จี้เฟิงชะงักและมองกลับไปที่คนคนนั้นแล้วถามว่า คุณรู้จักฉันด้วยเหรอ
เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยคนนั้นยิ้มอย่างขมขื่น คุณจำฉันไม่ได้เหรอ
จี้เฟิงรู้สึกว่าคนตรงหน้าของเขานั้นคุ้นๆเขาคิดอยู่ครู่หนึ่งและนึกขึ้นมาได้ว่า อ้อ ถ้าจำไม่ผิด คุณคือโจวหลี่ใช่มั้ย
ไม่แปลกใจเลยที่เขาคิดว่าผู้ชายคนนี้ดูคุ้นๆเขาไม่ใช่ใครอื่นปรากฏว่าเขาคือ รปภ.ที่เป็นคนดูแลเรื่องที่เขาตบหยุนปิงจนตัวลอยเมื่อตอนนั้น รองหัวหน้าโจวหลี่นี่เอง
อย่างไรก็ตามครั้งสุดท้ายที่พวกเขาทั้งสองพบกันมันไม่ใช่ประสบการณ์ที่น่ายินดีเท่าไหร่นักเมื่อตอนที่เขามีปัญหากับหยุนปิง สมาชิกคนหนึ่งของทีม รปภ.ได้ออกมาห้ามเขาจนถูกเขาเตะจนขาหัก พูดกันตามตรงรปภ.ที่ขาหักคนนั้นต้องพักรักษาตัวกันเป็นเดือนๆเลยทีเดียว เมื่อเห็นว่าคนที่ก่อเรื่องในวันนี้เป็นจี้เฟิงอีกครั้งโจวหลี่ก็ยิ้มอย่างมีเล่ห์เหลี่ยมและกล่าวว่า ทำไมถึงได้เป็นคุณอีกแล้วล่ะเนี่ย!
ถ้าถามว่าโจวหลี่อยากจะจัดการกับใครบางคนในมหาวิทยาลัยน้อยที่สุดคนคนนั้นก็จะต้องเป็นจี้เฟิงอย่างไม่ต้องสงสัย
แม้ว่าจี้เฟิงจะไม่ได้เป็นคนที่ชอบอวดดีทำตัวหยิ่งยโสเหมือนเด็กเสเพลร้ายๆทั่วไปแต่เขาก็เป็นคนที่โหดเหี้ยมและเย็นชามาก เรื่องนี้ได้รับการพิสูจน์แล้ว เพราะแม้กระทั่งผู้หญิงอย่างหยุนปิงเขายังทำได้โดยไม่ลังเล แถมยังเป็นการตบอย่างไร้ความปรานี ไม่มีอะไรจะชัดเจนไปกว่านี้อีกแล้ว
ที่สำคัญกว่านั้นจี้เฟิงไม่สนใจด้วยซ้ำว่าใครจะเป็นยังไง อย่างเช่นครั้งที่แล้วเขาเตะจนขาของรปภ.คนหนึ่งหัก เขาก็แค่จ่ายเงินสองสามพันหยวนเพื่อนให้เรื่องมันจบ
แต่ถามว่าเขาได้จงใจเตะขาคนคนนั้นให้หักหรือเปล่าก็ต้องตอบว่า ไม่แน่นอน! แต่เขาก็ไม่ละเลยที่จะแสดงความรับผิดชอบแม้ว่าจะเป็นเพราะสมาชิกในทีมรปภ.คนนั้นเป็นฝ่ายเหยียดขาเข้าไปขวางเอง เรื่องนี้โจวหลี่ก็ไม่สามารถตำหนิจี้เฟิงได้ แต่มันก็เป็นเรื่องยากจริงๆที่จะให้พวกเขามีความประทับใจที่ดีต่อกัน
จนถึงตอนนี้เมื่อชื่อของจี้เฟิงถูกกล่าวถึงในทีมเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของมหาวิทยาลัย ทุกคนก็ยังคงส่ายหน้า เห็นได้ชัดว่าไม่มีใครเต็มใจที่จะเผชิญหน้ากับนักศึกษาเช่นนี้ ที่แม้ว่าเขาจะฝ่าฝืนกฎระเบียบของมหาวิทยาลัยแต่ดันมีหลักการของตัวเองในการจัดการกับผู้อื่น
โจวหลี่ยิ้มอย่างขมขื่น ทำไมฉันถึงโชคร้ายจัง ฉันเป็นคนนำทีมออกปฏิบัติหน้าที่สองครั้ง แล้วก็เป็นคุณทั้งสองครั้ง!
เมื่อได้ยินสิ่งที่โจวหลี่พูดจี้เฟิงก็รู้สึกว่ามันเป็นเรื่องตลกเขาก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มและพูดว่า นั่นน่ะสิ ฉันก็โชคไม่ดีเหมือนกันเพราะทั้งสองครั้งที่ฉันมีปัญหาในมหาลัยก็ยังได้เจอคุณทั้งสองครั้ง! ทั้งสองหนุ่มอดไม่ได้ที่จะยิ้มให้กันพวกเขาไม่ได้มีความขุ่นเคืองอะไรต่อกันมากนัก โจวหลี่ยังแอบคิดว่าจี้เฟิงดูจะคุยเก่งกว่าที่คิด ดูเหมือนว่าเหตุการณ์เมื่อครั้งนั้นหยุนปิงคงจะทำเรื่องที่ล้ำเส้นมากเกินไปจนทำให้จี้เฟิงหงุดหงิดจนต้องแสดงความโหดร้ายออกมาแบบนั้น
และนอกจากนั้นเมื่อเหตุการณ์ครั้งที่แล้วโจวหลี่ได้รู้ข่าวคราวเพิ่มเติมมาบ้างจากโพสต์ต่างๆในเว็บบอร์ดของมหาวิทยาลัยเขาจึงพอจะรู้อยู่ว่าเรื่องราวเป็นมาอย่างไร ตัวเขาเองยังอดไม่ได้ที่จะรู้สึกชื่นชมความกล้าหาญของจี้เฟิง
เพราะถ้าเป็นเขาคงไม่กล้าลงมือตบหน้าลูกสาวของCEO ฮุ่ยหวงกรุ๊ปอย่างเต็มไม้เต็มมือขนาดนั้นหรอก เมื่อพูดถึงจุดนี้คนอย่างจี้เฟิงนั้นถือได้ว่าดีกว่าคนส่วนใหญ่มาก
สิ่งที่ทำให้โจวหลี่รู้สึกประหลาดใจมากที่สุดก็คือหลังจากที่จี้เฟิงตบหยุนปิงด้วยฝ่ามือที่หนักหน่วงไปแล้วเขาก็ยังคงอยู่ดีกินดีมาจนถึงทุกวันนี้ สิ่งนี้มันสามารถอธิบายได้ว่าจี้เฟิงนั้นคงไม่ได้มีดีแค่เรื่องโชค เพราะไม่ว่าจะเป็นใครก็ตามหากรู้ว่าลูกๆของพวกเขาถูกตบตี พวกเขาจะต้องโกรธอย่างแน่นอน โดยไม่ต้องพูดถึงว่าเป็นหยุนปิงลูกคุณหนูผู้ร่ำรวย มันไม่ใช่เรื่องแปลกเลยที่คนเป็นพ่อเป็นแม่จะต้องหาวิธีเอาคืนอีกฝ่ายอย่างสาสม
แม้ว่าหลังจากเกิดเหตุการณ์นั้นประมาณหนึ่งสัปดาห์ว่ากันว่ามีบางอย่างผิดปกติเกิดขึ้นในบ้านของหยุนปิง แต่ก่อนหน้านั้นหยุนปิงก็มีโอกาสมากมายที่จะตอบโต้จี้เฟิง แต่จี้เฟิงก็ปลอดภัยดี ซึ่งสิ่งนี้ก็เพียงพอที่จะอธิบายปัญหาได้
ชายหนุ่มทั้งสองคนพูดคุยล้อเล่นกันในสำนักงานพนักงานสองคนที่อยู่ข้างๆเริ่มชักสีหน้าและรู้สึกไม่สบอารมณ์ ผู้ชายคนที่ใส่แว่นพูดอย่างไม่พอใจว่า หัวหน้าโจว นี่มันยังไงกัน ทำไมคุณไม่พาตัวนักศึกษาสองคนนี้ที่ละเมิดวินัยของมหาวิทยาลัยไปรับบทลงโทษ! โจวหลี่รู้สึกสงสารผู้ชายที่ใส่แว่นคนนี้จับใจไม่รู้ว่าต่อจากนี้จะใช้ชีวิตได้เหมือนเดิมอีกหรือไม่ จี้เฟิงคือใคร เขาคือผู้ชายที่กล้าตบหน้าลูกสาวของประธานแห่งฮุ่ยหวงกรุ๊ป! แล้วเขายังจะต้องแคร์พนักงานที่เป็นเพียงเสมียนตัวเล็กๆนี่อยู่มั้ย?!
โจวหลี่ได้แต่กระแอมไอแห้งๆหลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่งเขาก็ตัดสินใจที่จะเกลี้ยกล่อมผู้ชายคนนี้ที่เหมือนกำลังจะหาเหาใส่หัวโดยไม่รู้ตัว
เขาดึงพนักงานคนที่สวมแว่นตามาใกล้ๆและกระซิบอะไรบางอย่างทันใดนั้นสีหน้าของชายสวมแว่นก็เปลี่ยนไปทันที
เฮ้ย!เขาคือจี้เฟิงคนนั้นจริงๆน่ะเหรอ ชายสวมแว่นถามออกมาทันทีโดยไม่รู้ตัว จากนั้นเขาก็รู้สึกตัวขึ้นมาทันทีว่าในฐานะที่ตัวเองก็เป็นเจ้าหน้าที่ของมหาวิทยาลัยจะมาเกรงกลัวนักศึกษาก็คงจะไม่ใช่เรื่อง เขาจึงกระแอมไอเบาๆและพูดอย่างเคร่งขรึม แล้วยังไงจะจี้เฟิงหรือไม่ใช่จี้เฟิงหากทำผิดระเบียบวินัยก็ต้องได้รับบทลงโทษ! ไอรีนโนเวล
โจวหลี่ตบไหล่เขาและพูดด้วยเสียงที่แหบต่ำ ถือว่าฉันพูดแล้วนะ อย่ามาโทษว่าฉันไม่เตือนล่ะ ในเมื่อตอนนี้นายก็รู้แล้วว่าคนคนนี้คือจี้เฟิง แล้วคนข้างๆเขาล่ะ นายรู้หรือเปล่าว่าเขาคือใคร
ใครกัน คนใส่แว่นถามอย่างเขินๆ ตอนนี้เขาเริ่มไม่มั่นใจแล้วว่า เขาได้ทำเรื่องอะไรที่ไม่สมควรทำไปหรือเปล่า
รู้จักฮั่นกรุ๊ปในเจียงโจวหรือเปล่าล่ะคนข้างๆจี้เฟิงคือฮั่นจง ลูกชายของประธานใหญ่แห่งฮั่นกรุ๊ป ทันทีที่โจวหลี่พูดจบและเห็นว่าสีหน้าของชายใส่แว่นเปลี่ยนไปทันทีเขาก็กลั้นยิ้ม ถ้าคุณลองคิดดูดีๆ ความสัมพันธ์ระหว่างจี้เฟิงและฮั่นจงก็ไม่ต่างจากพี่น้อง แล้วคุณคิดว่าตัวตนที่แท้จริงของเขาจะธรรมดาๆงั้นเหรอ? คุณไม่ได้สังเกตเลยหรือว่าในสองคนนี้จี้เฟิงดูเป็นคนที่พูดจริงทำจริงมากขนาดไหน…
ยิ่งโจวหลี่พูดเกี่ยวกับจี้เฟิงและฮั่นจงมากขึ้นเท่าไหร่ใบหน้าของชายที่สวมแว่นก็เปลี่ยนไปมากขึ้นเรื่อยๆและในท้ายที่สุด ริมฝีปากของเขาก็สั่นสะท้านจนไม่สามารถควบคุมได้ ชีวิตทั้งชีวิตของเขาคงเทียบไม่ได้กับเส้นผมเพียงเส้นเดียวของลูกชายประธานใหญ่แห่งฮั่นกรุ๊ป
รู้หรือไม่ว่าเหล่าอุปกรณ์การสอนและเงินทุนที่ฮั่นกรุ๊ปบริจาคให้กับสหพันธ์มหาวิทยาลัยในแต่ละปีนั้นมากขนาดไหนแน่นอนว่าความสัมพันธ์ระหว่างฮั่นกรุ๊ปและกลุ่มผู้บริหารของสหพันธ์มหาวิทยาลัยมันเป็นความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันอย่างมาก เพียงแค่ข้อความสั้นๆเขาก็คงไม่สามารถทำงานอยู่ที่นี่ได้อีกต่อไปอย่างแน่นอน
แม้ว่าเงินเดือนในตำแหน่งเสมียนของสำนักงานทั่วไปจะไม่สูงนักแต่สวัสดิการของมหาวิทยาลัยนั้นดีมากส่วนงานก็สบายมาก เขาไม่อยากเสียงานที่ดีแบบนี้ไป
หัวหน้าโจคือ… เรื่องนี้ ชายสวมแว่นลูบมือของเขาไปมา ยังไงคุณก็ยังต้องพึ่งพาผมอีกมาก คุณไม่คิดว่าคุณควรจะช่วยเหลือผมในครั้งนี้เหรอ
โจวหลี่รู้สึกดูถูกเขาอยู่ในใจแต่เขาไม่ได้แสดงออกมาทางสีหน้า เพราะตามหลักแล้วยังมีอีกหลายสิ่งที่ต้องจัดการผ่านชายสวมแว่นคนนี้ แน่นอนว่าคงไม่ใช่เรื่องดีถ้าจะทำให้เขาขุ่นเคืองใจ ในเวลานี้แค่เห็นเขาถึงกับหน้าถอดสีไปบ้างก็ทำให้โจวหลี่รู้สึกพอใจมากแล้ว
หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งโจวหลี่ก็พูดว่า ฉันจะลองดู แต่ถ้าฉันพยายามแล้วไม่ได้ผล คุณคงต้องจัดการด้วยตัวเองแล้วล่ะ!
ไม่มีปัญหาไม่มีปัญหา! ชายสวมแว่นตารีบพูดว่า ฉันเห็นคุณกับผู้ชายคนนั้นมีความสัมพันธ์กันค่อนข้างดี คุณจะต้องช่วยฉันได้อย่างแน่นอน เอาเป็นว่าถ้าน้องโจช่วยพูดให้สำเร็จ คืนนี้ฉันจะพาน้องโจวไปเลี้ยงข้าวที่ร้านซีไห่หน้ามหาวิทยาลัย!
เมื่อเห็นท่าทีที่รีบร้อนที่ดูน่าสมเพชชายสวมแว่นโจวหลี่ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกมีความสุขและสะใจอยู่เล็กๆ เมื่อก่อนเวลาเขาจะต้องพึ่งพาอาศัยชายสวมแว่นจะต้องตอบแทนด้วยผลประโยชน์ที่มากหน่อยเขาถึงจะยอมทำ ใครจะคิดว่าจะมีวันแบบนี้เกิดขึ้น!
เขาจงใจแสร้งทำเป็นว่าเรื่องที่เขากำลังจะทำนั้นยากเย็นแสนเข็ญเหลือเกินและกล่าวว่า เนื่องจากเป็นธุระของพี่ชาย ฉันก็จะพยายามทำให้ดีที่สุด!
ชายใส่แว่นรู้สึกซาบซึ้งมากเขารีบพูดขึ้นทันที ขอบคุณมากน้องโจ พี่ชายคนนี้จะไม่ลืมน้ำใจของน้องโจวในครั้งนี้!
โจวหลี่ครุ่นคิดเล็กน้อยก่อนที่จะหันกลับมาทางจี้เฟิงและพูดว่า จี้เฟิง เรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้… คุณพอจะลืมๆมันไป.. ได้มั้ย
จี้เฟิงเหลือบมองเขาและยิ้มที่มุมปาก นั่นสินะ ลืมๆมันไปแล้วกัน!
ใบหน้าของโจวหลี่ร้อนวูบด้วยความเขินอายเมื่อรู้ว่าความคิดชั่วร้ายที่อยู่ในหัวของเขาถูกมองออกโดยจี้เฟิงและเขาใช้จี้เฟิงในการเอาคืนชายใส่แว่นคนนั้น การกระทำที่ชัดเจนขนาดนี้จี้เฟิงจะไม่สังเกตเห็นได้อย่างไร อย่างไรก็ตามโจวหลี่ผู้ผ่านประสบการณ์ทำนองนี้มาไม่น้อยเขาเป็นคนที่หัวดีและลื่นไหลไม่ใช่เล่น ไม่เช่นนั้นเขาคงจะไม่ได้เป็นถึงรองหัวหน้าแผนกรักษาความปลอดภัย
เขาหัวเราะและพูดว่า ฮ่าฮ่า! ขอบคุณมากที่ น้องชายจี้เห็นแก่หน้าฉันและลืมเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ คืนนี้เราไปดื่มด้วยกันหน่อยดีมั้ย!
จี้เฟิงส่ายหัวและยิ้ม ไม่ดีกว่า ถ้าฉันไปดื่มกับคุณเกรงว่าจะโดนคุณจับตัวไปที่แผนกรักษาความปลอดภัยอีกรอบ!
โจวหลี่อดไม่ได้ที่จะหัวเราะอีกครั้งเนื่องจากจี้เฟิงพูดแบบนี้ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเขาต้องการให้โจวหลี่เป็นคนออกหน้า แต่การกระทำเช่นนี้ของเขาก็ถือว่าเป็นการให้เกียรติมากแล้ว
จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเขารู้มาว่าจี้เฟิงต้องการจะสมัครบัตรรับรองที่พัก โจวหลี่จัดการรับเรื่องนี้มาทำให้ทันที อย่างน้อยในฐานะรองหัวหน้าแผนกรักษาความปลอดภัยเขาก็ยังคงมีอภิสิทธิ์อยู่บ้างเล็กๆน้อยๆ
จี้เฟิงและฮั่นจงอดไม่ได้ที่จะมองหน้ากันเรื่องนี้ช่างน่าสนใจจริงๆ ตอนแรกพวกเขาได้พบกับขยะเปียก… หมายถึงพนักงานหน้าด้านไร้ยางอย่างที่พยายามทำให้ตัวเองเป็นฝ่ายถูกจากนั้นก็ได้มีสัมพันธ์อันดีกับรองหัวหน้าแผนกรักษาความปลอดภัยของมหาวิทยาลัย ถือว่าครั้งนี้มีทั้งขาดทุนและกำไร
บัตรรับรองต้องใช้รูปถ่ายด้วยรึเปล่าวันนี้ฉันไม่ได้เอามาด้วย จี้เฟิงถามขึ้น วันนี้เขาไม่ได้พาเล่ยเล่ยมาด้วยและถ้าการสมัครต้องใช้รูปถ่าย วันนี้ก็คงจะจัดการได้ยาก
โจวหลี่ยิ้มและพูดว่า ไม่เป็นไร วันนี้ฉันจะพาคุณไปออกใบรับรองก่อน มันสามารถใช้แทนบัตรรับรองที่พักได้ชั่วคราว ไว้คุณนำรูปถ่ายมาแล้วค่อยไปสมัครให้เรียบร้อยทีหลังก็ไม่สายเกินไป อันที่จริง.. ใบรับรองชั่วคราวนี่ก็ใช้งานได้แบบเดียวกับบัตรรับรองของจริงนั่นแหละ
จี้เฟิงพยักหน้าเล็กน้อยส่วนใหญ่แล้วใบรับรองชั่วคราวส่วนมากก็ใช้งานได้ไม่ต่างจากบัตรจริงๆ แต่ตอนนี้เมื่อมีคนกำลังเพ่งเล็งถงเล่ยอยู่ การถือใบรับรองชั่วคราวอาจมีประสิทธิภาพที่ไม่เต็มร้อยนัก
สำหรับจี้เฟิงด้วยบัตรรับรองนี้เขาสามารถสั่งสอนบทเรียนที่ลึกซึ้งให้กับคนบางคนได้
ด้วยการดำเนินการของโจวหลี่รองหัวหน้าแผนกรักษาความปลอดภัยเรื่องนี้ก็ผ่านไปได้ด้วยดีโดยที่จี้เฟิงแทบไม่ต้องทำอะไรเลย เขาแค่บอกรหัสนักศึกษาของเขากับถงเล่ยให้กับโจวหลี่ จากนั้นโจวหลี่ก็ตรงไปที่สำนักงานทั่วไปเพียงไม่กี่นาทีก็ออกมา
เมื่อมองไปที่รอยยิ้มบนใบหน้าของโจวหลี่จี้เฟิงก็รู้ว่าผู้ชายคนนี้คงไปเบ่งใส่ผู้ชายใส่แว่นมาอีกแล้ว
หลังจากที่ออกมาอีกครั้งโจวหลี่ก็ดูร่าเริงและกระตือรือร้นมากขึ้น หลังจากที่มอบหลักฐานต่างๆรวมถึงบัตรรับรองชั่วคราวให้กับจี้เฟิง โจวหลี่ได้แลกเบอร์โทรศัพท์กับจี้เฟิงและฮั่นจง
จี้เฟิงรู้สึกยินดีมากที่ได้เป็นเพื่อนกับโจวหลี่การมีคนรู้จักเป็นเจ้าหน้าที่ในมหาวิทยาลัยที่คุ้นเคยกับระบบระเบียบการจัดการต่างๆเป็นเรื่องที่ดีสำหรับเขาในการจะทำสิ่งต่างๆ เหมือนกับวันนี้ ถ้าไม่ได้โจวหลี่ก็คงจะยุ่งยากกว่านี้มากจริงๆ
ไม่ว่าใครต่างก็มีประโยชน์หากรู้จักใช้คนให้เป็นและตรงกับงาน มันจะทำให้ภารกิจสำเร็จได้ง่ายขึ้น จี้เฟิงจำบทเรียนที่อยู่ในระบบฝึกของสายลับได้อย่างขึ้นใจ
โจวหลี่ฉันถามอะไรนายหน่อยสิ นายพอจะรู้จักนักศึกษาในสภานักศึกษา หรือพวกแผนกของผู้นำต่างๆบ้างมั้ย คนหนุ่มสาวแม้ว่าพวกเขาจะเพิ่งรู้สึกกัน แต่ความสัมพันธ์ก็สามารถก้าวหน้าได้อย่างรวดเร็ว จี้เฟิงไม่จำเป็นต้องพูดสุภาพกับโจวหลี่อีก เขาก็แค่ถามไปตรงๆ
ฉันก็พอจะมีคนรู้จักอยู่บ้างแต่ก็มีไม่กี่คนหรอก เพื่อการทำงานที่ราบรื่นการรู้จักกับคนในสภานักศึกษาก็เป็นเรื่องสำคัญเหมือนกัน ว่าแต่นายจะถามไปทำไมอ่ะ โจวหลี่แปลกใจ อยากสมัครเป็นคนในสภานักศึกษาเหรอ? ฉันพาไปได้นะ!
จี้เฟิงส่ายหัวและยิ้ม งานของสภานักศึกษาเป็นของพวกหัวกะทิขยันๆอย่างพวกนาย คนขี้เกียจอย่างฉันทำไม่ได้หรอก
คุณจี้เฟิงคุณไม่ได้กำลังพูดประชดผมอยู่ใช่มั้ยครับ โจวหลี่ดุด้วยรอยยิ้ม
จี้เฟิงหัวเราะเล็กน้อยและพูดว่า ฉันแค่อยากถามเกี่ยวกับใครสักคน ในแผนกแนะแนวชีวิตนักศึกษาเนี่ย คนที่เป็นหัวหน้าแผนกใช่คนที่ชื่อเว่ยเฉินหลิงหรือเปล่า
ใช่เขาเป็นประธานแผนกแนะแนวชีวิตนักศึกษาและเป็นรองประธานสภานักศึกษา โจวหลี่ตอบพร้อมกับพยักหน้า
จี้เฟิงและฮั่นจงต่างมองหน้ากันและพวกเขาก็พูดออกมาพร้อมกันว่า ใช่เขาจริงๆ!
ทำไมเหรอมีอะไรรึเปล่า? หรือพวกนายก็มีปัญหากับเขาด้วย?! โจวหลี่เห็นอะไรแบบนี้มาเยอะ มองเพียงแวบเดียวเขาก็รู้ว่าจี้เฟิงกับฮั่นจงดูไม่ค่อยเป็นมิตรเมื่อได้ยินชื่อของเว่ยเฉินหลิง
พวกเราไม่ได้รู้จักกับเขาเป็นการส่วนตัวหรอกแต่ชื่อเสียงเขาโด่งดังขนาดนี้ต่อให้ไม่อยากรู้ก็ต้องเคยได้ยินมาบ้างแหละ! ฮั่นจงแค่นเสียงอย่างเย็นชา ซึ่งนั่นทำให้โจวหลี่ถึงกับเสียวสันหลังวาบ