สติของจี้เฟิงเข้าไปอยู่ภายในจิตใต้สำนึกของเขาอีกครั้งและสมองหมายเลข 1 ที่แกว่งไปมาอยู่ด้านหน้าเขาก็ทักทายขึ้นทันที
มาสเตอร์ไม่ได้เจอกันนานเลยนะครับ สมองหมายเลข 1 กล่าว
นี่นานแล้วเหรอไม่ใช่แค่สองวันเหรอ? จี้เฟิงตกใจเล็กน้อยแม้เขาจะพูดคุยตอบโต้กับสมองหมายเลข 1 ในทันที เขาอดไม่ได้ที่จะมองไปยังสมองหมายเลข 1 ด้วยความประหลาดใจ คุณสมอง คุณเรียนรู้ที่จะเป็นฝ่ายทักทายตั้งแต่เมื่อไหร่?
สมองหมายเลข1 คนก่อนไม่ใช่แบบนั้น อย่างมากเขาก็แค่สวัสดีไม่มีการพูดอะไรที่ดู… เหมือนมีความเป็นมนุษย์แบบนี้
สมองหมายเลข1 กล่าวว่า มาสเตอร์ สมองจะรวบรวมข้อมูลภายนอกโดยอัตโนมัติและประมวลผลเป็นข้อมูลของตัวเอง ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในระบบที่จะทำให้สมองสามารถบริการโฮสต์ได้ดีมากขึ้น
อ้อ!อย่างนี้นี่เอง! จี้เฟิงพยักหน้าอย่างเข้าใจ เป็นฟังก์ชั่นที่ดีจริงๆ ตอนแรกเขาคิดว่ามันจะเหมือนกับในหนัง ที่พวกหุ่นยนต์ที่มีปัญญาประดิษฐ์จะเริ่มมีวิวัฒนาการและในที่สุดก็ควบคุมมนุษย์เพื่อที่จะยึดครองโลก!
แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไรแบบนั้นเกิดขึ้นการมีอยู่และการพัฒนาของสมองหมายเลขหนึ่งล้วนทำเพื่อตัวเขาเองเท่านั้น ซึ่งถือว่าดีทีเดียว!
จี้เฟิงโยนความคิดที่ฟุ้งซ่านออกไปทันที คุณสมอง คุณพอจะเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นในคืนนี้หรือเปล่า พลังงานไฟฟ้าชีวภาพในร่างกายของผมมีต้นกำเนิดมาจากพลังปราณจริงเหรอ
มาสเตอร์ตามข้อมูลที่สมองรวบรวมได้ ยังไม่สามารถตัดสินได้อย่างแม่นยำ สมองหมายเลข 1 กล่าว เนื่องจากสมองไม่ได้รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับพลังปราณที่แท้จริงโดยกำเนิด อย่างไรก็ตาม สมองได้รวบรวมข้อมูลของบุคคลที่ต่อสู้กับมาสเตอร์ในวันนี้ไว้หมดแล้ว เป็นเรื่องจริงที่พลังงานในร่างกายของเขามีความคล้ายคลึงกับพลังงานไฟฟ้าชีวภาพของมาสเตอร์แต่ไม่ว่าจะเป็นความเข้มข้นของพลังงานหรือความบริสุทธิ์ของพลังงานก็ไม่อาจเปรียบเทียบกับพลังงานไฟฟ้าชีวภาพของมาสเตอร์ได้เลย
เขาก็มีพลังงานแบบนี้อยู่ในร่างกายเขาด้วยเหรอ จี้เฟิงขมวดคิ้วเล็กน้อย ทันใดเขาก็เหมือนจะนึกถึงอะไรบางอย่างและถามทันที ถ้าอย่างนั้น พลังงานในร่างกายของเขาสามารถนำมาใช้ในการต่อสู้ได้หรือเปล่า? แล้วอะไรคือความแตกต่างระหว่างความเข้มข้นของพลังงานในร่างกายเขากับพลังงานไฟฟ้าชีวภาพในร่างกายของผม?
สามารถใช้ในการต่อสู้ได้และยังสามารถเพิ่มพลังและความเร็วได้มากกว่าปกติสามเท่าอย่างไรก็ตามพลังงานของเขาไม่สามารถเทียบได้กับพลังงานกระแสไฟฟ้าชีวภาพของมาสเตอร์ เนื่องจากไม่มีข้อมูลเปรียบเทียบที่สอดคล้องกัน สมองหมายเลข 1 กล่าว แต่ถ้าเปรียบเทียบความเข้มข้นของพลังงาน พลังงานกระแสไฟฟ้าชีวภาพของมาสเตอร์จะมีมากกว่าเขาถึงสิบเท่า! ส่วนความบริสุทธิ์อย่างน้อยก็ห้าสิบเท่าหรือมากกว่านั้น
พลังงานกระแสไฟฟ้าชีวภาพของฉันมันแข็งแกร่งมากขนาดนั้นเลยเหรอ จี้เฟิงตกตะลึงในทันที
เพราะตามการคาดเดาของเขาพลังงานในร่างกายของหวังเหวินเหลียงน่าจะเป็นพลังปราณที่แท้จริงในตำนาน ซึ่งน่าจะเป็นพลังเดียวกันกับกำลังภายในของนิยายและภาพยนตร์ และตามคำกล่าวของหวังเหวินเหลียง พลังปราณที่แท้จริงที่อยู่ในตัวของจี้เฟิงนั้นคือพลังของกระแสไฟฟ้าชีวภาพที่ถูกเรียกว่าพลังปราณที่แท้จริงโดยกำเนิด
แม้ว่าหวังเหวินเหลียงจะดูเคารพและชื่นชมในพลังปราณที่แท้จริงโดยกำเนิดมากแต่ความแตกต่างถึงห้าสิบเท่ามันจะไม่มากเกินไปหน่อยหรือ มันเหลือเชื่อเกินไป!
ความเข้มข้นของพลังงานที่ว่านี้สามารถสะสมได้และเมื่อเวลาของการฝึกฝนที่เพิ่มมากขึ้นปริมาณของกระแสไฟฟ้าชีวภาพในร่างกายก็จะเพิ่มขึ้นดังนั้นช่องว่างที่ว่านี้สามารถแสดงให้เห็นถึงระยะเวลาของการฝึกฝนของปรมาจารย์แห่งศิลปะการต่อสู้เท่านั้น อย่างไรก็ตามความบริสุทธิ์ของพลังงานแสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของพลังงานจริงๆ
ซึ่งเป็นเหมือนความแตกต่างระหว่างแบตเตอรี่แห้งและไฟฟ้าแรงสูงถ้าพลังงานในแบตเตอรี่แห้งมีมากเพียงพอ ก็อาจจะพอเปรียบเทียบได้กับปริมาณไฟฟ้าที่ปล่อยออกมาจากไฟฟ้าแรงสูงในเวลาสั้นๆ
แต่อย่างไรก็ตามไม่ว่าจะมีแบตเตอรี่แห้งสักกี่ก้อนก็คงเทียบไม่ได้กับความเข้มข้นของพลังงานที่ผลิตโดยไฟฟ้าแรงสูง
ถ้าจะพูดตรงๆก็คืออย่างหนึ่งคือปริมาณอีกอย่างคือคุณภาพทั้งสองนั้นไม่เหมือนกันเลย
โดยการอ้างอิงถึงหวังเหวินเหลียงและสมองหมายเลข1 จี้เฟิงได้ข้อสรุปว่า พลังปราณที่แท้จริงนั้นจะเทียบเท่าได้กับแบตเตอรี่แห้ง ส่วนพลังปราณที่แท้จริงโดยกำเนิดจะเทียบเท่ากับไฟฟ้าแรงสูง!
ช่องว่างนี้เกินจริงเกินไป! จี้เฟิงส่ายหัวด้วยความไม่อยากจะเชื่อและรู้สึกตกใจอยู่ไม่น้อย เขาไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าพลังงานไฟฟ้าชีวภาพในร่างกายของเขาจะทรงพลังมากขนาดนี้
เป็นไปได้มั้ยที่คนพวกนั้นอ่อนแอเกินไปนั่นจึงเป็นเหตุว่าทำไมพลังกระแสไฟฟ้าชีวภาพของฉันถึงได้ทรงพลังกว่าเมื่อเทียบกับคนเหล่านั้น จี้เฟิงอดไม่ได้ที่จะพึมพำกับตัวเอง นี่มันไม่ใช่ยุคแห่งตำนานที่จะมีเทพหรือภูตผีวิ่งไปทั่วทุกที่ ไม่ว่าคนคนหนึ่งจะแข็งแกร่งแค่ไหน ก็ใช่ว่าจะมีศักยภาพมากกว่าปรมาจารย์หรือยอดฝีมือคนอื่นๆถึงสิบเท่า! Aileen-novel
สมองหมายเลข1 คุณแน่ใจนะว่าคุณไม่ได้คำนวณผิด จี้เฟิงอดไม่ได้ที่จะถามย้ำเพื่อความแน่ใจ
ครับมาสเตอร์ ความน่าจะเป็นที่จะเกิดความผิดพลาดของโปรแกรมของสมองมีเพียงหนึ่งในล้านล้านเท่านั้น! สมองหมายเลข 1 กล่าว
จี้เฟิงคงต้องเชื่อแล้วล่ะว่าเขาเป็นผู้ชายที่มีพลังมากจริงๆและพลังไฟฟ้าชีวภาพที่เขาได้ครอบครองนั้นก็ทรงพลังมากกว่าปรมาจารย์ทั่วไปอย่างน้อยก็ห้าสิบเท่า!
แบบนี้ก็ดีเหมือนกันแฮะ! จี้เฟิงพยักหน้าและยิ้ม อย่างน้อยสำหรับเรื่องนี้เขาก็ไม่ต้องคอยกังวลว่าหลังจากที่จัดการหวังเหวินเหลียงไปแล้วจะถูกคนที่มีอำนาจมากกว่ามาสร้างปัญหาให้กับเขาในภายหลัง อย่างน้อยในแง่ของพลังและความแข็งแกร่งเขาก็ไม่ด้อยไปกว่าคนอื่น
มาถึงตอนนี้แล้วจี้เฟิงก็ไม่มีอะไรให้ต้องกังวล
ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกกระตือรือร้นขึ้นมาทันทีและพูดว่า คุณสมอง เรามาฝึกกันเถอะ!
………………
ห้าวันต่อมาที่หอพักฟื้นในแผนกผู้ป่วยในของโรงพยาบาลเพื่อประชาชนแห่งเจียงโจว
หวังเหวินเหลียงลืมตาขึ้นเล็กน้อยอย่างช้าๆและสิ่งแรกที่เขาเห็นก็คือใบหน้าของเทียนกั๋วถงและเฉียวหรงรวมถึงศิษย์ร่วมสำนักเดียวกับเขา
ห้าพี่ห้า… หวังเหวินเหลียงพูดอย่างยากลำบาก เขารู้สึกได้แค่เพียงความเจ็บปวดไปทั่วทั้งตัวและคอของเขาก็แห้งผากจนทนไม่ไหว
เหวินเหลียงในที่สุดนายก็ตื่นแล้ว ชายหนุ่มพูดอย่างมีความสุข โชคดีที่ฟื้นขึ้นมาซักที นายอยู่ในอาการโคม่ามาหลายวัน พี่ห้ากับนายหญิงเฉียวเป็นห่วงแทบตาย ถ้าไม่ใช่เพราะพี่ห้าห้ามฉันไว้ฉันคงไปฆ่าไอ้สารเลวนั้นเพื่อระบายความโกรธที่มันทำกับนายแบบนี้!
แววตาของหวังเหวินเหลียงแสดงร่องรอยของความอับอายแต่เมื่อได้ยินว่าศิษย์ร่วมสำนักกำลังจะไปแก้แค้นจี้เฟิงให้เขา เขาก็ตื่นตระหนกและรีบโบกมือด้วยความยากลำบาก อย่า! อย่าไป นายไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา!
ทำไม ชายหนุ่มเต็มไปด้วยความไม่พอใจ ฉันได้ยินเจ้านายตัวน้อยบอกมาว่า ไอ้สารเลวจี้เฟิงมันวางแผนที่จะอาศัยความมืดและคอยหลบซ่อนตัวอยู่ในนั้นและหาจังหวะลอบโจมตีนายโดยไม่ให้ตั้งตัว แล้วทำไมฉันถึงจะไประบายความโกรธกับคนสารเลวแบบนั้นไม่ได้!
ลอบโจมตีในความมืด หวังเหวินเหลียงอดไม่ได้ที่จะยิ้มอย่างขมขื่นและพูดด้วยความยากลำบาก ไม่ใช่ว่าเขาวางแผนที่จะลอบโจมตีฉันหรอก แต่พวกฉันตั้งหากที่คอยซุ่มโจมตีเขา แต่สุดท้ายพวกฉันก็เป็นฝ่ายที่พ่ายแพ้เสียเอง
เป็นไปได้ยังไง! ชายหนุ่มไม่อยากจะเชื่อเลย จี้เฟิงจะเอาชนะศิษย์ร่วมสำนักที่เป็นรุ่นพี่ของเขาได้ยังไง? แถมยังมีจำนวนคนที่มากกว่าด้วยซ้ำ!
ทันใดนั้นเขาก็คิดถึงความน่าจะเป็นและพูดว่า ฉันรู้แล้ว ไอ้สารเลวนั่นมันต้องมีแว่นสำหรับใช้มองในตอนกลางคืนหรืออุปกรณ์ช่วยเหลืออย่างอื่นแน่นอน ไม่อย่างนั้นมันจะรู้ตำแหน่งของนายอย่างแม่นยำในความมืดได้ยังไง ใช่แล้ว! มันต้องเป็นเพราะแบบนี้แน่ๆ!
เทียนกั๋วถงไม่คิดตื้นๆเหมือนชายหนุ่มเขาขมวดคิ้วเล็กน้อยและถามว่า เหวินเหลียง ฉันได้ยินเจ้านายตัวน้อยบอกว่าก่อนที่นายจะหมดสติไป นายพูดออกมาว่าปราณโดยกำเนิด มันคือเรื่องจริงหรือเปล่า
หวังเหวินเหลียงพยายามฝืนความเจ็บปวดเพื่อพยักหน้าพร้อมกับมีความหวาดกลัวแฝงอยู่ในแววตาของเขา จริง!
ใบหน้าของเทียนกั๋วถงถึงกับเปลี่ยนไปทันที มันเป็นเรื่องจริงหรือนี่ จี้เฟิงคนนี้มีพลังปราณ… ใช่พี่ห้า เขาเป็นปรมาจารย์ศิลปะการต่อสู้โบราณที่มีพลังปราณโดยกำเนิดจริงๆ! หวังเหวินเหลียงกล่าวยืนยันอีกครั้ง ยิ่งไปกว่านั้นพลังปราณของเขานั้นบริสุทธิ์อย่างมาก ฉันไม่เคยเห็นพลังปราณที่แท้จริงโดยกำเนิดบริสุทธิ์ขนาดนี้มาก่อน ถึงแม้ว่าจะเป็นท่านอาจารย์ของเราก็ไม่บริสุทธิ์เช่นนี้!
นักสู้โดยกำเนิด… ใบหน้าของเทียนกั๋วถงกลายเป็นน่าเกลียด เรากำลังต่อสู้กับนักสู้โดยกำเนิดหรือนี่ ฮ่าฮ่า~! ไม่น่าแปลกใจเลยที่ทำไมเขาถึงไม่ใช้พลังงานที่แท้จริงในเหตุการณ์การต่อสู้ที่หน้าประตูใหญ่ร้านเฟอร์นิเจอร์ในวันนั้น…. สำหรับปรมาจารย์ศิลปะการต่อสู้โบราณที่มีพลังปราณแท้โดยกำเนิด แค่มือข้างเดียวก็เพียงพอแล้วที่จะจัดการกับพวกอันธพาลเหล่านั้น แล้วจะมีความจำเป็นอะไรที่เขาจะต้องใช้พลังปราณที่แท้จริงโดยกำเนิด!
ชายหนุ่มข้างๆไม่ค่อยเชื่อนัก พี่ห้า พี่พูดเกินจริงไปหรือเปล่า จี้เฟิงจะแข็งแกร่งขนาดนั้นได้ยังไง เขาเพิ่งจะอายุ 20 ปีเท่านั้น เขาจะฝึกฝนพลังปราณที่แท้จริงโดยกำเนิดได้ยังไง หรือต่อให้เขาเป็นนักสู้ที่มีพลังปราณโดยกำเนิดจริงๆ มันก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะเป็นอมตะซักหน่อย เขายังเด็กและทักษะของเขาก็คงไม่ได้เชี่ยวชาญลึกซึ้งอะไรมาก เพียงแค่เรามีอาวุธ แค่นี้ก็น่าจะมากพอที่จะใช้จัดการเขาได้แล้วไม่ใช่เหรอ!
แม้ว่าทักษะของเขาอาจจะไม่ได้ฝึกจนลึกซึ้งมากพอแต่ความสามารถของเขาไม่ได้อาศัยเพียงแค่พลังปราณที่แท้จริงโดยกำเนิดเพียงอย่างเดียว! หวังเหวินเหลียงกล่าวอย่างขมขื่น
ใบหน้าของเทียนกั๋วถงเปลี่ยนไปอีกครั้งเขารีบถามทันที นายหมายความว่าอย่างไร
หวังเหวินเหลียงคิดอยู่ครู่หนึ่งจากนั้นจึงเอ่ยสิ่งที่อยู่ในความคิดของเขา….
ความสยองขวัญของจี้เฟิงใครที่ไม่เคยได้สัมผัสกับตัวเองจะไม่มีทางเข้าใจได้ดีเท่ากับคนที่เคยประสบมาแล้วอย่างแน่นอน ในตลอดระยะเวลาห้าวันที่ยังอยู่ในอาการโคม่าหวังเหวินเหลียงใช้เวลาเกือบทั้งหมดจมอยู่ในฝันร้ายของเขา ในความฝันนั้นเกือบทุกฉากมันคือตอนที่เขาได้เผชิญหน้ากับจี้เฟิงในคืนนั้น
เมื่อมองย้อนกลับไปอย่างละเอียดถี่ถ้วนอีกครั้งหวังเหวินเหลียงก็ตระหนักว่าความสยองขวัญที่แท้จริงของจี้เฟิงไม่ใช่แค่การที่เขาได้ครอบครองพลังปราณที่แท้จริงโดยกำเนิดที่คนอื่นได้แต่ใฝ่ฝันถึงเท่านั้น แต่มันเป็นการที่ต้องตกอยู่ใต้เงื้อมมือของเขา การกระทำทุกขั้นตอนของเขาช่างโหดเหี้ยมและเลือดเย็นนี่แหละคือความสยองขวัญที่แท้จริงของจี้เฟิง
ปรมาจารย์ศิลปะการต่อสู้แบบโบราณที่มีพลังปราณที่แท้จริงโดยกำเนิดนั้นช่างน่ากลัวและทรงพลังอย่างแท้จริงหากได้รับการฝึกฝนพลังปราณที่แท้จริงโดยกำเนิดจนถึงขั้นสูงสุด ว่ากันว่ามันสามารถเตะต้นไม้ใหญ่ให้โค่นล้มได้ด้วยการเตะเพียงครั้งเดียว และสามารถทุบก้อนหินให้แตกละเอียดได้ภายในหนึ่งหมัด และถ้าเขาใช้ความเร็วถึงขีดสุดคนที่พอจะมีทักษะอยู่บ้างก็คงจะทันที่จะได้เห็นเงาแต่ถ้าเป็นคนธรรมดาทั่วไปอย่าหวังเลยว่าจะได้เห็นแม้แต่เงา
อย่างไรก็ตามจี้เฟิงยังอายุน้อยและการฝึกฝนของเขายังไม่ถึงขั้นกระสุนปืนยังคงเป็นภัยคุกคามที่ร้ายแรงต่อเขาอย่างมาก ดังนั้นตั้งแต่แรกเริ่มจี้เฟิงจึงไม่ใช้วิธีการในการเผชิญหน้ากับพวกเขาโดยตรง และด้วยเหตุนี้ วิธีที่น่ากลัวของเขาจึงแสดงให้เห็นออกมาอย่างชัดเจน
อย่างแรกจี้เฟิงโจมตีผู้คนที่ซุ่มอยู่ด้านนอกทีละจุดๆและสุดท้ายก็สามารถเข้าไปในโรงงานได้อย่างราบรื่น
หลังจากที่จี้เฟิงถูกจับได้ว่าแอบเข้ามาในโรงงานเขาก็ใช้เสื้อแจ็คเก็ตเพียงตัวเดียวเพื่อเปิดเผยตำแหน่งของมือปืนทั้งหมดที่ซุ่มโจมตีอยู่และยังตอบโต้ไปยังมือปืนเหล่านั้นได้อย่างแม่นยำ เป็นผลให้พวกเขาพ่ายแพ้ให้แก่จี้เฟิงทีละคนๆ และที่สำคัญที่สุดในกระบวนการทั้งหมดนี้เขาไม่ได้ฆ่าใครเลยแม้แต่คนเดียว
มันไม่น่ากลัวหรอกหรือสำหรับเด็กหนุ่มที่มีความแม่นยำระดับนี้ใช้วิธีการที่ฉลาดหลักแหลมเช่นนี้ และยังกระทำการทั้งหมดในความมืด!
เมื่อเทียนกั๋วถงและชายหนุ่มรวมถึงเฉียวหรงฟังจบพวกเขาก็ได้แต่เงียบกริบ มีศัตรูที่แข็งแกร่งเช่นนี้คงไม่มีใครรู้สึกยินดี แม้เทียนกั๋วถงก็ไม่อาจพูดได้อย่างเต็มปากเต็มคำว่าเขาและจี้เฟิงอยู่ในระดับเดียวกัน
เมื่อพูดถึงการต่อสู้จี้เฟิงคือปรมาจารย์ศิลปะการต่อสู้ที่มีพลังปราณโดยกำเนิด และเมื่อพูดถึงอิทธิพลในเจียงโจว อำนาจส่วนใหญ่ก็ถูกควบคุมโดยตระกูลจี้ การที่พวกเขาสามารถเดินทางมาที่เจียงโจวได้นั่นเป็นเพราะว่าพวกเขาไม่ได้เป็นที่รู้จักหรือตระกูลจี้จงใจปล่อยให้พวกเขาเข้ามา
หากพูดถึงกลอุบายผลลัพธ์ของหวังเหวินเหลียงก็เป็นตัวอย่างที่ดีที่สุด แล้วจะต่อสู้กับสิ่งนี้ได้อย่างไร…..