The Ultimate Student สุดยอดนักเรียนสมองอัจฉริยะ – บทที่ 167 การต่อสู้ในงานวันเกิด

บทที่ 167 การต่อสู้ในงานวันเกิด

โชคดีที่หลังจากนั้นไม่นานงานเลี้ยงวันเกิดก็เริ่มขึ้นและพนักงานต้อนรับสองคนที่คุกเข่าอยู่ตรงประตูก็ถูกหามออกไป แต่ถึงแม้ว่าพวกเขาจะถูกส่งไปที่โรงพยาบาล พวกเขาก็ยังไม่สามารถลุกขึ้นยืนได้ในทันที ต้องใช้เวลาสองถึงสามวันในการฟื้นฟูหัวเข่าของพวกเขา นี่ถือได้ว่าเป็นความเมตตาของจี้เฟิงแล้ว เพราะด้วยความแข็งแกร่งในปัจจุบันของจี้เฟิงเขาสามารถทำให้ชายหนุ่มทั้งสองต้องนอนอยู่บนเตียงได้นานถึงครึ่งปีแม้ว่าจะได้รับการรักษาก็ตาม
ไฟในห้องจัดเลี้ยงชั้นสองมืดลงและในที่สุดจี้เฟิงก็เห็นเจ้าของงานวันเกิดของวันนี้หลี่เว่ยตง
หลี่เว่ยตงที่ตัวสูงยาวถูกรายล้อมไปด้วยฝูงชนพร้อมกับรอยยิ้มแห่งชัยชนะบนใบหน้าของเขาเขาทักทายแขกที่อยู่รอบตัวเขาตลอดเวลาและในขณะเดียวกันก็สอดส่ายสายตามองหาบางสิ่งในฝูงชนเป็นครั้งคราว
“หึหึ!”จี้เฟิงหัวเราะเยาะเบาๆ เห็นได้ชัดว่าหลี่เว่ยตงกำลังมองหาเซียวหยูซวน
อย่างไรก็ตามเนื่องจากวันนี้มีแขกที่มาร่วมงานวันเกิดของเขามากมายและหลี่เว่ยตงก็ยังคงต้องทักทายทุกคนด้วยตัวเองเขาจึงไม่สามารถออกจากวงล้อมของฝูงชนและตามหาเซียวหยูซวนได้อย่างสะดวก
เมื่อเห็นแบบนี้จี้เฟิงก็ยิ้มเล็กน้อยแล้วพูดว่า“พี่สาวหยูซวน เราอย่ามายืนบื้อกันอยู่ตรงนี้เลย ไปหาอะไรกินกันดีกว่า”
ปาร์ตี้งานวันเกิดของหลี่เว่ยตงเป็นการจัดเลี้ยงแบบบุฟเฟ่ต์มีอาหารทุกประเภทถูกจัดเรียงไว้บนโต๊ะที่เรียงยาวและมีบาร์น้ำที่มีพนักงานไว้คอยบริการ และมีพนักงานเสิร์ฟอีกหลายคนที่สวมชุดกี่เพ้าเดินไปเดินมาพร้อมถาดที่มีแก้วไวน์และน้ำอื่นๆอยู่บนนั้นไว้คอยบริการ
เพียงแค่ว่าตอนนี้ทุกคนยุ่งอยู่กับการสร้างความสัมพันธ์ในวงสังคมผู้คนต่างถือไว้เพียงแก้วไวน์และยังไม่มีใครสัมผัสอาหารบนโต๊ะ
แต่จี้เฟิงไม่สนใจคนอื่นเขาสนแค่ว่าเขาต้องทำให้ตัวเขาเองนั้นอิ่มท้องก่อน
เซียวหยูซวนยิ้มและส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้“ที่นายกล้ามางานเลี้ยงวันเกิดของหลี่เว่ยตงเป็นเพราะอยากจะมากินข้าวฟรีใช่มั้ยเนี่ย”
ในขณะที่ผู้ต่างแสดงความยินดีและมอบของขวัญให้หลี่เว่ยตงแต่จี้เฟิงไม่ได้คิดที่จะให้ของขวัญวันเกิดกับเขาอยู่แล้ว เห็นได้ชัดว่าเขามาที่นี่เพื่อจะมาทานอาหารฟรี
จี้เฟิงพูดยิ้มๆ“ในเมื่อมันไม่ได้เสียเงิน แล้วมีเหตุผลอะไรที่เราจะไม่กินมันล่ะ เราไม่ต้องไปสนคนอื่นหรอก ดูอย่างคนพวกนี้สิ ผู้ชายคนนั้นดูผิวเผินก็เหมือนสุภาพบุรุษ ผู้หญิงคนนี้ก็สวยสง่า แต่ความจริงแล้วพวกเขามาที่นี่ก็เพื่อผลประโยชน์ทั้งนั้น แล้วพวกเราจำเป็นต้องสนใจคนเหล่านี้ด้วยเหรอ มันไม่ได้ทำให้พวกเราอิ่มท้องซักหน่อย! เรื่องกินสิเรื่องใหญ่กว่า!”
เซียวหยูซวนอดไม่ได้ที่จะหัวเราะเบาๆ
“ป่ะ!”จี้เฟิงจับมือเล็กๆของเซียวหยูซวนเดินไปที่โต๊ะ หลังจากนั้นเขาก็หยิบจานเปล่าและเลือกอาหารสองสามอย่างและยื่นจานให้เซียวหยูซวน
เมื่อเห็นอาหารบนจานนัยน์ตาของเซียวหยูซวนก็ฉายแววประหลาดใจและถามว่า“นายรู้ได้ยังไงว่าฉันชอบกินของพวกนี้”
จี้เฟิงยิ้มและพูดว่า“เราเคยร่วมโต๊ะอาหารด้วยกันมาก่อน”
ทันใดนั้นเซียวหยูซวนก็รู้สึกอบอุ่นหัวใจของเธอขึ้นทันทีอย่างบอกไม่ถูกเธอรู้ว่าที่จี้เฟิงพูดนั้นหมายถึงเมื่อตอนที่เหอตงไปที่หมางซือและมีปัญหากับจี้เฟิงและจางเล่ย ในตอนนั้นพวกเขาได้ร่วมรับประทานอาหารด้วยกัน และบรรยากาศก็ไม่ค่อยดีนัก เซียวหยูซวนจึงกินอาหารไปเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
นั่นจึงทำให้เธอคิดไม่ถึงว่าจี้เฟิงจะเป็นคนละเอียดและใส่ใจได้ขนาดนี้เพียงแค่ครั้งเดียวที่ได้กินอาหารร่วมกันและเธอก็กินไปน้อยมากจริงๆ แต่จี้เฟิงกลับรู้ว่าเธอชอบกินอะไร
เซียวหยูซวนมองไปที่จี้เฟิงอีกครั้งแต่ครั้งนี้แววตาของเธอมีความลึกซึ้งและอ่อนโยนมากขึ้น
จี้เฟิงยิ้มเล็กน้อยและหยิบจานอีกใบขึ้นมาและเลือกของที่เขาชอบกินเขาเลือกชิ้นที่ใหญ่ที่สุดและกินมันโดยไม่สนว่าคนอื่นจะมองเขายังไง
ในความเป็นจริงจี้เฟิงไม่เคยคิดเรื่องการรักษาภาพลักษณ์อยู่แล้วเขาเคยมีประสบการณ์อดอยากมาแล้วในชีวิต เขาจึงไม่เข้าใจในเรื่องของการกินแบบพอเป็นมารยาท Aileen-novel
ไม่ว่าคนอื่นจะมองเขาอย่างไรจี้เฟิงก็ไม่สนใจมาแต่ไหนแต่ไรอยู่แล้ว รู้หรือไม่ว่าเมื่อตอนที่จี้เฟิงยังเด็ก เซียวซูเหม่ยแม่ของจี้เฟิงเคยไปเก็บผักหรือของกินอื่นๆที่เขาทิ้งแล้วตามตลาดเพื่อมาทำอาหารให้พอยาไส้ในแต่ละวัน แล้วยังจะมีภาพลักษณ์อะไรที่ทำให้จี้เฟิงต้องสนใจมากกว่าการทำให้ตัวเองอิ่มท้องอีก
เซียวหยูซวนกินอาหารอย่างสง่างามอยู่ข้างๆจี้เฟิงเธอเห็นจี้เฟิงกินอาหารอย่างจริงจัง มีรอยยิ้มฉายออกมาจากแววตาของเธอแต่ไม่ใช่รอยยิ้มที่เยาะเย้ย มันเหมือนกับหญิงสาวคนหนึ่งกำลังมองคนรักที่กินอย่างมีความสุขและมันก็พลอยทำให้เธอมีความสุขไปด้วย แม้ว่าจี้เฟิงจะไม่ใช่แฟนของเธอ แต่เธอก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่ามันเป็นเพราะอะไรที่เธอมีความรู้สึกแบบนี้อยู่ในใจ
เซียวหยูซวนอดไม่ได้ที่จะเขินเล็กน้อยเธอจึงรีบก้มหน้าลงเพื่อกินอาหารในจานของเธอโดยไม่กล้าคิดอะไรอีกต่อไป เพราะเธอรู้ดีว่าจี้เฟิงนั้นมีถงเล่ยอยู่แล้ว ดังนั้นเซียวหยูซวนจะแย่งแฟนของนักเรียนของเธอได้อย่างไร
เมื่อนึกถึงถงเล่ยเธอก็สะดุ้งทันทีทำไมฉันถึงคิดแบบนี้ หรือว่าฉันจะตกหลุมรักจี้เฟิงเข้าแล้วจริงๆ?
เธอส่ายหัวของเธออย่างรวดเร็วแล้วไม่กล้าคิดเรื่องนี้อีกต่อไป
และในขณะนั้นเองมีก็มีเสียงของหญิงสาวที่พูดอย่างดูหมิ่นดังขึ้นใกล้ๆเธอกับจี้เฟิง“หึหึ คางคกขึ้นวอสองตัวนี้ ไม่รู้ไปตายอดตายอยากมาจากไหน ถึงได้วิ่งแจ้นมาถึงนี่เพื่อกินฟรีดื่มฟรี!”
จี้เฟิงที่ยังคงกินอยู่แม้ว่าจะกินไปเยอะมากแล้วก็ตามเงยหน้าขึ้นและพูดเสียงอู้อี้ว่า“ก็ดีกว่านังตัวแสบบางคนที่มาที่นี่เพื่อมาคอยเสือกเรื่องชาวบ้าน!”
“แก!แกว่าฉันเหรอ!” ปรากฏผู้หญิงคนนี้คือเยี่ยนซือ เธอตวาดอย่างเกรี้ยวกราดเมื่อได้ยินการตอกกลับของจี้เฟิง “ไอ้หมาข้างถนน แกเป็นใครถึงได้กล้ามาว่าฉัน?”
“กรุณาสุภาพด้วย!”เมื่อเห็นผู้หญิงที่ดูร้ายกาจคนนี้พูดจาดูถูกจี้เฟิง มันทำให้เซียวหยูซวนรู้สึกโกรธมากและใบหน้าที่สวยงามของเธอก็แสดงความไม่พอใจอย่างไม่ปิดบัง “แล้วคุณคิดว่าคุณเป็นใคร ที่จู่ๆถึงได้มาพูดจาดูถูกและก้าวก่ายเรื่องของคนอื่นแบบนี้?”
“ไอ้พวกไม่เจียมตัวลองพูดจาอวดดีอีกครั้งแล้วดูซิว่าฉันจะทำอะไรพวกแกได้บ้าง!” เยี่ยนซือตะโกนอย่างเดือดดาล
เสียงของการทะเลาะที่ดังขึ้นเรื่อยๆต่างดึงดูดความสนใจของผู้คนโดยรอบขึ้นมาทีละคนจนทำให้พนักงานรักษาความปลอดภัยสองคนวิ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว และถามหญิงสาวด้วยความเคารพ “เจ้เยี่ยน เกิดอะไรขึ้น! เป็นอะไรหรือเปล่า”
“โยนสองคนนี้ออกไปจากที่นี่เดี๋ยวนี้!คนคุมประตูไปไหนถึงได้ปล่อยให้ขอทานสองคนนี้มากินฟรีดื่มฟรีอยู่ที่นี่! นี่มันงานวันเกิดของคุณชายหลี่ ไม่ใช่สถานสงเคราะห์!” เมื่อเยี่ยนซือเห็นว่าคนของเธอมาสนับสนุน เธอจึงกล่าวด้วยท่าทางอวดดี
จี้เฟิงขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่อได้ยินเขาวางจานในมือลงบนโต๊ะอย่างช้าๆ “ผมหวังว่าคุณจะขอโทษสำหรับคำพูดของคุณ และนอกจากนี้หากผมยังได้ยินคุณพูดจาว่าร้ายเพื่อนของผมอีกแม้แต่คำเดียว ก็อย่าหวังว่าใครจะสามารถช่วยเหลือคุณได้ แม้แต่หลี่เว่ยตงก็ตาม!”
ด้วยน้ำเสียงที่สงบนิ่งแต่ดุดันบวกกับใบหน้าที่เย็นชาของจี้เฟิงถึงกับทำให้เยี่ยนซือหายใจไม่ออกด้วยความตกใจทันทีแต่ทันใดนั้นเธอก็รู้สึกอับอายว่าเธอเผลอกลัวเด็กขอทานอย่างนี้ได้อย่างไร เธอจึงตะโกนด้วยความโกรธ “ไอ้เลว แกกล้าขู่ฉันงั้นเหรอ”
“ไสหัวไป!”จี้เฟิงพูดอย่างเย็นชา
เยี่ยนซือโกรธมากยิ่งขึ้นเธอหันหน้าไปทางพนักงานรักษาความปลอดภัยและตะโกนว่า “โยนไอ้ขอทานคนนี้ออกไปพร้อมกับนังตัวดีนั่น…”
“เพี๊ยะ!”
ก่อนที่เธอจะทันได้พูดจบเธอรู้สึกว่ามีเงาดำๆปรากฏขึ้นต่อหน้าเธอจากนั้นเธอก็รู้สึกเจ็บปวดที่แก้มข้างหนึ่งก่อนที่จะเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นเธอก็ล้มกระเด็นลงไปกระแทกกับพื้นอย่างแรงและกรีดร้องด้วยความตกใจและเจ็บปวด
“จับเขาไว้!”เมื่อพนักงานรักษาความปลอดภัยสองคนเห็นว่าเยี่ยนซือโดนจี้เฟิงตบ พวกเขาก็โกรธและรีบวิ่งไปทางจี้เฟิงทันที
จี้เฟิงยกขาของเขาอย่างรวดเร็วจนแม้แต่พนักงานรักษาความปลอดภัยก็มองไม่เห็นแม้แต่เงาพวกเขารู้สึกเพียงแค่ว่ามีความเจ็บปวดเกิดขึ้นอย่างรุนแรงและหลังจากนั้นพวกเขาก็กระเด็นออกมาจากลูกเตะของจี้เฟิง
เกิดความตื่นตระหนกในห้องจัดเลี้ยงขึ้นทันทีเมื่อบรรดาแขกเห็นว่าเกิดการต่อสู้ขึ้น พวกเขาจึงรีบพากันถอยห่างจากจุดเกิดเหตุ เพราะกลัวว่าอาจมีลูกหลงจนทำให้ตนเองบาดเจ็บ
จี้เฟิงไม่แม้แต่จะมองไปที่พนักงานรักษาความปลอดภัยสองคนที่เขาเพิ่งเตะจนกระเด็นล้มกลิ้งไปเขาเพียงแค่พูดขึ้นว่า “นี่คือวิธีที่หลี่เว่ยตงต้อนรับแขกอย่างนั้นเหรอ”
ที่กลางห้องโถงจัดเลี้ยงหลี่เว่ยตงที่กำลังคุยกับแขกก็สังเกตเห็นถึงความผิดปกติแล้วเช่นกัน ใบหน้าของเขาเปลี่ยนไปทันทีเมื่อได้ยินประโยคนี้
“คุณชายหลี่เด็กหนุ่มคนนี้คือจี้เฟิงที่ผมบอกคุณไปก่อนหน้านี้!” เหอตงกระซิบข้างๆเขาทันที
“อ้อเขาคือจี้เฟิงคนนั้นนี่เอง กล้ามากกว่าที่คิด!” หลี่เว่ยตงเดินไปทางจี้เฟิงอย่างรวดเร็วพร้อมกับจ้องมองเขาด้วยใบหน้าบึ้งตึงและพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา “น้องชายไม่ว่าทราบว่าคุณเป็นใคร แล้วทำไมถึงได้มาสร้างปัญหาในงานวันเกิดของฉันแบบนี้”
“อ้อผมเห็นว่าคนพวกนี้ไม่ค่อยรู้จักมารยาทเลยคิดว่าเจ้านายพวกเขาคงไม่ได้สั่งสอน ผมเลยหวังดีสั่งสอนพวกเขาให้ก็แค่นั้น!” จี้เฟิงกล่าวพร้อมรอยยิ้ม
เซียวหยูซวนที่อยู่ข้างๆเขาเริ่มใจคอไม่ดีและอดไม่ได้ที่จะจับแขนของจี้เฟิงไว้แน่นจี้เฟิงยิ้มเล็กน้อยและตบมือเล็กๆของเธอเบาๆเพื่อให้เธอรู้สึกสบายใจ
เมื่อเห็นการกระทำดังกล่าวใบหน้าของหลี่เว่ยตงก็น่าเกลียดยิ่งขึ้นเขาหัวเราะเยาะและพูดว่า “น้องชายคนนี้คงยิ่งใหญ่มากสินะ เพราะไม่เคยมีใครในเจียงโจวที่กล้าพูดกับฉันแบบนี้!”
“ตอนนี้ก็มีแล้วไง”จี้เฟิงพูดเสียงเรียบ
หลี่เว่ยตงพยายามระงับความโกรธและกล่าวเสียงเย็น“เอาเป็นว่าตอนนี้ฉันจะเสนอทางเลือกให้กับคุณสองทาง อย่างแรกคุณเพียงแค่กล่าวขอโทษฉันแล้วออกไปจากที่นี่เดี๋ยวนี้ด้วยตัวเอง หรืออย่างที่สองให้ฉันโทรแจ้งตำรวจ แล้วไปนอนเล่นในคุกซักสองสามวัน คุณก็เลือกเอาแล้วกันว่าต้องการแบบไหน!”
จี้เฟิงยิ้มแล้วพูดว่า“ผมก็จะเสนอทางเลือกให้คุณสองทางด้วยเช่นกัน อย่างแรกคือคุณต้องขอโทษผมแต่ไม่ต้องถึงกับคำนับผมก็ได้นะ แค่คุณกล่าวขอโทษด้วยความจริงใจก็พอ ส่วนอย่างที่สองคือผมจะจัดการคุณจนคุณต้องร้องขอชีวิต คุณก็เลือกเอาแล้วกันว่าต้องการแบบไหน”
“โอเคโอเค!” หลี่เว่ยตงแสยะยิ้มด้วยความโกรธอย่างที่สุด ในเจียงโจวที่กว้างใหญ่ไม่มีใครกล้าพูดกับเขาแบบนี้มาก่อน แต่ตอนนี้เด็กหนุ่มจี้เฟิงคนนี้ช่างไม่รู้เงาหัวตัวเองเสียแล้ว
“เด็กน้อยปากดีคนนี้เป็นใครทำไมถึงกล้ามาก่อความวุ่นวายที่นี่!” ชายอ้วนคนหนึ่งเดินเข้ามาถามด้วยอาการมึนเมา
จี้เฟิงเหลือบมองเขาและพูดว่า“คุณจะมาต่อสู้แทนหลี่เว่ยตงงั้นหรือ”
“เหอะ!ฉันไม่จำเป็นต้องต่อสู้อะไรทั้งนั้น ฉันเป็นผู้กำกับการสถานีตำรวจเขตหลินจิง เด็กน้อยแบบเธอมาหาเรื่องคุณชายหลี่ถึงที่แบบนี้ไม่คิดว่าฉันสมควรที่จะยื่นมือเข้ามาดูแลเรื่องนี้งั้นหรือ” ชายอ้วนหัวเราะเยาะ เขาหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาทันทีและกดหมายเลขและโทรออก “เสี่ยวจ้าวเกิดเหตุที่หลินจิงคลับเฮ้าส์ มาจับกุมตัวผู้ก่อเหตุไปทันที!”
“จี้เฟิง!เราจะทำยังไงดี!” เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเริ่มเรียกพวกพ้อง เซียวหยูซวนก็เป็นกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยของจี้เฟิง
“ไม่ต้องเป็นกังวลไปคนพวกนี้ก็เป็นแค่ตัวตลกแสดงโชว์คั่นเวลาเท่านั้น!” จี้เฟิงตบมือเล็กๆของเธอและพูดด้วยน้ำเสียงไร้กังวล
เมื่อได้ยินเช่นนี้สีหน้าท่าทางของชายอ้วนและหลี่เว่ยตงก็ดูฉุนเฉียวดุร้ายขึ้นมาทันที หากพวกเขาไม่เกรงใจว่ามีคนใหญ่คนโตอยู่มากมายที่นี่ตอนนี้ พวกเขาคงเข้าไปรุมกระทืบจี้เฟิงตั้งนานแล้ว
“ฮ่าฮ่า~!”ในช่วงเวลาแห่งความตึงเครียดระหว่างทั้งสองฝ่าย ทันใดนั้นก็มีเสียงหัวเราะอย่างอารมณ์ดีดังขึ้นจากทางด้านหลังของฝูงชน “น้องชายนายต้องว่างขนาดไหน ถึงได้มาคุยเล่นกับคุณชายหลี่อยู่ที่นี่”
ทุกคนต่างถอยหนีอย่างรู้งานพวกเขาหลีกทางให้กับชายหนุ่มที่มีคิ้วดาบและดวงตาที่เต็มไปด้วยดวงดาวแต่ดุดันที่ตอนนี้จ้องมองไปที่จี้เฟิงและเซียวหยูซวนด้วยรอยยิ้ม “น้องชาย ผู้หญิงคนนี้เป็นคนของน้องชายงั้นหรือ”
“หนึ่งในนั้น!”จี้เฟิงยิ้มเล็กน้อย
ใบหน้าของเซียวหยูซวนแดงระเรื่อด้วยความอายเธอมองจี้เฟิงด้วยสายตาดุๆแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา เธอรู้ว่าถึงแม้ว่าจี้เฟิงจะชอบพูดเรื่องไร้สาระ แต่เขาก็มีเหตุผลบางอย่างในการทำเช่นนั้น
“คุณชายจี้คุณรู้จักเด็กคนนี้เหรอ” หลี่เว่ยตงถามพร้อมกับขมวดคิ้ว
ไม่จำเป็นต้องบอกก็น่าจะพอเดาออกว่าผู้ชายที่ปรากฏตัวขึ้นอย่างกะทันหันคือจี้ช่าวเล่ย พี่ชายคนที่สองของจี้เฟิง
เมื่อเห็นการมาของจี้ช่าวเหลยหลี่เว่ยตงนั้นเริ่มรู้สึกไม่ค่อยดีอยู่ในใจ หากพูดถึงคนรู้จักของเขาที่มีอิทธิพล จี้ช่าวเหลยนั้นเหนือกว่าเขามาก หลี่เว่ยตงรู้ดีว่าจี้ช่าวเหลยคนนี้คือผู้สืบทอดตำแหน่งทางราชการที่ขึ้นตรงต่อรัฐบาลอย่างแท้จริงในเจียงโจว
จี้ช่าวเหลยหัวเราะและพูดว่า“คุณชายหลี่ ฉันขอแนะนำเลยก็แล้วกัน เด็กหนุ่มคนนี้เป็นลูกชายของลุงฉันเอง”
“ห๊า!”หลี่เว่ยตงถึงกับลืมหายใจและใบหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปทันที ลูกชายของลุงของจี้ช่าวเหลย… คนที่เปรียบเสมือนเจ้าชายในอนาคต!
ไม่เพียงแต่หลี่เว่ยตงเท่านั้นที่พอจะรู้ถึงอำนาจที่ยิ่งใหญ่ภายในครอบครัวของจี้ช่าวเหลยพวกเขาต่างอดไม่ได้ที่จะเปลี่ยนแปลงท่าทีของการแสดงออก ชายหนุ่มคนนี้ถึงแม้ว่าเขาจะแต่งตัวธรรมดาแต่ก็ดูหล่อเหลามา แถมเขายังเป็นลูกชายของจี้เจิ้นหัว
เขาไม่ได้เป็นแค่หลานชายของตระกูลจี้เหรอ
ใบหน้าของหลี่เว่ยตงกลายเป็นสีดำคล้ำเล็กน้อยไอ้เหอตงไอ้คนเจ้าเล่ห์ มันไม่ได้บอกว่าครอบครัวของจี้เฟิงเป็นแค่คนขายผักหรอกหรือ แล้วทำไมถึงกลายเป็นเจ้าชายในอนาคตไปได้?!
หากความแค้นสามารถฆ่าคนได้เกรงว่าความแค้นของหลี่เว่ยตงตอนนี้คงจะทำให้เหอตงตายไปหลายร้อยรอบแล้ว อย่างไรก็ตามมันไม่มีประโยชน์อะไรในตอนนี้ที่จะจัดการกับเหอตง เพราะมีปัญหาที่ใหญ่กว่าที่เขาต้องจัดการอยู่ตรงหน้าเขาตอนนี้

The Ultimate Student สุดยอดนักเรียนสมองอัจฉริยะ

The Ultimate Student สุดยอดนักเรียนสมองอัจฉริยะ

Status: Ongoing

       ตลอดชีวิตที่ถูกมองด้วยสายตาดูถูกเหยียดหยาม จนถึงจุดต่ำสุดของชีวิต จี้เฟิงได้รับพลังมาจากเทคโนโลยีที่ก้าวหน้ากว่าปัจจุบันมาก มันช่วยเพิ่มความสามารถในทุกๆด้านราวกับเวทมนตร์ ตั้งแต่นั้นมาชีวิตของเขาก็ไม่ธรรมดาอีกต่อไป! ด้วยระบบอัจฉริยะที่จี้เฟิงได้ฝึกฝนจนบรรลุทักษะพิเศษ ชีวิตของจี้เฟิงกลายเป็นเรื่องราวที่น่าตื่นเต้นอย่างไม่มีที่สิ้นสุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท