The Ultimate Student สุดยอดนักเรียนสมองอัจฉริยะ – บทที่ 222 ปากดี!

บทที่ 222 ปากดี!

“เฉียวเจียไคนายต้องรับผิดชอบคำพูดนี้!”จี้ช่าวเหลยกล่าวอย่างเย็นชาดวงตาของเขาวูบไหว ความโกรธในใจของเขาตอนนี้มันแทบจะไม่สามารถระงับไว้ได้อีกต่อไป ไม่เพียงแต่เฉียวเจียไคคนนี้จะพูดจาดูถูกเขาแต่แม้กระทั่งคุณปู่ผู้ซึ่งเป็นผู้อาวุโสของตระกูลจี้เขาก็ยังกล้าดี!
จี้ช่าวเหลยกัดฟันกรอดและตัดสินใจอย่างลับๆ แม้ว่าเขาจะต้องถูกขับออกจากตระกูลแต่ไม่ว่ายังไงก็ตามเขาจะต้องสั่งสอนบทเรียนให้กับไอ้ชั่วเฉียวเจียไคคนนี้ให้ได้!
หรือจะต้องถึงขั้นเอาชีวิตฉันก็จะทำ!
จิตสังหารของจี้ช่าวเหลยพลุ่งพล่านไม่มีคนไหนในตระกูลจี้จะต้องมาโดนดูถูกแบบนี้! คนของตระกูลจี้ฆ่าได้หยามไม่ได้!
เฉียวเจียไคหัวเราะเสียงดัง“พี่ช่าวเหลยอย่าโกรธไปเลย ฉันก็แค่พูดความจริง ไม่มีใครสามารถมีชีวิตอยู่ยืนยาวได้เป็นร้อยเป็นพันปีหรอก คนที่แก่แล้วยังไม่ตายมันคือการขโมยชีวิต(เป็นคำพูดของขงจื้อ) อยู่นานเกินไปมักก็ไม่ใช่เรื่องดีอยู่ดี อ้อ! แล้วที่ฉันพูดแบบนี้ พี่ช่าวเหลยจะไปฟ้องใครก็ได้นะ เพราะฉันพูดเรื่องจริง ฉันก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าจะมีใครมาเอาเรื่องฉันเพราะเพียงแค่ฉันพูดตามความจริง”
“ฮึ่ม!”จี้ช่าวเหลยแค่นเสียงด้วยความโกรธเขากัดฟันและหรี่ตาเพ่งมองไปที่เฉียวเจียไคราวกับว่าเขากำลังมองไปที่คนตาย “ที่น้องชายพูดก็ไม่ผิด มันเป็นความจริงที่ไม่มีใครมีชีวิตอยู่ได้ถึงร้อยปี แต่มีคนตายเป็นจำนวนมากโดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศใหญ่ขนาดนี้ ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามีคนที่ตายก่อนวัยอันควรกี่คนในแต่ละวัน!”
ราวกับว่าเฉียวเจียไคไม่ได้ยินคำพูดของจี้ช่าวเหลยเขาเพียงแค่ยิ้มเล็กน้อยและหันไปมองข้างๆจี้ช่าวเหลย “ประธานต้วน ฉันจำได้ว่าตอนฉันอยู่ที่หยางจิง ครั้งสุดท้ายฉันได้บอกกับคุณเกี่ยวกับความร่วมมือ ตอนนี้คุณพอจะมีคำตอบให้ฉันหรือยัง”
จี้เฟิงขมวดคิ้วแน่นเฉียวเจียไคคนนี้มันจะล้ำเส้นมากเกินไปแล้ว!
นอกจากเขาจะหักหน้าจี้ช่าวเหลยโดยการเมินเฉยและหันไปพูดจาข่มขู่ต้วนเผิงต่อที่มากไปกว่านั้นคือเขาพูดสาปแช่งคุณปู่ผู้นำตระกูลจี้อย่างไม่เกรงกลัว ด้วยคำพูดนี้แม้แต่จี้เฟิงก็ยังทนไม่ได้
ทันใดนั้นหัวใจของจี้เฟิงก็สั่นไหวเขามองเห็นแววตาแห่งความภาคภูมิใจของเฉียวเจียไคออกมาแวบหนึ่งโดยไม่ได้ตั้งใจ ราวกับว่าเขารู้สึกประสบความสำเร็จกับแผนของเขา!
ทำไมถึงมีแววตาแบบนั้น!
จี้เฟิงสงบลงในทันทีและความคิดของเขาก็เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว แม้ว่าเขาจะไม่เคยอยู่ในแวดวงนี้มาก่อน แต่เขาก็พอจะรู้ว่าการพูดพาดพิงถึงผู้อาวุโสของอีกฝ่ายจะเป็นการกระตุ้นความโกรธของอีกฝ่ายได้อย่างแน่นอน!
แม้ว่าจะเป็นการทะเลาะวิวาทระหว่างคนธรรมดา2 คน แต่หากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งด่าว่า “ปู่ของแกเป็นโจรเฒ่า ทำไมถึงยังไม่ตายๆไปซักทีล่ะ!”
ในเวลานั้น100% ของการทะเลาะวิวาทจะต้องกลายเป็นการต่อสู้ที่ดุเดือดทันที ฝ่ายที่ถูกด่าจะต้องเป็นฝ่ายเริ่มก่อนโดยไม่ต้องคิดเลย เพราะนี่มันเป็นการยั่วโมโหที่ได้ผลมากกว่าการที่ตัวเองถูกด่าเองเสียอีก
เฉียวเจียไคจะไม่เข้าใจเรื่องนี้จริงๆน่ะเหรอทำไมเขาถึงพูดแบบนี้ เพียงแค่เพราะความหยิ่ง?
จี้เฟิงคงจะไม่คิดแบบนี้ถ้าเขาไม่หันไปเห็นสายตาของเฉียวเจียไคเมื่อครู่มันจึงทำให้จี้เฟิงรู้สึกได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติแน่นอน ถ้าเฉียวเจียไคไม่โง่และหยิ่งผยองเกินไป จุดประสงค์ของเขาก็มีเพียงหนึ่งเดียว นั่นก็คือเขาต้องการให้จี้ช่าวเหลยโกรธ
แต่การทำให้จี้ช่าวเหลยโกรธ….มันเป็นจะเกิดประโยชน์อะไรกับเฉียวเจียไคล่ะ
อย่างที่เฉียวเจียไคพูดถ้าจี้ช่าวเหลยต้องการจะจัดการกับตระกูลเฉียว อย่างน้อยจี้ช่าวเหลยจะต้องรอให้คุณปู่ของเขาตายไปเสียก่อน เพราะตราบใดที่คุณปู่ของเขายังอยู่ คนของตระกูลจี้จะไม่มีทางได้ใช้อิทธิพลและพลังอำนาจของตระกูลจี้เพื่อจัดการกับตระกูลเฉียวได้อย่างแน่นอน
แต่อย่าลืมว่าตอนนี้คุณปู่ผู้นำตระกูลจี้อายุเกิน80 ปีเข้าไปแล้ว ถ้าพูดกันตามความเป็นจริงในช่วงสองสามปีมานี้เขาก็ไม่ได้มีสุขภาพที่ดีนัก แล้วถ้ารอให้เขาตายขึ้นมาจริงๆ มันจะเกิดอะไรขึ้นกับตระกูลเฉียว กับความคับแค้นใจที่ตระกูลเฉียวสะสมมาไว้ตลอดหลายปี!
เฉียวเจียไคจะโง่ขนาดนี้ได้ยังไง
ความคิดเหล่านี้ผุดขึ้นมาในหัวของจี้เฟิงเขารีบดึงสติและกลับมาสงบจิตสงบใจได้อย่างรวดเร็ว แม้ว่าตอนนี้เขาจะไม่เข้าใจนั่นก็ไม่ได้หมายความว่าในอนาคตเขาจะไม่เข้าใจ แต่ที่แน่ๆ สิ่งที่เขาจะต้องทำในตอนนี้คืออย่าทำให้ความประสงค์ของเฉียวเจียไคสำเร็จได้ ไม่ว่าเขาจะทำมันไปเพื่ออะไรก็ตาม จี้เฟิงจะต้องไม่ปล่อยให้จี้ช่าวเหลยโกรธมากไปกว่านี้จนขาดความยับยั้งชั่งใจ
เมื่อคิดได้เช่นนี้จี้เฟิงก็หยิบแก้วไวน์ขึ้นมาจากพนักงานเสิร์ฟข้างๆเขาถือขึ้นมาแล้วจิบเข้าปากไปเล็กน้อย ด้วยการกระทำนี้เขาแอบสัมผัสกับจี้ช่าวเหลยอย่างแนบเนียน
“พี่รองเรามาดื่มกันเถอะ!”จี้เฟิงยิ้มราวกับว่าเขาไม่ได้ยินบทสนทนาระหว่างจี้ช่าวเหลยกับเฉียวเจียไค แม้แต่ในโอกาสเช่นนี้ จี้เฟิงก็ยังคงสวมชุดลำลองที่เรียบง่ายที่สุด แต่เสื้อผ้าที่เรียบง่ายและธรรมดาบนร่างกายของเขากลับทำให้เขาดูไม่ธรรมดา บวกกับร่างกายที่สูงกำยำและน้ำเสียงที่สงบนิ่งแต่มั่นคง
จี้ช่าวเหลยตกตะลึงเมื่อหันไปเห็นสีหน้าและรอยยิ้มอันสดชื่นของจี้เฟิงจากนั้นเขาก็สงบลงได้ทันทีและหยิบแก้วไวน์ขึ้นมาชนกับจี้เฟิงและพูดด้วยรอยยิ้ม “ไวน์แบบนี้เด็กแบบนายดื่มไปจะดีเหรอ นายดื่มไม่เก่งไม่ใช่เหรอ”
เมื่อคําพูดนี้ออกมาหลี่เว่ยตงที่อยู่ข้างๆ ก็รู้สึกเขินอายขึ้นมาทันที เพราะเครื่องดื่มและอาหารในงานเลี้ยงนี้เขาเป็นคนจัดเตรียมไว้ทั้งหมด จี้ช่าวเหล่ยพูดคํานี้ก็เหมือนตบหน้าเขา มันเป็นการหักหน้ากันแบบซึ่งๆหน้า
จี้เฟิงยิ้ม“ก็แค่จิบๆไปตามธรรมเนียม ชนแก้วเพื่อเป็นสีสันก็พอ!”
ทั้งสองพูดคุยกันเองโดยไม่สนใจเฉียวเจียไคและหลี่เว่ยตงที่อยู่ข้างๆพวกเขาเลย
สายตาของเฉียวเจียไคหันไปสนใจจี้เฟิงทันทีเขามองตั้งแต่หัวจรดเท้าด้วยความสงสัยเขายิ้มและอดไม่ได้ที่จะถามขึ้น “พี่ช่าวเหลย น้องชายคนนี้คือ… พี่ไม่คิดที่จะแนะนำให้ฉันรู้จักหน่อยเหรอ”
“หืม”
จี้ช่าวเหลยยังไม่ทันจะพูดอะไรจี้เฟิงที่ส่ายหัวเล็กน้อยก็พูดขึ้นมาว่า “คนอย่างคุณมีคุณสมบัติพอที่จะรู้จักกับฉันด้วยเหรอ ฮ่าฮ่า~! พี่รองเรามาดื่มไวน์กันอีกซักแก้วแล้วไปจากที่นี่กันเถอะ เสียเวลาเปล่าๆ” ไอลีนโนเวล
ต้วนเผิงอดไม่ได้ที่จะเหลือบมองไปที่จี้เฟิงด้วยความประหลาดใจท่าทีของเด็กคนนี้แทบไม่ต่างจากเดิมถ้าจะให้พูดถึงความต่างก็น่าจะเป็นจี้เฟิงคนก่อนหน้านี้มั่นคงและฉลาดแต่ตอนนี้เขาดู… เป็นคนนิสัยเสียขึ้นมานิดหน่อยแต่ก็ยังมีบุคลิกของคุณชายลูกหลานตระกูลใหญ่อยู่
ในขณะนี้เฉียวเจียไคที่ยืนตรงหน้าของจี้ช่าวเหลยนั้นพูดไม่ออกและไม่รู้ว่าจะพูดอะไรออกไปอยู่พักใหญ่ๆ
“เฮ้นายคือน้องชายของพี่ช่าวเหลย จี้ช่าวหยินใช่หรือเปล่า” เฉียวเจียไคที่เงียบอยู่พักใหญ่ถามขึ้น เขาเพิ่งได้ยินจี้เฟิงเรียกจี้ช่าวเหลยว่าพี่รอง จึงเดาว่าจี้เฟิงน่าจะเป็น จี้ช่าวหยินน้องชายคนเล็กของจี้ช่าวเหลย เพราะนอกเหนือจากนี้จี้ช่าวเหลยก็ไม่มีน้องชายคนอื่นอีก
จี้เฟิงเหลือบมองไปที่เฉียเจียไคด้วยหางตาและไม่สนใจเขายิ้มและพูดว่า “พี่รอง คุณต้วน ไปกันเถอะที่นี่น่าเบื่อจริงๆ”
ใบหน้าของเฉียวเจียไคเปลี่ยนไปอีกครั้งและกล่าวว่า“พี่ชาวเหล่ย น้องชายของพี่นี่วางท่าใหญ่โตกว่าพี่เสียอีกนะ!”
