The Ultimate Student สุดยอดนักเรียนสมองอัจฉริยะ – บทที่ 237 การฆาตกรรมยามค่ำคืน!

บทที่ 237 การฆาตกรรมยามค่ำคืน!

“จะต้องให้ฉันบอกอีกสักกี่ครั้งว่าก่อนที่แกจะหยิบปืนฉันสามารถฆ่าแกได้ทุกเมื่อ!”การดิ้นรนขัดขืนของหยุนเฟยหยางไม่ได้อยู่เหนือความคาดหมายของจี้เฟิง แต่เขายังไม่คิดที่จะฆ่าสองพ่อลูกคู่นี้ เพราะเป้าหมายหลักของเขาในวันนี้ไม่ใช่แค่การกำจัดพ่อลูกตระกูลหยุน แต่สิ่งที่สำคัญคือการได้รับหลักฐานการสมรู้ร่วมคิดของหยุนเฟยหยางกับบุคคลสำคัญต่างๆในเจียงโจว นี่ต่างหากคือจุดประสงค์หลักของเขา
หากไม่มีหลักฐานการที่เขามาที่นี่ในคืนนี้มันก็จะไม่มีความหมายและมันจะยิ่งส่งผลเสียให้กับแผนการที่อาสองของเขาได้วางไว้ จี้เฟิงจะไม่มีวันทำเรื่องโง่ๆเช่นนี้
มันเป็นเรื่องง่ายที่จะกำจัดหยุนเฟยหยางและหยุนปิงแต่มันไม่ง่ายที่จะได้รับหลักฐานเหล่านั้นมา คนอย่างหยุนเฟยหยางไม่มีวันจะเก็บหลักฐานสำคัญเหล่านั้นไว้ที่บ้าน ยิ่งไปกว่านั้นคนที่โหดร้ายมือเปื้อนเลือดมามากมายเช่นเขาไม่เพียงแต่จะโหดร้ายกับคนอื่นเท่านั้นแต่มันก็โหดร้ายกับตัวเขาเองเช่นกัน ดังนั้นจี้เฟิงจึงกลัวว่าถ้าใช้วิธีธรรมดากับคนอย่างหยุนเฟยหยางมันจะไม่มีผลอะไรกับเขาเลย!
จี้เฟิงเดินเข้าไปหาหยุนเฟยหยางทีละก้าวและพูดอย่างแผ่วเบา“หยุนเฟยหยาง แกไม่น่าจะใช่ผู้ชายที่โง่นะ แกก็รู้ดีนะว่าถ้าฉันไม่ได้รับสิ่งที่ต้องการฉันก็จะไม่มีวันจากไปอย่างแน่นอน แล้วแกคิดจริงๆหรือว่าแกจะหลบหนีฉันได้โดยที่แบกลูกสาวของแกไปด้วย เพราะต่อให้แกวิ่งหนีไปคนเดียวแกก็ไม่สามารถวิ่งหนีต่อหน้าฉันได้”
เมื่อมองไปที่ใบหน้าที่มืดมนของหยุนเฟยหยางจี้เฟิงก็ส่ายหัวเล็กน้อยและกล่าวว่า “แกจะมาโกรธมาเกลียดฉันฝ่ายเดียวมันก็ไม่ได้ ลองถามตัวเองดูสิว่าเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นถ้าไม่ใช่เพราะลูกสาวโรคจิตของแกทนไม่ได้ที่คนอื่นโดดเด่นกว่าและกระทำเรื่องเลวๆโดยไม่เห็นค่าชีวิตของผู้อื่น ชีวิตของแกตอนนี้ก็คงไม่ต้องมาจบลงที่นี่แบบนี้ และที่สำคัญแกควรจะรู้ไว้ เรื่องนี้มันจะไม่มีทางจบลงด้วยดี ถ้าเป็นวันแรกๆมันก็พอจะจบดีๆได้อยู่หรอกนะ แต่หลังจากนั้นจะให้มาจบด้วยดีมันคงไม่สมเหตุสมผลเท่าไหร่”
ตอนนี้จี้เฟิงนั่งอยู่บนโซฟาตัวที่หยุนเฟยหยางและหยุนปิงนั่งก่อนหน้านี้และกล่าวว่า“ฉันให้เวลาแกคิด 5 นาทีส่วนหลังจาก 5 นาทีแล้วผลที่ตามมาจะเป็นยังไงฉันคิดว่าฉันคงไม่จำเป็นต้องพูดแกก็คงจะเข้าใจ!”
ในขณะที่พูดจี้เฟิงก็ชี้ไปที่หยุนปิงที่ยืนอยู่ข้างๆหยุนเฟยหยางด้วยท่าทางที่น่ากลัวแค่นี้ก็เพียงพอแล้วที่จะอธิบายสิ่งที่จะเกิดขึ้น
จี้เฟิงนั่งอยู่บนโซฟาและนั่งดูรายการในทีวีด้วยท่าทีสบายๆโดยไม่ได้แสดงสีหน้าอะไรเลย ราวกับว่าตอนนี้เขาไม่ได้ข่มขู่คุกคามใคร แต่กำลังพูดคุยเรื่องอื่นๆทั่วไป
สีหน้าของหยุนเฟยหยางเปลี่ยนไปและเหงื่อเย็นๆยังคงผุดขึ้นบนหน้าผากของเขาไม่หยุดหยุนเฟยหยางขบฟันกรามแน่นโดยที่เขาเองก็ไม่รู้ว่าเพราะความเจ็บปวดหรือความโกรธแค้นที่อัดแน่นอยู่ในใจของเขาในตอนนี้กันแน่
ดวงตาทั้งคู่ของเขาจ้องมองไปที่จี้เฟิงอย่างดุร้ายถ้าหากแววตาที่เต็มไปด้วยความอาฆาตสามารถฆ่าคนตายได้เกรงว่าตอนนี้จี้เฟิงคงจะตายไปหลายร้อยครั้งแล้ว
อย่างไรก็ตามหยุนเฟยหยางสามารถสงบลงได้อย่างรวดเร็วในฐานะมาเฟียเขาจะไม่หมกมุ่นไปกับความโกรธที่อาจจะทำให้เขาต้องตายเร็วขึ้น
หยุนเฟยหยางเหลือบมองไปที่ลูกสาวที่กำลังหวาดกลัวข้างๆเขาโดยไม่รู้ตัวเขารู้สึกละอายมากที่ไม่อาจปกป้องลูกสาวของเขาให้ดีกว่านี้ได้
เพียงแค่กุญแจที่จี้เฟิงเขวี้ยงออกไปเมื่อครู่นี้หยุนเฟยหยางก็รู้ได้เลยว่าวันนี้เขาได้พบกับผู้ที่มีทักษะการต่อสู้ระดับปรมาจารย์เข้าจริงๆแล้ว เพราะเพียงแค่กุญแจดอกเล็กๆยังสามารถสร้างผลกระทบราวกับลูกกระสุนปืนจากความแข็งแกร่งของข้อมือและแขนของเขาเพียงอย่างเดียว นี่มันเป็นวิชาการต่อสู้แบบไหนกัน!
เหตุใดลูกสาวของเขาถึงได้ไปมีปัญหากับคนแบบนี้ได้
อย่างไรก็ตามไม่ว่าจะเป็นความรู้สึกเสียใจหรือสิ่งอื่นใดก็ไม่มีประโยชน์สำหรับสถานการณ์ในปัจจุบันสิ่งเดียวที่เขาจะสามารถทำได้ก็คือพิจารณาข้อเสนอของจี้เฟิงอย่างตรงไปตรงมา
“ถ้าฉันให้หลักฐานไปแล้วพวกเราจะได้ออกจากเจียงโจวอย่างปลอดภัยใช่มั้ย”หลังจากกัดฟันหยุนเฟยหยางก็ถามขึ้น
หัวใจของจี้เฟิงขยับหยุนเฟยหยางพูดออกมาแบบนี้มันก็หมายความว่าความดึงดันของหยุนเฟยหยางเริ่มอ่อนลง แต่จี้เฟิงไม่คิดที่จะโอนอ่อนเช่นนั้นเขากลับเพิ่มไฟเข้าไปอีกและกล่าวว่า “ไม่!”
ใบหน้าของหยุนเฟยหยางเปลี่ยนไปทันทีหยุนปิงที่หวาดกลัวอยู่แล้วก็รู้สึกกลัวมากขึ้นไปอีก เห็นได้ชัดว่าจี้เฟิงไม่คิดที่จะปล่อยพวกเขาสองคนพ่อลูกไป
“หยุนเฟยหยางแม้ว่าฉันจะปล่อยแกไปแต่ใครบางคนก็ไม่มีวันปล่อยแกไป เรื่องนี้แกน่าจะรู้ดีกว่าใครๆ เว้นเสียแต่ว่าแกจะหนีไปอยู่ต่างประเทศไม่เช่นนั้นแกก็อย่าหวังว่าจะมีชีวิตรอด” จี้เฟิงส่ายหัวเล็กน้อยและกล่าวว่า “สิ่งที่พวกแกทำมา พวกแกก็น่าจะรู้ว่าจุดจบมันจะเป็นยังไง”
หยุนเฟยหยางกัดฟันอีกครั้งแต่ไม่ได้พูดอะไรออกไป อย่างไรก็ตามมันสามารถเห็นได้ชัดจากคิ้วที่ขมวดของเขาว่าหัวใจของเขากำลังดิ้นรนอย่างรุนแรงขนาดไหน
“แกยังเหลือเวลาให้คิดเรื่องนี้อีก3 นาที!” จี้เฟิงเตือนหยุนเฟยหยางด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบ
ทันใดนั้นร่างกายที่บอบบางของหยุนปิงก็สั่นสะท้านพร้อมกันนั้นดวงตาที่เต็มไปด้วยแสงแห่งความหวังของเธอก็มองไปที่พ่อของเธอ
เมื่อเห็นแววตาของลูกสาวหยุนเฟยหยางก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเจ็บปวดหัวใจแต่เขาก็มีความคิดของตัวเอง และไม่มีใครรู้ดีไปกว่าเขาว่าเขามีหลักฐานอะไรอยู่ในมือบ้าง ถ้าสิ่งเหล่านี้ถูกปล่อยออกไปเขาเกรงว่าแม้โลกนี้จะกว้างใหญ่แต่ก็จะไม่มีที่สำหรับเขา
เขารู้ดีว่าคนที่เขาติดต่อด้วยนั้นโหดร้ายและมีอำนาจมากเพียงใด
“เหลือเวลาอีก2 นาที” จี้เฟิงพูดเบาๆ
ดวงตาของหยุนเฟยหยางค่อยๆฉายแสงที่ดุร้ายและกัดฟันและถามว่า“ไม่มีปัญหา! ถ้าอยากให้ฉันมอบสิ่งเหล่านี้ให้แก แต่แกต้องปล่อยฉันกับลูกสาวไปอย่างปลอดภัย ไม่เช่นนั้นไม่ว่าฉันหรือแกก็ไม่มีทางทำให้เรื่องนี้มันจบลงด้วยดี!”
“ฉันต้องเชื่อที่แกพูดใช่มั้ยเนี่ย”จี้เฟิงหัวเราะเยาะ “นายต้องคิดให้ออกก่อนว่าจุดประสงค์ที่ฉันมาที่นี่ในคืนนี้มันเพราะอะไร? อย่างแรกคือฉันมาเพื่อที่จะกำจัดแก่และลูกสาวของแก และสองเพื่อให้ได้สิ่งเหล่านั้นมา แกจะอยู่หรือตายมันไม่ได้อยู่ที่แกเป็นคนกำหนด!”
“หนึ่งนาที!”เสียงของจี้เฟิงค่อยๆเย็นลงพร้อมกับที่เขาค่อยๆลุกขึ้นยืน
“กริ๊ง!”
มีกุญแจปรากฏขึ้นในมือของจี้เฟิงและสายตาของเขาก็เพ่งเล็งไปที่หยุนปิง“ขาหนึ่งข้างแลกกับเวลาที่เกินมาหนึ่งนาที!”
“อา…!!”หยุนปิงกรีดร้องด้วยความตกใจ ร่างกายของเธอสั่นสะท้านจนแทบจะไม่มีแรงยืน
หยุนเฟยหยางพยุงลูกสาวของเขาด้วยมือข้างที่ไม่ได้รับบาดเจ็บเขากัดฟันและพูดว่า“เป็นมนุษย์เหมือนกัน อย่าโหดร้ายให้มันมากเกินไปนัก!”
“สามสิบวินาที!”จี้เฟิงพูดอย่างเย็นชาโดยไม่สนใจคำพูดของหยุนเฟยหยาง โหดร้ายมากเกินไปงั้นเหรอ เหอะ! ตลกสิ้นดี! ที่พวกแกยังมีชีวิตอยู่รอดจนถึงตอนนี้ฉันก็เมตตามากพอแล้วยังจะมาหาว่าฉันโหดร้ายมากเกินไป?!
กล้าพูดมาได้อย่างไรกับคำว่าโหดร้ายเกินไปกับเพื่อนมนุษย์พวกเขาได้กำหนดจุดจบของถงเล่ยด้วยคำพูดเพียงไม่กี่คำ แต่พวกเขากลับไม่เคยคิดว่าตัวเองนั้นโหดร้ายมากเกินไปหรือเปล่า!
สำหรับคนเช่นนี้จี้เฟิงไม่มีวันใจอ่อนมีคำกล่าวที่ว่า ให้ความกรุณาแก่ศัตรูคือการทำเรื่องที่โหดร้ายต่อตนเอง ถ้าฉันไม่มาที่นี่ในวันนี้และไม่ได้บอกให้ถงเล่ยย้ายไปที่บ้านพักของเขามันจะเกิดอะไรขึ้นกันเธอ… เพียงแค่คิดความหวาดกลัวก็เข้ามาเกาะกุมหัวใจของจี้เฟิงไปชั่วขณะและเหงื่อเย็นๆก็ไหล่ซึมออกมาจากแผ่นหลังของเขา
“หมดเวลาแล้ว!”จี้เฟิงก้าวไปข้างหน้าอย่างกะทันหันและตะโกนเสียงดัง “ได้เวลาที่ลูกสาวของแกจะสูญเสียขาไปหนึ่งข้าง!”
น้ำเสียงของจี้เฟิงไม่มีร่องรอยแห่งอารมณ์ใดๆเลยเมื่อเทียบกับก่อนหน้านี้ตอนนี้ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยเจตนาที่จะเอาชีวิต! ร่างกายทั้งหมดของเขาเปล่งออร่าที่น่าเกรงขามออกมา
“เดี๋ยวก่อน!ฉันจะบอก ฉันยอมบอกแล้ว!” หยุนเฟยหยางกัดฟันและตะโกนอย่างรวดเร็ว “แต่ไม่ว่ายังไงนายก็ต้องปล่อยหยุนปิงออกไปก่อน ถ้าในเมื่อพวกเราจะต้องตายกันหมด แล้วมีเหตุผลอะไรที่ฉันจะต้องบอกล่ะ!”
“ฮ่าฮ่า!ตกลง!” จี้เฟิงยิ้มเล็กน้อย “ฉันจะปล่อยเธอออกไปก็ได้ แต่เธอไม่สามารถนำเครื่องมือสื่อสารใดๆออกไปด้วยได้รวมถึงห้ามขับรถออกไปด้วย สิ่งที่เธอทำได้มีเพียงใช้ขาของเธอเพื่อเดินไปเท่านั้น!”
“ความแตกต่างระหว่างสิ่งนั้นกับความตายคืออะไร!”หยุนเฟยหยางโกรธมาก
“อย่างน้อยก็ยังมีชีวิตอยู่!”จี้เฟิงพูดเบาๆ “หรือไม่จริง!”
“ฉันขอเวลาคิดดูก่อน…”ก่อนที่หยุนเฟยหยางจะพูดจบเขาก็ถูกน้ำเสียงอันเย็นเยียบของจี้เฟิงขัดจังหวะทันที “ตอบมาเดี๋ยวนี้!”
“ตกลง!”หยุนเฟยหยางกัดฟันและพูดว่า “ฉันตกลง!”
จี้เฟิงโบกมือ“ไสหัวไป!” ไอรีนโนเวล
หยุนเฟยหยางหันไปหาลูกสาวที่ตอนนี้หน้าตาของเธอแสดงให้เห็นถึงความหวาดกลัวอย่างมากเขากัดฟันและพูดว่า “ปิงเอ๋อ รีบไป ยิ่งไกลเท่าไหร่ยิ่งดี ถ้าเป็นไปได้ก็วิ่งหนีไปซะ!”
“พ่อ…”หยุนปิงรู้สึกหวาดกลัว จนถึงตอนนี้เธอรู้สึกเสียใจที่ว่าทำไมเธอถึงได้ไปยุ่งกับถงเล่ยและมันเป็นความผิดของเธอเองที่ทำให้พ่อของเธอต้องมาตกอยู่ในสภาพเช่นนี้! ฉันทำอะไรลงไป!
“ไป!รีบไปเดี๋ยวนี้!” หยุนเฟยหยางตะคอก
“เอ้านี่!”หยุนเฟยหยางหยิบกระเป๋าสตางค์ของเขาขึ้นมาจากโต๊ะกลางหน้าโซฟาและโยนมันให้ลูกสาวของเขา “มีบัตรเครดิตอยู่ในนั้น มันจะช่วยให้ลูกหนีไปไกลแค่ไหนก็ได้!”
จี้เฟิงมองเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นตรงหน้าเขาด้วยสีหน้าเรียบเฉยและไม่มีการแสดงออกใดๆเขาพอจะเดาได้ว่ากระเป๋าสตางค์ที่หยุนเฟยหยางมองให้หยุนปิงนั้นอาจจะไม่ได้มีแค่เงินสดและบัตรเครดิตไม่กี่ใบ แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่จี้เฟิงจะต้องสนใจ ตอนนี้หยุนเฟยหยางคือเป้าหมายของเขา
“ให้เวลาลูกสาวฉันได้หนีออกไปครึ่งชั่วโมงแล้วฉันจะมอบสิ่งที่นายต้องการ!”หยุนเฟยหยางกัดฟันพูด
“ไม่มีปัญหา!”จี้เฟิงยิ้มเล็กน้อยและนั่งลงบนโซฟาอย่างสบายๆ ดวงตาของเขาจดจ่ออยู่กับทีวี แต่ขณะเดียวกันปากของเขาก็พูดขึ้นมาว่า “ถ้าลูกสาวของแกฉลาดพอเธอจะไม่เรียกคนอื่นมา ไม่อย่างนั้นละก็… หึหึ!”
หัวใจของหยุนเฟยหยางจมดิ่งลงเรื่อยๆแต่ใบหน้าของเขาไม่ได้แสดงอาการอะไรออกมา
ครืน~!
ทันใดนั้นประตูของวิลล่าก็เลื่อนลงมาทั้งประตูและหน้าต่างถูกปิดกั้นทั้งหมดห้องทั้งห้องกลายเป็นห้องลับที่ปิดสนิททันที
“นี่มันหมายความว่าอะไร”จี้เฟิงถามอย่าแผ่วเบาโดยที่ใบหน้าของเขาไม่แสดงอาการตื่นตระหนกแม้แต่น้อย
“จะหมายความว่าอะไรได้ล่ะแน่นอนว่าฉันแค่ต้องการให้แกอยู่ที่นี่!” หยุนเฟยหยางกัดฟัน “แกคิดว่าที่นี่มันจะไม่มีคนคอยคุ้มกันอยู่จริงๆน่ะเหรอ? …. เสี่ยวหัว ชีวิตของไอ้เด็กเวรนี่ขึ้นอยู่กับเจ้าแล้ว!”
“ไม่ต้องห่วงพี่ชาย!”จู่ๆก็มีเสียงที่ทุ่มต่ำดังมาจากตรงบันได จากนั้นชายหนุ่มที่มีผิวสีแทนและศีรษะเล็ก แต่ก็ดูเป็นคนที่แข็งแรงมากๆค่อยๆก้าวเดินลงมาจากบันไดของชั้นสอง
คนคนนี้มีดวงตาที่เฉียบคมโดยที่ไม่ต้องบอกก็พอจะรู้ได้ว่าคนคนนี้ต้องเป็นผู้ที่มีทักษะการต่อสู้ที่ยอดเยี่ยม!
“แม้ว่าที่ชุมชนหวังเยว่จะไม่มีหน่วยรักษาความปลอดภัยเหมือนกับชุมชนอื่นๆแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าการรักษาความปลอดภัยส่วนบุคคลจะไม่มีไปด้วย!” ในที่สุดใบหน้าของหยุนเฟยหยางก็แสดงรอยยิ้มแห่งชัยชนะในตอนนี้หยุนเฟยหยางได้เดินไปถึงประตูแล้วและเขากำลังจะเปิดประตูและออกไป
ฟึ่บ!
ทันใดนั้นลูกกุญแจก็ถูกยิงไปที่ประตูและประตูเหล็กก็ถูกเจาะด้วยกุญแจและถูกปักคาไว้อย่างนั้น!
“ฉันบอกให้แกไป”จี้เฟิงยิ้มอย่างเหยียดหยาม “แกคิดว่าฉันจะไม่รู้เรื่องพวกนี้จริงๆนะเหรอ?”

The Ultimate Student สุดยอดนักเรียนสมองอัจฉริยะ

The Ultimate Student สุดยอดนักเรียนสมองอัจฉริยะ

Status: Ongoing

       ตลอดชีวิตที่ถูกมองด้วยสายตาดูถูกเหยียดหยาม จนถึงจุดต่ำสุดของชีวิต จี้เฟิงได้รับพลังมาจากเทคโนโลยีที่ก้าวหน้ากว่าปัจจุบันมาก มันช่วยเพิ่มความสามารถในทุกๆด้านราวกับเวทมนตร์ ตั้งแต่นั้นมาชีวิตของเขาก็ไม่ธรรมดาอีกต่อไป! ด้วยระบบอัจฉริยะที่จี้เฟิงได้ฝึกฝนจนบรรลุทักษะพิเศษ ชีวิตของจี้เฟิงกลายเป็นเรื่องราวที่น่าตื่นเต้นอย่างไม่มีที่สิ้นสุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท