แม้ว่าจี้เฟิงจะไม่ทราบขั้นตอนในการทำงานของสำนักงานอาหารและยา แต่จี้เฟิงก็พอจะรู้ว่าการสั่งปิดคลังสินค้าของบริษัทยาด้วยเหตุผลดังกล่าวเป็นเรื่องที่ไร้สาระ
ยิ่งไปกว่านั้นการสั่งปิดก่อนแล้วค่อยตรวจสอบในภายหลังช่างเป็นเรื่องที่น่าขันจริงๆ!
อย่าว่าแต่สำนักงานอาหารและยาเลยขนาดเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจแม้ว่าจะจับกุมผู้ต้องสงสัยอย่างน้อยก็จะต้องมีหลักฐานบางอย่างที่ชี้ชัดก่อนที่จะยื่นขอหมายจับ และหลักฐานชิ้นนั้นจะต้องได้รับการตรวจสอบอย่างรอบคอบ ไม่เช่นนั้นใครๆก็คงสร้างหลักฐานกันขึ้นมาได้ง่ายๆ
แต่สำนักงานอาหารและยาของเจียงโจวกลับปฏิบัติหน้าที่โดยการสั่งปิดก่อนแล้วค่อยทำการตรวจสอบ!
พฤติกรรมแบบนี้มันแย่จนไม่อยากจะเชื่อว่ามีคนทำงานกันแบบนี้จริงๆ!
ใบหน้าของจี้เฟิงดำมืดและเขาอยากจะตะโกนโวยวายออกมาเสียเดี๋ยวนั้นนี่มันเรื่องบ้าอะไรกันเนี่ย!
“ไร้สาระสิ้นดี!”จี้เฟิงอดไม่ได้ที่จะแค่นเสียงอย่างเย็นชา ถ้าผู้สั่งการคนนี้ไม่มีแผนการอะไรแอบแฝง เขายอมผูกคอตายใต้ต้นมะเขือเลย ให้ตายสิ!
เซียวฉางเหอได้แต่ยิ้มอย่างขมขื่นเหตุผลมันช่างไร้สาระจริงๆ… แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้คือการส่งมอบยาไปยังสถานพยาบาลหลายสิบแห่งในเจียงโจว
ในสถานพยาบาลหลายสิบแห่งนั้นส่วนมากเป็นโรงพยาบาลที่ค่อนข้างใหญ่และยังรวมถึงโรงพยาบาลของรัฐขนาดใหญ่สามแห่งที่จี้ช่าวเหลยแนะนำให้เขารู้จักในภายหลังด้วย
หากการส่งมอบล่าช้าไม่เพียงแต่เขาจะต้องชดใช้ค่าเสียหาย แต่อีกฝ่ายยังมีสิทธิ์ในการยกเลิกสัญญาเมื่อใดก็ได้ นอกจากนี้เมื่อเกิดข้อผิดพลาดในการส่งมอบยาเกิดขึ้นในช่วงนี้ จะทำให้ผู้ป่วยได้รับผลกระทบ และบริษัทก็จะมีส่วนเกี่ยวข้องในเรื่องนี้โดยตรง
ปัญหาที่เกิดขึ้นอยู่ในตอนนี้ไม่อาจแก้ไขได้โดยการพูดอธิบายในหนึ่งหรือสองประโยคนอกจากนี้เวลายังบีบรัดมากขึ้นทุกที โชคยังดีที่ในช่วงเช้าได้มีการส่งมอบยาให้กับโรงพยาบาลมากกว่าสิบแห่งไปแล้ว แต่ก็ยังเหลืออีกครึ่งหนึ่งที่จะต้องทำการส่งมอบยาในช่วงบ่าย ส่งผลให้ตอนนี้เกิดปัญหาดังกล่าว ซึ่งทำให้เซียวฉางเหอรู้สึกเป็นกังวลมากจริงๆ
จี้เฟิงยืนขึ้นและพูดว่า“ไปกันเถอะครับคุณลุง ข้าวเราจะกินตอนไหนก็ได้ ตอนนี้บริษัทกำลังเกิดปัญหาเร่งด่วน ผมจะไปกับคุณลุงด้วย”
ในขณะที่เซียวฉางเหอกำลังจะปฏิเสธเซียวหยูซวนก็รีบพูดว่า “ตามนั้นแหละค่ะพ่อ หนูกับจี้เฟิงจะไปกับพ่อด้วย บางทีเราอาจจะพอช่วยอะไรได้บ้าง เพราะถ้าพ่อไปคนเดียวแล้วเกิดขาดเหลืออะไรขึ้นมา พอถึงเวลาแล้วไม่มีคนช่วยมันจะยิ่งแย่กันไปใหญ่นะคะ”
แม่ของเซียวหยูซวนก็พูดเสริมไปอีกว่า“ที่ลูกพูดก็ถูกนะตาเฒ่า ให้เด็กสองคนนี้ไปเป็นเพื่อนคุณนั่นแหละดีแล้ว มีหลายหัวช่วยกันคิดยังไงก็ดีกว่าหัวเดียวนะ”
เซียวฉางเหอเองก็ไม่อยากจะพูดอะไรที่เป็นการเสียเวลามากไปกว่านี้เช่นกันโดยเฉพาะเมื่อเห็นทั้งสามคนยืนกรานเช่นนั้น เขาก็พยักหน้าตกลง
เนื่องจากเป็นช่วงเวลาเร่งด่วนเซียวฉางเหอจึงไม่มีเวลาพูดจาสุภาพอ้อมค้อมกับจี้เฟิงเขาจึงพูดอย่างตรงไปตรงมาว่า “งั้นเสี่ยวเฟิงก็รีบไปเอารถมาโดยเร็ว เราจะได้รีบไปดูกันว่ามันเกิดอะไรขึ้น”
จี้เฟิงยิ้มและพยักหน้า
เซียวหยูซวนจับมือพ่อของเธอและปลอบเขาเบาๆ“พ่อไม่ต้องเป็นกังวลมากเกินไปนัก เมื่อเราไปถึงเราก็จะรู้เองว่ามันเกิดอะไรขึ้น แล้วค่อยมาช่วยกันคิดว่าจะจัดการปัญหานี้อย่างไร กังวลตั้งแต่ตอนนี้ไปก็ไม่มีประโยชน์ มันจะยิ่งทำให้เราหงุดหงิดอารมณ์เสียแต่มันก็ไม่ได้ช่วยให้เราแก้ปัญหาได้เลย”
บนใบหน้าที่เคร่งเครียดค่อยๆผ่อนคลายและกลายเป็นรอยยิ้มจางๆ“ลูกรัก พ่อไม่อยากแก่ตัวไปโดยที่ทำให้บริษัทที่พ่อตั้งใจสร้างมาต้องพังทลายลงก่อนที่จะได้ส่งมอบมันให้กับลูก พ่อพยายามมาทั้งชีวิตก็เพื่อสร้างรากฐานที่มั่นคงให้กับลูกสาวของพ่อ เพื่อในอนาคตลูกได้เป็นสะใภ้เข้าไปอยู่ในตระกูลจี้ อย่างน้อยลูกก็สามารถยืดอกภาคภูมิใจได้ว่าลูกเองก็เป็นคนที่มีสถานะไม่ด้อยไปกว่าใคร!”
เซียวหยูซวนรู้สึกตื้นตันใจเป็นอย่างมากเธอรู้อยู่แล้วว่าพ่อรักและห่วงใยเธอมากแค่ไหน แต่เธอคิดไม่ถึงเลยว่าพ่อของเธอจะคิดและวางแผนเกี่ยวกับอนาคตของเธอมานานแล้ว
“พ่อคะพ่อไม่ต้องเป็นห่วง มีจี้เฟิงอยู่ทั้งคน บริษัทของพ่อจะต้องปลอดภัยอย่างแน่นอน!” เซียวหยูซวนกล่าวอย่างหนักแน่น “ฉันเกรงว่าครั้งนี้เสี่ยวเฟิงอาจจะช่วยอะไรไม่ได้มาก!”เซียวฉางเหอไม่ได้มองโลกในแง่ดีเหมือนอย่างเซียวหยูซวน เขากล่าวว่า “ลูกรัก ลูกลองคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ดูดีๆ ขนาดเรายังรู้เลยว่าเหตุผลที่พวกเขาใช้อ้างในการปิดโกดังสินค้าของบริษัทเรามันไร้สาระขนาดไหน แค่นี้มันก็ชัดเจนแล้วว่าถ้าไม่มีบุคคลที่แข็งแกร่งมากพออยู่เบื้องหลังในเรื่องนี้ คนของสำนักงานอาหารและยาจะกล้ามาสั่งปิดโกดังยาของเราอย่างอุกอาจแบบนี้ได้อย่างไร!”
หลังจากที่เปิดบริษัทและดำเนินงานมาเป็นเวลาหลายปีเซียวฉางเหอสร้างความสัมพันธ์ไว้กับหลายหน่วยงาน ไม่ว่าจะเป็นสำนักงานอาหารและยาหรือสำนักงานสาธารณสุข แม้ว่าตำแหน่งของคนเหล่านั้นอาจจะไม่สูง แต่พวกเขาล้วนใช้อำนาจที่ตัวเองมีได้อย่างมีประสิทธิภาพ
เมื่อทำธุรกิจสิ่งสำคัญอีกสิ่งหนึ่งที่จะขาดไม่ได้ก็คือคุณจะต้องติดต่อและเชื่อมความสัมพันธ์กับผู้ที่มีอำนาจอยู่ในมือ และแน่นอนว่าเซียวฉางเหอไม่เคยประมาทในเรื่องนี้
แต่ตอนนี้จู่ๆก็มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นในบริษัทนอกจากพนักงานของบริษัทที่โทรมารายงานเมื่อครู่แล้ว หลังจากนั้นเขาก็ไม่ได้รับโทรศัพท์อีกเลย เพียงเท่านี้ก็น่าจะพออธิบายถึงปัญหาที่เกิดขึ้นได้แล้ว
แม้เรื่องเหล่านี้ยากที่จะอธิบายออกมาเป็นคำพูดได้อย่างชัดเจนแต่เซียวฉางเหอเชื่อว่าลูกสาวของเขาฉลาดมากพอที่จะเข้าใจความหมายที่เขาเพิ่งพูดไปได้อย่างแน่นอน
เซียวหยูซวนตกใจเล็กน้อยและเธอก็เข้าใจได้อย่างรวดเร็วว่าสิ่งที่พ่อของเธอพยายามจะบอกนั้นหมายถึงอะไร แต่เธอก็ยังคงไม่ได้รู้สึกเป็นกังวลมากจนเกินไปนัก
เมื่อพูดถึงบุคคลที่ทรงพลังในเจียงโจวจะยังมีใครแข็งแกร่งไปกว่าจี้เฟิง
ยิ่งไปกว่านั้นถ้าคนที่อยู่เบื้องเป็นคนที่มีอำนาจยิ่งใหญ่มากจริงๆ ทำไมถึงต้องมาจัดการกับบริษัทเล็กๆที่มีทรัพย์สินไม่กี่สิบล้านหยวน
เซียวฉางเหอยังคงรู้สึกกระวนกระวายและไม่สบายใจแต่เซียวหยูซวนไม่ได้เป็นกังวลเท่าไหร่นัก นั่นเป็นเพราะเธอมีความเชื่อมั่นในตัวจี้เฟิงเป็นอย่างมาก จึงทำให้เธอรู้สึกสงบและตัดสินเรื่องนี้ได้อย่างใจเย็น
“พ่อคะเรื่องนี้หนูว่าต้องมีคนกำลังเล่นตลกอยู่และถึงแม้ว่าหนูจะไม่รู้ว่าคนคนนั้นเป็นใคร แต่หนูก็มั่นใจว่าเขาต้องไม่ใช่คนสำคัญ!” เซียวหยูซวนกล่าวออกมาเบาๆ “สถานการณ์ในตอนนี้เป็นยังไงเรายังไม่สามารถเดาได้อย่างชัดเจน ไว้ไปถึงบริษัทแล้วเราไปดูให้เห็นกับตาเลยดีกว่า หลังจากนั้นพ่อก็ค่อยลองติดต่อกับคนรู้จักของพ่อดูอีกครั้ง เพื่อว่าจะมีใครรู้ว่าสาเหตุนั้นเกิดจากอะไร”
“เยี่ยมมากลูกสาวตัวน้อยของพ่อเติบโตขึ้นมากแล้วจริงๆ!” เซียวฉางเหอยิ้มอย่างปลื้มปีติ เมื่อดูจากการวิเคราะห์ที่มีเหตุมีผลของลูกสาว จะเห็นได้ว่าไม่เพียงแต่เธอจะไม่ตื่นตระหนกเมื่อเจอกับเหตุการณ์ไม่คาดคิด แต่จิตใจของเธอยังสงบนิ่งจนแม้กระทั่งสามารถพูดจาปลอบโยนพ่อของตัวเองได้อีกด้วย
เมื่อเห็นลูกสาวที่เติบโตมาได้เป็นอย่างดี เซียวฉางเหอก็รู้สึกมีความสุขเป็นอย่างยิ่ง
ในขณะที่พ่อและลูกสาวกำลังพูดคุยกันจี้เฟิงก็รีบขับรถมา เซียวหยูซวนนั่งอยู่ข้างคนขับ ส่วนเซียวฉางเหอนั่งอยู่ที่ด้านหลัง
จี้เฟิงที่กำลังขับรถอยู่เขายิ้มและพูดขึ้นว่า “คุณลุงเซียวอย่าได้เป็นกังวลเลย ตอนนี้เรายังไม่รู้แน่ชัดว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ รอจนไปถึงที่บริษัทแล้วค่อยตัดสินใจก็ยังไม่สาย”
เซียวฉางเหอยิ้มเล็กน้อย“เสี่ยวเฟิงกับซวนซวนช่างเหมือนกันจริงๆ”
จี้เฟิงหัวเราะออกมาทันทีแต่ใบหน้าของเซียวหยูซวนกลับแดงขึ้นเล็กน้อย เธอไม่คิดว่าพ่อของเธอจะแซวเธอแบบนี้ แต่อย่างไรก็ตามเมื่อเห็นว่าพ่อของเธอคลายความวิตกกังวลไปบ้างแล้วเซียวหยูซวนก็รู้สึกโล่งใจมากขึ้น บริษัทยาของเซียวฉางเหอตั้งอยู่ใกล้ๆถนนวงแหวนที่สี่ทางทิศตะวันตกของเจียงโจว ระยะทางจากบ้านครอบครัวเซียวไปบริษัทไม่ไกลนัก หลังจากขับรถไปประมาณครึ่งชั่วโมงพวกเขาทั้งสามคนก็มาถึงที่บริษัทยา
พวกเขาทั้งสามคนเพิ่งออกจากลิฟต์และกำลังจะเข้าไปในชั้นของบริษัทยาทันใดนั้นพวกเขาก็เห็นพนักงานหลายคนกำลังยืนพูดคุยกันอยู่
เมื่อเห็นการมาของเซียวฉางเหอพนักงานที่กำลังพูดคุยอยู่ก็เงียบสงบลง พนักงานทั้งหมดมองมาที่พวกเขาทั้งสามคนด้วยแววตาที่ซับซ้อน
พนักงานบางคนต้องการดูว่าเซียวฉางเหอจะสามารถแก้ปัญหาได้หรือไม่หลักๆเลยเป็นเพราะเงินเดือนที่นี่ค่อนข้างดี พวกเขาจึงไม่อยากจะเสียงานแบบนี้ไป
แต่บางคนก็มีทัศนคติที่ค่อนข้างแย่เมื่อเกิดเรื่องที่ไม่เกี่ยวข้องกับตัวเองโดยตรงก็ชอบที่จะรอดูด้วยความสนุกตื่นเต้น พวกเขาอยากจะดูว่าเซียวฉางเหอจะประสบกับความโชคร้ายมากแค่ไหน และความคิดเหล่านี้ก็สามารถเห็นได้อย่างชัดเจนจากในแววตาของพวกเขา
มีพนักงานอีกกลุ่มหนึ่งกำลังพูดคุยกันอยู่ด้วยเสียงกระซิบพวกเขาคาดเดากันว่าเซียวฉางเหออาจจะไปล่วงเกินบุคคลที่ไม่ควรล่วงเกิน สุดท้ายบริษัทยาแห่งนี้จึงถูกบุคคลนั้นกลับมาแก้แค้น
“มองอะไรกันพวกคุณไม่ต้องทำงานกันเหรอ” ก่อนที่พ่อลูกตระกูลเซียวจะพูดอะไร เสียงอันเย็นชาของจี้เฟิงก็ดังขึ้น “ส่วนของโกดังถูกปิด แต่นั่นก็เป็นปัญหาของระบบโลจิสติกส์ มันเกี่ยวข้องกับงานในส่วนของพวกคุณด้วยเหรอ?”
เนื่องจากการฝึกฝนที่ยาวนานเมื่อจี้เฟิงพูดเขาจึงนำความเป็นผู้นำที่ดูน่าเกรงขามจนไม่อาจต้านทานได้มาใช้โดยไม่รู้ตัว พนักงานที่มองมาก็ถึงกับอึ้งไปทันที ก่อนที่จะมองไปทางเซียวฉางเหอ ราวกับรอคำอธิบายจากเซียวฉางเหอเพื่อให้พวกเขาได้รู้ว่าชายหนุ่มที่พูดอยู่นี้เป็นใครกันแน่
เมื่อเห็นจี้เฟิงพูดเซียวฉางเหอก็ชะงักไปเล็กน้อยเช่นกัน แต่แล้วเขาก็พยักหน้าอย่างเงียบๆ ไม่ว่าด้วยเหตุผลอะไรก็ตามที่โกดังถูกปิด อย่างแรกที่ต้องจัดการก็คือคำสั่งที่ทำให้บริษัทอยู่ในความสงบและไม่วุ่นวาย
เซียวฉางเหอกล่าวด้วยน้ำเสียงที่สงบนิ่ง“คำพูดของเขาคือสิ่งที่ฉันต้องการจะบอก ถ้าพวกคุณต้องการที่จะอยู่ที่นี่ต่อไป ก็ควรกลับไปทำหน้าที่ของพวกคุณซะ พวกคุณไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับสิ่งอื่นๆในบริษัท หน้าที่ของพวกคุณคืออะไรก็ไปจัดการให้เสร็จตามเป้าหมายก็พอ!”
พนักงานต่างพากันกระซิบกระซาบดูเหมือนว่าเซียวฉางเหอจะให้ความสำคัญกับชายหนุ่มคนนี้ไม่น้อยเลย
อย่างไรก็ตามการพูดคุยซุบซิบจบลงอย่างรวดเร็วพนักงานยังคงกลับไปทำหน้าที่ของตัวเองอย่างซื่อสัตย์ ก่อนที่จะได้รับเงินเดือน พวกเขาไม่อยากโดนหักเงินไปฟรีๆเพราะความประมาทของตัวเอง
ในตอนนั้นเองมีหญิงสาวคนหนึ่งเดินเข้ามา “เจ้านายคะ มีเจ้าหน้าที่สองคนจากสำนักงานอาหารและยารอคุณอยู่ที่ห้องทำงาน พวกเขาบอกว่าถ้าคุณมาโปรดไปพบพวกเขาที่นั่น”
“หลินเซิงผิงอยู่ที่ไหน”เซียวฉางเหอถาม
ผู้หญิงคนนั้นตอบว่า“คุณหลินอยู่กับเจ้าหน้าที่จากสำนักงานอาหารและยาสองคนนั้นค่ะ”
เซียวฉางเหอขมวดคิ้วทันทีและพูดด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นว่า“ฉันเข้าใจแล้ว เธอไปได้”
หลินเซิงผิงเป็นผู้จัดการทั่วไปของบริษัทเขาคือผู้ที่โทรหาเซียวฉางเหอก่อนหน้านี้ และในกรณีที่เซียวฉางเหอไม่อยู่ หลินเซิงผิงคือผู้ที่มีตำแหน่งสูงสุดในบริษัท และนั่นจึงเป็นเหตุผลที่เขาเป็นคนไปรับหน้าเจ้าหน้าที่สองคนที่มาจากสำนักงานอาหารและยา “ไปกันเถอะฉันอยากรู้ว่าพวกเขาจะพูดอะไร!” เซียวฉางเหอเดินตรงไปที่ห้องทำงานของเขาด้วยใบหน้าที่สงบนิ่ง
“จี้เฟิง..”เซียวหยูซวนหันไปมองจี้เฟิงด้วยสายตาที่เป็นกังวล
“ไม่ต้องกังวลไม่เป็นไร” จี้เฟิงยิ้มเล็กน้อยและทำให้เซียวหยูซวนสบายใจ
อันที่จริงจี้เฟิงก็แอบกังวลอยู่เหมือนกันและสิ่งที่เขากลัวมากที่สุดก็คือภายในโกดังสินค้าของเซียวฉางเหอจะมียาปลอมหรือยาที่ด้อยคุณภาพอยู่จริงๆ ในกรณีนี้แม้ว่าเขาจะใช้ความสัมพันธ์ของอาสองของเขาเพื่อป้องกันไม่ให้เซียวฉางเหอถูกลงโทษขั้นรุนแรง แต่คนที่ซื่อสัตย์ยุติธรรมเคร่งครัดในกฎระเบียบอย่างอาสองจะยอมให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นหรือไม่ ตัวเขาเองก็ยังไม่แน่ใจ
ยิ่งไปกว่านั้นแม้แต่ตัวจี้เฟิงเองก็ไม่อาจทนต่อเรื่องแบบนี้ได้เช่นกัน
ยาปลอมและยาด้อยคุณภาพมันก็ไม่ต่างจากการฆ่าคน! อย่างไรก็ตามถ้าไม่มียาปลอมหรือยาที่ด้อยคุณภาพในโกดังของเซียวฉางเหอ ก็พูดได้ว่าเรื่องนี้คงจัดการได้ไม่ยาก!
ยิ่งไปกว่านั้นการสั่งปิดก่อนแล้วค่อยตรวจสอบในภายหลังช่างเป็นเรื่องที่น่าขันจริงๆ!
อย่าว่าแต่สำนักงานอาหารและยาเลยขนาดเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจแม้ว่าจะจับกุมผู้ต้องสงสัยอย่างน้อยก็จะต้องมีหลักฐานบางอย่างที่ชี้ชัดก่อนที่จะยื่นขอหมายจับ และหลักฐานชิ้นนั้นจะต้องได้รับการตรวจสอบอย่างรอบคอบ ไม่เช่นนั้นใครๆก็คงสร้างหลักฐานกันขึ้นมาได้ง่ายๆ
แต่สำนักงานอาหารและยาของเจียงโจวกลับปฏิบัติหน้าที่โดยการสั่งปิดก่อนแล้วค่อยทำการตรวจสอบ!
พฤติกรรมแบบนี้มันแย่จนไม่อยากจะเชื่อว่ามีคนทำงานกันแบบนี้จริงๆ!
ใบหน้าของจี้เฟิงดำมืดและเขาอยากจะตะโกนโวยวายออกมาเสียเดี๋ยวนั้นนี่มันเรื่องบ้าอะไรกันเนี่ย!
“ไร้สาระสิ้นดี!”จี้เฟิงอดไม่ได้ที่จะแค่นเสียงอย่างเย็นชา ถ้าผู้สั่งการคนนี้ไม่มีแผนการอะไรแอบแฝง เขายอมผูกคอตายใต้ต้นมะเขือเลย ให้ตายสิ!
เซียวฉางเหอได้แต่ยิ้มอย่างขมขื่นเหตุผลมันช่างไร้สาระจริงๆ… แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้คือการส่งมอบยาไปยังสถานพยาบาลหลายสิบแห่งในเจียงโจว
ในสถานพยาบาลหลายสิบแห่งนั้นส่วนมากเป็นโรงพยาบาลที่ค่อนข้างใหญ่และยังรวมถึงโรงพยาบาลของรัฐขนาดใหญ่สามแห่งที่จี้ช่าวเหลยแนะนำให้เขารู้จักในภายหลังด้วย
หากการส่งมอบล่าช้าไม่เพียงแต่เขาจะต้องชดใช้ค่าเสียหาย แต่อีกฝ่ายยังมีสิทธิ์ในการยกเลิกสัญญาเมื่อใดก็ได้ นอกจากนี้เมื่อเกิดข้อผิดพลาดในการส่งมอบยาเกิดขึ้นในช่วงนี้ จะทำให้ผู้ป่วยได้รับผลกระทบ และบริษัทก็จะมีส่วนเกี่ยวข้องในเรื่องนี้โดยตรง
ปัญหาที่เกิดขึ้นอยู่ในตอนนี้ไม่อาจแก้ไขได้โดยการพูดอธิบายในหนึ่งหรือสองประโยคนอกจากนี้เวลายังบีบรัดมากขึ้นทุกที โชคยังดีที่ในช่วงเช้าได้มีการส่งมอบยาให้กับโรงพยาบาลมากกว่าสิบแห่งไปแล้ว แต่ก็ยังเหลืออีกครึ่งหนึ่งที่จะต้องทำการส่งมอบยาในช่วงบ่าย ส่งผลให้ตอนนี้เกิดปัญหาดังกล่าว ซึ่งทำให้เซียวฉางเหอรู้สึกเป็นกังวลมากจริงๆ
จี้เฟิงยืนขึ้นและพูดว่า“ไปกันเถอะครับคุณลุง ข้าวเราจะกินตอนไหนก็ได้ ตอนนี้บริษัทกำลังเกิดปัญหาเร่งด่วน ผมจะไปกับคุณลุงด้วย”
ในขณะที่เซียวฉางเหอกำลังจะปฏิเสธเซียวหยูซวนก็รีบพูดว่า “ตามนั้นแหละค่ะพ่อ หนูกับจี้เฟิงจะไปกับพ่อด้วย บางทีเราอาจจะพอช่วยอะไรได้บ้าง เพราะถ้าพ่อไปคนเดียวแล้วเกิดขาดเหลืออะไรขึ้นมา พอถึงเวลาแล้วไม่มีคนช่วยมันจะยิ่งแย่กันไปใหญ่นะคะ”
แม่ของเซียวหยูซวนก็พูดเสริมไปอีกว่า“ที่ลูกพูดก็ถูกนะตาเฒ่า ให้เด็กสองคนนี้ไปเป็นเพื่อนคุณนั่นแหละดีแล้ว มีหลายหัวช่วยกันคิดยังไงก็ดีกว่าหัวเดียวนะ”
เซียวฉางเหอเองก็ไม่อยากจะพูดอะไรที่เป็นการเสียเวลามากไปกว่านี้เช่นกันโดยเฉพาะเมื่อเห็นทั้งสามคนยืนกรานเช่นนั้น เขาก็พยักหน้าตกลง
เนื่องจากเป็นช่วงเวลาเร่งด่วนเซียวฉางเหอจึงไม่มีเวลาพูดจาสุภาพอ้อมค้อมกับจี้เฟิงเขาจึงพูดอย่างตรงไปตรงมาว่า “งั้นเสี่ยวเฟิงก็รีบไปเอารถมาโดยเร็ว เราจะได้รีบไปดูกันว่ามันเกิดอะไรขึ้น”
จี้เฟิงยิ้มและพยักหน้า
เซียวหยูซวนจับมือพ่อของเธอและปลอบเขาเบาๆ“พ่อไม่ต้องเป็นกังวลมากเกินไปนัก เมื่อเราไปถึงเราก็จะรู้เองว่ามันเกิดอะไรขึ้น แล้วค่อยมาช่วยกันคิดว่าจะจัดการปัญหานี้อย่างไร กังวลตั้งแต่ตอนนี้ไปก็ไม่มีประโยชน์ มันจะยิ่งทำให้เราหงุดหงิดอารมณ์เสียแต่มันก็ไม่ได้ช่วยให้เราแก้ปัญหาได้เลย”
บนใบหน้าที่เคร่งเครียดค่อยๆผ่อนคลายและกลายเป็นรอยยิ้มจางๆ“ลูกรัก พ่อไม่อยากแก่ตัวไปโดยที่ทำให้บริษัทที่พ่อตั้งใจสร้างมาต้องพังทลายลงก่อนที่จะได้ส่งมอบมันให้กับลูก พ่อพยายามมาทั้งชีวิตก็เพื่อสร้างรากฐานที่มั่นคงให้กับลูกสาวของพ่อ เพื่อในอนาคตลูกได้เป็นสะใภ้เข้าไปอยู่ในตระกูลจี้ อย่างน้อยลูกก็สามารถยืดอกภาคภูมิใจได้ว่าลูกเองก็เป็นคนที่มีสถานะไม่ด้อยไปกว่าใคร!”
เซียวหยูซวนรู้สึกตื้นตันใจเป็นอย่างมากเธอรู้อยู่แล้วว่าพ่อรักและห่วงใยเธอมากแค่ไหน แต่เธอคิดไม่ถึงเลยว่าพ่อของเธอจะคิดและวางแผนเกี่ยวกับอนาคตของเธอมานานแล้ว
“พ่อคะพ่อไม่ต้องเป็นห่วง มีจี้เฟิงอยู่ทั้งคน บริษัทของพ่อจะต้องปลอดภัยอย่างแน่นอน!” เซียวหยูซวนกล่าวอย่างหนักแน่น “ฉันเกรงว่าครั้งนี้เสี่ยวเฟิงอาจจะช่วยอะไรไม่ได้มาก!”เซียวฉางเหอไม่ได้มองโลกในแง่ดีเหมือนอย่างเซียวหยูซวน เขากล่าวว่า “ลูกรัก ลูกลองคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ดูดีๆ ขนาดเรายังรู้เลยว่าเหตุผลที่พวกเขาใช้อ้างในการปิดโกดังสินค้าของบริษัทเรามันไร้สาระขนาดไหน แค่นี้มันก็ชัดเจนแล้วว่าถ้าไม่มีบุคคลที่แข็งแกร่งมากพออยู่เบื้องหลังในเรื่องนี้ คนของสำนักงานอาหารและยาจะกล้ามาสั่งปิดโกดังยาของเราอย่างอุกอาจแบบนี้ได้อย่างไร!”
หลังจากที่เปิดบริษัทและดำเนินงานมาเป็นเวลาหลายปีเซียวฉางเหอสร้างความสัมพันธ์ไว้กับหลายหน่วยงาน ไม่ว่าจะเป็นสำนักงานอาหารและยาหรือสำนักงานสาธารณสุข แม้ว่าตำแหน่งของคนเหล่านั้นอาจจะไม่สูง แต่พวกเขาล้วนใช้อำนาจที่ตัวเองมีได้อย่างมีประสิทธิภาพ
เมื่อทำธุรกิจสิ่งสำคัญอีกสิ่งหนึ่งที่จะขาดไม่ได้ก็คือคุณจะต้องติดต่อและเชื่อมความสัมพันธ์กับผู้ที่มีอำนาจอยู่ในมือ และแน่นอนว่าเซียวฉางเหอไม่เคยประมาทในเรื่องนี้
แต่ตอนนี้จู่ๆก็มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นในบริษัทนอกจากพนักงานของบริษัทที่โทรมารายงานเมื่อครู่แล้ว หลังจากนั้นเขาก็ไม่ได้รับโทรศัพท์อีกเลย เพียงเท่านี้ก็น่าจะพออธิบายถึงปัญหาที่เกิดขึ้นได้แล้ว
แม้เรื่องเหล่านี้ยากที่จะอธิบายออกมาเป็นคำพูดได้อย่างชัดเจนแต่เซียวฉางเหอเชื่อว่าลูกสาวของเขาฉลาดมากพอที่จะเข้าใจความหมายที่เขาเพิ่งพูดไปได้อย่างแน่นอน
เซียวหยูซวนตกใจเล็กน้อยและเธอก็เข้าใจได้อย่างรวดเร็วว่าสิ่งที่พ่อของเธอพยายามจะบอกนั้นหมายถึงอะไร แต่เธอก็ยังคงไม่ได้รู้สึกเป็นกังวลมากจนเกินไปนัก
เมื่อพูดถึงบุคคลที่ทรงพลังในเจียงโจวจะยังมีใครแข็งแกร่งไปกว่าจี้เฟิง
ยิ่งไปกว่านั้นถ้าคนที่อยู่เบื้องเป็นคนที่มีอำนาจยิ่งใหญ่มากจริงๆ ทำไมถึงต้องมาจัดการกับบริษัทเล็กๆที่มีทรัพย์สินไม่กี่สิบล้านหยวน
เซียวฉางเหอยังคงรู้สึกกระวนกระวายและไม่สบายใจแต่เซียวหยูซวนไม่ได้เป็นกังวลเท่าไหร่นัก นั่นเป็นเพราะเธอมีความเชื่อมั่นในตัวจี้เฟิงเป็นอย่างมาก จึงทำให้เธอรู้สึกสงบและตัดสินเรื่องนี้ได้อย่างใจเย็น
“พ่อคะเรื่องนี้หนูว่าต้องมีคนกำลังเล่นตลกอยู่และถึงแม้ว่าหนูจะไม่รู้ว่าคนคนนั้นเป็นใคร แต่หนูก็มั่นใจว่าเขาต้องไม่ใช่คนสำคัญ!” เซียวหยูซวนกล่าวออกมาเบาๆ “สถานการณ์ในตอนนี้เป็นยังไงเรายังไม่สามารถเดาได้อย่างชัดเจน ไว้ไปถึงบริษัทแล้วเราไปดูให้เห็นกับตาเลยดีกว่า หลังจากนั้นพ่อก็ค่อยลองติดต่อกับคนรู้จักของพ่อดูอีกครั้ง เพื่อว่าจะมีใครรู้ว่าสาเหตุนั้นเกิดจากอะไร”
“เยี่ยมมากลูกสาวตัวน้อยของพ่อเติบโตขึ้นมากแล้วจริงๆ!” เซียวฉางเหอยิ้มอย่างปลื้มปีติ เมื่อดูจากการวิเคราะห์ที่มีเหตุมีผลของลูกสาว จะเห็นได้ว่าไม่เพียงแต่เธอจะไม่ตื่นตระหนกเมื่อเจอกับเหตุการณ์ไม่คาดคิด แต่จิตใจของเธอยังสงบนิ่งจนแม้กระทั่งสามารถพูดจาปลอบโยนพ่อของตัวเองได้อีกด้วย
เมื่อเห็นลูกสาวที่เติบโตมาได้เป็นอย่างดี เซียวฉางเหอก็รู้สึกมีความสุขเป็นอย่างยิ่ง
ในขณะที่พ่อและลูกสาวกำลังพูดคุยกันจี้เฟิงก็รีบขับรถมา เซียวหยูซวนนั่งอยู่ข้างคนขับ ส่วนเซียวฉางเหอนั่งอยู่ที่ด้านหลัง
จี้เฟิงที่กำลังขับรถอยู่เขายิ้มและพูดขึ้นว่า “คุณลุงเซียวอย่าได้เป็นกังวลเลย ตอนนี้เรายังไม่รู้แน่ชัดว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ รอจนไปถึงที่บริษัทแล้วค่อยตัดสินใจก็ยังไม่สาย”
เซียวฉางเหอยิ้มเล็กน้อย“เสี่ยวเฟิงกับซวนซวนช่างเหมือนกันจริงๆ”
จี้เฟิงหัวเราะออกมาทันทีแต่ใบหน้าของเซียวหยูซวนกลับแดงขึ้นเล็กน้อย เธอไม่คิดว่าพ่อของเธอจะแซวเธอแบบนี้ แต่อย่างไรก็ตามเมื่อเห็นว่าพ่อของเธอคลายความวิตกกังวลไปบ้างแล้วเซียวหยูซวนก็รู้สึกโล่งใจมากขึ้น บริษัทยาของเซียวฉางเหอตั้งอยู่ใกล้ๆถนนวงแหวนที่สี่ทางทิศตะวันตกของเจียงโจว ระยะทางจากบ้านครอบครัวเซียวไปบริษัทไม่ไกลนัก หลังจากขับรถไปประมาณครึ่งชั่วโมงพวกเขาทั้งสามคนก็มาถึงที่บริษัทยา
พวกเขาทั้งสามคนเพิ่งออกจากลิฟต์และกำลังจะเข้าไปในชั้นของบริษัทยาทันใดนั้นพวกเขาก็เห็นพนักงานหลายคนกำลังยืนพูดคุยกันอยู่
เมื่อเห็นการมาของเซียวฉางเหอพนักงานที่กำลังพูดคุยอยู่ก็เงียบสงบลง พนักงานทั้งหมดมองมาที่พวกเขาทั้งสามคนด้วยแววตาที่ซับซ้อน
พนักงานบางคนต้องการดูว่าเซียวฉางเหอจะสามารถแก้ปัญหาได้หรือไม่หลักๆเลยเป็นเพราะเงินเดือนที่นี่ค่อนข้างดี พวกเขาจึงไม่อยากจะเสียงานแบบนี้ไป
แต่บางคนก็มีทัศนคติที่ค่อนข้างแย่เมื่อเกิดเรื่องที่ไม่เกี่ยวข้องกับตัวเองโดยตรงก็ชอบที่จะรอดูด้วยความสนุกตื่นเต้น พวกเขาอยากจะดูว่าเซียวฉางเหอจะประสบกับความโชคร้ายมากแค่ไหน และความคิดเหล่านี้ก็สามารถเห็นได้อย่างชัดเจนจากในแววตาของพวกเขา
มีพนักงานอีกกลุ่มหนึ่งกำลังพูดคุยกันอยู่ด้วยเสียงกระซิบพวกเขาคาดเดากันว่าเซียวฉางเหออาจจะไปล่วงเกินบุคคลที่ไม่ควรล่วงเกิน สุดท้ายบริษัทยาแห่งนี้จึงถูกบุคคลนั้นกลับมาแก้แค้น
“มองอะไรกันพวกคุณไม่ต้องทำงานกันเหรอ” ก่อนที่พ่อลูกตระกูลเซียวจะพูดอะไร เสียงอันเย็นชาของจี้เฟิงก็ดังขึ้น “ส่วนของโกดังถูกปิด แต่นั่นก็เป็นปัญหาของระบบโลจิสติกส์ มันเกี่ยวข้องกับงานในส่วนของพวกคุณด้วยเหรอ?”
เนื่องจากการฝึกฝนที่ยาวนานเมื่อจี้เฟิงพูดเขาจึงนำความเป็นผู้นำที่ดูน่าเกรงขามจนไม่อาจต้านทานได้มาใช้โดยไม่รู้ตัว พนักงานที่มองมาก็ถึงกับอึ้งไปทันที ก่อนที่จะมองไปทางเซียวฉางเหอ ราวกับรอคำอธิบายจากเซียวฉางเหอเพื่อให้พวกเขาได้รู้ว่าชายหนุ่มที่พูดอยู่นี้เป็นใครกันแน่
เมื่อเห็นจี้เฟิงพูดเซียวฉางเหอก็ชะงักไปเล็กน้อยเช่นกัน แต่แล้วเขาก็พยักหน้าอย่างเงียบๆ ไม่ว่าด้วยเหตุผลอะไรก็ตามที่โกดังถูกปิด อย่างแรกที่ต้องจัดการก็คือคำสั่งที่ทำให้บริษัทอยู่ในความสงบและไม่วุ่นวาย
เซียวฉางเหอกล่าวด้วยน้ำเสียงที่สงบนิ่ง“คำพูดของเขาคือสิ่งที่ฉันต้องการจะบอก ถ้าพวกคุณต้องการที่จะอยู่ที่นี่ต่อไป ก็ควรกลับไปทำหน้าที่ของพวกคุณซะ พวกคุณไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับสิ่งอื่นๆในบริษัท หน้าที่ของพวกคุณคืออะไรก็ไปจัดการให้เสร็จตามเป้าหมายก็พอ!”
พนักงานต่างพากันกระซิบกระซาบดูเหมือนว่าเซียวฉางเหอจะให้ความสำคัญกับชายหนุ่มคนนี้ไม่น้อยเลย
อย่างไรก็ตามการพูดคุยซุบซิบจบลงอย่างรวดเร็วพนักงานยังคงกลับไปทำหน้าที่ของตัวเองอย่างซื่อสัตย์ ก่อนที่จะได้รับเงินเดือน พวกเขาไม่อยากโดนหักเงินไปฟรีๆเพราะความประมาทของตัวเอง
ในตอนนั้นเองมีหญิงสาวคนหนึ่งเดินเข้ามา “เจ้านายคะ มีเจ้าหน้าที่สองคนจากสำนักงานอาหารและยารอคุณอยู่ที่ห้องทำงาน พวกเขาบอกว่าถ้าคุณมาโปรดไปพบพวกเขาที่นั่น”
“หลินเซิงผิงอยู่ที่ไหน”เซียวฉางเหอถาม
ผู้หญิงคนนั้นตอบว่า“คุณหลินอยู่กับเจ้าหน้าที่จากสำนักงานอาหารและยาสองคนนั้นค่ะ”
เซียวฉางเหอขมวดคิ้วทันทีและพูดด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นว่า“ฉันเข้าใจแล้ว เธอไปได้”
หลินเซิงผิงเป็นผู้จัดการทั่วไปของบริษัทเขาคือผู้ที่โทรหาเซียวฉางเหอก่อนหน้านี้ และในกรณีที่เซียวฉางเหอไม่อยู่ หลินเซิงผิงคือผู้ที่มีตำแหน่งสูงสุดในบริษัท และนั่นจึงเป็นเหตุผลที่เขาเป็นคนไปรับหน้าเจ้าหน้าที่สองคนที่มาจากสำนักงานอาหารและยา “ไปกันเถอะฉันอยากรู้ว่าพวกเขาจะพูดอะไร!” เซียวฉางเหอเดินตรงไปที่ห้องทำงานของเขาด้วยใบหน้าที่สงบนิ่ง
“จี้เฟิง..”เซียวหยูซวนหันไปมองจี้เฟิงด้วยสายตาที่เป็นกังวล
“ไม่ต้องกังวลไม่เป็นไร” จี้เฟิงยิ้มเล็กน้อยและทำให้เซียวหยูซวนสบายใจ
อันที่จริงจี้เฟิงก็แอบกังวลอยู่เหมือนกันและสิ่งที่เขากลัวมากที่สุดก็คือภายในโกดังสินค้าของเซียวฉางเหอจะมียาปลอมหรือยาที่ด้อยคุณภาพอยู่จริงๆ ในกรณีนี้แม้ว่าเขาจะใช้ความสัมพันธ์ของอาสองของเขาเพื่อป้องกันไม่ให้เซียวฉางเหอถูกลงโทษขั้นรุนแรง แต่คนที่ซื่อสัตย์ยุติธรรมเคร่งครัดในกฎระเบียบอย่างอาสองจะยอมให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นหรือไม่ ตัวเขาเองก็ยังไม่แน่ใจ
ยิ่งไปกว่านั้นแม้แต่ตัวจี้เฟิงเองก็ไม่อาจทนต่อเรื่องแบบนี้ได้เช่นกัน
ยาปลอมและยาด้อยคุณภาพมันก็ไม่ต่างจากการฆ่าคน! อย่างไรก็ตามถ้าไม่มียาปลอมหรือยาที่ด้อยคุณภาพในโกดังของเซียวฉางเหอ ก็พูดได้ว่าเรื่องนี้คงจัดการได้ไม่ยาก!