หลังจากตัดสินใจได้แล้วทุกคนก็ผ่อนคลายขึ้นมาก
เซียวหยูซวนและถงเล่ยมองจี้เฟิงด้วยสายตาที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความรักความสุขุมและสติปัญญาของจี้เฟิงทำให้ความรักของหญิงสาวทั้งสองที่มีต่อจี้เฟิงเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะเซียวหยูซวน ก่อนที่จี้เฟิงจะไปหยานจิง พวกเขาสองคนได้มีความสัมพันธ์อันลึกซึ้งต่อกัน มันเป็นความสุขที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความรักตลอดคืน ตั้งแต่จี้เฟิงออกจากเจียงโจวไป เซียวหยูซวนมีความปรารถนาทุกครั้งที่เธอคิดถึงจี้เฟิง
แม้เธอจะรู้สึกเขินอายมากแต่เธอก็ต้องยอมรับว่าสิ่งนั้นมันทำให้เธอคิดถึงจี้เฟิงมากขึ้น
อย่างไรก็ตามเซียวหยูซวนไม่ได้รู้สึกอะไรกับผู้ชายคนอื่นเลย เธอถอนหายใจด้วยความโล่งอก แม้ว่าเธอจะเป็นผู้หญิงที่มีความปรารถนาที่แรงกล้าแต่อย่างน้อยเธอก็ไม่ใช่ผู้หญิงที่ไม่รู้จักคำว่าละอาย
เธอแอบดีใจอยู่ภายในใจนี่แสดงให้เห็นว่าความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับจี้เฟิงลึกซึ้งมากขนาดไหน
ส่วนถงเล่ยเธอเองก็รู้สึกผูกพันกับจี้เฟิงมาก
แม้ว่านิสัยของเธอจะนิ่งเฉยจนถึงขั้นเย็นชาแต่ก็เฉพาะกับคนนอกเท่านั้น และหลายคนไม่เคยรู้ว่าผู้หญิงที่มีบุคลิกลักษณะนิสัยแบบนี้นี่แหละ ที่เวลาตกหลุมรักใครแล้ว เธอจะมอบความรักที่ซื่อสัตย์และจริงใจที่สุดอย่างไม่มีข้อแม้ เป็นความรักที่มากยิ่งกว่าผู้หญิงทั่วไปเสียอีก
หัวใจทั้งดวงเธอได้มอบให้กับจี้เฟิงไปหมดแล้วจี้เฟิงเป็นผู้ชายคนเดียวที่เธอจะรักและคิดถึง นอกจากพ่อแม่และญาติพี่น้อง ความรักความห่วงใยของเธอจะเป็นของจี้เฟิงเพียงคนเดียวเท่านั้น!
เอาล่ะ!ในเมื่อปัญหาของเรื่องนี้ได้รับการแก้ไขแล้ว ก็ไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับมันอีกต่อไป… จางเล่ยปรบมือของเขา ไปหาอะไรดื่มฉลองกันหน่อยดีกว่า เจ้าบ้ากลับมาทั้งที แถมพวกเราก็ไม่ได้ไปดื่มด้วยกันตั้งนานแล้วนี่ ใช่มั้ย!
ดี!ดี! ทันทีที่จางเล่ยพูดจบ ตู้เส้าเฟิงก็ตอบด้วยเสียงอันดังทันที
จ้าวไคและฮั่นจงก็พยักหน้าด้วยรอยยิ้มเช่นกันเห็นได้ชัดว่าพวกเขาพอใจกับข้อเสนอของจางเล่ย
ดีเหมือนกันออกไปหาอะไรดื่มข้างนอกกันเถอะ! จี้เฟิงยิ้มและจับมือเล็กๆของเซียวหยูซวนกับถงเล่ยก่อนจะเดินออกไป
นี่ๆๆๆเจ้าเพื่อนเวร! จางเล่ยสบถเสียงต่ำ เขาขบกรามแน่นและพึมพำว่า ต่อหน้าฉันก็ให้มันน้อยๆหน่อย ไม่รู้จักอดใจไว้บ้างเลยหรือยังไง อย่างน้อยก็ให้เกียรติฉันบ้าง ยังไงฉันก็ถือว่าเป็นพี่เขยของนายนะเว้ย!
จ้าวไคและฮั่นจงถึงกับหัวเราะออกมาพร้อมกันแต่ในใจของพวกเขารู้สึกนับถือจี้เฟิงเป็นอย่างมาก การทำให้ผู้หญิงสองคนอยู่ร่วมกันได้อย่างสันติเช่นนี้นี่ไม่ใช่วิถีของคนธรรมดาเลย แม้แต่ผู้ชายที่ถูกเรียกว่าเป็นคิงออฟเลิฟของมหาวิทยาลัยยังเทียบจี้เฟิงไม่ติด
อย่างเก่งเขาก็แค่เหยียบเรือสองแคมพร้อมกันจีบผู้หญิงนับไม่ถ้วนแล้วคบกับพวกเธอในเวลาเดียวกัน แต่ไม่มีผู้ชายคนไหนกล้าให้แฟนคนปัจจุบันรู้ว่ามีผู้หญิงคนอื่นอีกนอกจากเธอ!
แต่พอมองไปที่จี้เฟิงแล้วนี่แหละคือปรมาจารย์ด้านผู้หญิงอย่างแท้จริง! ถ้าไม่ใช่เพราะเซียวหยูซวนกับถงเล่ยสวมเสื้อผ้าแฟชั่นที่ทันสมัยและอาศัยอยู่ในวิลล่าอย่างหรูและมีรถยนต์จอดอยู่ตรงลานจอดรถ… พวกเขาอาจจะเข้าใจผิดไปแล้วก็ได้ว่านี่คือการข้ามมิติมายังยุคโบราณ!
เมียหลวงและเมียรองอยู่ด้วยกันอย่างรักใคร่สมานฉันท์แม้แต่ในสมัยโบราณก็ยังเป็นสิ่งที่หาดูได้ยาก! จ้าวไคและฮั่นจงแอบยกนิ้วโป้งให้แล้วเดินตามออกไป
มีเพียงตู้เส้าเฟิงเท่านั้นที่มีสีหน้างุนงงเขาอดถามด้วยความสงสัยไม่ได้ ทำไมพวกนายทำหน้ากันแปลกๆแบบนี้ล่ะ ไม่ชอบดื่มเหล้าเหรอ?
พรืดดด—!!
จ้าวไคและฮั่นจงลื่นจนเกือบจะล้มลงกับพื้น
ทั้งสองคนมองดูชายผิวดำร่างใหญ่คนนี้ด้วยแววตาเห็นใจอย่างที่สุด‘จะซื่อบื้ออะไรขนาดนั้น! แล้วชาตินี้จะหาแฟนได้มั้ยเนี่ย…’
พวกเขามีกันทั้งหมด7 คน โชคยังดีที่มีรถ BMWx6 ที่จี้ช่าวเหลยมอบให้จี้เฟิง และรถออดี้ที่จี้เฟิงซื้อมาเอง พวกเขาทั้งหมดจึงนั่งกันได้หมด
รถสองคันที่นำโดยจี้เฟิงขับตรงไปยังร้านอาหารที่อยู่ไม่ไกลนัก
จี้เฟิงเซียวหยูซวนและถงเล่ยนั่งอยู่ในรถคันเดียวกัน ทันทีที่เขาออกรถ เขาก็โทรหาจี้ช่าวเหลย พี่รองของเขาทันที
มีอะไรเหรอน้องสามนายคงไม่ได้คิดถึงพี่ชายทั้งๆที่เพิ่งจะแยกจากกันไม่กี่ชั่วโมงหรอกใช่มั้ย? จี้ช่าวเหลยพูดหยอกล้อ ดูเหมือนว่าเขาจะอารมณ์ดีพอสมควร
จี้เฟิงพูดเข้าประเด็นทันที พี่รอง ช่วยผมตรวจสอบข้อมูลของคนคนหนึ่งให้หน่อยสิ!
ว่าไป! จี้ช่าวเหลยรู้ว่าถ้าไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น จี้เฟิงจะไม่โทรหาเขา ดังนั้นตอนนี้เขาจึงจริงจังขึ้น
เป็นนักศึกษาคนหนึ่งในสหพันธ์มหาวิทยาลัยนี่แหละ ผมต้องการตรวจสอบข้อมูลเฉพาะของเขา! จี้เฟิงกล่าว
จี้ช่าวเหลยยิ้มเจื่อนๆ น้องสาม… ฉันว่านายเข้าใจอะไรบางอย่างผิดอยู่นะ นายคิดว่าฉันเปิดสถานีตำรวจเหรอ หากนายจะให้ฉันตรวจสอบข้อมูลของใครซักคน อย่างน้อยนายก็ต้องรู้ว่าบ้านของเขาอยู่ที่ไหน หรือไม่ก็ค้นหาแฟ้มประวัติของเขา นายเล่นไม่บอกอะไรฉันเลยแล้วฉันจะไปตรวจสอบข้อมูลของเขามาให้นายได้ยังไง?!
จี้เฟิงส่ายหัวและยิ้ม ผมคงสับสนจริงๆนั่นแหละ ฮ่าๆๆ ถ้าอย่างนั้นผมจะไปหาข้อมูลเกี่ยวกับเขามาเพิ่ม แล้วถ้าผมต้องการความช่วยเหลือผมจะโทรหาพี่อีกครั้ง…
หลังจากวางสายจี้เฟิงก็ครุ่นคิดเล็กน้อยก่อนที่จะกดโทรออกอีกครั้งไปหาโจวหลี่ รองหัวหน้าหน่วยรักษาความปลอดภัยของมหาวิทยาลัย
น้องจี้เฟิง!ฉันรู้อยู่แล้วว่านายจะต้องโทรมา! โจวหลี่ที่เพิ่งรับสายดูเหมือนจะยิ้มอย่างขมขื่น เห็นได้ชัดว่าเขารู้อยู่แล้วว่าจี้เฟิงจะต้องโทรหาเขา เรื่องน้องสะใภ้ ฉันคิดไม่ถึงจริงๆว่าคนพวกนั้นจะหน้าด้านไร้ยางอายได้ขนาดนี้ แม้แต่ฉันก็ยังไม่สามารถเข้าไปตรวจสอบเอกสารการทำบัตรรับรองที่พักที่ทำไว้แล้วได้ คนพวกนั้นไม่ยอมให้ฉันดู!
จี้เฟิงยิ้มและพูดว่า เหนื่อยหน่อยนะหัวหน้าโจว วันนี้ที่ฉันโทรหานายก็เพราะมีเรื่องจะต้องรบกวนหัวหน้าโจวอีกแล้ว
โจวหลี่ได้ยินดังนั้นก็รีบพูดขึ้นว่า น้องชาย ขอแค่นายพูดมา ถ้าโจวหลี่คนนี้ทำให้ได้ จะทำให้โดยไม่รีรออย่างแน่นอน!
จี้เฟิงยิ้มและพูดว่า หาวิธีไหนก็ได้ช่วยผมตรวจสอบแฟ้มประวัติของเว่ยเฉียงกับเว่ยเฉินหลิงให้หน่อย พยายามสืบค้นมาให้ได้ว่าภูมิหลังของพวกเขาเป็นยังไง พวกเขาสามารถทำให้เจ้าหน้าที่ของมหาวิทยาลัยช่วยเหลือเขาได้ขนาดนี้ มีความเป็นไปได้ว่าภูมิหลังของพวกเขาคงไม่ธรรมดา!
โจวหลี่ตกตะลึงไปชั่วขณะและกล่าวอย่างลังเลว่า น้องจี้เฟิง ไม่ใช่ว่าฉันไม่อยากจะช่วยนะ แต่ฉันคงหาแฟ้มประวัติของพวกเขาไม่ได้ง่ายๆแน่ ตำแหน่งของฉันเป็นแค่รองหัวหน้าหน่วยรักษาความปลอดภัยเล็กๆ ไม่มีอำนาจทำอะไรแบบนั้น… แต่ประวัติครอบครัวของพวกเขา ฉันพอจะหาจากวิธีอื่นได้ อย่างช้าก็น่าจะก่อน 4 ทุ่ม ถ้ายังไงฉันจะส่งข้อความไปหานายก็แล้วกัน! จี้เฟิงยิ้มและพูดว่า ไม่มีปัญหา งั้นรบกวนหัวหน้าโจวด้วยแล้วกัน เหอๆ… อ้อ! จริงสิ! เผอิญว่าฉันยังมีบุหรี่อยู่สองสามซอง ไว้วันไหนหัวหน้าโจวว่างๆก็มาเอาไปสูบสิ!
โจวหลี่ดีใจขึ้นมาทันทีทั้งสองคนพูดคุยและกล่าวลากันอีกเล็กน้อยก่อนจะวางสายไป
จี้เฟิงยิ้มเหยียด ฉันล่ะอยากเห็นจริงๆว่าภูมิหลังของสองคนนั้นมันจะยิ่งใหญ่ซักแค่ไหน ถึงขนาดทำให้เจ้าหน้าที่ของมหาลัยต้องทำตามคำสั่งในเรื่องผิดๆ!
เซียวหยูซวนและถงเล่ยที่นั่งอยู่เบาะหลังได้ยินทุกอย่างชัดเจนพวกเธอได้แต่มองหน้ากันอย่างช่วยไม่ได้
จี้เฟิงหรือว่าเว่ยเฉินหลิงกับเว่ยเฉียงจะมีคนหนุนหลังที่ยิ่งใหญ่มากจริงๆ หรืออาจจะเป็นลูกหลานของตระกูลเก่าแก่ก็ได้นะ! ถงเล่ยถามด้วยความเป็นกังวล แล้วแบบนี้มันจะไม่เกิดปัญหากับนายเหรอ?
เด็กน้อยคนนี้เธอเป็นคนถูกรังแกแท้ๆ ยังจะมาห่วงฉันอีก! จี้เฟิงอดรู้สึกรักใคร่เอ็นดูไม่ได้ เขาหัวเราะเบาๆ สบายใจเถอะ ไม่ว่าสองคนนั้นจะมีเส้นสายใหญ่โตหรือเป็นลูกคุณหนูตระกูลไหน แต่ถ้าคิดที่จะมายุ่งกับเล่ยเล่ยของฉัน ฉันจะไม่ยอมจบเรื่องนี้กับมันง่ายๆแน่!
คนบ้า!พูดจาเพ้อเจ้อ! ถงเล่ยดุจี้เฟิงด้วยใบหน้าที่แดงก่ำ
……………
ในช่วง2 เดือนที่ผ่านมา เว่ยเฉียงไม่ค่อยมีความสุขนัก ค่อนข้างจะหงุดหงิดเลยทีเดียว เพราะมีเด็กในภาควิชาภาษาต่างประเทศคนหนึ่งที่เขาชื่นชอบแสดงท่าทางไม่ไว้หน้าเขาเลยแม้แต่น้อย ไม่ว่าเขาจะพยายามเข้าหาหรือชักชวนเธอไปเดตด้วยกันกี่ครั้ง เธอก็ไม่เคยตอบตกลงเลยแม้แต่ครั้งเดียว เธอปฏิเสธทันทีโดยไม่แม้แต่จะเก็บไปคิด แม้ว่าเว่ยเฉียงจะหน้าด้านและตั้งใจ ‘บังเอิญ’ ไปเจอกับถงเล่ยเหมือนไม่ตั้งใจอยู่หลายครั้ง เขาทักทายเธอด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความประหลาดใจ แต่ถงเล่ยกลับแค่พยักหน้าเล็กน้อยและเดินผ่านไปโดยไม่พูดอะไรสักคำ
แต่อะไรที่ได้มายากเว่ยเฉียงก็ยิ่งต้องการ เพื่อถงเล่ยแล้วเขาถึงขนาดปฏิเสธโอกาสที่จะได้เป็นลูกเขยของฮุ่ยหวงกรุ๊ปแบบไม่ไยดี และอาศัยโพสต์ที่ถงเล่ยมีปัญหากับหยุนปิงในบอร์ดของมหาวิทยาลัย เขาจงใจเขียนกระทู้เพื่ออธิบายความสัมพันธ์ระหว่างเขากับหยุนปิงโดยไม่ได้เปิดเผยตัวตน
จุดมุ่งหมายก็คือการได้ถงเล่ยมาไว้ในครอบครอง
น่าเสียดายที่ถงเล่ยไม่ตอบสนองกับการไล่ตามจีบของเขาเลยจนบังเอิญมาได้ยินว่าถงเล่ยได้ย้ายไปอยู่ข้างนอกกับแฟนหนุ่มของเธอ!
ข่าวนี้เหมือนน้ำเย็นๆที่สาดเข้าใบหน้าของเขาท่ามกลางฤดูหนาวที่มีอากาศหนาวจัด
เว่ยเฉียงรู้สึกราวกับว่าเขาถูกฟ้าผ่าเขารู้สึกเจ็บปวดจนแทบจะบ้า!
แต่ความเจ็บปวดของเขาไม่ได้เกิดขึ้นเพราะถงเล่ยมีแฟนแต่เป็นเพราะถงเล่ยอยู่ด้วยกันกับแฟนหนุ่ม!
ตั้งแต่นั้นมาทัศนคติของเว่ยเฉียงที่มีต่อถงเล่ยก็เปลี่ยนไปทันทีเนื่องจากเขาไม่สามารถคว้าเธอมาเป็นของเขาได้ทั้งหมด อย่างน้อยเขาก็ต้องได้ตัวเธอ เขาจะทำทุกอย่างโดยไม่สนว่าจะต้องใช้วิธีที่รุนแรงแค่ไหน เพื่อให้เธอยอมจำนนต่อตัวเขาเองอย่างสมบูรณ์ และเป็นได้แค่เพียงแฟนเก็บลับๆเอาไว้บำเรอความสุขให้เขาจนกว่าเขาจะเบื่อเท่านั้น!
ในเมื่อฉันพูดกับเธอดีๆแล้วเธอทำเป็นเชิดหน้าเมินเฉยใส่ฉันก็อย่าหาว่าฉันใจร้ายเลยก็แล้วกันนะ เธอเป็นคนเลือกทางนี้เอง!
ถ้าชอบจนถึงขนาดย้ายไปอยู่กับผู้ชายได้ขนาดนั้นก็เอาความชำนาญของเธอมาปรนนิบัติฉันให้ดีก็แล้วกัน!
นี่คือความคิดของเว่ยเฉียง!
ยิ่งไปกว่านั้นเขาเองก็เคยทำเรื่องแบบนี้มามากกว่าหนึ่งครั้งแล้ว ทำมาตั้งแต่สมัยเรียนอยู่มัธยมปลาย มีผู้หญิงไม่น้อยกว่า 5 คนที่ถูกเขาพิชิตด้วยวิธีการต่างๆ จนกระทั่งเขามาเข้าเรียนที่สหพันธ์มหาวิทยาลัย ผู้หญิงพวกนั้นถึงได้หลุดพ้น
ด้วยเหตุนี้วิธีการของเขาที่ปฏิบัติต่อถงเล่ยจึงเปลี่ยนไป แม้ว่าต่อหน้าถงเล่ยเขาจะแสร้งทำตัวเป็นคนที่สดใส เฟรนลี่ พยายามทำตัวเองให้ดูดีและเป็นที่ชื่นชอบของสาวๆ แต่แท้จริงแล้วความคิดที่อยู่ในหัวของเขานั้นช่างดำมืดและสกปรกมาก
สำหรับเรื่องการเสแสร้งแกล้งทำตัวเป็นคนดีแบบนี้เขามีความเชี่ยวชาญมาก เขาแทบจะไม่ต้องฝืนทำเลยเพราะเขาเคยทำมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน
ในอีกด้านหนึ่งเว่ยเฉียงต้องการสร้างความประทับใจที่ดีให้กับถงเล่ย ให้เธอรู้สึกว่าแม้ชายคนนี้จะไม่สามารถเป็นแฟนได้ แต่อย่างน้อยเขาก็เหมาะสมที่จะคบหาเป็นเพื่อนกับเธอ
ในขณะเดียวกันเว่ยเฉียงก็เริ่มคิดวิธีที่จะจัดการกับถงเล่ย
เว่ยเฉียงนึกถึงเว่ยเฉินหลิงลูกพี่ลูกน้องของเขาที่เป็นรองประธานสภานักเรียนขึ้นมาได้เขาเคยบอกไว้ว่า ไม่ว่าครอบครัวของเขาจะเป็นยังไง แต่เรื่องในมหาวิทยาลัยก็ต้องเป็นไปตามกฎของมหาวิทยาลัย
เมื่อพูดถึงกฎของมหาวิทยาลัยจะมีใครสะดวกไปกว่าลูกพี่ลูกน้องของเขาในฐานะรองประธานสภานักศึกษาอีกล่ะ
ที่สำคัญกว่านั้นเว่ยเฉินหลิงยังมีตำแหน่งหัวหน้าแผนกแนะแนวชีวิตนักศึกษาอีกด้วย ช่างเป็นเรื่องบังเอิญที่โชคดีจริงๆ
ดังนั้นเว่ยเฉียงจึงเกิดความคิดบางอย่างขึ้นมานั่นก็คือการตรวจสอบหอพัก และใช้เรื่องนี้เพื่อเข้าใกล้ถงเล่ย!