The Ultimate Student สุดยอดนักเรียนสมองอัจฉริยะ – บทที่ 352 คำขอของพี่รอง

บทที่ 352 คำขอของพี่รอง

   พี่รองพี่หมายถึงอาสามบอกให้พี่ไปงานเลี้ยงเพื่อหาแฟนงั้นเหรอ อ่า… ผมว่ามันก็เป็นความคิดที่ดีนะ พี่รอง พี่ก็อายุไม่ใช่น้อยๆแล้ว จริงๆก็เป็นวัยที่สมควรจะแต่งงานได้แล้วล่ะนะ!  จี้เฟิงพูดยิ้มๆ

   เจ้าเด็กเวรพี่ชายนายกำลังปวดหัวอยู่แท้ๆ ยังจะหัวเราะออกอีกเหรอ!  จี้ช่าวเหลยก่นด่าด้วยรอยยิ้มทันที

  จี้เสี่ยวหยูและเว่ยซินที่อยู่ข้างๆก็อมยิ้มอยู่เช่นกัน นั่นยิ่งทำให้จี้ช่าวเหลยรู้สึกขายหน้ามากขึ้น

  จี้เฟิงมองไปที่เว่ยซินด้วยสายตาแปลกๆและไม่เข้าใจว่าทำไมผู้หญิงหยิ่งยโสคนนี้ถึงยังอยู่ที่นี่อีก หรือเธอคิดว่าเป็นเพื่อนของเสี่ยวหยูแล้วจะสามารถเข้าไปในห้องของใครก็ได้ขอแค่เดินตามเสี่ยวหยูไป

  สายตาของจี้เฟิงทำให้เว่ยซินที่กำลังหัวเราะเบาๆถึงกับแข็งค้างไปทันทีอันที่จริงแล้วตอนที่เธอจะเข้ามาในห้องของจี้เฟิง เธอก็รู้สึกกลัวอยู่ไม่น้อย แต่ถ้าไม่ใช่เพราะความหวังที่จะได้ใกล้ชิดกับจี้เฟิง เธอคงไม่ทำใจดีสู้เสือแล้วเข้ามาในห้องของเขาแบบนี้หรอก แล้วถ้าเธอไม่กล้าที่จะเข้าหาตั้งแต่ตอนนี้ หลังจากนี้เธอคงไม่มีโอกาสที่จะได้เข้าหาจี้เฟิงง่ายๆอีก

  และตอนนี้การจ้องมองด้วยสายตาที่เย็นชาของจี้เฟิงนั้นทำให้เว่ยซินรู้สึกหนาวสั่นไปทั้งตัวอย่างช่วยไม่ได้และกลัวว่าจี้เฟิงจะออกปากไล่เธอออกจากห้องไป

  แม้เว่ยซินจะคิดว่าตัวเองสวยมากเพราะมีลูกเศรษฐีและลูกคุณหนูจากตระกูลใหญ่มากมายไล่ตามจีบเธออย่างบ้าคลั่ง แต่คนพวกนั้นยังห่างชั้นกับจี้เฟิงมาก! อย่างไรก็ตามคนอย่างจี้เฟิงอาจจะไม่ได้ให้ความสำคัญกับเรื่องความงามมาเป็นอันดับหนึ่ง เพราะลูกหลานตระกูลใหญ่บางคนก็ให้ความสำคัญในเรื่องของพลังอำนาจและผลประโยชน์จากการแต่งงาน  ครั้งแรกที่เธอกับจี้เฟิงได้พบกันเว่ยซินพอจะรู้ตัวอยู่ว่าเธอนั้นสร้างความประทับใจแรกให้กับจี้เฟิงได้ไม่ค่อยดีนัก อาจเรียกว่าเลวร้ายมากเลยก็ว่าได้

  ดังนั้นเว่ยซินจึงไม่แปลกใจเลยถ้าจู่ๆจี้เฟิงจะไล่เธอออกไปจากที่นี่ตอนนี้เธอจึงรู้สึกกระอักกระอ่วนใจมาก

  โชคดีที่จี้เฟิงเพียงแค่กวาดสายตามองผ่านเธอไปแล้วไม่ได้สนใจอะไรเธออีก

  เว่ยซินแอบถอนหายใจด้วยความโล่งอกและในขณะเดียวกันก็แอบดีใจอยู่ลึกๆ แม้ว่าจี้เฟิงจะเห็นแก่หน้าจี้เสี่ยวหยูและไม่ได้ไล่เธอออกไป แต่ก็แสดงให้เห็นได้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับจี้เฟิงอาจจะค่อยๆดีขึ้นทีละน้อยแล้วก็ได้

  จุดเริ่มต้นที่ดีคือก้าวแรกสู่ความสำเร็จเว่ยซินจึงอดไม่ได้ที่จะตื่นเต้นและมีความสุขอยู่ในใจ

   เอ๊ะ!พี่รอง ผมว่าเรื่องมีอะไรแปลกๆอยู่นะ!  จี้เฟิงเหมือนนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้และอดไม่ได้ที่จะพูดว่า  ผมเคยได้ยินมาว่า ลูกหลานของตระกูลใหญ่อย่างพี่รอง ปัญหาเรื่องการแต่งงานก็ใช่ว่าตัวเองจะตัดสินใจเองไม่ใช่เหรอ แล้วพี่รองไม่ต้องให้ผู้ใหญ่หาเจ้าสาวมาให้อะไรแบบนั้นเหรอ? 

  จี้ช่าวเหลยเบ้ปากเขาพ่นลมออกจมูกและพูดว่า  ลูกหลานตระกูลจี้อย่างเรา ยังจะต้องใช้การแต่งงานเพื่อสร้างความมั่นคงอีกเหรอ 

  น้ำเสียงที่เรียบเฉยและคำพูดที่พูดออกมาอย่างธรรมดาแต่ความหมายที่แฝงในประโยคนั้นช่างเต็มไปด้วยความเย่อหยิ่งในรูปแบบของลูกหลานตระกูลใหญ่จริงๆ

  ด้วยความยิ่งใหญ่ของตระกูลจี้ในเวลานี้จี้ช่าวเหลยที่เป็นลูกหลานสายตรงมีความจำเป็นแค่ไหนกันที่จะต้องกระตือรือร้นแต่งงานเพื่อความสัมพันธ์เพียงอย่างเดียว

  จี้ช่าวเหลยเข้าใจดีว่าคนที่ต้องแต่งงานกับคนของตระกูลที่มีอำนาจมากกว่าส่วนมากล้วนเป็นพวกตระกูลเล็กๆที่มีรากฐานไม่มั่นคงแต่ด้วยพลังอำนาจอย่างตระกูลจี้ จะไปหาคนที่มีอำนาจมากกว่ามาแต่งงานได้ง่ายแค่ไหนกันเชียว

   ที่พี่รองพูดก็ถูก! จี้เฟิงยิ้มเล็กน้อย เนื่องจากมีคนนอกจากเว่ยซินอยู่ด้วย จี้เฟิงจึงไม่ค่อยอยากพูดรายละเอียดลงลึกมากเท่าไหร่ เขาเพียงแค่กล่าวด้วยรอยยิ้มว่า  แล้วถ้าเป็นอย่างนั้น ทำไมอาถึงยังจะให้พี่ไปงานเลี้ยงเพื่อหาแฟนอีกล่ะ ถ้างานแต่งไม่ใช่ปัญหา พี่รองก็ไม่ต้องไปก็น่าจะจบแล้วนี่! 

   นายจะไปรู้อะไร! 

  พอพูดถึงเรื่องนี้จี้ช่าวเหลยก็เต็มไปด้วยความคับข้องใจ  อันที่จริงเรื่องนี้ไม่ใช่เจตนาของอาสามแค่คนเดียวหรอก แต่เป็นเพราะอารองของนายยังไงล่ะ พวกเขาอยากให้ฉันแต่งงานเร็วๆ! 

  จี้เฟิงผงะไปเล็กน้อยจากนั้นก็หัวเราะ มันแบบอย่างนี้นี่เอง! 

  จี้เฟิงเข้าใจความหมายที่จี้ช่าวเหลยพูดทันทีมาคิดๆดูแล้วคงเป็นเพราะชีวิตส่วนตัวของพี่รองดูเหมือนคนที่พร้อมจะออกนอกลู่นอกทางได้ตลอดเวลา อารองจึงต้องการให้พี่รองของเขาแต่งงานให้เร็วที่สุด อย่างน้อยเขาก็จะได้สบายใจไปเปลาะหนึ่ง เขาจึงร่วมมือกับอาสามมาบอกให้พี่รองไปเข้าร่วมงานเลี้ยงนัดบอดในครั้งนี้!

  ส่วนจะมีเหตุผลอื่นๆมากกว่านี้หรือไม่จี้เฟิงก็ไม่อาจรู้ได้ในตอนนี้

   พี่รองในเมื่อพี่ถูกกำชับมาขนาดนี้ว่าต้องไป พี่ก็คงหลีกเลี่ยงไม่ได้อยู่ดี..  จี้เฟิงงุนงงเล็กน้อย  แล้วทำไมพี่ถึงได้มาหาผม แล้วทำท่าทางลังเลแบบนี้ล่ะ 

   แค่กๆ! 

  จี้ช่าวเหลยไอแห้งๆเขาฝืนยิ้มเพื่อให้ดูเป็นธรรมชาติที่สุดแล้วพูดว่า  นายก็น่าจะเดาได้… ฉันต้องการให้นายไปเป็นเพื่อนฉันไง! 

  จี้เฟิงถึงกับนิ่งอึ้งไปหลายวินาทีก่อนจะพูดว่า พี่รอง พี่จะบ้าเหรอ นี่มันงานเลี้ยงเพื่อนัดบอด แล้วพี่จะให้ผมไปทำอะไร นี่มันเป็นภารกิจที่อาสองกับอาสามมอบหมายให้พี่ไปหาแฟนโดยเฉพาะเลยนะ อย่าเอาผมไปเกี่ยวด้วย! 

  จี้เสี่ยวหยูที่อยู่ข้างๆหัวเราะคิกคักและพูดว่า พี่สาม เสี่ยวหยูรู้แล้วล่ะว่าทำไมพี่รองถึงมาหาพี่! 

   เสี่ยวหยู!นี่ก็ดึกมากแล้ว รีบพาเพื่อนไปหน่อยได้แล้ว!  จี้ช่าวเหลยถลึงตาใส่เธอทันที และพูดอย่างดุๆว่า  ถ้าพรุ่งนี้เธอตื่นไปโรงเรียนสาย ดูสิว่าพี่จะฟ้องคุณอาหรือเปล่า! 

  แต่จี้เสี่ยวหยูกลับไม่กลัวจี้ช่าวเหลยเลยแม้แต่น้อยเธอย่นจมูกเล็กๆน่ารักๆ และพูดเสียงอ่อนว่า  พี่สาม ที่จริงพี่รองกลัวคนคนหนึ่ง ก็เลยไม่กล้าไปงานเลี้ยงคนเดียว เขาเลยอยากให้พี่ไปเป็นเพื่อนน่ะ! เรื่องนี้หลายๆคนในหยานจิงต่างรู้กันดี! 

   โอ้ว! 

  จี้เฟิงเหมือนได้รู้ความลับอะไรบางอย่างเขายิ้มเจ้าเล่ห์และหันไปมองจี้ช่าวเหลย พี่รอง~ พี่เป็นคนบอกเองไม่ใช่เหรอว่า สมัยก่อนชื่อเสียงของพี่แพร่สะพัดไปทั่วหยานจิง ไม่มีเด็กวัยรุ่นคนไหนที่ไม่รู้จักและไม่เกรงกลัวจี้ช่าวเหลย แล้วทำไมจู่ๆถึงมีคนที่พี่กลัวจนไม่กล้าไปเจอโผล่ออกมาได้ล่ะเนี่ย? อย่าบอกนะว่า… คนที่ทำให้พี่เป็นกังวลจนนอนไม่หลับ และไม่กล้าไปเจอด้วยตัวคนเดียว… คงไม่ใช่ผู้หญิงใช่มั้ย? 

  จี้เฟิงรู้จักนิสัยของจี้ช่าวเหลยดี

  ยิ่งต้องเผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งมากเท่าไหร่จี้ช่าวเหลยก็ยิ่งแสดงท่าทีแข็งข้อมากขึ้นเท่านั้น ยกตัวอย่างเช่นเฉียวเจียไคในตอนนั้น ถึงแม้จี้ช่าวเหลยจะเคยถูกเฉียวเจียไคหักซี่โครงไปหลายซี่ แต่หลังจากนั้นจี้ช่าวเหลยก็ไม่เคยรู้จักเข็ดหลาบหรือเกรงกลัวเฉียวเจียไคเลยแม้แต่น้อย แต่กลับยิ่งทำตัวให้แข็งแกร่งขึ้น

  แต่ตอนนี้จู่ๆก็มีคนที่จี้ช่าวเหลยกลัวจนถึงขนาดแสดงความอ่อนแอออกมาให้เห็นและถ้าอีกฝ่ายไม่ใช่ผู้หญิงก็แปลกแล้ว!

  รอยยิ้มแปลกๆปรากฏขึ้นบนใบหน้าของจี้เฟิงพี่รองกลัวผู้หญิงเนี่ยนะ

   แค่กๆ!อะแฮ่ม!! 

  จี้ช่าวเหลยกระแอมไอแห้งๆออกมาสองสามครั้งสีหน้าของเขาเริ่มแดงระเรื่อขึ้นมาเล็กน้อยอย่างช่วยไม่ได้ เขาถลึงตาใส่จี้เสี่ยวหยูอย่างแรง  สาวน้อย ไว้ฉันจะคิดบัญชีกับเธอทีหลัง! 

  จี้เสี่ยวหยูไม่ได้รู้สึกกลัวจี้ช่าวเหลยเลยเธอเพียงแค่หัวเราะคิกคักอยู่ข้างๆ

  จี้ช่าวเหลยยิ้มและหันไปพูดกับจี้เฟิง น้องสาม มันไม่ใช่เป็นเพราะว่าฉันกลัวเธอหรอก แต่เธอชอบมาหาเรื่องฉันอยู่เสมอ แล้วมีผู้ชายดีๆที่ไหนเขาทะเลาะกับผู้หญิงกันล่ะ… แล้วอีกอย่างที่จริงแล้วที่ฉันให้นายไปเป็นเพื่อน ไม่ใช่แค่เพราะเรื่องนี้หรอกนะ โดยพื้นฐานแล้ว งานเลี้ยงนี้มีลูกหลานตระกูลใหญ่ในเมืองหยานจิงเข้าร่วมด้วยมากมาย และก็ถือว่าเป็นโอกาสที่ดีที่จะได้พบปะทำความรู้จักและอัปเดตข่าวสารต่างๆได้มากขึ้น เรียกได้ว่ามีประโยชน์แอบแฝงอยู่ไม่ใช่น้อยเลย นายคิดว่าไงล่ะ 

  จี้เฟิงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งและพบว่าสิ่งที่พี่รองของเขาพูดนั้นก็ถูก จะได้รู้อะไรมากๆขึ้นก็เป็นเรื่องดี แต่สาเหตุสำคัญคือเขาอยากจะเห็นผู้หญิงคนนั้นมากกว่าผู้หญิงคนที่แม้แต่พี่รองผู้มีชื่อเสียงเรื่องความเพลย์บอยในหยานจิงยังต้องกลัว!

   ตกลง!ผมเป็นไปเป็นเพื่อนพี่ก็ได้!  จี้เฟิงยิ้มและพยักหน้า  แต่ผมขอบอกไว้ก่อนเลยนะว่า ผมจะไม่ช่วยพี่ต่อสู้กับคนอื่นแน่นอน ถ้าเกิดพี่ไปมีเรื่องทะเลาะวิวาทกับใครก็จัดการเองก็แล้วกันนะ! 

   ไม่มีปัญหา! จี้ช่าวเหลยยิ้มกว้างขึ้นมาทันที ขอแค่จี้เฟิงตอบตกลงก็พอแล้ว ส่วนจะสู้หรือไม่สู้รอให้ถึงตอนนั้นก็ค่อยว่ากัน!

   งั้นก็ตกลงตามนี้นะพรุ่งนี้ช่วงกลางวันนายมีธุระอะไรก็ไปจัดการซะให้เรียบร้อย ส่วนตอนค่ำนายก็ไปงานเลี้ยงกับฉัน!  จี้ช่าวเหลยไม่ปล่อยโอกาสให้จี้เฟิงได้เปลี่ยนใจ เขาพูดสรุปตัดบทและรีบลุกขึ้นและเดินออกจากห้องไปทันที

   พี่สามพี่หลงกลพี่รองแล้ว!  จี้เสี่ยวหยูมองไปที่จี้เฟิงด้วยสายตาเห็นอกเห็นใจ  พี่ไม่ควรไปรับปากกับพี่รองแบบนั้นเลย… 

   ทำไมล่ะ! จี้เฟิงเริ่มรู้สึกใจคอไม่ดี

  จี้เสี่ยวหยูลังเลเล็กน้อยแต่สุดท้ายก็พูดว่า ที่จริง คนที่เสี่ยวหยูบอกว่าพี่รองกลัวน่ะ เป็นคนที่พี่รองชอบ เพียงแต่เสี่ยวหยูไม่รู้ว่าเธอคนนั้นจะชอบพี่รองด้วยหรือเปล่า… 

   พูดเป็นเล่น จี้เฟิงเบิกตากว้างทันที  หรือที่พี่รองคะยั้นคะยอให้พี่ไปเป็นเพื่อน เพราะจะให้ฉันไปช่วยคิดวิธีจีบผู้หญิง? เรื่องเล็กๆแค่นี้เนี่ยนะ จะหยุดคนอย่างพี่รองได้?! 

   ฮี่ฮี่~! จู่ๆจี้เสี่ยวหยูก็หัวเราะอย่างมีเลศนัย  พี่สาม ไว้พรุ่งนี้พี่ไปถึง พี่ก็จะรู้เองแหละ! แต่เพื่อเห็นแก่พี่สาม เสี่ยวหยูจะบอกข้อมูลของพี่สาวคนนั้นให้ก็ได้ เธอชื่อ เซียงยี่โหรว 

   คนตระกูลเซียง จี้เฟิงตกใจ   อื้มใช่แล้ว!  จี้เสี่ยวหยูพยักหน้าเล็กน้อย

  จี้เฟิงถึงกับหัวเราะเซ่อๆตระกูลเซียงนี้ไม่ใช่คนแปลกหน้าที่ไหน เขาเคยได้ยินเกี่ยวกับตระกูลเซียงนี้มาตั้งแต่ตอนที่เขาอยู่เจียงโจวแล้ว

  ในเมืองใหญ่อย่างหยานจิงนั้นมีตระกูลมากมายแต่ตระกูลที่ยิ่งใหญ่จริงๆกลับมีเพียงไม่กี่ตระกูล และตระกูลเซียงก็เป็นหนึ่งในนั้น และเป็นหนึ่งในไม่กี่ตระกูลที่สามารถเทียบเคียงได้กับตระกูลจี้ อย่างไรก็ตามตระกูลเซียงนั้นส่วนใหญ่นั้นเติบโตมาจากสายทางการทหาร และถึงแม้ว่าผู้อาวุโสสูงสุดของตระกูลเซียงจะไม่อยู่แล้ว แต่พี่น้องลูกหลานตระกูลเซียงก็ดูมีสง่าราศีเป็นอย่างมาก หน้าที่การงานของพวกเขาไม่ธรรมดาเลย พวกเขาหลายคนดำรงตำแหน่งสำคัญในกรองทัพ ดังนั้นตระกูลเซียงถือว่าเป็นตระกูลชั้นนำอย่างไม่ต้องสงสัย!

  ตอนนี้จี้เฟิงเข้าใจแล้วว่าทำไมจี้ช่าวเหลยถึงต้องลากเขาไปเข้าร่วมงานเลี้ยงนี้ด้วยเป็นเพราะพี่ชายคนที่สองของเขากลัวว่าจะถูกบอดี้การ์ดของตระกูลเซียงจัดการเลยต้องการจะดึงเขาเข้าไปผู้คุ้มกันสินะ

  จี้เฟิงอดคิดอย่างชั่วร้ายไม่ได้เขาหัวเราะอย่างมีเลศนัย  หึหึ.. เรื่องนี้น่าสนุกจริงๆ พรุ่งนี้คงต้องขอไปดูหน้าพี่สะใภ้รองในอนาคตสักหน่อยแล้วแฮะ! 

  จี้เสี่ยวหยูอดไม่ได้ที่จะย่นจมูกน้อยๆของเธอ ชิ! พี่สาม พี่สาวคนนั้นเขาไม่ได้ชอบพี่รองซะหน่อย แล้วทำไมเธอถึงจะกลายเป็นพี่สะใภ้รองในอนาคตไปได้ล่ะคะ 

   เป็นเด็กเป็นเล็กจะรู้เรื่องนี้ไปทำไม! จี้เฟิงแค่เสียงและไม่สนใจที่จะตอบคำถามเธอ

  จี้เสี่ยวหยูถลึงตาใส่เขาอย่างอดไม่ได้ ซินซิน พวกเราไปกันเถอะ ไม่ต้องไปสนใจเขาแล้ว! 

  ความจริงแล้วเว่ยซินอยากจะอยู่ที่นี่ต่ออีกสักหน่อยแม้ว่าเธอกับจี้เฟิงจะไม่ได้พูดคุยอะไรกัน แต่เธอก็รู้สึกได้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับจี้เฟิงค่อยๆผ่อนคลายลง และเหมือนกำลังจะพัฒนาไปในทางที่ดีขึ้นนิดหน่อย แต่ในเมื่อเสี่ยวหยูพูดขึ้นมาแบบนี้ ต่อให้เธออยากอยู่ที่นี่ต่อแค่ไหนก็คงจะทำไม่ได้ เธอจึงลุกขึ้นแต่โดยดี

   พี่สามยังไงพรุ่งนี้พี่ก็ระวังตัวไว้บ้างก็ดีนะคะ เซียงยี่โหรวมักจะถูกรายล้อมไปด้วยผู้คนมากมายที่ไล่ตามจีบเธอ บางทีคนพวกนั้นอาจจะสร้างปัญหากับพี่รองก็ได้!  เมื่อจี้เสี่ยวหยูเดินไปถึงประตู เธอก็หันมาเตือนจี้เฟิงด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ จากนั้นก็สะบัดหน้าหนีแล้วเดินจากไป

  เมื่อเห็นท่าทางที่กำลังงอนของจี้เสี่ยวหยูจี้เฟิงก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา

  แต่ไม่นานสีหน้าของจี้เฟิงก็สงบลงและบ่นพึมพำกับตัวเองเบาๆว่า  ดูเหมือนว่างานเลี้ยงพรุ่งนี้จะน่าสนุกกว่าที่คิดแฮะ! 

  จี้เฟิงรู้ดีว่าแม้ภายนอกพี่รองของเขาจะดูเป็นคนที่เกเรและใจร้อน แต่จริงๆแล้วเขาเป็นคนที่ฉลาดมาก เขาเข้าใจว่าอะไรควรทำและไม่ควรทำ รู้ว่าตอนไหนควรรุกและตอนไหนควรถอย

  ที่สำคัญกว่านั้นคือพี่รองของเขาเป็นคนที่ไม่ยอมแพ้อะไรง่ายๆดื้อรั้นไม่เบาเลยทีเดียว

  และถ้าคนอย่างเขาชอบใครแม้จะเจอกำแพงขวางกั้นคนอย่างเขาก็คงเลือกที่จะทะลุมันไปมากกว่าที่จะหยุด ดังนั้นในสายตาของจี้เฟิง จี้ช่าวเหลยอาจจะไม่ได้เกรงกลัวเซียงยี่โหรวจริงๆก็ได้

  ถ้าอย่างนั้นที่พี่รองพยายามลากเขาไปด้วย อาจจะไม่ได้ต้องการให้เขาไปเป็นบอดี้การ์ดให้ บางที… เขาอาจจะอยากให้ช่วยรับมือกับคนที่อยู่ข้างๆเซียงยี่โหรวก็เป็นได้…

   พี่รองมีสาวที่ชอบทั้งทีแล้วจะไม่ให้น้องสามคนนี้ช่วยพี่ชายอย่างเต็มที่ได้ยังไง!  จี้เฟิงส่ายหัวและยิ้ม  แล้วอีกอย่างฉันก็จะได้ไปดูให้เห็นกับตาด้วยกันว่า พวกลูกหลานผู้ดีที่เป็นลูกหลานตระกูลใหญ่ที่แท้จริงนั้นแตกต่างจากจากคนธรรมดายังไง! 

 

The Ultimate Student สุดยอดนักเรียนสมองอัจฉริยะ

The Ultimate Student สุดยอดนักเรียนสมองอัจฉริยะ

Status: Ongoing

       ตลอดชีวิตที่ถูกมองด้วยสายตาดูถูกเหยียดหยาม จนถึงจุดต่ำสุดของชีวิต จี้เฟิงได้รับพลังมาจากเทคโนโลยีที่ก้าวหน้ากว่าปัจจุบันมาก มันช่วยเพิ่มความสามารถในทุกๆด้านราวกับเวทมนตร์ ตั้งแต่นั้นมาชีวิตของเขาก็ไม่ธรรมดาอีกต่อไป! ด้วยระบบอัจฉริยะที่จี้เฟิงได้ฝึกฝนจนบรรลุทักษะพิเศษ ชีวิตของจี้เฟิงกลายเป็นเรื่องราวที่น่าตื่นเต้นอย่างไม่มีที่สิ้นสุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท