วันรุ่งขึ้นมีข่าวที่น่าตกใจแพร่กระจายไปทั่วกลุ่มคนในแวดวงเบื้องบนของเจียงโจวและทุกคนที่ได้รับข่าวต่างทราบมาว่า
เฉียวหรงตัวแทนแห่งตระกูลเฉียวได้ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลเขตทหารหยานจิงเพื่อรับการรักษาเนื่องจากเกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์ขณะขับรถรวมถึงผู้ติดตามอีกสามคนก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสจากอุบัติเหตุทางรถยนต์และถูกนำตัวส่งไปรักษาที่หยานจิงเช่นกัน
สาเหตุของอุบัติเหตุทางรถยนต์นี้คือคนขับมีอาการมึนเมาจากการดื่มสุราในขณะขับรถจนไปชนต้นไม้ที่อยู่ข้างถนนจนได้รับความเสียหายอย่างรุนแรงและทำให้ผู้โดยสารทั้งหมดที่อยู่ในรถได้รับบาดเจ็บสาหัส
ช่วงจังหวะเดียวกับที่เจียงโจวได้เปิดตัวแคมเปญพิเศษขนาดใหญ่ในการรณรงค์ไม่ให้เมาแล้วขับเพื่อลดอุบัติเหตุจราจร อย่างไรก็ตามบางคนที่รู้เรื่องราวลึกๆภายใน ต่างเย้ยหยันในข่าวนี้
อุบัติเหตุทางรถยนต์ที่เกิดจากการเมาแล้วขับทั้งหมดมันเป็นเรื่องไร้สาระ!
เฉียวหรงเป็นคนโทรมาขอความช่วยเหลือด้วยตัวเองเป็นการส่วนตัว
ฉากที่รถพยาบาลฉุกเฉินมารับตัวเฉียวหรงไปส่งโรงพยาบาลไม่รู้เหมือนกันว่ามีกี่คนที่เห็นมันซึ่งแน่นอนว่าไม่มีร่องรอยของอุบัติเหตุทางรถยนต์เลยแม้แต่น้อย เห็นได้ชัดว่าเป็นการทะเลาะวิวาท
ส่วนใครเป็นคู่กรณีนั้นคงไม่ต้องบอก
จุดประสงค์ของเฉียวหรงที่มาเจียงโจวในครั้งนี้มันค่อนข้างจะชัดเจนมีคนจำนวนไม่น้อยที่รู้เรื่องนี้ดี แต่ตอนนี้ไม่เพียงแต่เธอต้องพบกับความล้มเหลวในการช่วยเหลือลูกชายของเธอ แต่เธอยังหาเรื่องใส่ตัวจนได้รับบาดเจ็บ รวมถึงผู้ช่วยที่เธอได้พามาด้วยก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสเช่นกัน การมาเจียงโจวของเฉียวหรงในครั้งนี้ถูกมองว่าเป็นการมาเพื่อคว้าน้ำเหลว
สิ่งที่น่าตกใจยิ่งไปกว่านั้นคือตามข่าวที่ได้รับจากโรงพยาบาล เฉียวหรงและผู้ติดตามทั้งสามคนมีสภาพร่างกายที่แปลกประหลาดอย่างมาก พวกเขาเจ็บปวดจนแทบจะทนไม่ได้และการทำงานของระบบภายในก็ลดลงอย่างต่อเนื่องแต่พวกเขาก็ไม่ถึงขั้นเสียชีวิตและเหล่าแพทย์ก็ยังหาสาเหตุไม่ได้ในที่สุดพวกเขาก็หมดหนทาง หลังจากนั้นพวกเขาจึงถูกส่งตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลเขตทหารหยานจิง
ทุกคนต่างตกตะลึงที่ตระกูลจี้มียอดฝีมือ
การที่เฉียวหรงทำตัวเองให้มาอยู่ในจุดนี้ได้โดยไม่รู้ตัวและแม้แต่แพทย์ของเจียงโจวก็ยังช่วยอะไรไม่ได้แล้วแบบนี้จะไม่ให้ผู้คนตกใจได้อย่างไร
รู้ไหมว่านี่คือคนของตระกูลเฉียว!แม้จะเป็นแค่เฉียวหรงคนเดียวที่มาที่นี่ แต่เมื่อพูดถึงตระกูลเฉียว เฉียวหรงจะเป็นคนแรกที่ผู้คนนึกถึง บุคคลที่มีชื่อเสียงในหยานจิงคนนี้กลับมามีใบหน้าบวมเป่งอยู่ในเจียงโจว!
เมื่อเทียบกับข่าวที่น่าตกใจนี้เฉียวเจียไคและคนอื่นๆถูกดำเนินคดีข้อหาพยายามฆ่า สุดท้ายแล้วพวกเขาทั้งห้าคนถูกตัดสินจำคุกเป็นระยะเวลาตั้งแต่ 3 ปี ถึง 7 ปี ซึ่งข่าวนี้ไม่เป็นที่สะดุดตามากนัก
ทุกอย่างดูเหมือนจะกลับมาเป็นปกติอีกครั้งสิ่งที่ควรทำในเวลาปกติ ยังคงเกิดขึ้นต่อเหมือนอย่างที่เป็นมา ราวกับว่าระลอกคลื่นที่เกิดจากการมาเยือนของเฉียวหรงในเจียงโจวค่อยๆหายไป และแม้แต่ร่องรอยของระลอกคลื่นก็ไม่หลงเหลือ
มีเพียงบางคนที่ตั้งใจคอยจับตาดูความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นพวกเขาสังเกตเห็นว่า คนที่กระตือรือร้นเมื่อตอนที่เฉียวหรงมาถึงเจียงโจว สุดท้ายก็ได้จากเจียงโจวไปด้วยอาการเศร้าสลด ดูเหมือนว่าเนื่องจากความผิดพลาดทางธุรกิจจึงทำให้ทรัพย์สินหดตัวลงและขาดทุนเป็นจำนวนมาก ส่วนบางคนที่อยู่ในสายงานของข้าราชการก็ถูกย้ายไปยังพื้นที่ห่างไกลและถูกภาคทัณฑ์ไว้
การเปลี่ยนแปลงเล็กๆน้อยๆเหล่านี้เกิดขึ้นอย่างเงียบๆและไม่สามารถสังเกตได้หากไม่ได้ใส่ใจกับสิ่งเหล่านี้ ยิ่งไปกว่านั้นสิ่งเหล่านี้ก็ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับชีวิตคนธรรมดามากนักอยู่แล้ว มีเพียงการต่อสู้ที่หน้าร้านเรดซันเฟอร์นิเจอร์ซิตี้เท่านั้น ที่จี้เฟิงต่อสู้กับอันธพาลฝีมือดีกว่า 20 คนเพียงลำพัง นี่เป็นเรื่องที่ทำให้ผู้คนจำนวนมากต่างพูดถึงกันหลังอาหารเย็น
อย่างไรก็ตามการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อจี้เฟิงมากนักเมื่อปราศจากเฉียวหรงและคนอื่นๆที่เป็นภัยคุกคาม ชีวิตของเขาก็กลับมาเป็นปกติ เริ่มต้นด้วยการเป็นนักเรียนที่ดีและกลับบ้านทุกเย็นพร้อมกับเซียวหยูซวนและถงเล่ย พวกเขาทั้งสามคนต่างพูดคุยและหัวเราะหยอกล้อกัน เป็นชีวิตที่มีความสุขมาก
ถ้าหากจะบอกว่ามีการเปลี่ยนแปลงใดๆที่สำคัญก็คงจะเป็นเรื่องที่ชื่อของจี้เฟิงได้เป็นที่รู้จักมากขึ้นในเจียงโจวผู้ใต้บังคับบัญชาเกือบทั้งหมดรู้ว่าจี้เฟิงแข็งแกร่งเพียงใด แค่เรื่องที่มีอันธพาลที่มากกว่ายี่สิบคนที่อยู่ในการดูแลของอาเหลียงล้วนถูกจี้เฟิงจัดการเพียงลำพัง ก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้ผู้ใต้บังคับบัญชาทุกคนต้องให้ความสนใจ
แน่นอนว่าจี้เฟิงไม่รู้ถึงการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้และเขาก็ไม่ได้อยากจะรู้ด้วย
ตอนนี้สิ่งที่เขาเป็นกังวลมากที่สุดก็คือปัญหาของถงเล่ยและเซียวหยูซวน
เล่ยเล่ยกำลังคิดอะไรอยู่ สองสามวันมานี้ฉันเห็นเธอทำหน้าบึ้งแทบตลอดเวลาเลย มีใครมาทำอะไรให้เธอไม่พอใจหรือเปล่า
บนโซฟาภายในวิลล่าจี้เฟิงถือถ้วยชาและค่อยๆจิบ ที่ข้างๆเขามีถงเล่ยที่สวมชุดนอนผ้าฝ้ายนั่งไขว่ห้างพร้อมกับมีหมอนอยู่ในอ้อมแขนของเธอ เธอดูน่ารักมาก
อย่างไรก็ตามใบหน้าที่น่ารักของเธอดูเหม่อลอยเล็กน้อยทำให้จี้เฟิงถามขึ้นด้วยความเป็นห่วง
เซียวหยูซวนซึ่งอยู่อีกข้างหนึ่งของจี้เฟิงอดไม่ได้ที่จะมองเขาด้วยสายตาดุๆและพูดอย่างงงๆว่า ฮัลโหล นายเป็นแฟนเล่ยเล่ยจริงรึเปล่าเนี่ย? เล่ยเล่ยถูกวิพากษ์วิจารณ์ที่มหาลัย นายไม่รู้เหรอ?!
ถูกวิพากษ์วิจารณ์ จี้เฟิงตกใจเล็กน้อย เรื่องอะไร?
เท่าที่จี้เฟิงจำได้ถงเล่ยเป็นนักเรียนที่ดีมาโดยตลอด โดยไม่ต้องพูดถึงรูปร่างหน้าตาที่สวยงามของเธอ เธอเป็นนักเรียนที่มีผลการเรียนยอดเยี่ยม การวางตัวก็เหมาะสมและไม่เคยทำผิดกฎระเบียบเลย แล้วเธอจะถูกวิจารณ์ได้อย่างไร
ใบหน้าที่สวยงามน่ารักของถงเล่ยมีความเขินอายเล็กน้อยเธอลังเลอยู่ครู่หนึ่งและกล่าวว่า ไม่กี่วันก่อนหน้านี้มีคนจากสภานักศึกษามาตรวจที่หอพักและมีคนหนึ่งพบว่าฉันไม่ได้อยู่ในหอพักในเวลากลางคืนเขาจึงหักคะแนนทดสอบในหอพักของเราและบอกให้ฉันเขียนคำสารภาพและทบทวนความผิด
เสียงของถงเล่ยค่อยๆเบาลงๆ แต่ฉันยังไม่ได้เขียนมันเลย…
เมื่อเห็นหน้าตาที่น่ารักของถงเล่ยก้มหน้างุดด้วยความเขินอายจี้เฟิงก็อดไม่ได้ที่จะมีความสุข เขาลูบหัวของถงเล่ยด้วยความเอ็นดูและยิ้ม ไม่ต้องห่วง ฉันจะเป็นคนเขียนคำสารภาพให้เธอเอง ฉันเก่งเรื่องนี้อยู่แล้ว!
นายเขียนคำสารภาพเป็นด้วยเหรอ เซียวหยูซวนอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ
จี้เฟิงอดไม่ได้ที่จะเกาหัวของเขาอย่างเก้อๆ ตอนที่ฉันเรียนอยู่มัธยม ฉันมักจะมาสายเป็นประจำ ฉันเลยได้เขียนมันแทบจะทุกสัปดาห์
เมื่อก่อนนายเป็นนักเรียนที่แย่จริงๆ ถงเล่ยอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา
จี้เฟิงได้แต่ส่ายหัวและหัวเราะไปกับพวกเธออันที่จริงในตอนนั้นเขาไม่ได้เป็นนักเรียนที่แย่ เขากลับตั้งใจเรียนอย่างจริงจังด้วยซ้ำแต่อย่างไรก็ตามเขาทนดูไม่ได้ที่จะเห็นแม่ของเขาต้องทำงานอยู่คนเดียวทุกวัน ดังนั้นทุกๆวันหลังเลิกเรียนเขาจะไปช่วยแม่ของเขาเก็บขยะ กว่าจะเสร็จก็ดึกดื่นแล้วต้องกลับมาทำการบ้านอีก และแน่นอนว่าเป็นผลให้เขาไปโรงเรียนสายในวันรุ่งขึ้นอย่างไม่ต้องสงสัย
อย่างไรก็ตามเรื่องราวเหล่านี้เขารู้ดีอยู่แก่ใจของเขาเองก็พอ ไม่จำเป็นต้องทำให้หยูซวนและเล่ยเล่ยรู้สึกไม่สบายใจเพราะเรื่องของเขาไปด้วย ดังนั้นเขาจึงหัวเราะไปกับมัน
ถงเล่ยดูเหมือนจะจำอะไรบางอย่างได้และรอยยิ้มบนใบหน้าของเธอก็ค่อยๆหายไปและกระซิบเบาๆ จี้เฟิง ฉันขอโทษ ฉันลืมไป…
จี้เฟิงยิ้มยิงฟันและลูบหัวของเธออีกครั้ง ขอโทษอะไรกัน แบบนี้สินะที่เขาเรียกว่าภรรยาต้องให้ความเคารพสามี ฮ่าฮ่า! ไอรีนโนเวล
ตาบ้า! ถงเล่ยอดไม่ได้ที่จะย่นจมูกน่ารักๆของเธอ
ในขณะนั้นเองเซียวหยูซวนก็ตระหนักได้ว่าเมื่อตอนที่เธอพบกับจี้เฟิงเขาเป็นแค่เด็กยากจนไม่ใช่หรือแสดงว่าต้องมีเหตุผลอื่นที่ทำให้จี้เฟิงต้องมาสาย
เธออดไม่ได้ที่จะรู้สึกโทษตัวเองอยู่ในใจเธอแทบไม่รู้เรื่องราวในอดีตของจี้เฟิงเลย นี่ไม่ใช่สิ่งที่แฟนที่ดีควรจะเป็น
จู่ๆหัวใจของจี้เฟิงก็กระตุกเหมือนว่าเขาจะนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ เขามองไปที่ถงเล่ยและถามด้วยความประหลาดใจ เล่ยเล่ย ในมหาลัย เธอไม่ได้เป็นคนเดียวใช่มั้ยที่ถูกสั่งให้เขียนคำสารภาพ เพราะยังไงก็ต้องมีคนในหอออกไปเที่ยวกลางคืนบ้างอยู่แล้ว มันมีอะไรมากกว่านี้ที่ฉันควรรู้หรือเปล่า?
ถงเล่ยส่ายหัวเล็กพร้อมกับขมวดคิ้วเล็กน้อย เรื่องนี้ฉันก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน
จี้เฟิงเริ่มที่จะสนใจเรื่องนี้มากขึ้นเรื่อยๆเพราะเขาเป็นคนที่น่าโดนจับได้ที่สุด เขาแทบไม่เคยกลับไปที่หอเลย และไม่เพียงแค่เขาเท่านั้น แต่ทั้งจ้าวไค เหล่าตู้พวกเขาทุกคนก็ย้ายออกไปและไม่เห็นว่าสภานักศึกษาจะตามไปวิพากษ์วิจารณ์พวกเขาเลย
แล้วทำไมถึงได้มีเล่ยเล่ยเพียงคนเดียวที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์และถูกส่งให้เขียนคำสารภาพ
ต้องไปสืบเรื่องนี้ให้แน่ชัดเสียก่อน!จี้เฟิงตัดสินใจอย่างลับๆ
โอเคเอาเป็นว่าเธอไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องนี้ เอาไว้พรุ่งนี้ฉันจะเขียนคำสารภาพให้เธอเอง จี้เฟิงยิ้มเล็กน้อย
อื้ม ถงเล่ยตอบรับอย่างเชื่อฟังและเอนตัวพิงหัวของเธอไปที่ไหล่ของจี้เฟิงเบาๆและดูทีวี
อย่างไรก็ตามจี้เฟิงรู้สึกว่าถงเล่ยค่อยๆทิ้งน้ำหนักตัวของเธอมากขึ้นเรื่อยๆราวกับว่าเธอพยายามดันตัวของเขาให้ไปอีกด้านหนึ่งซึ่งมีเซียวหยูซวนอยู่
เล่ยเล่ยทำอะไร จี้เฟิงถามเบาๆ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เกิดเรื่องทำนองนี้ขึ้น มันเคยเกิดขึ้นมาแล้วเมื่อสองสามวันก่อน ทั้งสามคนกำลังเดินเล่นอยู่ในสนามด้วยกัน ถงเล่ยจับมือและบีบมือของเขาอย่างตั้งใจ จากนั้นก็ดันตัวเขาไปด้านข้างและในที่สุดเซียวหยูซวนที่อยู่อีกฝั่งก็ไม่มีทางไปและเหมือนกับถูกบังคับกลายๆจนเธอต้องจับแขนของจี้เฟิงเอาไว้
ใครจะคิดทันทีที่เซียวหยูซวนจับแขนของจี้เฟิงไว้ถงเล่ยก็หยุดการกระทำที่ออกจะดูประหลาดๆทันทีและเดินไปข้างหน้าด้วยท่าทีสบายๆราวกับไม่เห็นการเคลื่อนไหวของจี้เฟิงกับเซียวหยูซวน
และตอนนี้เธอก็ได้ทำแบบนั้นอีกครั้งจี้เฟิงรู้สึกงงงวยและแอบเป็นกังวล ไม่ใช่ว่าเล่ยเล่ยรู้เรื่องระหว่างเขากับเซียวหยูซวนแล้วหรอกนะ
เป็นไปได้หรือไม่ว่าเธอต้องการที่จะจับคู่ฉันกับหยูซวนและเธอต้องการเป็นฝ่ายที่จะจากไป
เมื่อคิดถึงความเป็นไปได้นี้จี้เฟิงก็รู้สึกใจคอไม่ดีและพยายามที่จะนั่งตัวตรงแต่เมื่อเขาเห็นถงเล่ยที่พิงอยู่บนไหล่ของเขาส่วนแววตาของเซียวหยูซวนก็แวววับไปด้วยความรู้สึกน้อยใจและรู้สึกผิดปะปนกัน หัวใจของจี้เฟิงก็รู้สึกเจ็บปวดในทันที
เขากัดฟันและยื่นมือไปโอบไหล่ของเซียวหยูซวนให้มาพิงไหล่ของเขาอย่างเบามือราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นและกอดเซียวหยูซวนไว้ในอ้อมแขนของเขา
อ๊ะ! เซียวหยูซวนอุทานออกมาเบาๆด้วยความประหลาดใจ แต่หัวใจของเธอเต็มไปด้วยความปีติยินดี ร่างกายของเธอเอนเอียงและพิงกายอยู่ในอ้อมแขนของจี้เฟิง แต่เมื่อเธอมองไปทางถงเล่ยเธอก็รู้สึกละอาย เธอจะมามีความสุขเช่นนี้ได้อย่างไร
เซียวหยูซวนกำลังจะดิ้นรนหนีเธอไม่แม้แต่จะกล้าหันไปสบตากับถงเล่ย
อย่างไรก็ตามในขณะที่เธอกำลังจะผละตัวออกเธอหันไปเห็นหน้าตาที่สวยงามของถงเล่ยโดยบังเอิญและพบว่าดวงตาของถงเล่ยปิดอยู่และดูเหมือนว่าเธอกำลังหลับ เธอรู้! หัวใจของเซียวหยูซวนสั่นไหว แม้ว่าลึกๆในใจเธอจะรู้สึกซาบซึ้ง แต่เธอก็รู้ดีว่าน้องสาวคนนี้ของเธอไม่มีทางที่จะหลับไปในช่วงเวลาสั้นๆแบบนี้แน่นอน แต่การที่เธอแกล้งหลับไปมันก็แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนแล้วว่าถงเล่ยยอมรับแล้ว
เธอยินดีที่จะแบ่งปันแฟนกับฉัน!เซียวหยูซวนรู้สึกคัดที่จมูกของเธอเล็กน้อย ในที่สุดเธอก็หยุดดิ้นรนและเอนกายลงในอ้อมแขนของจี้เฟิงอย่างเงียบๆ
จู่ๆก็มีแรงกระตุ้นบางอย่างเกิดขึ้นในใจของเซียวหยูซวนเธอยื่นมือออกมาและคว้ามือเล็กๆของถงเล่ยพร้อมกับกระซิบด้วยเสียงที่ได้ยินเพียงสองคนเท่านั้น น้องสาวที่แสนดี ขอบคุณนะ!
ทันใดนั้นมุมปากของถงเล่ยก็โค้งงอขึ้นทีละนิดขนตาของเธอสั่นไหวเล็กน้อย และมีรอยยิ้มปรากฏขึ้นในดวงตาที่สวยงามของเธอ ปากเล็กๆของเธอค่อยๆอ้าเปิดออกราวกับเธอกำลังพูดว่าพี่สาว! อย่างไรก็ตามไม่ว่าเสียงของพวกเธอจะเบาแค่ไหนจี้เฟิงก็สามารถได้ยินเสียงของพวกเธอได้อย่างชัดเจน อันที่จริงวันนี้เขากะว่าจะยอมแพ้เรื่องของพวกเธอ เขาจึงใส่ใจกับปฏิกิริยาของทั้งสองสาวเป็นพิเศษ
แต่เมื่อเขาเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นในเวลานี้เขาก็รู้สึกปลาบปลื้มในทันที เขาเอื้อมมือไปโอบเอวที่อ่อนนุ่มและยืดหยุ่นของหญิงสาวทั้งสองและขยับนิ้วชี้
แต่จู่ๆถงเล่ยก็ลุกขึ้นนั่งตัวตรง เธอคว้ามือของเซียวหยูซวนและพูดขึ้นว่า พี่สาวไปอาบน้ำกันเถอะ ฉันง่วงแล้ว
ฉันก็ง่วงเหมือนกันไปกันเถอะ! เซียวหยูซวน อยู่ในอารมณ์ดี เธอเม้มริมฝีปากของเธอและยิ้มอย่างมีความสุข
หญิงสาวทั้งสองดูเหมือนจะลืมการมีอยู่ของจี้เฟิงไปโดยปริยายพวกเธอทั้งสองจับมือกันและพากันเดินขึ้นไปชั้นบน เหลือเพียงจี้เฟิงที่มีแต่ความตกตะลึงอยู่บนใบหน้า นี่มันเกิดอะไรขึ้น! เดิมทีเขาคิดว่าวันนี้เขาจะได้เพลิดเพลินไปกับพรในตำนานและความบริสุทธิ์ของเขาจะสิ้นสุดลงเสียที
หนึ่งมังกรและสองฟีนิกซ์…. แค่คิดก็ทำให้เลือดในกายเดือดพล่าน!
แต่ตอนนี้…เขาทำได้แค่คิดเท่านั้น!