“เฉียวเจียไคสนใจเรื่องตัวเองก่อนดีกว่ามั้ย ว่าควรวางตัวแบบไหน”
จี้เฟิงถอนหายใจอย่างเย็นชาเขาหันกลับมาพร้อมกับชี้ไปที่หน้าของเฉียวเจียไคและพูดอย่างเหยียดหยาม “พี่รองกับฉันอุตส่าห์ไว้หน้านาย เรียกนายว่าน้องเฉียวหรือคุณเฉียว ถ้าจะเรียกแบบไม่ไว้หน้าคงเรียกว่าไอ้เฉียวไปแล้ว เป็นแค่ผู้นำตระกูลที่ตกอับ ยังกล้าที่จะทำตัวยิ่งผยองอวดดีต่อหน้าพี่รองของฉันอีก นายคิดว่านายเป็นใคร”
…………
บรรยากาศภายในห้องโถงเงียบกริบทันที!
ทุกๆคนในห้องโถงต่างจับจ้องไปที่ชายหนุ่มคนนี้ที่ยืนพูดด้วยหน้าตาที่ภาคภูมิใจพวกเขารู้สึกตกใจมาก คนๆนี้เป็นใคร ทำไมเขาถึงได้กล้าพูดกับเฉียวเจียไคขนาดนี้?!
ไม่เพียงแต่คนอื่นแม้แต่จี้ช่าวเหลยและต้วนเผิงก็มองไปที่จี้เฟิงด้วยความตกใจ และสงสัยว่าจี้เฟิงกำลังคิดอะไรอยู่ถึงได้ทำแบบนี้ การประกาศเป็นศัตรูกับเฉียวเจียไคโต้งๆแบบนี้มันไม่เป็นเรื่องที่คิดน้อยเกินไปหน่อยเหรอ?
เฉียวเจียไคก็ตกตะลึงเช่นกันเขาไม่เคยคิดว่าจะมีใครกล้าพูดต่อหน้าเขาอย่างไม่ไว้หน้าขนาดนี้ มันช่างเหลือเชื่อจริงๆ!
“เด็กน้อยนายปากดีมาก!” หลังจากนั้นไม่นานใบหน้าของเฉียวเจียไคก็กลับมาสงบนิ่งแต่สายตาที่มองจี้เฟิงนั้นเต็มไปด้วยความอาฆาตและเย็นชา มือของเขากำหมัดแน่นและคลายออก เห็นได้ชัดว่าในใจของเขาเวลานี้นั้นโกรธมาก
“เฉียวเจียไคดูเหมือนว่านายก็ยังไม่รู้เงาหัวตัวเองนะ แล้วนับประสาอะไรจะให้ฉันมารู้จักกับคนอย่างนาย” จี้เฟิงยิ้มเหยียด เขาก้าวช้าๆไปข้างหน้าและหยุดอยู่ตรงหน้าของเฉียวเจียไค “นายมันก็แค่เด็กน้อยจากตระกูลที่เสื่อมโทรม ก่อนหน้านี้ที่พี่รองของฉันปล่อยให้นายได้เชิดหน้าชูตาเป็นเพราะว่าเขาเห็นแก่คุณปู่ ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับนายเลย!”
จี้เฟิงหยุดพูดไปครู่หนึ่งจากนั้นก็ส่ายหัวและพูดต่อว่า“ฉันคิดไม่ออกจริงๆว่ามีความจำเป็นอะไรจะต้องทะเลาะกับจิ้งหรีดตัวเล็กๆแล้ววิ่งโร่ไปฟ้องคนที่บ้าน มันช่างไร้สาระ! เฉียวเจียไคบอกฉันหน่อยสิว่าตระกูลของนายมันตกต่ำจนถึงขั้นไหนแล้ว เทียบกับชนชั้นสามได้หรือเปล่า ในแง่ของความสามารถส่วนตัว ตอนนี้พี่รองของฉันเป็นผู้ควบคุมกลุ่มใหญ่กว่าหนึ่งในสามของเจียงโจว แถมผลงานของเขาก็ยังดีขึ้นทุกปี ส่วนนายตั้งแต่ออกจากกองทัพก็ไม่เห็นจะประสบความสำเร็จอะไรเลยซักอย่างจนถึงตอนนี้! ในแง่ของทรัพยากรทางการเงินก็หากินได้แต่กับการรีดไถข่มขู่คนอื่น มันช่างเป็นอะไรที่น่ารังเกียจมากที่พยายามยึดทรัพย์สินของคนอื่นมาเป็นของตัวเอง! ฉันล่ะสงสัยจริงๆว่าอะไรทำให้นายคิดว่านายเหนือกว่าคนอื่น มันมีอะไรมาทำให้นายมีความมั่นใจได้ขนาดนั้น?!”
ในทุกๆคำพูดของจี้เฟิงเขาอดไม่ได้ที่จะส่ายหัวเขาไม่รู้จะพูดอะไรกับคนแบบนี้จริงๆ (ขนาดไม่รู้นะ แรปเป็นไฟเลย) สำหรับคนแบบนี้ถ้าคุณปู่ไม่ได้สั่งพวกเขาไว้อย่างเคร่งครัดว่าไม่ให้จัดการกับคนของตระกูลเฉียว เขาเกรงว่าตระกูลเฉียวคงจะถูกกวาดล้างจนสิ้นชื่อไปนานแล้ว แล้วเฉียวเจียไคยังจะเอาอะไรมามั่นหน้าได้ขนาดนี้
มันก็แค่หมาเห่าใบตองแห้ง!จี้เฟิงหัวเราะเยาะ
ทุกคนนิ่งเงียบหลังจากได้ยินคำพูดทุกคำของจี้เฟิงอย่างชัดเจนในตอนนี้ใบหน้าของเฉียวเจียไคกลายเป็นสีฟ้าและขาวสลับกับปากของเขาที่อ้าและหุบลงไม่รู้กี่รอบ แต่เขาก็ไม่สามารถพูดโต้แย้งอะไรออกไปได้ เพราะสิ่งที่จี้เฟิงพูดนั้นเป็นความจริง
หากไม่ต้องคำนึกถึงความอิทธิพลของตระกูลทรัพยากรทางการเงินของเขายังห่างไกลมากเมื่อเทียบกับจี้ช่าวเหลย สาเหตุส่วนหนึ่งที่ทำให้เขาอาละวาดได้ขนาดนี้แท้จริงแล้วเป็นเพราะผู้อาวุโสผู้นำของตระกูลจี้ได้สั่งไม่ให้จัดการกับตระกูลเฉียวของเขา เขาได้จับจุดอ่อนของจี้ช่าวเหลยและใช้เรื่องนี้ให้เป็นประโยชน์ และนี่คือสาเหตุที่เขากล้าทำเช่นนี้
แม้ว่าจะมีเหตุผลอื่นอยู่ด้วยแต่สิ่งที่จี้เฟิงพูดนั้นเรียกได้ว่าถูกต้อง!
“เช่นเดียวกันสำหรับฉันถ้าไม่ใช่เพราะฉันเห็นแก่ความสัมพันธ์ระหว่างนายกับพี่รอง คนอย่างนายก็ไม่มีคุณสมบัติที่จะคุกเขาลงบนพื้นและเลียรองเท้าของฉันด้วยซ้ำ และคนอย่างนายยังมีหน้ามาฉายแสงอยู่ที่นี่อีกงั้นเหรอ” จี้เฟิงส่ายหัวด้วยความรังเกียจจากนั้นเขาก็หันหน้าหนีและพูดว่า “พี่รอง คุณต้วน ไปกันเถอะ อยู่ใกล้คนแบบนี้มีแต่จะลดค่าของพวกเรา!”
ฉันไม่มีคุณสมบัติที่จะเลียรองเท้าของแกงั้นเหรอ
ทันใดนั้นความโกรธและความอับอายก็พุ่งขึ้นจากหัวใจของเฉียวเจียไคเขาตะโกนเสียงดังลั่น “ไอ้เด็กเชี่ย กูจะฆ่ามึง!!”

The Ultimate Student สุดยอดนักเรียนสมองอัจฉริยะ

The Ultimate Student สุดยอดนักเรียนสมองอัจฉริยะ

Status: Ongoing

       ตลอดชีวิตที่ถูกมองด้วยสายตาดูถูกเหยียดหยาม จนถึงจุดต่ำสุดของชีวิต จี้เฟิงได้รับพลังมาจากเทคโนโลยีที่ก้าวหน้ากว่าปัจจุบันมาก มันช่วยเพิ่มความสามารถในทุกๆด้านราวกับเวทมนตร์ ตั้งแต่นั้นมาชีวิตของเขาก็ไม่ธรรมดาอีกต่อไป! ด้วยระบบอัจฉริยะที่จี้เฟิงได้ฝึกฝนจนบรรลุทักษะพิเศษ ชีวิตของจี้เฟิงกลายเป็นเรื่องราวที่น่าตื่นเต้นอย่างไม่มีที่สิ้นสุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท