The Ultimate Student สุดยอดนักเรียนสมองอัจฉริยะ – บทที่ 182 ความเร็ว..ข้าคือความเร็ว

บทที่ 182 ความเร็ว..ข้าคือความเร็ว

จี้เฟิงเคยใช้ถนนเส้นนี้ในการไปยังค่ายทหารมาครั้งหนึ่งแล้วดังนั้นตั้งแต่มหาวิทยาลัยจนถึงตอนนี้จี้เฟิงใช้เวลาไปเพียง 20 นาทีเท่านั้น พวกเขาก็มาถึงถนนที่เรียกว่าทางหลวงปันซานแล้ว
“มีไฟอยู่ข้างหน้า!”เซียวหยูซวนชี้ไปทางเนินเขาด้านหน้าที่มีไฟหลายสิบดวงส่องสว่างอยู่
“โอเคไปกันเลย!”จี้เฟิงพยักหน้าและขับรถไปยังทิศทางนั้น
เมื่อทั้งสองขับรถไปถึงเนินเขาก็พบคนกลุ่มหนึ่งกำลังโห่ร้องเสียงดังกันอยู่ที่นั่นพวกเขาต่างโบกผ้าและหมวกกันอย่างคึกคัก พวกเขากำลังมองดูอะไรบางอย่างด้วยความตื่นเต้น
จี้เฟิงและเซียวหยูซวนลงจากรถและเดินเข้าไปใกล้ๆกลุ่มคนเหล่านั้นพวกเขามองไปรอบๆแต่ก็ไม่พบแม้แต่เงาของหวู่หลิงเอ๋อ
“โทษทีพี่ชายพอจะรู้จักหวู่หลิงเอ๋อมั้ย พอรู้หรือเปล่าว่าเธออยู่ที่ไหน” จี้เฟิงสะกิดไหล่ผู้ชายคนหนึ่งแล้วถาม
“เฮ้!พี่ชาย คุณมาดูแข่งรถแต่ไม่รู้เหรอว่าตอนนี้หวู่หลิงเอ๋อกำลังแข่งรถกับลูกพี่ของเราอยู่ แต่หลังจากการแข่งขันจบฉันคงเรียกเธอว่าหวู่หลิงเอ๋อไม่ได้แล้วล่ะ คงต้องเรียกพี่สะใภ้แทน ฮ่าฮ่า!” ชายคนที่จี้เฟิงสะกิดหัวเราะเสียงดัง
“แข่งรถ”จี้เฟิงขมวดคิ้ว เขาเดินเบียดแทรกไปยังจุดที่คนมุงดูกันอยู่ รอบๆบริเวณมีรถจอดอยู่หลายคัน และจี้เฟิงก็พบกับหน้าจอขนาดใหญ่ของแล็ปท็อปที่ตอนนี้ผู้คนต่างดูและส่งเสียเชียร์ สิ่งที่แสดงอยู่ในนั้นเป็นเส้นทางของถนนทั้งหมดอยู่ที่ด้านบนของหน้าจอ ตรงส่วนกลางของหน้าจอมีจุดสองจุด ซึ่งจุดหนึ่งเป็นจุดสีแดงและอีกจุดหนึ่งเป็นจุดสีน้ำเงิน ทั้งสองจุดกำลังเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่องไปบนเส้นทางสีขาวๆ ซึ่งน่าจะเป็นเส้นทางของถนนที่ใช้แข่งในตอนนี้
“หวู่หลิงเอ๋อคือคันไหน”จี้เฟิงถามด้วยเสียงต่ำ
“จุดสีแดงคือหวู่หลิงเอ๋อที่ขับมาเซราติ(MASERATI) ส่วนจุดสีน้ำเงินคือพี่ซุนที่ขับลัมโบกินี แล้วคุณเชียร์ฝั่งไหนล่ะ”
จี้เฟิงไม่สนใจจะตอบเขาถามต่อไปว่า “แล้วคนที่อยู่ตรงนี้สามารถติดต่อพวกเขาสองคนโดยตรงได้หรือเปล่า”
“เฮ้ย!หนวกหู มึงเป็นใครมาจากไหนเนี่ย!” คนรอบข้างเริ่มรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ ชายคนหนึ่งพูดขึ้นพร้อมกับมองไปที่จี้เฟิงอย่างไม่ค่อยพอใจ
ผัวะ!คนที่เพิ่งพูดรู้สึกเพียงแค่เห็นอะไรแว่บๆผ่านหน้าเขาไป จากนั้นก็รู้สึกร้อนผ่าวไปทั้งใบหน้าและคนทั้งคนก็กระเด็นออกไปและล้มลงกับพื้นอย่างแรง
“ตอบมา!มีวิธีที่จะติดต่อพวกเขาโดยตรงได้หรือเปล่า!” เสียงของจี้เฟิงยังคงราบเรียบ แต่แฝงไปด้วยความเย็นชาอย่างชัดเจน ผู้คนรอบข้างเริ่มแตกตื่น
“เห้ย!หลบดิ๊!” ชายผมเหลืองคนหนึ่งตะโกนพร้อมกับฝ่ากลุ่มคนพุ่งเข้ามาจะถีบจี้เฟิง
ปั้ก!ไม่กี่วินาทีต่อมาผู้ชายผมเหลืองที่พุ่งเข้ามาเพื่อจะถีบจี้เฟิงถูกจี้เฟิงถีบกลับจนลอยไปในอากาศและล้มกลิ้งลงกับพื้นเช่นเดียวกับคนก่อนหน้านี้และหมดสติไป
และทันใดนั้นก็ไม่มีใครกล้าขยับอีกต่อไปพวกเขาเพียงแค่จ้องมองไปที่จี้เฟิงด้วยความงุนงง
“อย่าให้ต้องถามเป็นครั้งที่สาม!”จี้เฟิงตะคอกอย่างเย็นชา
“ได้!ได้สิ! มีวิธีติดต่อได้อยู่!” หญิงสาวคนหนึ่งรีบตอบทันทีเมื่อเห็นสายตาที่แข็งกร้าวของจี้เฟิงมองกวาดมาที่เธอ หญิงสาวพูดด้วยความลนลานเล็กน้อย “มันมีเครื่องรับส่งวิทยุไร้สายไว้พูดติดต่อกับพวกเขาได้!” จากนั้นหญิงสาวก็รีบส่งวิทยุสื่อสารให้จี้เฟิง
จี้เฟิงขมวดคิ้ว“วิทยุสื่อสารมันสามารถเชื่อมต่อได้ไกลขนาดนั้นเลยเหรอ”
“นี่เป็นเครื่องรับส่งวิทยุแบบพิเศษที่เชื่อมต่อกับช่องวิทยุในรถที่พวกเขาขับโดยเฉพาะมันสามารถใช้ในการสื่อสารแบบนี้ได้ดีมาก” หญิงสาวอธิบายอย่างรวดเร็ว
จี้เฟิงพยักหน้าและเปิดวิทยุสื่อสารที่อยู่ในมือ“หวู่หลิงเอ๋อ ผมจี้เฟิง คุณได้ยินหรือเปล่า”
ซ่า~!
มีเสียงสัญญาณดังขึ้นเล็กน้อยจากวิทยุสื่อสารจากนั้นก็ได้ยินเสียงคำรามของเครื่องยนต์และเสียงของหวู่หลิงเอ๋อก็ดังขึ้นเช่นกัน “ฉันได้ยิน จี้เฟิงในที่สุดคุณก็มาจริงๆ!”
“ผมขอสั่งให้คุณรีบกลับมายังจุดรวมตัวที่เนินเขาเดี๋ยวนี้ผมจะให้เวลาคุณสิบห้านาที ถ้าเกินกว่านั้นแม้แต่นาทีเดียว ผมจะคิดเอาว่าคุณได้ยอมรับชะตากรรมของคุณแล้ว!” จี้เฟิงพูดอย่างเย็นชา
อย่างไรก็ตามหวู่หลิงเอ๋อยังไม่ได้พูดอะไรออกมาแต่มีเสียงของผู้ชายที่ฟังดูเย่อหยิ่งดังออกมาจากวิทยุสื่อสาร “แกเป็นใคร อายุเท่าไหร่? กล้าดียังไงมาสั่งให้หวู่หลิงเอ๋อทำในสิ่งที่แกต้องการ เธอกำลังแข่งกับฉันอยู่ เลิกยุ่งวุ่นวายแล้วไสหัวไปซะ!”
จู่ๆจี้เฟิงก็ยิ้มอย่างชั่วร้าย“ซุนจื่อซวง ผมหวังว่าคุณจะไม่เสียใจทีหลังกับคำพูดของคุณเมื่อครู่นี้หรอกนะ”
“ฮ่าฮ่า~!เด็กน้อย ช่างกล้าดีจริงๆ ไม่เคยมีใครกล้าพูดกับฉันแบบนี้มานานแล้ว ดีๆ ในเมื่อกล้าพูด ก็ต้องกล้าที่จะยอมรับความตายด้วย!” ซุนจื่อซวงหัวเราะ “อย่าเพิ่งรีบหนีไปไหนล่ะ หลังจากที่ฉันชนะแล้วฉันจะไปจัดการกับแก!”
“หึหึ!”จี้ฟิงหัวเราะเบาๆ “ชนะ โอเคๆ ผมจะคอยดูว่าคุณจะแข่งรถชนะได้ยังไง!” ในขณะที่พูดเขาก็เหลือบมองไปรอบๆ และเห็นรถสปอร์ตสีน้ำเงินคันหนึ่ง
“นี่รถใครเอากุญแจมา!” จี้เฟิงเดินมาที่หน้ารถ
เด็กหนุ่มคนหนึ่งรีบยื่นกุญแจให้จี้เฟิงและเซียวหยูซวนก็ขึ้นรถตามจี้เฟิงไป
“จี้เฟิงนายจะแข่งกับซุนจื่อซวงงั้นเหรอ” เซียวหยูซวนถามด้วยความประหลาดใจ “ฉันว่าเราเรียกเสี่ยวหลิงกลับมาดีกว่ามั้ย? นายไม่ต้องไปแข่งไม่ได้เหรอ ฉันไม่อยากให้นายต้องไปเสี่ยงอันตราย”
จี้เฟิงยิ้มทันที“แค่ความเป็นห่วงของคุณมันก็ทำให้ผมมีพลังแล้ว ตอนนี้คุณไม่ต้องเป็นกังวล คุณแค่รอดูว่าสามีของคุณจะสร้างตำนานที่ไร้ขีดจำกัดด้านความเร็วได้ยังไงก็พอ!”
ทันทีที่สิ้นเสียงของจี้เฟิงรถสปอร์ตสีน้ำเงินก็พุ่งตัวออกไปอย่างรวดเร็วราวกับจรวด!
เปลี่ยนเกียร์เหยียบคันเร่ง เร่งความเร็ว…!!
ท่ามกลางเสียงคำรามของเครื่องยนต์จี้เฟิงควบคุมรถสปอร์ตสีน้ำเงินอย่างชำนาญราวกับเขาใช้รถคันนี้ฝึกฝนอยู่เป็นประจำ ความเร็วราวกับเสือชีตาห์ที่วิ่งด้วยความเร็วไปบนถนนปันซานอย่างที่ใครก็มิอาจเทียบ
“จี้เฟิงนายจะแข่งกับพวกเขาจริงๆเหรอ” เซียวหยูซวนถามด้วยความวิตกกังวล “เรากลับไปที่ด้านบนภูเขาและรอให้เสี่ยวหลิงแข่งกับซุนจื่อซวงเสร็จแล้วค่อยพาเสี่ยวหลิงกลับดีกว่ามั้ย”
แม้เซียวหยูซวนอยากจะพาเสี่ยวหลิงกลับไปแต่ถ้าจี้เฟิงต้องมาเสี่ยงอันตรายไปด้วยเธอก็ไม่เห็นด้วยอย่างแน่นอน
ระหว่างเสี่ยวหลิงกับจี้เฟิงแม้ว่าเซียวหยูซวนจะเป็นกังวลอย่างมากเกี่ยวกับเสี่ยวหลิงแต่ถ้าให้เลือกเธอนั้นเลือกจี้เฟิงอย่างไม่ลังเล
“ฮ่าฮ่าไม่จำเป็นต้องทำแบบนั้น ในเมื่อตอนนี้ผมอยู่ที่นี่แล้วก็ต้องหาอะไรสนุกๆทำกันซักหน่อย” มุมปากของจี้เฟิงโค้งขึ้น แต่ดวงตาของเขากลับฉายแววเย็นเยียบ
เขาเตือนหวู่หลิงเอ๋อแล้วแต่อีกฝ่ายกลับเมินเฉย และสิ่งที่จี้เฟิงไม่สามารถทนได้อีกต่อไปนั่นคือหวู่หลิงเอ๋อจงใจทิ้งข้อความถึงเซียวหยูซวนก่อนที่เธอจะมาแข่ง
จี้เฟิงมีความคิดว่าเหตุผลที่หวู่หลิงเอ๋อทำแบบนี้เพื่อเรียกร้องความสนใจจากเซียวหยูซวนและจงใจให้เซียวหยูซวนเป็นห่วงจนต้องมาหาเธอและด้วยวิธีนี้หากเซียวหยูซวนต้องการมาหาเธอ มีความเป็นไปได้สูงที่เซียวหยูซวนจะบอกเรื่องนี้กับจี้เฟิงและจะต้องขอร้องให้จี้เฟิงมาเป็นเพื่อน
นี่เป็นเพียงการคิดวิเคราะห์ภายในหัวของจี้เฟิงและเมื่อคิดอย่างจริงจังจี้เฟิงก็พบว่านี่เป็นการใช้ความสัมพันธ์ที่เซียวหยูซวนมีกับเขา เป็นการบังคับเขาทางอ้อมเพื่อให้ช่วยเหลือเธอในการแข่งรถ
เมื่อคิดถึงความเป็นไปได้ต่างๆจี้เฟิงก็พบจุดที่ยังขัดแย้งกันอยู่เล็กน้อยถ้าหวู่หลิงเอ๋อตั้งใจให้เป็นแบบนั้นจริง ทำไมตอนนี้เธอถึงแข่งกับซุนจื่อซวงด้วยตัวเอง เธอก็แค่ยื้อเวลารอให้เซียวหยูซวนกับตัวเขาเองมาที่นี่ จากนั้นก็ขอร้องเซียวหยูซวนอีกครั้งให้ช่วยพูดกับเขา และเมื่ออยู่ในสถานการณ์ที่บีบบังคับ มันอาจเพิ่มโอกาสที่เขาจะต้องช่วยเธอแข่งรถ
ในกรณีนี้…มีความเป็นไปได้อยู่สองแบบ อย่างแรกหวู่หลิงเอ๋อต้องการใช้ประโยชน์จากเขาในการแข่งรถจริงๆ ดังนั้นการแข่งกับซุนจื่อซวงในเวลานี้อาจยังไม่ใช่การแข่งขันรอบตัดสินผลหรือเป็นเพียงส่วนหนึ่งของการแข่งขันดังนั้นหากเขาและเซียวหยูซวนจะมาช้าไปบ้างก็ไม่ส่งผลกระทบเท่าไหร่
อย่างที่สองหวู่หลิงเอ๋อไม่ได้ต้องการใช้ประโยชน์จากความสัมพันธ์ระหว่างเซียวหยูซวนและตัวเขาแม้ว่าเธอจะทิ้งโน้ตไว้แต่จริงๆแล้วเธอแค่ต้องการแจ้งให้เซียวหยูซวนทราบถึงที่อยู่ของเธอไว้เฉยๆ ด้วยเหตุนี้หวู่หลิงเอ๋อจึงแข่งขันกับซุนจื่อซวงเป็นการส่วนตัว Aileen-novel
จี้เฟิงคิดวิเคราะห์ถึงความเป็นไปได้ทั้งสองแบบแต่จี้เฟิงเทน้ำหนักไปทางแบบแรกมากกว่า เพราะจากมุมมองของจี้เฟิง ผู้หญิงอย่างหวู่หลิงเอ๋อที่ถึงขั้นร้องห่มร้องไห้เพื่อขอร้องให้เขาช่วยเธอแข่งรถ แสดงว่าเธอให้ความสำคัญกับการแข่งขันครั้งนี้มาก ดังนั้นเธอที่รู้ดีอยู่แล้วว่าไม่อาจเอาชนะในการแข่งขันที่สำคัญขนาดนี้ได้ จะมาแข่งขันด้วยตัวเองทำไม
“เหอะ!เธอเป็นผู้หญิงที่เจ้าเล่ห์จริงๆ แล้วหยูซวนต้องมาอยู่กับคนแบบนี้…” จี้เฟิงส่ายหัวเล็กน้อย และพูดขึ้นว่า “หยูซวนหลังจากที่ผมจัดการเรื่องนี้แล้วคุณไม่ต้องพูดอะไรอีก เข้าใจมั้ย”
เมื่อเห็นว่าจี้เฟิงพูดด้วยสีหน้าเคร่งขรึมจริงจังเซียวหยูซวนก็พยักหน้าอย่างช่วยไม่ได้
“เอาล่ะไปไล่ล่าพวกนั้นกันดีกว่า!” จี้เฟิงพูดพร้อมกับเหยียบคันเร่งจนสุดจากนั้นรถสปอร์ตสีน้ำเงินก็พุ่งตัวออกไปแหวกอากาศเป็นเส้นตรงอย่างสมบูรณ์แบบพร้อมกับเสียงคำรามของเครื่องยนต์ที่ดังกระหึ่ม
“หวู่หลิงเอ๋อไอ้เด็กผู้ชายที่เธอเพิ่งคุยด้วยมันเป็นใครถึงได้กล้ามาสั่งเธอ มันไม่รู้หรือไงว่าเธอกำลังจะเป็นภรรยาของฉัน แข่งจบเมื่อไหร่คุณก็เป็นผู้หญิงของฉันทันทีและห้ามเธอติดต่อกับผู้ชายอย่างเด็ดขาดไม่ว่ามันจะเป็นใครหน้าไหนก็ตาม!”
บนถนนที่คดเคี้ยวรถสปอร์ตสองคันต่างกำลังแข่งขันกันด้วยความเร็ว ในตอนนี้ซุนจื่อซวงนำหวู่หลิงเอ๋ออยู่ด้านหน้าเขาพูดผ่านวิทยุสื่อสาร “ถ้าฉันรู้ว่าเธอสนิทสนมกับผู้ชายคนไหน มันคนนั้นจะต้องตาย!”
หวู่หลิงเอ๋อที่อยู่ด้านหลังซุนจื่อซวงก็กำลังขับรถด้วยความเร็วอยู่เช่นกันเธอตะคอกใส่วิทยุสื่อสาร“ซุนจื่อซวง เลิกพล่ามเรื่องไร้สาระได้แล้ว กลัวฉันจะชนะจนต้องรบกวนสมาธิฉันด้วยวิธีนี้”
“ฮ่าฮ่า~!”ซุนจื่อซวงหัวเราะ “หวู่หลิงเอ๋อ ฉันนำเธออยู่นะ ไม่มีความจำเป็นที่ฉันจะต้องกวนสมาธิเธอยังไงฉันก็ชนะอยู่แล้ว ฉันแค่พูดเรื่องจริง ส่วนเรื่องที่เธอจะชนะฉันต่างหากที่เป็นเรื่องไร้สาระ ฝีมือระดับฉันต่อให้หลับตาขับก็เอาชนะเธอได้อย่างง่ายดาย แล้วจะตอบมาได้หรือยังว่าไอ้ผู้ชายคนนั้นมันเป็นใคร”
“เขาเป็นคนที่คนอย่างคุณไม่สามารถแตะต้องได้!”หวู่หลิงเอ๋อตะคอก
“ฮ่าฮ่า!”ซุนจื่อซวงหัวเราะและพูดว่า “มีคนเยอะแยะมากมายในโลกนี้ที่ฉันไม่สามารถแตะต้องได้ แต่ในเจียงโจวจะมีซักกี่คนที่กล้าพูดได้ว่าฉันไม่อาจทำอะไรเขาได้ เกรงว่าคงจะมีไม่มาก ซึ่งเรื่องนี้เธอก็น่าจะรู้ดีอยู่แล้วใช่มั้ย หืม เสี่ยวหลิงหลิงอย่าคิดที่จะปกป้องผู้ชายของเธอให้เสียเวลาเลย แต่เธอไม่ต้องเป็นห่วงนะ ฉันจะไม่ทำอะไรมันตราบใดที่มันไม่มายุ่งกับเธอและเลิกก่อปัญหาในการแข่งขันของเรา!”
“เหอะ!”หวู่หลิงเอ๋อทำเสียงเย็นชาเมื่อเห็นว่าซุนจื่อซวงไม่เชื่อที่เธอบอก จากนั้นเธอก็ไม่พูดอะไรอีกและตั้งใจขับรถต่อ หวู่หลิงเอ๋อแอบหัวเราะเยาะอยู่ภายในใจ ตามที่เซียวหยูซวนบอก ถ้าแม้แต่เส้นสายของพ่อแม่เธอในเจียงโจวก็ยังไม่อาจต้านทานจี้เฟิงได้ มันก็มีความเป็นไปได้เพียงหนึ่งเดียวนั่นคือตระกูลของจี้เฟิงจะต้องเป็นตระกูลที่ยิ่งใหญ่มากและอาจจะเป็นคนที่อยู่ในแวดวงของทางการด้วยซ้ำ
แม้ว่าซุนจื่อซวงจะมีชื่อเสียงและเป็นที่รู้จักกันดีบนท้องถนนในเจียงโจวแต่ยิ่งเขาละเมิดกฎหมายมากขึ้นเท่าไหร่ก็ยิ่งทำให้เจ้าหน้าที่รัฐหรือผู้คนในแวดวงทางการไม่พอใจมากขึ้นเท่านั้น ที่ทุกวันนี้เขาสามารถทำตัวแบบนี้ได้เป็นเพราะเขามีเส้นสายลับๆมากมาย แต่ถ้าวันใดที่เขาไปล้ำเส้นคนใหญ่คนโตเข้าจริงๆ ฉันเกรงว่าชื่อเสียงที่เขาสั่งสมมาจะหายวับไปในพริบตา
หวู่หลิงเอ๋อเชื่อว่าเซียวหยูซวนจะมาหาเธออย่างแน่นอนและไม่ว่าเธอจะสามารถพาจี้เฟิงมาด้วยได้หรือไม่ก็ตามแต่เธอกับจี้เฟิงนั้นมีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งต่อกัน ไม่ว่าอย่างไรหากเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับเซียวหยูซวนจี้เฟิงจะต้องมีส่วนร่วมในเรื่องนี้อย่างไม่ต้องสงสัย และเมื่อถึงเวลานั้นหากซุนจื่อซวงสร้างปัญหาอะไรขึ้นมา ก็เท่ากับว่าซุนจื่อซวงสร้างปัญหาให้กับจี้เฟิงทางอ้อม
ดังนั้นด้วยวิธีนี้ซุนจื่อซวงจะมีชีวิตที่ดีเหมือนเดิมในเจียงโจวคงไม่ใช่เรื่องง่ายอีกต่อไป
และยิ่งไปกว่านั้นถ้าจี้เฟิงไม่พอใจที่เธอลากเซียวหยูซวนมามีส่วนเกี่ยวข้องด้วย บางทีจี้เฟิงอาจจะจัดการกับพ่อแม่ของเธอด้วยก็ได้ และนี่คือสิ่งที่หวู่หลิงเอ๋อต้องการเห็นมันเกิดขึ้น
หวู่หลิงเอ๋อเกลียดพ่อและแม่ของเธอมากที่ไม่เคยใส่ใจใยดีเธอเลยแล้วถ้าหากอาชีพของพ่อและแม่ของเธอถูกทำลายลงด้วยฝีมือของจี้เฟิงเธอจะมีความสุขมาก และเธอจะคอยดูว่าเมื่อถึงเวลานั้นพ่อและแม่ยังจะเฉยเมยกับเธออยู่อีกหรือเปล่าหลังจากสูญเสียอาชีพการงานอันเป็นที่รักไป!
นี่คือจุดประสงค์ที่แท้จริงของหวู่หลิงเอ๋อถึงการที่เธอตั้งใจลากเซียวหยูซวนมาเกี่ยวข้องด้วยในครั้งนี้
แต่เธอก็รู้อยู่แก่ใจว่าหลังจากเหตุการณ์ในวันนี้จบลงมิตรภาพระหว่างเธอกับเซียวหยูซวนคงมีรอยร้าวเกิดขึ้นอย่างช่วยไม่ได้ และไม่ว่าเซียวหยูซวนจะเป็นคนที่ใจดีอ่อนโยนแค่ไหน แต่ก็คงไม่มีใครชอบที่จะถูกเพื่อนที่ไว้ใจหลอกใช้
“ฉันหวังว่าเธอจะเข้าใจฉันและโกรธฉันน้อยลงสักหน่อยแต่ถ้าเธอจะต่อว่าด่าทอฉันในเรื่องนี้ฉันก็เข้าใจ เพราะฉันหลอกใช้ประโยชน์จากเธอจริงๆ” หวู่หลิงเอ๋อพึมพำกับตัวเองและถอนหายใจเบาๆ
อย่างไรก็ตามหวู่หลิงเอ๋อไม่คิดว่าจี้เฟิงจะโกรธมากขนาดนี้และในตอนนี้ผลที่ตามมามันก็ไม่เป็นเหมือนที่เธอคิดเอาไว้นัก
“ดูสิว่าเราอยู่ห่างจากพวกเขามากแค่ไหน”จี้เฟิงเปิดเครื่องนำทางและถามเบาๆ เนื่องจากก่อนหน้านี่ที่ยอดเขามีการแสดงผลการติดตามบนแล็ปท็อป ดังนั้นรถคันนี้ก็น่าจะมีระบบติดตามเช่นเดียวกันกับรถสองคันนั้น
หลังจากขับมาได้สักระยะจี้เฟิงก็พบว่ารถคันนี้เต็มไปด้วยน้ำมันเชื้อเพลิงและมีประสิทธิภาพค่อนข้างดีเห็นได้ชัดว่ามันได้รับการแก้ไขปรับแต่งมาอย่างดี จี้เฟิงจึงพอจะเดาได้ว่ารถที่เขาขับอยู่ตอนนี้น่าจะเป็นรถที่เตรียมไว้เพื่อเข้าร่วมการแข่งขันดังนั้นรถจึงน่าจะติดตั้งตัวติดตามไว้
แน่นอนว่าทันทีที่เซียวหยูซวนกดไปที่เครื่องนำทางหน้าจอก็แสดงตำแหน่งเป็นจุดสองจุดที่เคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลา
“รถของพวกนั้นอยู่ห่างจากเราประมาณ…ยี่สิบกิโลเมตร จากตรงนี้ไปจะมีทางโค้งอีกสี่โค้ง เซียวหยูซวนมองไปที่หน้าจอ เธอแอบชื่นชมการทำงานของมันและแจ้งตำแหน่งให้กับจี้เฟิงรู้เบาๆ
จี้เฟิงพยักหน้า“ยี่สิบกิโล…โอเค! นั่งดีๆนะ!” ทันทีที่เขาพูดจบจี้เฟิงก็เพิ่มความเร็วอย่างต่อเนื่อง

The Ultimate Student สุดยอดนักเรียนสมองอัจฉริยะ

The Ultimate Student สุดยอดนักเรียนสมองอัจฉริยะ

Status: Ongoing

       ตลอดชีวิตที่ถูกมองด้วยสายตาดูถูกเหยียดหยาม จนถึงจุดต่ำสุดของชีวิต จี้เฟิงได้รับพลังมาจากเทคโนโลยีที่ก้าวหน้ากว่าปัจจุบันมาก มันช่วยเพิ่มความสามารถในทุกๆด้านราวกับเวทมนตร์ ตั้งแต่นั้นมาชีวิตของเขาก็ไม่ธรรมดาอีกต่อไป! ด้วยระบบอัจฉริยะที่จี้เฟิงได้ฝึกฝนจนบรรลุทักษะพิเศษ ชีวิตของจี้เฟิงกลายเป็นเรื่องราวที่น่าตื่นเต้นอย่างไม่มีที่สิ้นสุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท