ตูม—!
เมื่อหมัดแรกของจี้เฟิงถูกชกออกไปมันก็กระแทกเข้ากับแขนของหวังเหวินเหลียงที่ยกขึ้นมาบังโดยอัตโนมัติทันทีที่รู้สึกถึงอันตราย แต่สิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นเมื่อการ์ดของหวังเหวินเหลียงไม่อาจป้องกันหมัดอันรุนแรงของจี้เฟิงได้ มันทะลุเข้าไปกระแทกที่หน้าอกของเขาเต็มๆ ดวงตาของเขาเบิกโพลงจ้องตามหมัดของจี้เฟิงอย่างตื่นตะลึง
หน้าอกของหวังเหวินเหลียงยุบเข้าไปลึกจากหมัดของจี้เฟิงและกระดูกของเขาก็แตกเป็นเสี่ยงๆสีหน้าท่าทางของเขาในเวลานี้เหมือนกับว่าเขากำลังถูกรถบรรทุกที่บรรทุกสิ่งของหนักหลายสิบตันพุ่งเข้าชนด้วยความเร็วสูง มันน่าสะพรึงกลัวมาก!
หมัดเดียวแค่หมัดเดียวเท่านั้น หวังเหวินเหลียงปรมาจารย์ด้านมวยกำลังภายในก็พ่ายแพ้และได้รับบาดเจ็บสาหัส ดวงตาของหวังเหวินเหลียงจ้องเขม็งไปที่จี้เฟิงในสายตาเต็มไปด้วยความไม่อยากจะเชื่อปากของเขาเปิดอ้าออกและพูดออกมาอย่างยากลำบาก น่ะ.. นี่มันปราณแท้โดยกำเนิด เป็นไปได้ยังไง!
ชายหนุ่มอายุประมาณ20 ปีได้ฝึกฝนพลังปราณแท้โดยกำเนิด หวังเหวินเหลียงไม่อยากจะเชื่อ สิ่งนี้ทำลายความรู้ความเข้าใจของเขาไปจนหมด!
ในความทรงจำของหวังเหวินเหลียงใครก็ตามที่มีพลังปราณที่แท้จริงอย่างน้อยจะต้องเป็นปรมาจารย์ที่ฝึกฝนมาไม่ต่ำกว่าสิบปี และการใช้เวลาสิบปีในการฝึกฝนพลังปราณที่แท้จริงนั้นก็มากเพียงพอที่จะเรียกได้ว่าเป็นอัจฉริยะที่หาได้ยาก!
คนส่วนใหญ่ได้ใช้เวลาหลายสิบปีในการฝึกฝนก่อนที่จะก่อกำเนิดเป็นปราณที่แท้จริงซึ่งนั่นก็ทำให้พวกเขาเต็มไปด้วยความปีติยินดีมากแล้ว
แต่ชายหนุ่มตรงหน้าเขาตอนนี้เพิ่งจะอายุเท่าไหร่เขาอายุไม่น่าเกินยี่สิบปีด้วยซ้ำ นี่มันเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้!
หวังเหวินเหลียงส่ายหัวอย่างแรงเขาไม่อยากจะเชื่อว่าชายหนุ่มตรงหน้าผู้นี้ที่มีอายุน้อยกว่าเขาสองสามปีได้ผ่านการฝึกฝนพลังปราณแท้โดยกำเนิดจริงๆ!
มันคือพลังปราณที่แท้จริงโดยกำเนิด!หวังเหวินเหลียงคำรามอย่างบ้าคลั่งอยู่ในใจ แม้แต่พลังภายในธรรมดาคนทั่วไปจะใช้เวลาอย่างน้อยสามปีในการฝึกฝนไม่ต้องพูดถึงว่ามันเป็นพลังปราณโดยกำเนิด
ชายหนุ่มคนนี้ฝึกฝนอย่างไร
ปราณแท้จริงโดยกำเนิด จี้เฟิงก้าวถอยหลังอย่างช้าๆ เขาขมวดคิ้วเล็กน้อยและทวนซ้ำด้วยความสงสัย พลังปราณที่แท้จริงโดยกำเนิดคืออะไร?
หวังเหวินเหลียงล้มลงกับพื้นอย่างช้าๆเลือดพุ่งออกมาจากปากและสีหน้าที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดก็ปรากฏขึ้น แต่ดูเหมือนว่านี่ไม่ใช่เวลาที่เขาจะใส่ใจกับความรู้สึกนี้ เขาได้แต่บ่นพึมพำว่า เจ้าฝึกได้อย่างไร พลังปราณโดยกำเนิด.. นี่มันเป็นไปไม่ได้!
ในโลกนี้ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้! จี้เฟิงส่ายหัวเล็กน้อย อะไรที่คุณคิดว่ามันเป็นไปไม่ได้ นั่นก็หมายความว่าคุณมีความรู้น้อยเกินไปเองต่างหาก!
มีหลายสิ่งหลายอย่างที่คนส่วนใหญ่คิดว่าไม่มีทางเป็นไปได้อย่างเช่นเรื่องมนุษย์ต่างดาวแล้วที่ยิ่งไปกว่านั้นคงไม่มีใครเชื่อว่าจะมีเทคโนโลยีของมนุษย์ต่างดาวอยู่จริง อย่างไรก็ตามมีสิ่งที่เรียกว่าสมองหมายเลข 1 ที่เป็นปัญญาประดิษฐ์จากมนุษย์ต่างดาวอยู่ภายในจิตใจของจี้เฟิง แล้วจะให้อธิบายเรื่องนี้ว่ายังไง
ถ้าพูดออกไปจะมีสักกี่คนที่เชื่อเกรงว่าคนส่วนใหญ่จะมองว่าเขาเป็นคนบ้าที่กำลังพูดเรื่องเพ้อเจ้อและไม่มีทางที่จะเชื่อมันอย่างแน่นอน
เป็นเพราะการมีอยู่จริงของสมองหมายเลข1 นี่เองที่ทำให้จี้เฟิงเชื่อว่าไม่มีสิ่งใดในโลกนี้ที่เป็นไปไม่ได้ ต่อให้มีคนมาบอกเขาว่าโลกใบนี้เป็นสี่เหลี่ยมและท้องฟ้าเป็นทรงกลม จี้เฟิงก็จะคิดว่ามันอาจจะมีความเป็นไปได้ แม้จะรู้สึกขัดแย้งแต่เขาจะไม่ปฏิเสธโดยทันที
เนื่องจากประสบการณ์และความเข้าใจที่ต่างกันวิธีการคิดจึงแตกต่างกันโดยธรรมชาติ
เพียงแค่ว่าสิ่งที่หวังเหวินเหลียงเพิ่งพูดออกมาทำให้จี้เฟิงรู้สึกสนใจเป็นอย่างมากปราณแท้โดยกำเนิดมันคืออะไร ฟังจากน้ำเสียงของหวังเหวินเหลียงดูเหมือนว่าเจ้าสิ่งนี้จะมีพลังมาก!
แต่เมื่อดูจากหน้าตาของหวังเหวินเหลียงในเวลานี้เขาได้รับบาดเจ็บสาหัสและการพูดคงเป็นเรื่องที่ยากมาก หากจี้เฟิงต้องการให้หวังเหวินเหลียงบอกเขาเกี่ยวกับเรื่องนี้ก็เห็นได้ชัดว่าคงเป็นเรื่องที่ยากลำบากไม่น้อย จี้เฟิงจึงทำได้แค่เพียงคิดเรื่องนี้อยู่ในใจ
จี้เฟิงจำทุกอย่างที่เกิดขึ้นเมื่อครู่นี้ได้อย่างละเอียดตั้งแต่ที่เขาเริ่มชกหวังเหวินเหลียงก็มีสีหน้าตื่นตะลึง และเมื่อหวังเหวินเหลียงถูกชก เขาก็พูดคำว่า ปราณที่แท้จริงโดยกำเนิดออกมา
เป็นไปได้หรือไม่ว่าสิ่งที่เขาเรียกว่าพลังปราณที่แท้จริงจะหมายถึง…พลังไฟฟ้าชีวภาพ!
เหมือนกับสายฟ้าที่แวบเข้ามาในหัวจี้เฟิงก็ตระหนักได้ว่าในตอนที่เขาจะชกออกไป เขาได้กระตุ้นพลังกระแสไฟฟ้าชีวภาพไปใช้กับแขนและหมัดของเขา หากพลังปราณโดยกำเนิดที่หวังเหวินเหลียงพูดถึงเป็นพลังไฟฟ้าชีวภาพที่จี้เฟิงใช้จริงๆ ก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ และนอกจากนี้มันก็ไม่มีคำอธิบายอื่นใดที่สมเหตุสมผลไปกว่านี้แล้ว
ไม่แปลกใจเลยที่เขากล้าเข้ามาที่นี่ด้วยตัวคนเดียวฮ่า..ฮ่า.. ฉันมันโง่เอง ปรมาจารย์ที่มีพลังปราณแท้โดยกำเนิดเช่นนี้ ฉันจะไปสู้ได้ยังไง หวังเหวินเหลียงที่นอนอยู่บนพื้นพูดกับตัวเองโดยไม่คำนึงเลยว่าตัวเองกำลังบาดเจ็บ ฉันคงอ่อนต่อโลกเกินไปที่คิดว่าเขาเป็นปรมาจารย์มวยแขนงอื่นแต่ดันคาดไม่ถึงว่าเขาคือผู้ฝึกฝนศิลปะการต่อสู้แบบโบราณตัวจริง!
ผู้ฝึกฝนศิลปะการต่อสู้แบบโบราณเขาพูดแต่อะไรที่ฉันไม่เคยได้ยิน
จี้เฟิงอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วและกระตุ้นพลังงานไฟฟ้าชีวภาพและทันใดนั้นพลังงานที่อยู่รอบๆเขาก็มีการสั่นไหวเล็กน้อย
หวังเหวินเหลียงเบิกตากว้างทันทีและมองไปที่จี้เฟิงด้วยความอิจฉาและหวาดกลัว
จี้เฟิงเข้าใจว่าปราณที่แท้จริงโดยกำเนิดที่หวังเหวินเหลียงพูดนั้นน่าจะเป็นอย่างเดียวกับพลังงานไฟฟ้าชีวภาพในร่างกายของเขาเขาอดไม่ได้ที่จะถาม ขอถามหน่อย… พลังปราณโดยกำเนิดที่ว่านี่มันฝึกฝนยากจริงๆเหรอ
หวังเหวินเหลียงพยักหน้าอย่างยากลำบากโดยไม่ได้พูด
จี้เฟิงถามอีกครั้ง แล้วที่คุณบอกว่าผู้ฝึกฝนศิลปะการต่อสู้แบบโบราณ มันคือคำเรียกของผู้ที่สามารถฝึกฝนพลังปราณโดยกำเนิดได้งั้นเหรอ ไอรีนโนเวล
หวังเหวินเหลียงมองเขาแปลกๆก่อนที่จะอ้าปากพูดด้วยความยากลำบากว่า คุณคิดว่าปราณแท้โดยกำเนิด… เป็นเหมือนสินค้าทั่วไปที่หาซื้อได้งั้นหรือ ในผู้ฝึกศิลปะการต่อสู้โบราณหนึ่งร้อยคน มีคนหนึ่งที่สามารถฝึกฝนพลังปราณที่แท้จริงโดยกำเนิดได้ก็เรียกได้ว่าดีมากแล้ว!
มันแรร์ขนาดนั้นเลย! จี้เฟิงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกภูมิใจเล็กน้อย พลังงานไฟฟ้าชีวภาพที่เขาได้เรียนรู้จากในระบบฝึกอบรมสายลับระดับสูงกลายเป็นพลังปราณโดยกำเนิดที่หายากในตำนานและเขาก็มีมัน!
ที่เรียกกันว่าผู้ฝึกศิลปะการต่อสู้โบราณนั้นแท้จริงแล้วเป็นปรมาจารย์ศิลปะการต่อสู้ในตำนาน….อั่ก! หวังเหวินเหลียงพูดด้วยความยากลำบาก แต่หลังจากพูดเพียงไม่กี่คำ เขาก็กระอักเลือดออกมาและไม่สามารถพูดต่อไปได้อีก
จี้เฟิงขมวดคิ้วและโบกมือ ลืมมันไปซะ ฉันไม่ได้คิดที่จะฆ่าคุณในตอนนี้ คุณน่าจะได้รับบาดเจ็บไม่น้อย โทรหาเพื่อนของคุณเพื่อขอความช่วยเหลือซะ!
จากนั้นจี้เฟิงก็เข้าไปค้นตัวของหวังเหวินเหลียงเขาหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาและวางไว้ในมือ
ฉันคงไม่ใจดีขนาดจะโทรให้หรอกนะจำไว้ว่าคุณยังติดหนี้ฉันอยู่อีกสองครั้ง ฉันจะหาโอกาสมาเอาคืนแน่! จี้เฟิงพูดพร้อมกับชี้ไปที่หวังเหวินเหลียง แต่เมื่อตระหนักได้ว่าทุกอย่างจมอยู่ในความมืดอีกฝ่ายไม่น่าจะมองเห็นการเคลื่อนไหวของเขา ดังนั้นเขาจึงทำได้แค่เพียงส่ายหัวเล็กน้อยและหันหลังเพื่อที่จะเดินจากไป
เมื่อได้ยินเสียงกดปุ่มโทรศัพท์จากทางด้านหลังจี้เฟิงก็ก้าวออกไป แต่เขาก็แอบสงสัยอยู่ในใจ สรุปว่าโลกนี้มีปรมาจารย์ศิลปะการต่อสู้ในตำนานอยู่จริงๆ อย่างไรก็ตามคำกล่าวของหวังเหวินเหลียงที่บอกว่านักฝึกฝนศิลปะการต่อสู้ส่วนใหญ่ควรฝึกฝนเพื่อให้ได้ปราณที่แท้จริงแต่มีปรมาจารย์ที่แท้จริงเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่ฝึกฝนจนได้ปราณแท้โดยกำเนิด
โดยกำเนิด…ได้มา…มันมีความแตกต่างกันหรือไม่
จี้เฟิงอดไม่ได้ที่จะส่ายหัวเล็กน้อยและพึมพำ ไม่สำคัญว่าจะกำเนิดมาพร้อมกับอะไร แค่ฉันฝึกฝนยิมนาสติกของฉันต่อไปก็พอแล้ว!
จี้เฟิงไม่ได้โง่การฝึกฝนยิมนาสติกในระบบฝึกทำให้เขาได้รับพลังปราณโดยกำเนิดที่คนอย่างหวังเหวินเหลียงได้แต่ใฝ่ฝันถึง และมันก็ยังสามารถอธิบายได้อีกว่ายิมนาสติกชุดนี้และชุดการฝึกในระบบฝึกอบรมสายลับระดับสูงที่อยู่ภายในจิตใต้สำนึกของเขานั้นมีค่ามากเพียงใด
ถ้าหากเขาสามารถฝึกฝนชุดยิมนาสติกจนไปถึงระดับสูงสุดได้…จี้เฟิงอดไม่ได้ที่จะนึกถึงการต่อสู้ระหว่างสองปรมาจารย์ที่เขาเคยเห็นในม่านแสงของระบบ พวกเขาสามารถระเบิดภูเขาได้ด้วยหมัดเพียงหมัดเดียว แล้วไหนจะการกระโดดที่เกือบจะเรียกว่าบินได้ นั่นคือปรมาจารย์ที่แท้จริง!
จี้เฟิงไม่อาจยับยั้งความต้องการในสิ่งนั้นได้ดวงตาของเขาแวววาวไปด้วยความตื่นเต้น
การมาครั้งนี้ไม่เสียเวลาอย่างน้อยมันก็ทำให้ฉันได้รู้ว่ายังมีปรมาจารย์ศิลปะการต่อสู้ในตำนานอยู่ในโลกนี้จริงๆ และที่ยิ่งไปกว่านั้นฉันยังได้รู้ว่าพลังไฟฟ้าชีวภาพในร่างกายของฉันมันคือปราณแท้จริงโดยกำเนิดที่คนอื่นใฝ่ฝัน เป็นการมาที่คุ้มค่าจริงๆ! จี้เฟิงพูดกับตัวเองในใจ ดูเหมือนว่าหลังจากนี้ฉันคงไม่สามารถแสดงพลังที่ถูกกระตุ้นด้วยพลังไฟฟ้าชีวภาพได้ตามต้องการ หากมีใครที่รู้เรื่องนี้และต้องการมันหรือจับฉันเพื่อไปทำการทดลองแบบหนูตะเภา ฉันคงจะถึงคราวซวยเข้าจริงๆ!
เมื่อเดินออกมาถึงสนามหน้าโรงงานจี้เฟิงก็ก้มลงหยิบก้อนอิฐขึ้นมาก้อนหนึ่งและเขวี้ยงมันออกไปบนดาดฟ้า
อ๊ากกกกกก! จู่ๆก็มีเสียงกรีดร้องดังขึ้นมาจากบนดาดฟ้าของโรงงานเคมี และทันใดนั้นก็มีร่างร่างหนึ่งตกลงมากระแทกพื้นสนามอย่างแรง หลังจากกระตุกอยู่สองสามครั้งร่างนั้นก็แน่นิ่งไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆอีกต่อไป
จี้เฟิงถอนหายใจและเดินจากไปจนแทบจะเป็นการก้าวกระโดด
………………
ที่โรงพยาบาลเพื่อประชาชนแห่งเจียงโจวที่ด้านนอกของห้องฉุกเฉิน เฉียวหรง เทียนกั๋วถงและชายหนุ่มอีกคนหนึ่ง ใบหน้าของพวกเขาต่างดูมืดมนมาก ข้างๆพวกเขามีชายคนหนึ่งที่มีใบหน้าหวาดกลัวและตัวสั่นอยู่ด้วย
ถ้าจี้เฟิงอยู่ที่นี่เขาจะจำได้ในทันทีว่าชายที่ยืนตัวสั่นงันงกผู้นี้เป็นเจ้านายตัวน้อยที่เกือบถูกเขาบีบคอตาย
ฮึ่ม! เทียนกั๋วถงคว้าตัวเจ้านายตัวน้อยและพูดอย่างเย็นชา บอกฉันมาว่ามันเกิดอะไรขึ้น เล่าทั้งหมดโดยละเอียดหากคุณเล่าอะไรข้ามไปแม้เพียงเล็กน้อยฉันจะฉีกคุณเป็นชิ้นๆ!
เจ้านายตัวน้อยที่ตัวสั่นอยู่แล้วอดไม่ได้ที่จะตัวสั่นมากยิ่งขึ้นเขารีบพูดทันที ดะได้เลย พี่ใหญ่ เรื่องมันเป็นแบบนี้…
เขาบอกสิ่งที่เขารับรู้มาอย่างรวดเร็วโดยที่ไม่พลาดแม้จะเป็นเพียงรายละเอียดเล็กๆน้อยๆจิตสังหารของคนที่อยู่ข้างหน้าเขาในเวลานี้มันรุนแรงเกินไป เขายังไม่ต้องการที่จะถูกฉีกเป็นชิ้นๆ
หลังจากฟังสิ่งที่เจ้านายตัวน้อยเล่าแล้วตาของเทียนกั๋วถงก็กระตุกขึ้นมาสองสามครั้งและตะคอกเสียงดัง คุณพูดว่าอะไรนะ พลังปราณโดยกำเนิด
ชะ..ใช่ครับ! เจ้านายตัวน้อยสะดุ้งโหยงและพูดตะกุกตะกัก นายเหวิน… เอ่อ คุณเหวินพูดแบบนี้ เขาต่อสู้กับชายที่ซุ่มอยู่ในความมืด จากนั้นฉันก็ได้ยินเขาพูดว่าเขาคิดน้อยเกินไป นี่มันปราณก่อกำเนิด.. อะไรทำนองนั้น..
ปราณก่อกำเนิดที่แท้จริง… สีหน้าของเทียนกั๋วถงเปลี่ยนไป เขานิ่งเงียบอยู่เป็นเวลานานก่อนที่จะพูดสิ่งที่คาดเดาอยู่ในหัวออกมาอย่างช้าๆ เป็นไปได้ไหมว่าจี้เฟิงคือคนที่มีพลังปราณที่แท้จริงโดยกำเนิด
แต่ทันใดนั้นเขาก็ปฏิเสธการคาดเดาของเขา ไม่! เป็นไปไม่ได้! เขาเพิ่งจะอายุเท่าไหร่กัน เขาจะมีปราณที่แท้จริงโดยกำเนิดได้ยังไง!
อย่างไรก็ตามถ้าไม่ใช่เพราะพลังปราณโดยกำเนิดจี้เฟิงจะสามารถเอาชนะหวังเหวินเหลียงได้อย่างไร แม้ว่าเขาจะโดนโจมตีก่อนแต่จี้เฟิงจะทำร้ายหวังเหวินเหลียงจนบาดเจ็บสาหัสขนาดนี้ได้อย่างไร?
ชั่วขณะหนึ่งเทียนกั๋วถงตกอยู่ในสภาวะมืดแปดด้านสิ่งที่เพิ่งได้ยินมากับสิ่งที่เชื่อมันย้อนแย้งกันจนเขาไม่อาจยอมรับได้ว่าจี้เฟิงจะมีพลังปราณที่แท้จริงโดยกำเนิด! ถ้าไม่ใช่เรื่องจริงมันก็เป็นไปไม่ได้ที่เจ้านายตัวน้อยจะรู้จักคำนั้น
………………
ในเวลานี้จี้เฟิงได้กลับไปถึงวิลล่าแล้วเขาคิดที่จะแอบกลับเข้าไปอย่างเงียบๆ แต่พบว่าไฟในห้องนั่งเล่นยังเปิดอยู่
เซียวหยูซวนและถงเล่ยกำลังนั่งอยู่บนโซฟาในห้องนั่งเล่นพวกเธอกำลังรอเขาอยู่!
ชิบหายแล้ว!
จี้เฟิงสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆหัวใจของเขาเต้นแรง เขายังคงสวมเสื้อแจ็คแก็ตที่ถูกยิงจนพรุนอยู่เลย ครั้งนี้เขาคงไม่สามารถปิดบังมันได้