บทที่ 100 ความจริงกำลังจะถูกเปิดเผย!!
ในที่สุดซูเฉาก็มาถึงที่สถานีตำรวจซีกวน เมื่อเขาเห็นทหารจำนวนมากที่ยืนอย่างเป็นระเบียบพร้อมอาวุธปืนที่ถืออยู่ในมือ เขาอดไม่ได้ที่จะสูดลมหายใจและพูดว่า “พวกคุณมาจากหน่วยไหน” เขาเงียบอยู่ชั่ววินาทีและพูดต่อ “ฉันซูเฉาเป็นรองผู้บริหารเขต พวกคุณเป็นใครมาจากหน่วยไหน ทำไมถึงได้ทำการบุกรุกสถานีตำรวจซีกวนอันเป็นสถานที่ราชการโดยพลการ พวกคุณต้องการที่จะก่อกบฏใช่หรือไม่?!”
ใครจะรู้ว่าทหารเหล่านั้นไม่ได้ให้ความสนใจเขาเลย พวกเขาเพียงแค่ยืนเงียบๆและมองไปรอบๆอย่างระแวดระวัง
ใบหน้าของซูเฉาแดงก่ำ เขาเดินเข้าไปในสถานีตำรวจและทันใดนั้นก็เห็นถงไค่เต๋อและคนอื่นๆ รวมถึงฉินซัวเหรินที่กำลังนอนกองกับพื้นอยู่ใต้เท้าของพวกเขา
แน่นอนว่าซูเฉายังเห็นลูกชายของเขาซูหม่า ที่ถูกทหารสองคนจับตัวไว้ดวงตาเขาถึงกับกระตุกถี่
“เลขาถงนี่มันอะไรกัน ดูเหมือนว่าพวกคุณกำลังทำสิ่งที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย?” ซูเฉามองไปที่ถงไค่เต๋ออย่างเย็นชาและพูดด้วยอย่างโกรธๆ
“กฎหมายเหรอ?” ถงไค่เต๋ออดไม่ได้ที่จะหัวเราะเยาะ “คำพูดของรองผู้บริหารซูไม่มากเกินไปหน่อยเหรอครับ สิ่งที่พวกเรากำลังทำกันอยู่ตอนนี้คือการปราบปรามอาชญากรรมโดยการร่วมมือกันกับทหารเหล่านี้ แล้วจะมาบอกว่าพวกเรากระทำการโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายได้อย่างไร?”
“สิ่งที่พวกคุณทำคือการปราบปรามอาชญากรรมหรือไม่ผมไม่รู้ แต่ถ้ามีเหตุการณ์เช่นนั้นจริง ที่นี่คือสถานีตำรวจ การปราบปรามอาชญากรรมมันเป็นของเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพราะฉะนั้นผมคิดว่าสิ่งที่พวกคุณและทหารเหล่านี้กำลังทำมันคงไม่เหมาะสมเท่าไหร่นัก?” ซูเฉาชี้ไปทางลูกชายเขาที่กำลังถูกทหารจับตัวไว้จากระยะไกลแล้วพูดด้วยความโกรธ “แต่ถ้าเลขาถงต้องการที่จะปราบปรามอาชญากรรมจริงๆ ผมก็ไม่อาจขัดข้องแต่เรื่องนี้มันไปเกี่ยวข้องอะไรกับลูกชายของผม! ทำไมคุณถึงต้องจับเขา?!!”
“รองผู้บริหารซูอย่าพูดอะไรไร้สาระแบบนั้น คุณมองยังไงถึงได้บอกว่าผมเป็นคนจับเขา? ดูดีๆสิคนที่จับกุมตัวลูกของคุณอยู่คือทหารไม่ใช่หรือ?” ถงไค่เต๋อเยาะเย้ย “อย่างที่ผมได้พูดไปก่อนหน้านี้ คนที่กำลังปฏิบัติหน้าที่มีเพียงเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นร่วมมือกับสหายในกองทัพเพื่อต่อสู้กับอาชญากรที่ทำผิดกฎหมายเท่านั้น เพราะฉะนั้นหากคุณจะพูดอะไรช่วยคิดให้ดีๆ รองผู้บริหารซู”
“คุณ!” ซูเฉาโกรธมากแต่เขาไม่สามารถโต้เถียงอะไรออกไปได้ เพราะคำพูดของถงไค่เต๋อนั้นถูกต้องแล้ว และไม่มีใครสามารถเอาผิดเขาได้หากมันเป็นการที่เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นร่วมมือกันกับทหารในการต่อสู้ปรามปราบอาชญากรรม
เมื่อเห็นว่าซูเฉาไม่มีอะไรจะพูด ถงไค่เต๋อจึงพูดขึ้นอีกครั้ง “รองผู้บริหารซูสำหรับสาเหตุที่ลูกชายของคุณถูกจับกุมตัว เพราะว่าลูกชายของคุณได้ตกเป็นผู้ต้องสงสัยว่ามีส่วนเกี่ยวข้องเกี่ยวกับการฆาตกรรม รวมถึงวางแผนฆ่าสมาชิกในครอบครัวของผู้นำระดับประเทศถือเป็นการกระทำที่อุกอาจ และมีความผิดอย่างร้ายแรงจนเกือบจะเทียบเท่ากับการขายชาติ เรื่องนี้จะต้องได้รับการดำเนินการตามกฎหมายอย่างถูกต้อง! รองผู้บริหารซู!”
“ขายชาติ?!” ซูเฉาถึงกับลืมหายใจจนแทบจะเป็นลม จนเวลาผ่านไปเขาอดไม่ได้ที่จะสูดลมหายใจเฮือกใหญ่ ถงไค่เต๋อผู้นี้โหดร้ายกว่าที่คิดการกล่าวหาด้วยคดีใหญ่ระดับประเทศ เช่นนี้เขาไม่เพียงแต่ต้องการจะเอาผิดลูกชายของฉัน แต่เขาต้องการที่จะลากฉันให้มีส่วนเกี่ยวข้องไปด้วย!
“เลขาถงลูกชายของฉันเป็นแค่นักเรียนที่เพิ่งจบมัธยมปลาย เขาจะทำความผิดร้ายแรงระดับประเทศขนาดนั้นได้อย่างไร?” ซูเฉาหัวเราะเยาะ “ดูเหมือนว่าเลขาถงจะใช้อำนาจส่วนตนในทางที่ผิดเสียแล้วล่ะ ผมคงต้องรายงานเรื่องนี้กับเบื้องบน!”
ในขณะที่พูดเขาก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วกดโทรออก “อาเขย…”
หลังจากที่ซูเฉาพูดกับคนในโทรศัพท์ไปสองสามประโยคเขาก็วางสายไป ซูเฉาหันไปมองที่ถงไค่เต๋อด้วยแววตาแห่งชัยชนะและยิ้มเยาะ “ฉันได้รายงานไปยังจังหวัดกับเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดเรียบร้อยแล้ว สิ่งที่คุณต้องทำก็เพียงแค่รอการลงโทษจากจังหวัดเท่านั้น!”
ถงไค่เต๋อเหลือบมองไปที่จี้เจิ้นหัวที่ยืนอยู่เงียบๆโดยไม่ได้พูดอะไร เขาอดไม่ได้ที่จะหัวเราะและพยักหน้าเล็กน้อยและพูดด้วยเสียงเรียบๆ “เอาล่ะงั้นผมจะรอจังหวัดจัดการกับเรื่องนี้!”
ในขณะที่เขากำลังพูดคุยกัน มีรถสองสามคันมาหยุดอยู่ที่หน้าประตูของสถานีตำรวจซีกวน หลังจากนั้นสมาชิกเกือบทั้งหมดของทีมผู้นำของเขตหมางซือก็เดินเข้ามา
เมื่อพวกเขาเห็นภาพที่อยู่ตรงหน้า พวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะสูดลมหายใจ ทำไมถึงมีกองทัพทหารอยู่เต็มไปหมดมันเกิดอะไรขึ้น?
เมื่อเห็นว่าทุกคนมารวมตัวกันอยู่ที่นี่แล้ว ถงไค่เต๋อก็กระแอมในลำคอเล็กน้อยแล้วพูดว่า “เมื่อทุกคนอยู่ที่นี่แล้วเราจะมีการประชุมกัน ที่ขอให้พวกคุณมาที่นี่ในวันนี้มีเพียงเรื่องเดียวเท่านั้น นั่นคือเรื่องการลงโทษของผู้กองฉินซัวเหริน เขาได้วางแผนและสั่งให้ลูกน้องซึ่งเป็นตำรวจในทีมของเขาทำการฆาตกรรมและอำพรางคดีโดยการโยนความผิดให้กับผู้อื่น!”
“วางแผนฆาตกรรมอำพรางคดี?!!” ทุกคนรู้สึกตกใจเมื่อได้ยินนี่ไม่ใช่เรื่องเล็กๆเลย นับประสาอะไรกับการที่ เจ้าหน้าที่ตำรวจระดับหัวหน้าทีมปราบปรามอาชญากรรมกลายมาเป็นอาชญากรเสียเอง!
“เลขาถง! ถ้าคุณไม่มีหลักฐานที่ชัดเจนเพียงพอ คุณก็ไม่ควรนำเรื่องแบบนี้มาพูดพล่อยๆ!” ซูเฉาพูดด้วยเสียงทุ้มเขารู้สึกว่าวันนี้มีบางอย่างผิดปกติ
“แน่นอนผมมีหลักฐาน!” ถงไค่เต๋อยิ้มจากนั้นเขาหันหน้าไปพูดกับเจ้าหน้าที่ที่อยู่ข้างๆเขา “สหายโปรดนำหลักฐานมาด้วย!”
เมื่อเจ้าหน้าที่โบกมือทหารหลายคนก็ยกเปลหามสามตัวออกมาจากรถทหารทันที พร้อมกับมีตำรวจหลายคนเดินลงมาจากรถ ตำรวจพวกนี้คือคนที่ไล่ตามถงเล่ยมาก่อนหน้านี้
“พูด! ว่าพวกแกไปทำอะไรมาบ้าง!” ถงไค่เต๋อตะคอกใส่ตำรวจพวกนั้น
“ครับๆๆ!” ตำรวจหลายคนตัวสั่นทันทีและหนึ่งในนั้นก็เริ่มพูดด้วยเสียงที่สั่นเครือ “ผู้กองฉินสั่งให้เราวางกำลังซุ่มโจมตีใกล้กับโรงแรมแยงซี แล้วรอให้มีการต่อสู้เกิดขึ้นในสถานบันเทิงที่ใกล้กันกับโรงแรม หลังจากนั้นพวกเราก็รีบเข้าไปจับกุมคนที่อยู่ในนั้น”
“จับใคร?” ชายวัยกลางคนคนหนึ่งถามขึ้น ชายคนนี้เป็นเลขาธิการของคณะกรรมการตรวจสอบวินัยของเขต บุคลิกของเขาเป็นคนที่สง่าผ่าเผยมาก
“จับกุมจี้เฟิงกับจางเล่ยครับ!” ตำรวจตอบด้วยความหวาดกลัว
“เสี่ยวหวังทำไมคุณถึงกล้าพูดเรื่องไร้สาระแบบนี้… อ๊าากก!!” ฉินซัวเหรินที่ตอนนี้ถูกเหยียบอยู่ที่พื้นก็ตะโกนร้องด้วยความเจ็บปวด เขาถูกทหารเหยียบซ้ำอีกครั้ง และทำให้คำพูดที่เหลือของเขากลายเป็นเสียงกรีดร้อง
“พูดต่อ!” เลขาธิการคณะกรรมการตรวจสอบวินัยกล่าวกับตำรวจ
“ครับ..” ตำรวจตอบด้วยเสียงเบา “ต่อมาผู้กองฉินพาพวกเราสองสามคนไปยังตรอกเล็กๆ ไม่ไกลนักจากสถานบันเทิงและให้พวกเราจัดการฆ่าพวกนักเลง ที่ต่อสู้กับจี้เฟิงและจางเล่ยและใช้เรื่องนี้ในการกล่าวโทษ จี้เฟิงและจางเล่ยที่ตอนนั้นกำลังถูกจับกุมตัวมาที่สถานีตำรวจ แต่หลังจากที่พวกเราเพิ่งฆ่านักเลงพวกนั้น ผู้กองฉินได้เห็นเด็กผู้หญิงกำลังยืนถ่ายรูปอยู่ไม่ไกล เธอเป็นลูกสาวของเลขาถงผู้กองฉินได้สั่งให้พวกเราวิ่งตามไปจับตัวเธอมา แต่พวกเราทำไม่สำเร็จและผลสุดท้ายก็เป็นอย่างที่เห็น… ครับ..!”
“อะไรนะ?!!!”
คราวนี้ไม่ใช่แค่เลขาธิการคณะกรรมการตรวจสอบวินัยเท่านั้นที่ตกใจ แต่สมาชิกคนอื่นๆ ในทีมผู้นำก็ตกใจเช่นกัน มันเป็นการวางแผนฆาตกรรมจริงๆ แถมยังเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจเสียด้วย!
“พวกคุณกำลังเข้าใจผิด ผมไม่เคยบอกให้พวกเขาทำแบบนั้น!” ฉินซัวเหรินที่นอนอยู่บนพื้นตะโกน
“ขนาดนี้ยังไม่ยอมรับอีกเหรอ งั้นก็ดูหลักฐานอีกอย่างก็แล้วกัน!” ถงไค่เต๋อหยิบโทรศัพท์มือถือของลูกสาวออกมาจากกระเป๋าเสื้อ และแสดงภาพถ่ายให้ฉินซัวเหรินและสมาชิกทีมผู้นำทุกคนดู
ภาพถ่ายในโทรศัพท์มือถือเป็นภาพของฉินซัวเหริน ที่กำลังยืนอยู่กับตำรวจในตรอกแคบๆ ตำรวจพวกนั้นถือมีดอยู่ในมือและมีนักเลงหลายคนนอนกองอยู่ที่พื้น โดยที่ไม่รู้ว่ายังมีชีวิตอยู่หรือตาย
ภาพถ่ายอาจจะไม่ชัดมากนักแต่หลังจากได้ผ่านการพิสูจน์มาเรียบร้อยแล้ว ก็ระบุได้อย่างชัดเจนว่าบุคคลที่อยู่ในภาพถ่ายเป็นฉินซัวเหริน และตำรวจเหล่านี้อย่างแน่นอน!
เฮ้อ!!
เมื่อซูเฉาเห็นรูปถ่ายในโทรศัพท์หน้าของเขาถึงกับเปลี่ยนสี เขาไม่คาดคิดว่าฉินซัวเหรินจะโง่เง่าจนถึงขนาดถูกถ่ายรูปไว้ได้แบบนี้!
อย่างไรก็ตามซูเฉาก็ยังคงรู้สึกผ่อนคลายขึ้นเล็กน้อย เพราะหลักฐานที่ถงไค่เต๋อมีนั้น มันบ่งชี้ไปที่ฉินซัวเหรินทั้งหมด และไม่มีส่วนไหนที่เกี่ยวข้องกับเขาเลยแม้ว่าหลายๆคนจะรู้ว่าฉินซัวเหรินเป็นคนของเขา แต่สิ่งที่ฉินซัวเหรินทำก็ไม่ได้จำเป็นว่าจะต้องขึ้นอยู่กับเขา อย่างมากเขาก็อาจจะได้รับผลกระทบเรื่องชื่อเสียงเท่านั้น
เมื่อนึกได้แบบนี้ซูเฉาก็ทำเป็นตะโกนด้วยความโกรธ “โอ้! ฉินซัวเหรินผมไม่นึกเลยว่าคุณจะเลวได้แบบนี้ คุณทำเรื่องพวกนี้ลงไปได้ยังไง?!”
หลังจากนั้นเขาหันหน้าไปทางถงไค่เต๋อและพูดว่า “เลขาถงในเมื่อมีหลักฐานชัดเจนขนาดนี้ ผมคิดว่าเราไม่ควรเสียเวลาพูดคุยกันอีกต่อไป เราควรดำเนินขั้นตอนตามกฎหมายเพื่อลงโทษฉินซัวเหรินตำรวจชั่วคนนี้ให้สาสมกับความผิดที่เขาก่อ!”
“ท่านรองซู…!!” ฉินซัวเหรินตกใจและโกรธซูเฉาอย่างมากที่พูดตัดหางปล่อยวัดเขาแบบนี้ ทั้งๆที่เรื่องทั้งหมดนี้ซูเฉาเป็นคนสั่งให้เขาทำ!
“ฉันทำไม? คุณทำเรื่องเลวขนาดนี้ยังคิดหวังว่าจะมีใครมาช่วยคุณอีกเหรอ?” ซูเฉาขัดจังหวะ “เรื่องทั้งหมดถูกเปิดเผยพร้อมหลักฐานชัดเจนขนาดนี้คุณยังไม่คิดจะยอมรับสารภาพตามตรงอีกงั้นเหรอ?”
ถงไค่เต๋อพูดแทรกขึ้น “รองผู้บริหารซูไม่ต้องรีบร้อนไป ฉินซัวเหรินไม่ใช่ผู้ที่อยู่เบื้องหลังคดีนี้”
ใบหน้าของซูเฉาดำมืดลงเขาถามด้วยเสียงทุ้ม “เลขาถงแล้วคุณคิดว่าใครเป็นผู้บงการอยู่เบื้องหลังคดีนี้?”
“ให้ผมตอบคำถามนี้ให้ก็แล้วกันนะครับ!” ในขณะนั้นเองจู่ๆก็มีเสียงดังมาจากทางห้องสอบสวน ทุกคนหันไปมองตามเสียงอย่างพร้อมเพียงกัน และเห็นว่าเป็นเสียงของจี้เฟิงที่ตอนนี้กำลังพยุงจางเล่ยอยู่ ทั้งสองคนเพิ่งเดินออกมาจากห้องสอบปากคำอย่างช้าๆ
จี้เฟิงหัวเราะเล็กน้อยและพูดว่า “ผมว่าผมตอบคำถามนี้ของคุณได้นะครับท่านรองซู!”
เนื่องจางจี้เจิ้นผิงได้บอกถงไค่เต๋อและจี้เจิ้นหัวเกี่ยวกับจี้เฟิงและจางเล่ยไว้ก่อนล่วงหน้าแล้ว พวกเขาจึงไม่แปลกใจเมื่อเห็นจี้เฟิงพยุงจางเล่ยออกมาในสภาพสะบักสะบอม แต่สมาชิกทีมผู้นำคนอื่นๆ ต่างประหลาดใจแม้ว่าพวกเขาจะไม่รู้จักจี้เฟิงและจางเล่ย แต่ทุกคนก็เกิดความสงสัยว่าเหตุใดเด็กหนุ่มคนนี้ถึงถูกทำร้ายร่างกายหนักขนาดนี้ในห้องสอบสวน?
“คนที่บงการและอยู่เบื้องหลังเรื่องทั้งหมดนี้ คือสองพ่อลูกซูเฉาและซูหม่า!!”
คำพูดประโยคนี้ของจี้เฟิง มันเหมือนกับระเบิดที่จู่ๆก็ถูกทิ้งลงในทะเลสาบที่เงียบสงบ สมาชิกผู้นำรวมถึงเจ้าหน้าที่ทั้งหมดถึงกับตกใจทันทีเมื่อได้ยินสิ่งที่จี้เฟิงพูดออกมา
“หนุ่มน้อยเธอไม่ควรที่จะพูดจากล่าวหาคนอื่นแบบนี้ โดยเฉพาะคนระดับฉันที่เป็นเจ้าหน้าที่รัฐระดับสูง มันเป็นความผิดทางอาญา!” ซูเฉาตะโกนอย่างโกรธเกรี้ยวแจะจ้องไปที่จี้เฟิงด้วยแววตาดุร้าย
“คุณซูคุณไม่ต้องกังวลเพราะถ้าผมพูดเท็จ ผมจะยอมให้คุณตรวจสอบและดำเนินคดีอย่างแน่นอน!”
……จบบทที่ 100~❤️