ประมาณ20 นาทีต่อมา ในที่สุดจี้เฟิงก็ได้พบกับเปียวเกอที่คนเหล่านี้พูดถึง
ผู้ชายคนนี้มีอายุประมาณ30 ปี มีรอยแผลเป็นบนใบหน้า เขาโกนหัวล้าน รูปร่างของเขาสูงใหญ่และดูแข็งแรง
ไม่แปลกใจเลยที่คนเหล่านี้จะเรียกเขาว่าลูกพี่เปียว
จี้เฟิงอดไม่ได้ที่จะบ่นอยู่ในใจผู้ชายคนนี้ดูน่าเกรงขามกว่าเขามาก รูปร่างสูงใหญ่นั้นน่าจะพอๆกับตู้เส้าเฟิงเลย เพียงแต่ไม่รู้ว่าฝีมือของเขาจะเหมือนกับตู้เส้าเฟิงหรือเปล่า
ที่ด้านหลังของเปียวเกอมีชายหนุ่มสองคนที่มีสีหน้าเย็นชาเดินตามมาติดๆจี้เฟิงกวาดสายตามองผู้ชายสองคนนี้อยู่หลายรอบ ดูท่าว่าพวกเขาจะไม่ธรรมดาเลย
นอกจากนี้จี้เฟิงยังสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายพิเศษที่อยู่รอบๆตัวพวกเขามันเหมือนจะเป็น…กลิ่นอายของทหาร!
มันทำให้จี้เฟิงยิ่งรู้สึกสงสัยเกี่ยวกับที่มาที่ไปของเปียวเกอคนนี้มาเฟียที่มีทหารสองคนเดินตามหลังมาราวกับเป็นบอดี้การ์ดเนี่ยนะ การรวมตัวในลักษณะนี้มันจะไม่แปลกไปหน่อยเหรอ?!
เสี่ยวเหยียนนี่คือคนที่นายบอกว่ามาก่อเรื่องที่นี่งั้นเหรอ เมื่อเห็นจี้เฟิงนั่งไขว่ห้างราวกับทองไม่รู้ร้อนอยู่บนเก้าอี้ เปียวเกอก็ขมวดคิ้วแล้วหันไปถามผู้จัดการเหยียนด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
ครับพี่เปียวแต่… ในขณะที่ผู้จัดการเหยียนต้องการจะอธิบายบางอย่างก็ถูกเปียวเกอโบกมือขัดจังหวะ
รู้แค่ว่าเป็นผู้ชายคนนี้ก็พอแล้ว! เปียวเกอแค่นเสียงอย่างเย็นชาจากนั้นก็มองไปที่จี้เฟิงและพูดเสียงดังว่า น้องชายท่านนี้ จะให้ฉันเรียกนายว่ายังไงดี แล้วเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ น้องชายพอจะอธิบายให้พี่เปียวคนนี้ฟังได้หรือไม่? จี้เฟิง จี้เฟิงพูดเสียงเรียบ ไม่ว่าจะชื่อหรือนามสกุล จี้เฟิงไม่มีความจำเป็นอะไรที่จะต้องปิดบัง
เขามองดูเปียวเกอด้วยรอยยิ้มจางๆและพูดติดตลกว่า แล้วนายอยากจะให้ฉันอธิบายอะไรให้นายฟังล่ะ
เมื่อเห็นจี้เฟิงยังทำตัวไม่ยี่หระแม้จะอยู่ต่อหน้าลูกพี่เปียวรปภ.ที่ยืนอยู่ด้านหลังพลันรู้สึกโมโหขึ้นมาทันทีและอดไม่ได้ที่จะสบถออกมา
ไอ้เด็กเวรแกรู้หรือเปล่าว่าแกกำลังคุยกับใครอยู่ หรือเบื่อที่จะมีชีวิตอยู่แล้ว?!
ไอ้เด็กนี่สงสัยจะเสียสติไปแล้วถึงได้กล้าพูดจาไม่มีหางเสียงกับลูกพี่เปียวแบบนี้!
รุมกระทืบแม่งดิ!รออะไรล่ะ!
……………
จู่ๆผู้จัดการเหยียนก็สูดลมหายใจเข้าไปเฮือกใหญ่สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน เขาแอบพูดอยู่ในใจว่า ชิบหายแล้ว!
รปภ.พวกนี้ช่างไม่รู้อะไรเอาซะเลยทำไมถึงมองไม่ออกว่า ขนาดเด็กหนุ่มคนนี้ต้องเผชิญหน้ากับพี่เปียวเพียงลำพัง แต่เขายังทำเหมือนกับไม่เห็นพี่เปียวอยู่ในสายตา แค่นี้ก็น่าจะรู้ได้แล้วว่าถ้าเด็กหนุ่มคนนี้ไม่ได้บ้า เขาก็ต้องเป็นคนที่มีอิทธิพลไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าพี่เปียวอย่างแน่นอน!
สำหรับการด่าทอที่มาจากปากของรปภ.เหล่านี้จี้เฟิงไม่อยากเก็บมาใส่ใจ เขาเพียงแค่ขมวดคิ้วเล็กน้อยและเหลือบมองไปที่พวกเขาเท่านั้น
หุบปาก! ผู้จัดการเหยียนตะโกนขึ้น แม้ว่าในใจของเขาเริ่มรู้สึกถึงความผิดปกติบางอย่าง แต่เขายังคงรักษาสีหน้าไว้ได้และพูดด้วยเสียงต่ำ พี่เปียวยืนอยู่ตรงนี้ พวกนายอย่าทำให้พี่เปียวต้องรำคาญหู!
รปภ.ทั้งหมดเงียบเสียงลงทันทีแต่พวกเขาหลายคนก็ยังคงจ้องเขม็งไปที่จี้เฟิง
ผู้จัดการเหยียนอดไม่ได้ที่จะรู้สึกใจเสียถ้ารู้แต่แรกฉันก็คงไม่เข้ามายุ่งและทำให้เรื่องมันใหญ่โตบานปลายจนถึงขั้นโทรตามลูกพี่เปียวมา ในเมื่อเด็กหนุ่มจี้เฟิงกล้าทำร้ายคนที่นี่ แถมเพื่อนของเขายังตบรปภ.อย่างไม่ลังเล พวกเขามีความมั่นใจกันขนาดนี้ ทำไมฉันถึงมองไม่ออก!!
นายชื่อจี้เฟิง! เปียวเกอขมวดคิ้วเล็กน้อย ชื่อนี้ฟังดูคุ้นๆ แต่นึกไม่ออกว่าไปเคยได้ยินชื่อนี้มาจากที่ไหน ในขณะที่เขากำลังจะพูด ดวงตาของเขาก็เบิกกว้าง ราวกับมีแสดงสว่างวาบขึ้นมาในหัวของเขา
ในที่สุดเขาก็นึกออกแล้วว่าเคยได้ยินชื่อ‘จี้เฟิง’ เมื่อประมาณหลายเดือนก่อน ใช่แล้ว! ชื่อจี้เฟิงนี่แหละ ไม่ผิดแน่!
หัวใจของเปียวเกอเต้นโครมคราม
ความลับในเจียงโจวไม่มีอยู่จริงโดยเฉพาะอย่างยิ่งข่าวที่เกี่ยวกับบุคคลสำคัญบางคนมันจะยิ่งแพร่กระจายเร็วมาก สำหรับผู้บังคับบัญชาสายงานต่างๆหรือคนที่เป็นหัวหน้าพวกเขาจะต้องให้ความสนใจในเรื่องนี้เป็นสำคัญ เพื่อที่จะได้รู้ว่ามีใครบ้างที่ไม่สามารถเข้าไปยุ่งเกี่ยวหรือทำให้บุคคลนั้นต้องขุ่นเคืองใจได้ เพราะถ้าไม่อย่างนั้น หากเกิดไปยุ่งกับคนที่ไม่ควรยุ่งเข้าละก็…
และไม่ว่าเขาจะมีคนรู้จักมากมายแค่ไหนแต่เมื่อต้องเผชิญหน้ากับคนใหญ่คนโตตัวจริง เขาไม่มีทางที่จะตอบโต้ได้อย่างแน่นอน และอาจจะถูกฆ่าตายอย่างที่ไม่ทันตั้งตัวเลยก็ได้
ในความทรงจำของเปียวเกอเคยมีลูกพี่ใหญ่คนหนึ่ง เขาเป็นมาเฟียขาใหญ่มาจากจังหวัดเจ้อเจียงในมณฑลเจียงซู เขาได้มาเที่ยวที่เจียงโจว แล้วเกิดไปถูกใจหญิงสาวคนหนึ่งเข้าและอยากพาเธอไปโรงแรม โดยที่ไม่รู้ว่าสามีของหญิงสาวคนนั้นจะเป็นผู้มีอิทธิพล
ในเวลาไม่ถึงสองชั่วโมงลูกพี่ใหญ่คนนั้นก็ถูกโยนเข้าคุก ลูกน้องของเขาถูกตำรวจกวาดล้างจนหมดในนาม ‘ปฏิบัติการพิเศษ’ โชคดีที่ยังพอมีคนดวงดีหนีรอดจากหายนะในครั้งนี้ได้ แต่หลังจากนั้นเขาก็หวาดกลัวจนไม่กล้ากลับเข้าสู่เส้นทางนี้อีกเลย และไม่ว่าจะทำอะไรก็จะเกิดอาการหวาดระแวงจนแทบจะเป็นบ้า
และนับตั้งแต่นั้นมาเปียวเกอก็เข้าใจคำกล่าวประโยคหนึ่งอย่างถ่องแท้ว่า ‘เหนือฟ้ายังมีฟ้า!’ ไม่ว่าเขาจะยิ่งใหญ่จนมีพื้นที่ปกครองเพิ่มมากขึ้นขนาดไหน แต่ยังไงเขาก็ไม่ใช่คนที่ยิ่งใหญ่ที่สุด แล้วถ้าหากระหว่างทางเจอบุคคลที่เป็นคนใหญ่คนโตของจริงเข้า ก็อย่าได้ริอาจไปแหยมอย่างเด็ดขาด
และชายหนุ่มที่แสดงสีหน้าไม่แยแสอยู่ตรงหน้าเขาตอนนี้ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเขาเป็นคนใหญ่คนโตที่ไม่สามารถไปแหยมด้วยได้!
บางทีคนธรรมดาอาจจะไม่รู้ว่าจี้เฟิงเป็นใครแต่พวกมาเฟียระดับสูงและคนระดับหัวหน้าในเจียงโจวกลับไม่มีใครที่ไม่รู้จักจี้เฟิง หรืออย่างน้อยพวกเขาก็ต้องเคยได้ยินชื่อนี้มาก่อน!
อย่างไรก็ตามถ้าชื่อของจี้เฟิงถูกเอ่ยขึ้นพร้อมกับชื่อของอีกคนหนึ่งทุกคนจะต้องตกใจอย่างแน่นอนและต้องคิดว่า ‘ที่แท้ก็เป็นเขานี่เอง!
คนคนนั้นก็คือมาเฟียใหญ่แห่งเขตการปกครอง ‘อาเหลียง!’ (จาก