The Ultimate Student สุดยอดนักเรียนสมองอัจฉริยะ – บทที่ 275 หนึ่งมังกรและสองฟีนิกซ์

บทที่ 275 หนึ่งมังกรและสองฟีนิกซ์

  วันรุ่งขึ้นมีข่าวที่น่าตกใจแพร่กระจายไปทั่วกลุ่มคนในแวดวงเบื้องบนของเจียงโจวและทุกคนที่ได้รับข่าวต่างทราบมาว่า

  เฉียวหรงตัวแทนแห่งตระกูลเฉียวได้ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลเขตทหารหยานจิงเพื่อรับการรักษาเนื่องจากเกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์ขณะขับรถรวมถึงผู้ติดตามอีกสามคนก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสจากอุบัติเหตุทางรถยนต์และถูกนำตัวส่งไปรักษาที่หยานจิงเช่นกัน

  สาเหตุของอุบัติเหตุทางรถยนต์นี้คือคนขับมีอาการมึนเมาจากการดื่มสุราในขณะขับรถจนไปชนต้นไม้ที่อยู่ข้างถนนจนได้รับความเสียหายอย่างรุนแรงและทำให้ผู้โดยสารทั้งหมดที่อยู่ในรถได้รับบาดเจ็บสาหัส

  ช่วงจังหวะเดียวกับที่เจียงโจวได้เปิดตัวแคมเปญพิเศษขนาดใหญ่ในการรณรงค์ไม่ให้เมาแล้วขับเพื่อลดอุบัติเหตุจราจร  อย่างไรก็ตามบางคนที่รู้เรื่องราวลึกๆภายใน ต่างเย้ยหยันในข่าวนี้

  อุบัติเหตุทางรถยนต์ที่เกิดจากการเมาแล้วขับทั้งหมดมันเป็นเรื่องไร้สาระ!

  เฉียวหรงเป็นคนโทรมาขอความช่วยเหลือด้วยตัวเองเป็นการส่วนตัว

  ฉากที่รถพยาบาลฉุกเฉินมารับตัวเฉียวหรงไปส่งโรงพยาบาลไม่รู้เหมือนกันว่ามีกี่คนที่เห็นมันซึ่งแน่นอนว่าไม่มีร่องรอยของอุบัติเหตุทางรถยนต์เลยแม้แต่น้อย เห็นได้ชัดว่าเป็นการทะเลาะวิวาท

  ส่วนใครเป็นคู่กรณีนั้นคงไม่ต้องบอก

  จุดประสงค์ของเฉียวหรงที่มาเจียงโจวในครั้งนี้มันค่อนข้างจะชัดเจนมีคนจำนวนไม่น้อยที่รู้เรื่องนี้ดี แต่ตอนนี้ไม่เพียงแต่เธอต้องพบกับความล้มเหลวในการช่วยเหลือลูกชายของเธอ แต่เธอยังหาเรื่องใส่ตัวจนได้รับบาดเจ็บ รวมถึงผู้ช่วยที่เธอได้พามาด้วยก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสเช่นกัน  การมาเจียงโจวของเฉียวหรงในครั้งนี้ถูกมองว่าเป็นการมาเพื่อคว้าน้ำเหลว

  สิ่งที่น่าตกใจยิ่งไปกว่านั้นคือตามข่าวที่ได้รับจากโรงพยาบาล เฉียวหรงและผู้ติดตามทั้งสามคนมีสภาพร่างกายที่แปลกประหลาดอย่างมาก พวกเขาเจ็บปวดจนแทบจะทนไม่ได้และการทำงานของระบบภายในก็ลดลงอย่างต่อเนื่องแต่พวกเขาก็ไม่ถึงขั้นเสียชีวิตและเหล่าแพทย์ก็ยังหาสาเหตุไม่ได้ในที่สุดพวกเขาก็หมดหนทาง หลังจากนั้นพวกเขาจึงถูกส่งตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลเขตทหารหยานจิง

  ทุกคนต่างตกตะลึงที่ตระกูลจี้มียอดฝีมือ

  การที่เฉียวหรงทำตัวเองให้มาอยู่ในจุดนี้ได้โดยไม่รู้ตัวและแม้แต่แพทย์ของเจียงโจวก็ยังช่วยอะไรไม่ได้แล้วแบบนี้จะไม่ให้ผู้คนตกใจได้อย่างไร

  รู้ไหมว่านี่คือคนของตระกูลเฉียว!แม้จะเป็นแค่เฉียวหรงคนเดียวที่มาที่นี่ แต่เมื่อพูดถึงตระกูลเฉียว เฉียวหรงจะเป็นคนแรกที่ผู้คนนึกถึง บุคคลที่มีชื่อเสียงในหยานจิงคนนี้กลับมามีใบหน้าบวมเป่งอยู่ในเจียงโจว!

  เมื่อเทียบกับข่าวที่น่าตกใจนี้เฉียวเจียไคและคนอื่นๆถูกดำเนินคดีข้อหาพยายามฆ่า สุดท้ายแล้วพวกเขาทั้งห้าคนถูกตัดสินจำคุกเป็นระยะเวลาตั้งแต่ 3 ปี ถึง 7 ปี ซึ่งข่าวนี้ไม่เป็นที่สะดุดตามากนัก

  ทุกอย่างดูเหมือนจะกลับมาเป็นปกติอีกครั้งสิ่งที่ควรทำในเวลาปกติ ยังคงเกิดขึ้นต่อเหมือนอย่างที่เป็นมา ราวกับว่าระลอกคลื่นที่เกิดจากการมาเยือนของเฉียวหรงในเจียงโจวค่อยๆหายไป และแม้แต่ร่องรอยของระลอกคลื่นก็ไม่หลงเหลือ

  มีเพียงบางคนที่ตั้งใจคอยจับตาดูความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นพวกเขาสังเกตเห็นว่า คนที่กระตือรือร้นเมื่อตอนที่เฉียวหรงมาถึงเจียงโจว สุดท้ายก็ได้จากเจียงโจวไปด้วยอาการเศร้าสลด ดูเหมือนว่าเนื่องจากความผิดพลาดทางธุรกิจจึงทำให้ทรัพย์สินหดตัวลงและขาดทุนเป็นจำนวนมาก ส่วนบางคนที่อยู่ในสายงานของข้าราชการก็ถูกย้ายไปยังพื้นที่ห่างไกลและถูกภาคทัณฑ์ไว้

  การเปลี่ยนแปลงเล็กๆน้อยๆเหล่านี้เกิดขึ้นอย่างเงียบๆและไม่สามารถสังเกตได้หากไม่ได้ใส่ใจกับสิ่งเหล่านี้ ยิ่งไปกว่านั้นสิ่งเหล่านี้ก็ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับชีวิตคนธรรมดามากนักอยู่แล้ว มีเพียงการต่อสู้ที่หน้าร้านเรดซันเฟอร์นิเจอร์ซิตี้เท่านั้น ที่จี้เฟิงต่อสู้กับอันธพาลฝีมือดีกว่า 20 คนเพียงลำพัง นี่เป็นเรื่องที่ทำให้ผู้คนจำนวนมากต่างพูดถึงกันหลังอาหารเย็น

  อย่างไรก็ตามการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อจี้เฟิงมากนักเมื่อปราศจากเฉียวหรงและคนอื่นๆที่เป็นภัยคุกคาม ชีวิตของเขาก็กลับมาเป็นปกติ เริ่มต้นด้วยการเป็นนักเรียนที่ดีและกลับบ้านทุกเย็นพร้อมกับเซียวหยูซวนและถงเล่ย พวกเขาทั้งสามคนต่างพูดคุยและหัวเราะหยอกล้อกัน เป็นชีวิตที่มีความสุขมาก

  ถ้าหากจะบอกว่ามีการเปลี่ยนแปลงใดๆที่สำคัญก็คงจะเป็นเรื่องที่ชื่อของจี้เฟิงได้เป็นที่รู้จักมากขึ้นในเจียงโจวผู้ใต้บังคับบัญชาเกือบทั้งหมดรู้ว่าจี้เฟิงแข็งแกร่งเพียงใด แค่เรื่องที่มีอันธพาลที่มากกว่ายี่สิบคนที่อยู่ในการดูแลของอาเหลียงล้วนถูกจี้เฟิงจัดการเพียงลำพัง ก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้ผู้ใต้บังคับบัญชาทุกคนต้องให้ความสนใจ

  แน่นอนว่าจี้เฟิงไม่รู้ถึงการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้และเขาก็ไม่ได้อยากจะรู้ด้วย

  ตอนนี้สิ่งที่เขาเป็นกังวลมากที่สุดก็คือปัญหาของถงเล่ยและเซียวหยูซวน

   เล่ยเล่ยกำลังคิดอะไรอยู่ สองสามวันมานี้ฉันเห็นเธอทำหน้าบึ้งแทบตลอดเวลาเลย มีใครมาทำอะไรให้เธอไม่พอใจหรือเปล่า 

  บนโซฟาภายในวิลล่าจี้เฟิงถือถ้วยชาและค่อยๆจิบ ที่ข้างๆเขามีถงเล่ยที่สวมชุดนอนผ้าฝ้ายนั่งไขว่ห้างพร้อมกับมีหมอนอยู่ในอ้อมแขนของเธอ เธอดูน่ารักมาก

  อย่างไรก็ตามใบหน้าที่น่ารักของเธอดูเหม่อลอยเล็กน้อยทำให้จี้เฟิงถามขึ้นด้วยความเป็นห่วง

  เซียวหยูซวนซึ่งอยู่อีกข้างหนึ่งของจี้เฟิงอดไม่ได้ที่จะมองเขาด้วยสายตาดุๆและพูดอย่างงงๆว่า ฮัลโหล นายเป็นแฟนเล่ยเล่ยจริงรึเปล่าเนี่ย? เล่ยเล่ยถูกวิพากษ์วิจารณ์ที่มหาลัย นายไม่รู้เหรอ?! 

   ถูกวิพากษ์วิจารณ์ จี้เฟิงตกใจเล็กน้อย  เรื่องอะไร? 

  เท่าที่จี้เฟิงจำได้ถงเล่ยเป็นนักเรียนที่ดีมาโดยตลอด โดยไม่ต้องพูดถึงรูปร่างหน้าตาที่สวยงามของเธอ เธอเป็นนักเรียนที่มีผลการเรียนยอดเยี่ยม การวางตัวก็เหมาะสมและไม่เคยทำผิดกฎระเบียบเลย แล้วเธอจะถูกวิจารณ์ได้อย่างไร

  ใบหน้าที่สวยงามน่ารักของถงเล่ยมีความเขินอายเล็กน้อยเธอลังเลอยู่ครู่หนึ่งและกล่าวว่า  ไม่กี่วันก่อนหน้านี้มีคนจากสภานักศึกษามาตรวจที่หอพักและมีคนหนึ่งพบว่าฉันไม่ได้อยู่ในหอพักในเวลากลางคืนเขาจึงหักคะแนนทดสอบในหอพักของเราและบอกให้ฉันเขียนคำสารภาพและทบทวนความผิด 

  เสียงของถงเล่ยค่อยๆเบาลงๆ แต่ฉันยังไม่ได้เขียนมันเลย… 

  เมื่อเห็นหน้าตาที่น่ารักของถงเล่ยก้มหน้างุดด้วยความเขินอายจี้เฟิงก็อดไม่ได้ที่จะมีความสุข เขาลูบหัวของถงเล่ยด้วยความเอ็นดูและยิ้ม  ไม่ต้องห่วง ฉันจะเป็นคนเขียนคำสารภาพให้เธอเอง ฉันเก่งเรื่องนี้อยู่แล้ว! 

   นายเขียนคำสารภาพเป็นด้วยเหรอ เซียวหยูซวนอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ

  จี้เฟิงอดไม่ได้ที่จะเกาหัวของเขาอย่างเก้อๆ ตอนที่ฉันเรียนอยู่มัธยม ฉันมักจะมาสายเป็นประจำ ฉันเลยได้เขียนมันแทบจะทุกสัปดาห์ 

   เมื่อก่อนนายเป็นนักเรียนที่แย่จริงๆ ถงเล่ยอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา

  จี้เฟิงได้แต่ส่ายหัวและหัวเราะไปกับพวกเธออันที่จริงในตอนนั้นเขาไม่ได้เป็นนักเรียนที่แย่ เขากลับตั้งใจเรียนอย่างจริงจังด้วยซ้ำแต่อย่างไรก็ตามเขาทนดูไม่ได้ที่จะเห็นแม่ของเขาต้องทำงานอยู่คนเดียวทุกวัน ดังนั้นทุกๆวันหลังเลิกเรียนเขาจะไปช่วยแม่ของเขาเก็บขยะ กว่าจะเสร็จก็ดึกดื่นแล้วต้องกลับมาทำการบ้านอีก และแน่นอนว่าเป็นผลให้เขาไปโรงเรียนสายในวันรุ่งขึ้นอย่างไม่ต้องสงสัย

  อย่างไรก็ตามเรื่องราวเหล่านี้เขารู้ดีอยู่แก่ใจของเขาเองก็พอ ไม่จำเป็นต้องทำให้หยูซวนและเล่ยเล่ยรู้สึกไม่สบายใจเพราะเรื่องของเขาไปด้วย ดังนั้นเขาจึงหัวเราะไปกับมัน

  ถงเล่ยดูเหมือนจะจำอะไรบางอย่างได้และรอยยิ้มบนใบหน้าของเธอก็ค่อยๆหายไปและกระซิบเบาๆ จี้เฟิง ฉันขอโทษ ฉันลืมไป… 

  จี้เฟิงยิ้มยิงฟันและลูบหัวของเธออีกครั้ง ขอโทษอะไรกัน แบบนี้สินะที่เขาเรียกว่าภรรยาต้องให้ความเคารพสามี ฮ่าฮ่า!  ไอรีนโนเวล

 

   ตาบ้า! ถงเล่ยอดไม่ได้ที่จะย่นจมูกน่ารักๆของเธอ

  ในขณะนั้นเองเซียวหยูซวนก็ตระหนักได้ว่าเมื่อตอนที่เธอพบกับจี้เฟิงเขาเป็นแค่เด็กยากจนไม่ใช่หรือแสดงว่าต้องมีเหตุผลอื่นที่ทำให้จี้เฟิงต้องมาสาย

  เธออดไม่ได้ที่จะรู้สึกโทษตัวเองอยู่ในใจเธอแทบไม่รู้เรื่องราวในอดีตของจี้เฟิงเลย นี่ไม่ใช่สิ่งที่แฟนที่ดีควรจะเป็น

  จู่ๆหัวใจของจี้เฟิงก็กระตุกเหมือนว่าเขาจะนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ เขามองไปที่ถงเล่ยและถามด้วยความประหลาดใจ  เล่ยเล่ย ในมหาลัย เธอไม่ได้เป็นคนเดียวใช่มั้ยที่ถูกสั่งให้เขียนคำสารภาพ เพราะยังไงก็ต้องมีคนในหอออกไปเที่ยวกลางคืนบ้างอยู่แล้ว มันมีอะไรมากกว่านี้ที่ฉันควรรู้หรือเปล่า? 

  ถงเล่ยส่ายหัวเล็กพร้อมกับขมวดคิ้วเล็กน้อย เรื่องนี้ฉันก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน 

  จี้เฟิงเริ่มที่จะสนใจเรื่องนี้มากขึ้นเรื่อยๆเพราะเขาเป็นคนที่น่าโดนจับได้ที่สุด เขาแทบไม่เคยกลับไปที่หอเลย และไม่เพียงแค่เขาเท่านั้น แต่ทั้งจ้าวไค เหล่าตู้พวกเขาทุกคนก็ย้ายออกไปและไม่เห็นว่าสภานักศึกษาจะตามไปวิพากษ์วิจารณ์พวกเขาเลย

  แล้วทำไมถึงได้มีเล่ยเล่ยเพียงคนเดียวที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์และถูกส่งให้เขียนคำสารภาพ

  ต้องไปสืบเรื่องนี้ให้แน่ชัดเสียก่อน!จี้เฟิงตัดสินใจอย่างลับๆ

   โอเคเอาเป็นว่าเธอไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องนี้ เอาไว้พรุ่งนี้ฉันจะเขียนคำสารภาพให้เธอเอง  จี้เฟิงยิ้มเล็กน้อย

   อื้ม ถงเล่ยตอบรับอย่างเชื่อฟังและเอนตัวพิงหัวของเธอไปที่ไหล่ของจี้เฟิงเบาๆและดูทีวี

  อย่างไรก็ตามจี้เฟิงรู้สึกว่าถงเล่ยค่อยๆทิ้งน้ำหนักตัวของเธอมากขึ้นเรื่อยๆราวกับว่าเธอพยายามดันตัวของเขาให้ไปอีกด้านหนึ่งซึ่งมีเซียวหยูซวนอยู่

   เล่ยเล่ยทำอะไร จี้เฟิงถามเบาๆ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เกิดเรื่องทำนองนี้ขึ้น มันเคยเกิดขึ้นมาแล้วเมื่อสองสามวันก่อน ทั้งสามคนกำลังเดินเล่นอยู่ในสนามด้วยกัน ถงเล่ยจับมือและบีบมือของเขาอย่างตั้งใจ จากนั้นก็ดันตัวเขาไปด้านข้างและในที่สุดเซียวหยูซวนที่อยู่อีกฝั่งก็ไม่มีทางไปและเหมือนกับถูกบังคับกลายๆจนเธอต้องจับแขนของจี้เฟิงเอาไว้

  ใครจะคิดทันทีที่เซียวหยูซวนจับแขนของจี้เฟิงไว้ถงเล่ยก็หยุดการกระทำที่ออกจะดูประหลาดๆทันทีและเดินไปข้างหน้าด้วยท่าทีสบายๆราวกับไม่เห็นการเคลื่อนไหวของจี้เฟิงกับเซียวหยูซวน

  และตอนนี้เธอก็ได้ทำแบบนั้นอีกครั้งจี้เฟิงรู้สึกงงงวยและแอบเป็นกังวล ไม่ใช่ว่าเล่ยเล่ยรู้เรื่องระหว่างเขากับเซียวหยูซวนแล้วหรอกนะ

  เป็นไปได้หรือไม่ว่าเธอต้องการที่จะจับคู่ฉันกับหยูซวนและเธอต้องการเป็นฝ่ายที่จะจากไป

  เมื่อคิดถึงความเป็นไปได้นี้จี้เฟิงก็รู้สึกใจคอไม่ดีและพยายามที่จะนั่งตัวตรงแต่เมื่อเขาเห็นถงเล่ยที่พิงอยู่บนไหล่ของเขาส่วนแววตาของเซียวหยูซวนก็แวววับไปด้วยความรู้สึกน้อยใจและรู้สึกผิดปะปนกัน หัวใจของจี้เฟิงก็รู้สึกเจ็บปวดในทันที

  เขากัดฟันและยื่นมือไปโอบไหล่ของเซียวหยูซวนให้มาพิงไหล่ของเขาอย่างเบามือราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นและกอดเซียวหยูซวนไว้ในอ้อมแขนของเขา

   อ๊ะ! เซียวหยูซวนอุทานออกมาเบาๆด้วยความประหลาดใจ แต่หัวใจของเธอเต็มไปด้วยความปีติยินดี ร่างกายของเธอเอนเอียงและพิงกายอยู่ในอ้อมแขนของจี้เฟิง แต่เมื่อเธอมองไปทางถงเล่ยเธอก็รู้สึกละอาย เธอจะมามีความสุขเช่นนี้ได้อย่างไร

  เซียวหยูซวนกำลังจะดิ้นรนหนีเธอไม่แม้แต่จะกล้าหันไปสบตากับถงเล่ย

  อย่างไรก็ตามในขณะที่เธอกำลังจะผละตัวออกเธอหันไปเห็นหน้าตาที่สวยงามของถงเล่ยโดยบังเอิญและพบว่าดวงตาของถงเล่ยปิดอยู่และดูเหมือนว่าเธอกำลังหลับ   เธอรู้! หัวใจของเซียวหยูซวนสั่นไหว แม้ว่าลึกๆในใจเธอจะรู้สึกซาบซึ้ง แต่เธอก็รู้ดีว่าน้องสาวคนนี้ของเธอไม่มีทางที่จะหลับไปในช่วงเวลาสั้นๆแบบนี้แน่นอน แต่การที่เธอแกล้งหลับไปมันก็แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนแล้วว่าถงเล่ยยอมรับแล้ว

  เธอยินดีที่จะแบ่งปันแฟนกับฉัน!เซียวหยูซวนรู้สึกคัดที่จมูกของเธอเล็กน้อย ในที่สุดเธอก็หยุดดิ้นรนและเอนกายลงในอ้อมแขนของจี้เฟิงอย่างเงียบๆ

  จู่ๆก็มีแรงกระตุ้นบางอย่างเกิดขึ้นในใจของเซียวหยูซวนเธอยื่นมือออกมาและคว้ามือเล็กๆของถงเล่ยพร้อมกับกระซิบด้วยเสียงที่ได้ยินเพียงสองคนเท่านั้น  น้องสาวที่แสนดี ขอบคุณนะ! 

  ทันใดนั้นมุมปากของถงเล่ยก็โค้งงอขึ้นทีละนิดขนตาของเธอสั่นไหวเล็กน้อย และมีรอยยิ้มปรากฏขึ้นในดวงตาที่สวยงามของเธอ ปากเล็กๆของเธอค่อยๆอ้าเปิดออกราวกับเธอกำลังพูดว่าพี่สาว!   อย่างไรก็ตามไม่ว่าเสียงของพวกเธอจะเบาแค่ไหนจี้เฟิงก็สามารถได้ยินเสียงของพวกเธอได้อย่างชัดเจน อันที่จริงวันนี้เขากะว่าจะยอมแพ้เรื่องของพวกเธอ เขาจึงใส่ใจกับปฏิกิริยาของทั้งสองสาวเป็นพิเศษ

  แต่เมื่อเขาเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นในเวลานี้เขาก็รู้สึกปลาบปลื้มในทันที เขาเอื้อมมือไปโอบเอวที่อ่อนนุ่มและยืดหยุ่นของหญิงสาวทั้งสองและขยับนิ้วชี้

  แต่จู่ๆถงเล่ยก็ลุกขึ้นนั่งตัวตรง เธอคว้ามือของเซียวหยูซวนและพูดขึ้นว่า  พี่สาวไปอาบน้ำกันเถอะ ฉันง่วงแล้ว 

   ฉันก็ง่วงเหมือนกันไปกันเถอะ!  เซียวหยูซวน อยู่ในอารมณ์ดี เธอเม้มริมฝีปากของเธอและยิ้มอย่างมีความสุข

  หญิงสาวทั้งสองดูเหมือนจะลืมการมีอยู่ของจี้เฟิงไปโดยปริยายพวกเธอทั้งสองจับมือกันและพากันเดินขึ้นไปชั้นบน เหลือเพียงจี้เฟิงที่มีแต่ความตกตะลึงอยู่บนใบหน้า นี่มันเกิดอะไรขึ้น!   เดิมทีเขาคิดว่าวันนี้เขาจะได้เพลิดเพลินไปกับพรในตำนานและความบริสุทธิ์ของเขาจะสิ้นสุดลงเสียที

  หนึ่งมังกรและสองฟีนิกซ์…. แค่คิดก็ทำให้เลือดในกายเดือดพล่าน!

  แต่ตอนนี้…เขาทำได้แค่คิดเท่านั้น!

 

The Ultimate Student สุดยอดนักเรียนสมองอัจฉริยะ

The Ultimate Student สุดยอดนักเรียนสมองอัจฉริยะ

Status: Ongoing

       ตลอดชีวิตที่ถูกมองด้วยสายตาดูถูกเหยียดหยาม จนถึงจุดต่ำสุดของชีวิต จี้เฟิงได้รับพลังมาจากเทคโนโลยีที่ก้าวหน้ากว่าปัจจุบันมาก มันช่วยเพิ่มความสามารถในทุกๆด้านราวกับเวทมนตร์ ตั้งแต่นั้นมาชีวิตของเขาก็ไม่ธรรมดาอีกต่อไป! ด้วยระบบอัจฉริยะที่จี้เฟิงได้ฝึกฝนจนบรรลุทักษะพิเศษ ชีวิตของจี้เฟิงกลายเป็นเรื่องราวที่น่าตื่นเต้นอย่างไม่มีที่สิ้นสุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท