ในวันต่อมาเป็นเรื่องยากที่จี้เฟิงจะตื่นแต่เช้าอันที่จริงใครก็ตามที่มีหญิงสาวอันงดงามอย่างน่าทึ่งไว้ในอ้อมแขนตลอดคืนก็คงไม่อยากที่จะตื่นแต่เช้าอย่างแน่นอน
ในตอนที่จี้เฟิงลืมตาตื่นขึ้นสิ่งแรกที่เขาเห็นคือเซียวหยูซวนกำลังนอนขดตัวเหมือนลูกแมวน้อยอยู่ในอ้อมแขนของเขา เธอคงผล็อยหลับไป อย่างไรก็ตามมีร่องรอยของความอ่อนล้าปรากฏอยู่ที่ใบหน้า คิ้วที่ขมวด ผมที่ยุ่งเหยิง เพียงเท่านี้ก็พอจะแสดงให้เห็นได้ว่าการต่อสู้ที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนั้นดุเดือดขนาดไหน
เซียวหยูซวนเหนื่อยมากในขณะที่จี้เฟิงดูเหมือนจะไม่รู้จักคำว่าเหน็ดเหนื่อยเลยเขาควบม้าอย่างต่อเนื่องทั้งคืนไม่ว่าจะแนวตั้งหรือแนวนอน ทำให้เซียวหยูซวนเหมือนว่าตัวเองเป็นเรือลำเล็กๆที่หลงอยู่ในทะเลที่มีพายุโหมกระหน่ำพร้อมที่จะถูกพลิกคว่ำได้ทุกเมื่อ เหตุการณ์อันดุเดือดเผ็ดร้อนกินเวลาไปจนถึงเที่ยงคืนจนกระทั่งเซียวหยูซวนต้องร้องขอความเมตตาจี้เฟิงถึงจะหยุด
ในตอนนี้เซียวหยูซวนไม่มีแรงแม้แต่จะขยับนิ้วของเธอเธอที่นอนซุกอ้อมแขนจี้เฟิงมีเหงื่อออก หน้าแดงและดูอ่อนล้า เธอผล็อยหลับไปอย่างเหน็ดเหนื่อยในความรู้สึกสบายสุดๆ
จี้เฟิงค่อนข้างประหลาดใจกับความสามารถของเขาในด้านนี้ซึ่งมันดูจะแข็งแกร่งเกินไป
เท่าที่จำได้ครั้งแรกเขาใช้เวลาเพียงไม่กี่นาทีไม่ใช่หรือ
จี้เฟิงไม่เข้าใจไม่ใช่ว่าเพราะการฝึกฝนจากระบบฝึกสายลับจะทำให้เขากลายเป็นมนุษย์ต่างดาวไปแล้วจริงๆ
พอมาคิดๆดูจี้เฟิงก็รู้สึกโล่งใจอีกครั้ง วันก่อนในตอนที่เขาทำให้เซียวหยูซวนสำลักที่บ้านของเธอ สาเหตุที่มันรวดเร็วปานนั้นอาจเป็นเพราะนั่นคือครั้งแรกของเขา เมื่อมองไปที่ใบหน้าอันงดงามของเซียวหยูซวนที่อยู่ในอ้อมแขนของเขาจี้เฟิงก็รู้สึกภูมิใจที่มีผู้หญิงแบบเซียวหยูซวน ถ้าคนอื่นรู้เรื่องนี้เข้าพวกเขาจะต้องอิจฉาอย่างแน่นอน ไม่รู้ว่าจะมีสักกี่คนที่อิจฉาจนถึงขนาดขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน
แต่เอาเข้าจริงสำหรับจี้เฟิงแล้ว การที่เขาได้ครอบครองทั้งใจและกายของหญิงสาวที่สวยงามขนาดนี้ แม้ว่าเขาจะรู้สึกภาคภูมิใจและมีความสุขมาก แต่ในขณะเดียวกันเขาก็จะต้องมีความรับผิดชอบด้วย
สำหรับความรักที่เซียวหยูซวนมีต่อจี้เฟิงคงไม่ต้องสงสัยเลยเพราะไม่เช่นนั้นพวกเขาคงไม่มาถึงขั้นนี้อย่างแน่นอน สำหรับจี้เฟิงแล้วหนึ่งในหลายๆสิ่งที่เขาพอจะทำให้เธอได้ คือการทำให้เธอรู้สึกมีความสุขมากขึ้น
จี้เฟิงมองเซียวหยูซวนที่กำลังนอนหลับเขายิ้มออกมาเล็กน้อย แต่หลังจากคิดเรื่องเหล่านี้แล้วเขาก็ตัดสินใจที่จะยังไม่ลุกจากเตียง แต่ล้มตัวลงนอนอีกครั้งโดยโอบกอดเซียวหยูซวนไว้ในอ้อมแขนของเขาให้กระชับขึ้น และคิดอะไรบางอย่างอยู่ในใจ
เมื่อเด็กสาวได้กลายเป็นผู้หญิงเต็มตัวเธอจะมีความเปลี่ยนแปลงมากขึ้นและเด็กหนุ่มที่กลายเป็นผู้ชายเต็มตัวก็จะต้องมีความรับผิดชอบที่มากขึ้นเช่นกัน
สำหรับจี้เฟิงความรู้สึกของเขาในตอนนี้คือเขาจะต้องมีความรับผิดชอบที่เพิ่มมากขึ้นสองเท่า!
ไม่ว่าจะเป็นเซียวหยูซวนหรือถงเล่ยหรือแม้กระทั่งญาติพี่น้องเพื่อนฝูงรอบตัวเขา เขามีหน้าที่ทำให้พวกเขาเหล่านั้นมีความสุข
จี้เฟิงคิดถึงแม่ของเขาที่อยู่ห่างไกลออกไปในหยานจิงขึ้นมาอีกครั้งเขาจำได้ว่าครั้งสุดท้ายที่คุยกับแม่ผ่านทางโทรศัพท์ ดูเหมือนว่าแม่ของเขาจะไม่ค่อยมีความสุขมากนัก ส่วนพ่อของเขาก็ทำงานหนักมากเช่นกัน
….ยังมีคุณปู่ที่สุขภาพแย่ลงเรื่อยๆไหนจะพี่รองที่ไม่ได้โทรหาเขาเลยตั้งแต่ไปที่หยานจิง เมื่อเทียบกันแล้วเขารู้สึกอับอายมากที่ไม่ได้มีส่วนช่วยอะไรในเรื่องเหล่านี้เลย
ทั้งหมดนี้คือสิ่งที่จี้เฟิงรู้สึกเป็นกังวลมากที่สุดในตอนนี้!
นอกจากนี้ยังมีโรงงานหยางที่เพิ่งเปลี่ยนชื่อเป็นเถิงเฟยซึ่งมันก็ต้องการเขาเช่นกัน แต่โชคดีที่เรื่องของโรงงานยังไม่ใช่เรื่องที่เร่งด่วนนัก จี้เฟิงไม่ได้รีบร้อนกับเรื่องธุรกิจของเขา เขาต้องรอจนกว่าร่างกายของคุณปู่จะฟื้นตัวและสิ่งต่างๆรอบตัวคลี่คลายก่อน เขาถึงจะมีเวลาจัดการโรงงานและทำตามแผนที่ตั้งใจไว้
จี้เฟิงวางหมอนให้สูงขึ้นเล็กน้อยเขาสอดมือไว้ใต้ศีรษะและถอนหายใจออกมาเบาๆ มีหลายสิ่งหลายอย่างเกิดขึ้น และเขาก็จะต้องจัดการมันเร็วๆนี้
จู่ๆสีหน้าที่เคร่งเครียดจริงจังของจี้เฟิงก็เปลี่ยนไปเขาสัมผัสได้ว่าเสียงลมหายใจของเซียวหยูซวนไม่สม่ำเสมอเล็กน้อย
จี้เฟิงหันกลับไปมองทันทีและสบเข้ากับดวงตาคู่งามของเซียวหยูซวนที่เปิดขึ้นแววตาของเธอเป็นประกายแห่งความเขินอายและความหวาน แต่เมื่อเห็นสายตาของจี้เฟิงที่จ้องมองมาใบหน้าของเธอก็แดงก่ำและรีบหลับตาลงไม่กล้ามองหน้าจี้เฟิงอีกต่อไป
แม้ว่าเธอจะเป็นคนที่ดูมีเสน่ห์เย้ายวนในด้านนั้นแต่อันที่จริงแล้วเซียวหยูซวนเป็นคนขี้อายโดยเฉพาะในเรื่องแบบนี้ที่เธอไม่เคยมีประสบการณ์มาก่อน ยิ่งไปกว่านั้นเธอเพิ่งผ่านพ้นการเปลี่ยนแปลงจากสาวบริสุทธิ์เป็นหญิงสาวเต็มตัวเมื่อคืนนี้ จึงเป็นธรรมดาที่เธอจะรู้สึกเขินอายอยู่ในใจและไม่รู้ว่าควรจะทำตัวยังไงดี
นอกจากนี้พวกเขาสองคนกำลังนอนกอดกันโดยไม่มีสิ่งใดขวางกั้นแม้แต่เสื้อผ้า!เธอสามารถรู้สึกได้อย่างชัดเจนจากไออุ่นของร่างกาย แถมสภาพของเธอตอนนี้ไม่ต่างจากปลาหมึกยักษ์ที่โอบรัดร่างกายของจี้เฟิงไว้โดยมีขาข้างหนึ่งวางไว้บนขาของจี้เฟิงและแขนข้างหนึ่งของเธอก็พาดไว้บนหน้าท้องของเขา มันเป็นท่าที่ทำให้เธอรู้สึกอับอายมากจริงๆ
ป๊าบ!
เกิดเสียงตบดังขึ้นจี้เฟิงตบก้นที่อวบอั๋นของเซียวหยูซวนและความยืดหยุ่นที่น่าทึ่งเกือบจะเด้งมือของเขาออกไป สาวน้อยอย่ามาทำเป็นแกล้งหลับ!
เซียวหยูซวนกัดริมฝีปากสีแดงที่มีเสน่ห์ของเธอพลันมองหน้าจี้เฟิงเธอรู้สึกได้ถึงอุณหภูมิความร้อนที่เพิ่มขึ้นในร่างกายหลังจากที่ถูกจี้เฟิงตบไปที่ก้นอย่างแรง ความร้อนนั้นแผ่ซ่านไปที่หว่างขาของเธอ ดวงตาของเธอในตอนนี้เหมือนน้ำที่ส่องประกายวาววับ ราวกับว่ามันสามารถละลายผู้คนได้
ทำไมปีศาจสาวคนนี้ถึงได้มีเสน่ห์ยั่วยวนมากขนาดนี้กันนะ! จี้เฟิงกลืนน้ำลายเสียงดังอย่างไม่รู้ตัว และร่างกายของเขาก็มีอาการตอบสนองทันที
เซียวหยูซวนตกใจทันทีเธอรีบร้องขอความเมตตา สามีคนดี ฉันผิดไปแล้วยกโทษให้ฉัน… ในขณะที่เซียวหยูซวนกำลังจะพลิกตัวลุกออกจากเตียงความปวดร้าวจากบาดแผลเมื่อคืนทำให้เธอต้องหยุดชะงัก จี้เฟิงได้โอกาสจึงพลิกตัวลุกขึ้นไปคว้าตัวเซียวหยูซวนไว้ เขาใช้มือทั้งสองข้างจับไปที่หน้าอกของเธอที่แทบจะล้นมืออันใหญ่โตของเขา
….ร่างกายของเซียวหยูซวนอ่อนยวบลงทันที ดวงตาที่เป็นประกายสดใสเมื่อครู่ก็ค่อยๆพร่ามัว
เซียวหยูซวนสูดลมหายใจเฮือกและคุกเข่าลงบนเตียงอย่างว่าง่ายตามอารมณ์ที่พลุ่งพล่านและรอการมาถึงของจี้เฟิงจากทางด้านหลัง…
ห้องทั้งห้องเต็มไปด้วยบรรยากาศแห่งความรักอีกครั้งและเตียงสปริงก็ทำงานของมันได้เป็นอย่างดี
จี้เฟิงนั้นตระหนักได้ว่าไม่เพียงแต่เซียวหยูซวนจะเป็นผู้หญิงที่เต็มไปด้วยเสน่ห์อันเย้ายวนอย่างมากแล้วแต่เธอยังมีสไตล์ที่หลากหลาย แม้เธอจะเขินอายในช่วงแรก แต่เมื่อเธอมีอารมณ์ เธอจะให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่และตอบสนองได้ทุกท่วงท่า แล้วแบบนี้จะให้จี้เฟิงอดกลั้นความปรารถนาอย่างแรงกล้าในใจของเขาไปง่ายๆได้อย่างไร
เธอเป็นผู้หญิงประเภทนี้จะปลดปล่อยความต้องการของเธอออกมาอย่างเต็มที่เมื่อเธอมีอารมณ์และเธอจะพยายามอย่างมากเพื่อที่จะตอบสนองความต้องการของจี้เฟิงจึงไม่แปลกที่จะทำให้จี้เฟิงรู้สึกตกตะลึงและหลงใหลไปกับสิ่งเหล่านี้
และเมื่อเธอออกจากห้องเซียวหยูซวนก็กลับคืนสู่บุคลิกที่มีเสน่ห์ดั้งเดิมอย่างที่เธอเป็นอีกครั้ง ซึ่งเป็นผู้หญิงที่ดูสวยงามและสูงส่งจนคนทั่วไปก็ไม่กล้าแม้แต่จะทัก ผู้หญิงประเภทนี้มักจะทำให้ผู้ชายต่างพากันหลงใหลมากที่สุด
แน่นอนว่าแม้แต่กับจี้เฟิงก็ไม่เว้นเขารักเธอมาก!
………………
กว่าจี้เฟิงและเซียวหยูซวนจะออกจากห้องก็เป็นเวลาเก้าโมงเช้าแล้ว
ใบหน้าและดวงตาที่สวยงามของเซียวหยูซวนดูมีเสน่ห์อย่างที่ไม่อาจซ่อนเร้นได้มันยิ่งขับเสน่ห์ของเธอให้มากยิ่งขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ เซียวหยูซวนดูงดงามมากจริงๆ
แม้แต่ถงเล่ยเองที่ได้เห็นเซียวหยูซวนในตอนนี้ก็อดไม่ได้ที่จะนิ่งอึ้งไปครู่ใหญ่ๆ
เซียวหยูซวนอดไม่ได้ที่จะหน้าแดงด้วยความเขินอายเมื่อตอนที่เธอส่องกระจกในตอนเช้าแน่นอนแหละว่าเธอสามารถสัมผัสได้ถึงการเปลี่ยนแปลงของตัวเธอเอง แต่เธอไม่ได้คิดอะไรมาก เธอคิดว่ามันเป็นเพราะความเขินอายของเธอเท่านั้น
แต่ตอนนี้ดูเหมือนเธอจะตระหนักแล้วว่าการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นนั้นไม่ได้เป็นเพราะแค่ความเขินอายของเธอไม่เช่นนั้นถงเล่ยที่มีนิสัยเย็นชาจะไม่จ้องมองเธอด้วยสายตาเช่นนี้
พี่สาวของฉันสวยจัง! ถงเล่ยชื่นชมออกมาทันทีอย่างอดไม่ได้ ใบหน้าของเซียวหยูซวนแดงขึ้นเล็กน้อย เล่ยเล่ยของพี่สวยกว่า~
ถงเล่ยยิ้มและพูดเบาๆ น้องหมายความว่าวันนี้พี่สาวของน้องสวยกว่าเมื่อวานซะอีก!
ตอนนี้ใบหน้าของเซียวหยูซวนแดงจนไปถึงติ่งหูแล้วแต่เธอไม่อยากโดนถงเล่ยล้อเลียนฝ่ายเดียว เธอจึงตอบทันทีว่า รอถึงตาเธอเถอะ… รับรองว่าสวยกว่าพี่สาวคนนี้แน่นอน~~ คิกคิก~!
ถงเล่ยหน้าแดงทันทีและหยุดพูดเมื่อนึกถึงสิ่งที่เธอได้ยินเมื่อคืนนี้ เสียงที่ทำให้หัวใจของเธอเต้นแรง และเธอยิ่งรู้สึกอายมากขึ้นไปอีกเมื่อนึกว่าวันหนึ่งเธอก็จะต้องส่งเสียงแบบนั้น
จี้เฟิงยิ้มและมองไปยังสองสาวที่พูดคุยหัวเราะกันทันใดนั้นเขารู้สึกได้ถึงความอิ่มเอมใจ หัวใจที่พองโตของเขามันทำให้เขารู้สึกมีความสุข จะมีอะไรดีไปกว่าการมีแฟนสาว(ที่สวยมาก)ทั้งสองคนแบบนี้
เนื่องจากจี้เฟิงและเซียวหยูซวนตื่นสายถงเล่ยจึงเตรียมอาหารเช้าไว้เรียบร้อยแล้ว แม้ว่าทักษะการทำอาหารของเธอจะไม่ดีเท่าเซียวหยูซวน แต่ก็ถือได้ว่าไม่เลว อย่างน้อยถงเล่ยก็ไม่ใช่ ‘ลูกคุณหนู’ ที่เติบโตมาแบบที่ทำงานบ้านอะไรไม่เป็นเลย และตั้งแต่ที่เธอย้ายมาอยู่ที่นี่เธอก็เรียนรู้งานบ้านงานเรือนจากเซียวหยูซวนมาโดยตลอด
อร่อยมาก! จี้เฟิงดื่มนมถั่วเหลืองไปอึกหนึ่งและยกนิ้วให้ถงเล่ยทันที เล่ยเล่ย นมถั่วเหลืองที่เธอบดเองมันอร่อยมากเลย!
ปกติแล้วเล่ยเล่ยไม่ชอบดื่มนมถั่วเหลืองเท่าไหร่นักแต่ตั้งแต่ที่เธอได้ฝึกทำมันด้วยตัวเองกับเซียวหยูซวนเธอก็ชอบมันมากขึ้น
ถ้านายชอบก็ดีแล้วฉันก็กลัวอยู่ว่ามันจะออกมาไม่ดี! ถงเล่ยหัวเราะอย่างมีความสุข
ดีสิฉันชอบกินจะตาย! จี้เฟิงยิ้ม
เซียวหยูซวนยังกล่าวอีกว่า นั่นน่ะสิ! ฝีมือการทำอาหารของเล่ยเล่ยพัฒนาขึ้นเร็วมาก แถมตอนนี้รสชาติก็ดีกว่าที่ฉันทำซะอีก! พี่สาวก็พูดเกินไป! ถงเล่ยยิ้มอย่างเขินๆ
วันนี้เธอมีแผนจะทำอะไรบ้างล่ะ จี้เฟิงถามด้วยรอยยิ้ม
วันนี้ก็เป็นวันหยุดสุดสัปดาห์อีกครั้งหนึ่งวันเวลาได้ผ่านไปอย่างรวดเร็วและเดือนตุลาคมก็ผ่านพ้นไปแล้วโดยไม่รู้ตัว ซึ่งสิ่งนี้ก็ทำให้จี้เฟิงอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมาเล็กน้อย ‘เวลาช่างผ่านไปเร็วจริงๆ’
ถงเล่ยส่ายหัวเล็กน้อยและพูดว่า ฉันตั้งใจจะไปที่ห้องสมุดของมหาวิทยาลัย ฉันอ่านหนังสือที่ยืมมาครั้งที่แล้วหมดแล้ว เลยว่าจะเอามันไปคืน แล้วเย็นนี้ก็มีงานเลี้ยงต้อนรับนักศึกษาใหม่ด้วย ฉันเลยว่าจะแวะไปดูสักหน่อย
งานเลี้ยงรับน้องใหม่! จี้เฟิงผงะไปครู่หนึ่ง เขาลืมเรื่องนี้ไปเสียสนิท ไม่น่าเชื่อว่ามันจะเป็นวันนี้แล้ว!
เขาคิดอยู่ครู่หนึ่งและพูดว่า งั้นฉันจะไปส่งเธอที่มหาลัยก่อน จากนั้นฉันจะไปหาลุงหยางที่โรงงานเพื่อดูเรื่องบัญชีทั้งหมด กว่าจะเสร็จก็น่าจะเย็นๆ ฉันจะรีบกลับแล้วไปหาเธอที่มหาลัยจากนั้นค่อยไปงานเลี้ยงรับน้องใหม่ด้วยกัน
แม้ว่าบัญชีและขั้นตอนอื่นๆจะถูกตรวจสอบเรียบร้อยแล้วในวันที่ไปดำเนินการโอนชื่อเจ้าของโรงงานเป็นจี้เฟิงแต่หนังสือยังคงอยู่ในห้องการเงินของโรงงาน จี้เฟิงจำเป็นต้องไปเอากุญแจตู้เซฟของที่นั่นมาก่อน รวมถึงของและเอกสารอื่นๆที่จำเป็น คงใช้เวลาอย่างมากก็ไม่น่าเกินหนึ่งวัน
อื้อ! ถงเล่ยพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง แต่จู่ๆเธอก็ถามขึ้น แล้วพี่สาวล่ะ
ร่างกายของเธอน่าจะไปไหนไม่ไหวคงต้องพักผ่อนอยู่ที่บ้าน! จี้เฟิงตอบแทนเซียวหยูซวนโดยไม่ต้องคิด หลังจากผ่านศึกอันดุเดือดมาตลอดทั้งคืนรวมถึงอีกครั้งหนึ่งเมื่อเช้านี้ เซียวหยูซวนจะหมดแรงก็คงไม่แปลก จี้เฟิงไม่อยากทำให้เธอต้องเหนื่อยมากไปกว่านี้
ฮี่ฮี่~~ ถงเล่ยเม้มปากและยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์
เซียวหยูซวนหน้าแดงและรีบพูดขึ้นมาทันทีว่า ตาบ้านี่! นายว่าไงนะ!
ฮ่าฮ่า! จี้เฟิงหัวเราะเบาๆ เขารู้ว่าเซียวหยูซวนไม่อยากพูดอะไรมากเพราะเธอต้องไว้หน้าถงเล่ยอย่างแน่นอน
หลังจากทานอาหารเช้าเสร็จจี้เฟิงก็ขับรถไปส่งถงเล่ยที่มหาวิทยาลัย แต่ในขณะนั้นเองเขาได้รับโทรศัพท์จากจี้ช่าวเหลย
น้องสามนายยังมาเยี่ยมคุณปู่ไม่ได้…