหน่อยได้ไหม?”

เซียวซูเหม่ยเหลือบมองจี้เจิ้นผิงโดยที่ไม่พูดอะไร

“พี่สะใภ้อันที่จริงตอนนี้พี่ชายใหญ่น่าจะกำลังอยู่บนถนน และถ้าฉันเดาไม่ผิด เวลานี้เขาน่าจะใกล้ถึงเขตหมางซือแล้ว!” จี้เจิ้นผิงกล่าว

“คุณ..!!” เซียวซูเหม่ยจ้องไปที่จี้เจิ้นผิงด้วยความโกรธ “คุณทำบ้าอะไรของคุณ ใครบอกให้คุณบอกเขา!”

จี้เจิ้นผิงหดหัวของเขาในขณะที่เขาถูกดุ ตอนนี้เขาทำได้เพียงแค่ยิ้มจ๋อยๆ

“ไม่เป็นไรในเมื่อมันเป็นแบบนี้ ฉันจะหนีไปกับคุณ!” เซียวซูเหม่ยส่ายหัวและพูดอย่างขุ่นเคือง “ฉันจะไม่ยอมให้เขามาพบฉัน พวกเราจะออกจากเขตหมางซือจากทางอื่น!”

จี้เจิ้นผิงดีใจมาก ตราบใดที่พี่สะใภ้ยอมไปกับเขาทุกอย่างมันก็จะดีขึ้น

“จำไว้ว่าคุณไม่ได้รับอนุญาตให้โทรหาเขาอีก ไม่เช่นนั้นฉันจะไม่มีวันยกโทษให้คุณ!” เซียวซูเหม่ยกล่าวอย่างเย็นชา

จี้เจิ้นผิงหดตัวด้วยความตกใจ และรีบพูดว่า “พี่สะใภ้ฉันขอสัญญาว่าจะไม่ทำอีกแน่นอน พี่สะใภ้อย่าโกรธฉันเลย!”

…….จบบทที่ 91~❤️

The Ultimate Student สุดยอดนักเรียนสมองอัจฉริยะ

The Ultimate Student สุดยอดนักเรียนสมองอัจฉริยะ

Status: Ongoing

       ตลอดชีวิตที่ถูกมองด้วยสายตาดูถูกเหยียดหยาม จนถึงจุดต่ำสุดของชีวิต จี้เฟิงได้รับพลังมาจากเทคโนโลยีที่ก้าวหน้ากว่าปัจจุบันมาก มันช่วยเพิ่มความสามารถในทุกๆด้านราวกับเวทมนตร์ ตั้งแต่นั้นมาชีวิตของเขาก็ไม่ธรรมดาอีกต่อไป! ด้วยระบบอัจฉริยะที่จี้เฟิงได้ฝึกฝนจนบรรลุทักษะพิเศษ ชีวิตของจี้เฟิงกลายเป็นเรื่องราวที่น่าตื่นเต้นอย่างไม่มีที่สิ้นสุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท