Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร – บทที่ 1203 : รับผิดชอบไหวรึ?!

บทที่ 1203 : รับผิดชอบไหวรึ?!

  บนถนนกว้างในยามค่ำคืน..รถหรูสีดำขับมุ่งหน้าไปทางทิศตะวันออกด้วยความรวดเร็ว

  ครั้งนี้..ตี้เสี่ยวอู๋ทำหน้าที่เป็นคนขับรถ โม่วู๋เตานั่งอยู่ข้างคนขับ ส่วนหลิงหยุนกับถังเมิ่งนั่งนั้นอยู่เบาะหลัง

  ชายหนุ่มทั้งสี่คนได้ออกมาเที่ยวกันตามลำพังโดยไม่มีหญิงสาวคนอื่นๆตามมาเป็นแรงกดดันเช่นนี้ จึงไม่ต่างกับคำพูดที่ว่า ‘แมวไม่อยู่หนูร่าเริง’ เลยแม้แต่น้อย ทั้งสี่หนุ่มต่างก็ร้องเพลงออกมาอย่างมีความสุข..

  แต่จู่ๆโม่วู๋เตาที่เอาแต่นั่งเล่นมือถือนิ่งเงียบมาตลอดทางนั้น ก็พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ไม่พอใจนัก

   นับว่าพี่หลิงซิ่วใจดีมากแล้วนะที่ให้หักขาเย่เทียนสุ่ยเพียงแค่สองข้าง.. 

  หลิงหยุนถึงกับหัวเราะออกมาพร้อมกับตอบไปว่า ฮ่า.. ฮ่า.. นางไม่ได้บอกให้ข้าหักขาทั้งสองข้างของเย่เทียนสุ่ย นางให้ข้าทำยังไงก็ได้ให้หมอนั่นน้ำหนักลดลงทันทีหนึ่งร้อยกิโลกรัม! 

  โม่วู๋เตายกมือขึ้นเกาศรีษะพร้อมกับพึมพำออกไปว่า ถ้าเช่นนั้นไม่ต้องตัดแขนซ้ายกับแขนขวาออกด้วยหรอกรึ เพราะหักขาสองข้างคงจะยังไม่พอ.. 

  ถังเมิ่งที่กำลังฝึกสื่อสารกับแหวนพื้นที่อยู่และไม่ว่าจะพยายามเพียงใดก็ยังไม่สามารถทำได้นั้น เมื่อได้ยินหลิงหยุนกับโม่วู๋เตาคุยกัน จึงอดที่จะพูดแทรกขึ้นมาไม่ได้

   นี่นักพรตน้อย..ทำไม่นายถึงได้โง่อย่างนี้นะ! 

   พี่หยุนมีวิธีอื่นที่จะทำให้หมอนั่นน้ำหนักลดพรวดหนึ่งร้อยกิโลกรัมได้ทันทีโดยไม่ต้องตัดขาตัดแขนแน่..  

   พี่หยุนก็แค่ถลกผิวหนังของมันออกแล้วค่อยๆเอามีดแถเนื้อที่อยู่ข้างในออกมาซะ แค่นี้ก็น้ำหนักลดลงได้ทันตาเห็นแล้ว!    เมื่อตี้เสี่ยวอู๋ที่ทำหน้าที่ขับรถและนิ่งเงียบมาตลอดนั้น ได้ฟังคำพูดของถังเมิ่งก็ถึงกับค้านขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ไม่พอใจนัก

   นี่ถังเมิ่ง..นายให้พี่หยุนทำแบบนั้น ไม่ต้องใช้ยันต์บำบัดจำนวนมากรักษาแผลให้กับมันหรอกเหรอ! เสียของแย่! 

  ทุกคนในรถถึงกับอึ้งไปครู่ใหญ่ก่อนจะพากันหัวเราะออกมาด้วยความสนุกสนาน!

   ฮ่า..ฮ่า.. ฮ่า.. 

  หลังจากหัวเราะกันจนตัวงอแล้วหลิงหยุนก็พูดขึ้นว่า  เย่เทียนสุ่ยเป็นคนของตระกูลเย่แห่งปักกิ่ง เรื่องราวเกี่ยวกับตระกูลเย่นั้นค่อนข้างลึกลับ และไม่ถูกเปิดเผยนัก.. 

  แม้ข้อมูลต่างๆของตระกูลเย่จะไม่ถูกเปิดเผยมากนักแต่หลิงหยุนซึ่งเวลานี้เป็นถึงผู้นำตระกูลหลิง ย่อมสามารถเข้าถึงข้อมูลความลับต่างๆที่ตระกูลหลิงเป็นผู้เก็บไว้ และข้อมูลพื้นๆที่เกี่ยวกับเหล่าตระกูลใหญ่ในปักกิ่ง ก็ไม่ใช่เรื่องที่ลำบากสำหรับหลิงหยุนอีกต่อไป..   ถังเมิ่งถามด้วยความตื่นเต้น พีหยุน..  

  ถังเมิ่งถามด้วยความตื่่นเต้น พี่หยุน.. เรื่องเงินหนึ่งหมื่นห้าพันหยวนเป็นไงมาไงเหรอ! 

  ตราบใดที่เกี่ยวกับเรื่องเงินถังเมิ่งมักจะกระตือรือร้น และอยากรู้อยากเห็นมากกว่าผู้อื่น..

  หลิงหยุนยิ้มและตอบกลับด้วยน้ำเสียงสบายๆ  มันเป็นเงินเดิมพัน.. 

  ถังเมิ่งในฐานะฉายาเซียนพนันรุ่นเล็กได้ฟังถึงกับถามขึ้นด้วยแววตาเป็นประกาย แล้วเดิมพันเรื่องอะไรกันเหรอพี่หยุน 

  โม่วู๋เตาหัวเราะออกมาพร้อมกับพูดขึ้นว่า ฮ่า.. ฮ่า.. เจ้าคงจะยังไม่รู้เรื่องนี้สินะ! ข้าจะเล่าให้เจ้าฟังเอง! 

  โม่วู๋เตาหันไปมองถังเมิ่งที่นั่งอยู่ด้านหลังและเริ่มเล่าเรื่องทั้งหมดให้กับถังเมิ่งฟังตั้งแต่ต้นจนจบ..

   ห๊ะ!แม่เจ้าโว้ย! ลงทุนหนึ่งพันล้าน ได้มาหนึ่งหมื่นห้าพันล้านหยวนเชียวเหรอ? 

   นี่เย่เทียนสุ่ยมันไม่กระอักเลือดไปแล้วเหรอพี่หยุน! 

  ถังเมิ่งร้องอุทานออกมาด้วยความตกอกตกใจและตื่นเต้นดีใจไปพร้อมๆกัน..

  การที่หลิงหยุนเอาชนะการประลองได้นั้นถังเมิ่งไม่ได้รู้สึกแปลกใจ แต่เงินจำนวนหนึ่งหมื่นห้าพันล้านหยวนที่ได้กลับมาต่างหาก ที่ทำให้เขานึกทึ่งในตัวหลิงหยุน เพราะมันคือกำไรที่มหาศาลมาก..

  หลิงหยุนหันไปมองถังเมิ่งพร้อมตอบกลับด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม  ในเมื่อฉันเลือกที่จะเดิมพัน ฉันก็ต้องมั่นใจว่าตัวเองต้องเป็นฝ่ายชนะ นายก็รู้เรื่องนี้ดีไม่ใช่รึ 

  ถังเมิ่งหันไปมองหลิงหยนุพร้อมกับเอ่ยชมจากใจจริง พี่หยุน.. ฉันลืมเรื่องนี้ไปได้ยังไง! 

  ถังเมิ่งอยู่กับหลิงหยุนมาตั้งแต่เริ่มต้นผ่านเหตุการณ์ที่เกี่ยวพันถึงความเป็นความตายในชีวิตมาหลายต่อหลายครั้ง ทำให้ถังเมิ่งลืมนึกถึงเรื่องการเดิมพันครั้งแรกของหลิงหยุนไปเสียสนิท!

  หลิงหยุนยิ้มเล็กน้อยและพูดต่อว่า  ตระกูลเย่ต่างจากตระกูลซันกับตระกูลเฉิน การไปพบเย่เทียนสุ่ยครั้งนี้ จุดประสงค์หลักของฉันไม่ใช่เรื่องเงิน ฉันแค่ต้องการไปดูท่าทีของตระกูลเย่ที่มีต่อตระกูลหลิงเท่านั้น.. 

  ถังเมิ่งพยักหน้าหงึกๆพร้อมกับพึมพำว่า  อ่อ.. ที่แท้ก็เป็นแบบนี้นี่เอง! 

  หลิงหยุนมาปักกิ่งถึงสองครั้งแล้วก็จริงแต่ส่วนใหญ่แล้วเขามักจะเก็บตัวเงียบอยู่ในบ้านหลังเล็กของตระกูลหลิง มีเพียงครั้งสุดท้ายที่ไปเคารพหลุมศพบรรพชนที่สุสานเท่านั้น ที่หลิงหยุนได้เผชิญหน้า และสั่งสอนตระกูลซันกับตระกูลเฉินต่อหน้าสาธารณชน..

  คืนนี้..หลิงหยุนจึงจงใจที่จะไปพบเย่เทียนสุ่ยที่บ่อนในฐานะผู้นำตระกูลหลิง เพื่อดูท่าทีของคนตระกูลเย่..

  อีกทั้งหลิงหยุนรู้สึกว่าเย่เทียนสุ่ยนั้นเหมาะอย่างยิ่งที่เขาจะไปเผชิญหน้าด้วยนั่นเพราะถึงแม้หลิงหยุนจะอายุเพียงแค่สิบเก้าปี แต่ก็มีฐานะเป็นถึงผู้นำตระกูลหลิง..

  นั่นเพราะหากอีกฝ่ายมีฐานะที่ต่ำต้อยจนเกินไปการปรากฏตัวของหลิงหยุนก็ย่อมไม่มีประโยชน์อะไร แต่หากอีกฝ่ายมีฐานะที่สูงส่งจนเกินไป ไม่ว่าจะเป็นผู้นำตระกูลหลง – หลงฮ่าวหลาน หรือว่าผู้นำตระกูลเย่ – เย่ชิงเฟิง หากได้เผชิญหน้ากัน หลิงหยุนก็ไม่อาจคาดเดาได้ว่าสถานการณ์จะเป็นเช่นใด

  ถึงแม้หลิงหยุนจะไม่ได้เกรงกลัวแต่ก็ย่อมไม่เป็นผลดีต่อตระกูลหลิงในเวลานี้เช่นกัน..

  ด้วยเหตุนี้..หลิงหยุนจึงเลือกที่จะมาเผชิญหน้ากับเย่เทียนสุ่ย ซึ่งฐานะภายในตระกูลเย่นั้นแม้จะไม่ได้สูงส่งมากนัก แต่ก็ไม่ได้ด้อยจนเกินไป กำลังเหมาะสมสำหรับหลิงหยุนในเวลานี้!

  อีกทั้งคืนนี้ก็เป็นคืนวันที่7 และในคืนวันที่ 9 หลิงหยุนเองก็ตั้งใจที่จะไปโรงประมูลชาวยุทธที่ตระกูลเย่เป็นผู้จัดขึ้น ครั้งนี้จึงนับเป็นการโยนหินถามทาง..

  แม้หลิงหยุนจะเป็นคนยะโสโอหังไม่เกรงกลัวผู้ใดแต่เขาก็ไม่ได้หูหนวกตาบอดจนไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไร..

  ระหว่างทางที่มุ่งหน้าสู่บ่อนส่วนตัวของเย่เทียนสุ่ยนั้นทั้งสี่คนก็พูดคุยกัน พร้อมกับหัวเราะกันอย่างสนุกสนานอยู่ภายในรถ

   ตรงไปทางทิศใต้.. 

  ทันทีที่รถหรูสีดำขับมาถึงด้านตะวันออกของถนนวงแหวนที่สามหลิงหยุนจึงเปิดจิตหยั่งรู้ของตนเองออก และสั่งให้ตี้เสี่ยวอู๋ขับมุ่งหน้าไปทางทิศใต้..

  ขับไปได้เพียงแค่ห้านาทีหลิงหยุนก็ร้องสั่งตี้เสี่ยวอู๋ว่า  จอดตรงนี้! 

  ตี้เสี่ยวอู๋จอดรถตามคำสั่งหลิงหยุนแล้วทั้งหมดก็เดินลงจากรถมุ่งหน้าไปยังจุดหมายที่อยู่ด้านหน้า แต่แล้วถังเมิ่งก็ถึงกับร้องอุทานออกมาอย่างผิดหวัง   ชิบหาย!นี่มันอะไรกันพีหยุน! บ่อนอะไรทำไมถึงได้ทรุดโทรมขนาดนี้?! 

  หลิงหยุนหัวเราะพร้อมกับตอบไปว่า นายอย่าดูแค่ภายนอก.. ข้างในไม่ใช่แบบนี้! 

  และนี่คือปักกิ่ง..คุณไม่สามารถตัดสินทุกอย่างได้จากภายนอก ไม่เช่นนั้นแล้วการตัดสินใจของคุณอาจจะผิดพลาดไปในทันที!

  ตี้เสี่ยวอู๋หันไปมองถังเมิ่งพร้อมกับพูดขึ้นว่า ถังเมิ่ง.. นายดูรถที่จอดอยู่ด้านหน้าประตูสิ! 

  ถังเมิ่งถึงกับอ้าปากค้าง..เพราะรถที่จอดอยู่ด้านนอกอาคารเก่าๆนั้น ล้วนแล้วแต่เป็นรถหรูราคาหลายสิบล้านทั้งสิ้น และหากเทียบกับรถ Mercedez-Benz ของหลิงหยุนแล้ว รถของเขานับว่ากระจอกไปเลยทีเดียว

  หลังจากที่ชายหนุ่มทั้งสี่คนลงมาจากรถแล้วทั้งหมดก็ได้ยินเสียงรถหรูราคาหลายสิบล้านคันหนึ่งขับมาแต่ไกล และมาจอดอยู่ตรงหน้าพวกเขาทั้งสี่คน  เจ้าขอรถMaybach คันนี้เป็นชายหนุ่มที่มาพร้อมกับหญิงสาวผมยาวแต่งหน้าหนาเตอะ และทันทีที่เปิดกระจกรถลง เขาก็ร้องถามหลิงหยุนด้วยน้ำเสียงเหยียดหยัน..

   รถผุๆคันนั้นเป็นของใครกัน 

  ทั้งหลิงหยุนตี้เสี่ยวอู๋ และถังเมิ่งถึงกับระเบิดเสียงหัวเราะออกมาพร้อมกัน ส่วนโม่วู๋เตานั้นเพียงแค่ยิ้มเล็กน้อย..

  หลิงหยุนตอบกลับยิ้มๆ เป็นของฉันเอง! 

   อ่อ..ถ้างั้นก็รีบขับรถผุๆของแกไปจอดที่อื่น ตรงนี้เป็นที่จอดรถของฉัน! 

  ชายหนุ่มที่ขับรถยนต์คันหรูนี้ดูเหมือนจะเป็นคนใจร้อนมากก็เพราะเมื่อสองสามวันก่อนเขาเพิ่งจะเสียเงินให้กับบ่อนแห่งนี้ไปมากมาย เมื่อมาเห็นที่จอดรถของตนโดนคนอื่นจอดตัดหน้าไปก่อนเช่นนี้ จึงถึงกับฉุนเฉียวขึ้นมาทันที

  หลิงหยุนฟังแล้วก็ได้แต่ยิ้มและจงใจนอบกลับไปว่า  ที่นี่เป็นที่จอดรถของแกงั้นรึ! แต่ฉันไม่เห็นมีชื่อติดไว้เลยนี่?! 

   ใครๆที่นี่ก็รู้ว่าตรงนี้เป็นที่จอดรถของฉัน– หยางจง แกหุบปาก แล้วรีบขับรถผุๆของแกออกไปเดี๋ยวนี้เลย! 

  หยางจงเป็นหนุ่มเพลย์บอยและเป็นลูกชายเจ้าของธุรกิจใหญ่ในเมืองปักกิ่ง ใครๆต่างก็รู้ว่าเขาร่ำรวยมากเพียงใด

  หยางจงคิดว่าทันทีที่ทั้งสี่คนได้ยินชื่อของตนก็คงจะรู้ฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ และรีบขับรถของตนเองออกไปทันที แต่กลับไม่เป็นเช่นนั้น เพราะชายหนุ่มทั้งสี่คนยังคงยืนทำสีหน้านิ่งเฉย และหลิงหยุนก็ตอบกลับไปว่า

   เสียใจด้วย..รถของฉันรากงอกแล้ว ไม่สามารถขับออกไปได้! 

   นี่..ยังจัดการไม่ได้อีกเหรอ! 

  เสียงของหญิงสาวที่นั่งอยู่ในรถดังออกมาสีหน้าของเธอบ่งบอกว่ารังเกียจชายหนุ่มทั้งสี่คนยิ่งนัก..

  หยางจงร้องตะโกนออกมาด้วยความโมโห ถ้าพวกแกไม่ขับออกไป ฉันก็จะพังรถของพวกแกทิ้งซะ! แล้วอย่ามาเสียใจที่หลังก็แล้วกัน.. 

  หลิงหยุนจ้องหน้าหยางจงพร้อมกับพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย แกอยากจะพังรถคันนี้ก็ได้ แต่ฉันกลัวว่าคนอย่างแกจะรับผิดชอบไม่ไหวน่ะสิ! 

  พูดจบ..หลิงหยุนจึงก้าวเท้าออกไปด้านข้างสองสามก้าว เพื่อหลีกทางให้กับหยางจงได้เดินเข้าไปยังที่จอดรถ

  ถังเมิ่งตี้เสี่ยวอู๋ และโม่วู๋เตาเองต่างก็รู้ใจหลิงหยุน พวกเขาจึงได้เดินตามหลิงหยุนออกไป เพื่อเปิดทางให้หยางจงได้เข้าไป

  เมื่อเห็นสีหน้าท่าทางที่สงบนิ่งของชายหนุ่มทั้งสี่คนหยางจงกลับยืนนิ่งไม่กล้าลงมือ และได้แต่นึกถึงคำพูดของหลิงหยุน..

  ‘ฉันกลัวว่าคนอย่างแกจะรับผิดชอบไม่ไหวน่ะสิ!’

  หยางจงกำลังคิดว่าหรือตนจะเจอตอเข้าแล้ว!

  ในเมืองปักกิ่งนั้น..แทบไม่มีปัญหาเลยหากหยางจงจะมีเรื่อง แต่ต้องไม่ไปสะดุดตอเข้าเท่านั้น!

  หยางจงจัดว่าเป็นเด็กหนุ่มที่คาบช้อนเงินช้อนทองมาเกิดก็ว่าได้อีกทั้งยังเติบโตในปักกิ่ง จึงย่อมถูกย้ำเตือนในเรื่องเหล่านี้ไว้เป็นอย่างดี..

  ด้วยเหตุนี้..หยางจงจึงชะโงกหน้าออกไปนอกรถเพื่อดูหน้าชายหนุ่มทั้งสี่คนให้ชัดๆ อีกครั้ง และพยายามนึกว่าตนเองพบเห็นชายหนุ่มทั้งสี่บ้างหรือไม่

  แต่หลังจากที่มั่นใจว่าทั้งสี่คนนั้นไม่ใช่ลูกคนใหญ่คนโตที่ไหนแน่แล้วหยางจงจึงร้องตะโกนออกไปว่า

   ได้..ในเมื่อพวกแกสี่คนอยากจะมีเรื่องกับฉัน ฉันก็จะจัดให้! 

   คิดว่าคนอย่างฉันไม่กล้าชนรถของแกงั้นรึ!    หยางจงหันไปมองหลิงหยุนพร้อมกับเหยียบคันเร่งเสียงดัง.. แต่เขากลับไม่พบสีหน้าตื่นตระหนกตกใจของชายหนุ่มทั้งสี่คนเลยแม้แต่น้อย หนำซ้ำทั้งหมดยังยืนดูด้วยสีหน้าเรียบเฉย..

  ไม่เพียงเท่านั้น..หยางจงยังเห็นชายหนุ่มที่สวมเสื้อคลุมคล้ายนักพรตร้องตะโกนท้าทายด้วยความหงุดหงิด

   พูดมากอยู่ได้!เจ้าบอกจะชนก็ไม่ชนเสียที ข้ากำลังรออัดคลิปวีดีโอจนเมื่อยแล้ว! 

  ระหว่างที่พูด..โม่วู๋เตาก็ยกโทรศัพท์มือถือขึ้นมารอถ่ายจริงๆ

   เอ่อ.. 

  หยางจงได้ยินอีกฝ่ายท้าทายเช่นนั้นก็ถึงกับลังเลขึ้นมาทันที แต่ไม่ใช่เพราะเขาไม่กล้าขับรถชน หรือเป็นเพราะอีกฝ่ายกำลังถ่ายคลิปวีดีโอ เพียงแต่เพื่อแย่งที่จอดรถ ตนถึงกับจะต้องทำให้รถ Maybach ที่เพิ่งซื้อมาต้องมีริ้วรอยเชียวหรือ เมื่อคิดได้เช่นนี้หยางจงจึงนึกเสียดายขึ้นมา..   ส่วนอีกหนึ่งเหตุผลก็คือ..อีกฝ่ายนั้นดูสงบนิ่งจนผิดปกติ และถึงแม้รถของพวกเขาทั้งสี่คนจะไม่หรูหราเท่ารถของตนเอง แต่การแต่งตัวของชายหนุ่มทั้งสามคนนั้น ก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าของตนเองเลย..

  เพราะหากตนไปสะดุดเข้ากับตอจริงๆก็ยากนักที่ตนเองจะรับไหว อีกทั้งต่อให้ชายหนุ่มทั้งสี่ไม่รู้ฟ้าสูงแผ่นดินต่ำจริง แต่เขาก็มาเพียงคนเดียว คงยากที่จะรับมือชายหนุ่มพร้อมกันทั้งสี่คนได้หากมีเรื่อง!

  เรียกได้ว่า..ก่อนจะได้เป็นพระเอก คงต้องพ่ายแพ้ยับเยินก่อน!

   ได้..พวกแกอย่ามานึกเสียใจทีหลังล่ะ! 

  แต่ระหว่างนั้นเสียงของหญิงสาวในรถก็ร้องตะโกนออกมาอย่างหมดความอดทน นี่.. ถ้าพวกมันไม่ออก เราก็จอดขวางรถของพวกมันไว้เลย! 

  เมื่อหญิงสาวเห็นหยางจงไม่กล้าจัดการก็เปิดประตูออกไปด้วยความโมโห เธอได้ยินคำพูดของหลิงหยุนมาโดยตลอด และกำลังรอดูว่าหยางจงจะกล้าชนรถของฝ่ายตรงข้ามหรือไม่

  หลังจากที่หญิงสาวเดินลงจากรถไปแล้วหยางจงก็ขับรถ Maybachของตนมาขวางท้ายรถของหลิงหยุนไว้ แล้วเดินกอดเอวหญิงสาวออกไปทันที แต่ก็ไม่ลืมที่จะหันมาพูดกับชายหนุ่มทั้งสี่ว่า

   ในเมื่อพวกแกอยากจะจอดตรงนั้นก็จอดไปแต่คืนนี้ฉันจะอยู่ในบ่อนจนถึงเช้า แล้วก็จะเรียกให้คนเอารถมารับตอนเช้า ส่วนรถคันนี้ก็จะจอดขวางรถของพวกแกอยู่ที่นี่สักสองสามวัน.. 

  หยางจงร้องตะโกนบอกหลิงหยุนกับเพื่อนๆด้วยความรู้สึกสะใจอย่างผู้กุมชัยชนะ!

  หลิงหยุนยิ้มเล็กน้อยก่อนจะหันไปพูดกับหยางจงว่า  ถ้าแกทำแบบนี้.. อาจเป็นรถของแกที่ถูกชนก็ได้นะ! 

   ห๊ะ!รถของฉันเหรอ?! 

  หยางจงร้องอุทานออกมาด้วยความตกใจและได้แต่แอบคิดว่าอีกฝ่ายใหญ่โตแค่ไหน ถึงได้กล้าคิดที่จะขับรถชนรถของตนเอง!

   พวกแกแหกตาดูให้ดีก่อน!นี่รถ Maybach รุ่น Limited Edition ถ้าพวกแกคิดว่ามีปัญญารับผิดชอบ ก็ลงมือได้เลย! 

  หลิงหยุนพยักหน้าพร้อมกับถามขึ้นว่า ฉันจะขับรถออกตอนนี้ ถ้าแกไม่ขับรถของแกออกไป ฉันชนแน่! 

 

Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร

Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร

ความเป็นอมตะของหลิงหยุนได้มลายหายไป.. ทำให้เขาตกลงมาสู่โลกมนุษย์ ในยุคที่เต็มไปด้วยความเสื่อมทรามอย่างที่สุด จากนั้น.. หลิงหยุนจะค่อยๆ บ่มเพาะพลังในตัวเองทีละขั้น ทีละขั้น และไต่ลำดับขึ้นไปต่อกรกับสวรรค์ได้อย่างไร..

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท