The Ultimate Student สุดยอดนักเรียนสมองอัจฉริยะ – บทที่ 374 ความบ้าคลั่ง

บทที่ 374 ความบ้าคลั่ง

   น่ะ.. น่ะ.. นายคือจี้เฟิง! 

  เมื่อมองไปที่จี้เฟิงและจางเล่ยที่กำลังเดินเข้ามาใกล้ใบหน้าของเว่ยเฉินหลิงก็ซีดเผือด ขณะที่เขาพูดริมฝีปากของเขาก็สั่นเล็กน้อยจนทำให้พูดจาตะกุกตะกัก ขนาดพนักงานของมหาวิทยาลัย จี้เฟิงกับพวกยังกล้าทุบตีด้วยวิธีการที่รุนแรงขนาดนี้ แล้วพวกเขาจะรอดไปง่ายๆได้ยังไง

   จุ๊ๆๆไอ้พวกนี้นี่มันโง่จริงๆแฮะ! 

  ฮั่นจงจุ๊ปากและแสยะยิ้มเขามองเว่ยเฉียงและเว่ยเฉินหลิงที่หน้าซีดเผือด จากนั้นก็ทำหน้าเหมือนกับสงสารสองคนนั้นและกล่าวว่า  ถ้าฉันเป็นพวกนาย ฉันคงไม่เอ่ยชื่อจี้เฟิงออกมาแบบนี้แน่นอน จากที่ตอนแรกอาจจะแค่ถูกซ้อมนิดๆหน่อยๆ แต่ในเมื่อตอนนี้นายจำพวกเราได้… สงสัยคงต้องฆ่าปิดปากซะแล้วล่ะ! 

   อ๊าาาา!! ร่างกายของเว่ยเฉินหลิงและเว่ยเฉียงสั่นเทิ้ม พวกเขากรีดร้องออกมาด้วยความหวาดกลัว พวกเขามองไปที่จี้เฟิงที่เวลานี้มีสีหน้าเรียบเฉยและมองไปที่จางเล่ยที่กำลังตื่นเต้น พวกเขาอดไม่ได้ที่จะตัวสั่น

   จะจี้ จี้เฟิง ใจเย็นๆก่อน อย่าทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่เลย ไม่งั้นตำรวจจะตามตัวพวกนายได้ง่ายๆ แล้วเมื่อถึงตอนนั้นพวกนายก็หนีไม่พ้นหรอก!  เว่ยเฉินหลิงพูดตะกุกตะกัก  ฉันว่าบางทีนี่อาจจะเป็นเรื่องเข้าใจอะไรผิดกันก็ได้ พวกเรามานั่งคุยกันดีๆดีกว่านะ! 

   เข้าใจผิด! จางเล่ยเบิกตากว้าง ความโกรธพุ่งปรี๊ดขึ้นทันที เขาชี้หน้าเว่ยเฉินหลิงและกล่าวด้วยรอยยิ้มเหยียด  ไหนมึงลองพูดให้กูฟังอีกทีดิ๊ เข้าใจผิดอะไร? เข้าใจผิดแม่มึงเหอะ! 

  เว่ยเฉียงเหมือนเพิ่งรวบรวมสติได้เขารีบพูดว่า  จี้เฟิง ฉันรู้ว่าเรื่องนี้เกิดขึ้นเพราะถงเล่ย เอาอย่างนี้แล้วกัน ฉันจะชดเชยให้พวกนายเอง หรือถ้าพวกนายมีเงื่อนไขอะไรก็พูดมาได้เลย หรือว่าพวกนายจะเอาเป็นเงินดีล่ะ หนึ่งหมื่นหยวนพอมั้ย? 

   หุบปากเหอะไอ้สวะ! จางเล่ยไม่ทนอีกต่อไป เขาก้าวไปข้างหน้าสองสามก้าวและตบเว่ยเฉียงอย่างแรง

   เพี๊ยะ—! 

  เว่ยเฉียงหน้าหันและเซถลาไปเล็กน้อยเขายกมือที่สั่นเทาขึ้นมากุมใบหน้าของเขาอย่างมึนงง

   นายคิดจริงๆหรือว่าทุกอย่างสามารถแก้ไขได้ด้วยเงิน จี้เฟิงมองไปที่เว่ยเฉียงที่เพิ่งถูกจางเล่ยตบและพูดอย่างเฉยเมย  แต่ถ้าอยากใช้เงินนักก็โอเค! แต่ฉันไม่รู้ว่านายจะเอามันมาได้รึเปล่า! 

   จะไปเสียเวลาคุยกับมันทำไมจัดการมันซะให้จบๆ!  จางเล่ยพูดด้วยน้ำเสียงที่ดุร้าย

  ตู้เส้าเฟิงเดินก้าวเข้ามาและตะโกนว่า ปล่อยให้เป็นหน้าที่ฉันเอง มาดูกันว่าฉันจะใช้วิธีไหนทรมานคนชั่วพวกนี้!    จ้าวไคที่ยืนอยู่ข้างหลังล้วงเข้าไปในกระเป๋าของเขาอย่างเงียบๆและกดปุ่มบนโทรศัพท์สองสามปุ่มอย่างรวดเร็ว จากนั้นเขาก็ดันแว่นตาของเขาขึ้นเบาๆ มุมปากของเขาโค้งขึ้นเป็นรอยยิ้มที่เย็นชาและมองไปที่เว่ยเฉียงและเว่ยเฉินหลิงที่กำลังอยู่ในอาการตกใจ

   เหล่าตู้อย่าแย่งฉันเลย ยังไงก็ให้ฉันได้ใช้ขวดเหล้าพวกนี้อีกสองสามขวดแล้วค่อยว่ากัน!  ฮั่นจงหัวเราะหึหึทันที เขาก้มหน้าลงมองหาขวดเหล้าบนพื้น แต่หาอยู่พักนึงก็ยังไม่พบ เขาจึงหยิบเก้าอี้ขึ้นมา  ไม่เจอแฮะ… ใช้เก้าอี้อันนี้ทุบดีกว่า! 

   เอามาได้!ฉันเอาเงินออกมาได้!  เมื่อเว่ยเฉียงเห็นเพื่อนๆของจี้เฟิงพูดคุยกันว่าจะทุบตีเขายังไงด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม เขาก็กลัวจนตัวสั่นและร้องออกมาด้วยความหวาดกลัว

   สิ่งที่ฉันต้องการมันก็ไม่ใช่จำนวนน้อยๆซะด้วยสินายจะเอามันมาได้จริงๆเร้อออ..  จี้เฟิงถามด้วยสีหน้าไม่เชื่อ  เท่าที่ฉันรู้ครอบครัวของนายก็เป็นแค่ครอบครัวธรรมดาๆ นายคงไม่สามารถจ่ายหนักๆได้หรอกม้าง! 

   เลิกคุยกับพวกแม่งเหอะมีแต่เรื่องเพ้อเจ้อ คุยไปก็เสียเวลาเปล่าๆ แค่ทุบมันให้ตายๆไปซะ จะได้ไปนั่งกินเหล้าต่อ!  จางเล่ยพูดอย่างรำคาญ

  เมื่อเว่ยเฉียงได้ยินดังนั้นเขาจึงรีบพูดขึ้นว่า ฉันไม่ได้โกหก ฉันมีๆ ครอบครัวของฉันมีเงิน! จี้ จี้เฟิง ครอบครัวของฉันไม่ได้กระจอกอย่างที่นายคิด พ่อของฉันเป็นผู้บริหารของบริษัทก่อสร้างเป๋าต่า เขา เขามีอำนาจ มีเส้นสายไม่น้อยเลย! ที่ตู้เซฟของเรามีเงินสดไม่ต่ำกว่า 1 ล้านหยวน ไหนจะบัตรเครดิตอีก… 

   เว่ยเฉียง!หยุดพูดเดี๋ยวนี้!  ขณะที่เว่ยเฉียงกำลังพูดพร่ำด้วยความตกใจและหวาดกลัวอยู่นั้น เว่ยเฉินหลิงก็ตะโกนขัดขึ้นมาทันที  พวกเขากำลังหลอกนาย ถ้านายพูดคุณลุงก็จะซวยไปด้วยนะ! 

  เว่ยเฉียงตกใจเขาหันไปหาเว่ยเฉินหลิงและเห็นจางเล่ยกำลังยกเก้าอี้ขึ้นมาและขว้างมันใส่เว่ยเฉินหลิง

  เว่ยเฉินหลิงตกใจมากเขารีบลุกขึ้นและพยายามที่จะวิ่งหนีไป

   โครม—! 

  เก้าอี้ที่จางเล่ยเขวี้ยงลอยไปกระแทกกับขาของเว่ยเฉินหลิงและหล่นลงพื้นเสียงดังลั่น

   อ๊ากกก—!! 

  เว่ยเฉินหลิงกรีดร้องอย่างน่าสังเวชก่อนจะล้มลงกับพื้นกุมขาของเขาและกลิ้งไปกลิ้งมาด้วยความเจ็บปวด

   กูบอกว่าไงไม่ให้มึงพูดจาไร้สาระไม่ใช่เหรอ?  จางเล่ยจ้องเขม็งไปที่เว่ยเฉินหลิงจากนั้นก็หันไปหาเว่ยเฉียง  ส่วนมึง ถ้าไม่พูดเรื่องที่รื่นหู ก็ตายเหมือนกัน!  จางเล่ยกล่าวด้วยใบหน้าที่ดุร้าย

   พูด!ฉันพูด! ฉันพูดแล้ว!  เว่ยเฉียงหวาดกลัวจนยอมทำตามทุกอย่างเขาพูดอย่างลนลาน  ในบัตรธนาคารของพ่อฉันมีเงินอยู่15 ล้าน ฉันจะบอกเลขบนบัตรและรหัสผ่านให้นายฟัง… 

  เมื่อได้ยินเว่ยเฉียงพูดรหัสผ่านของบัญชีธนาคารและสมุดบัญชีเงินฝากออกมาไม่หยุดแม้แต่รหัสผ่านของตู้เซฟก็พูดออกมา ระบุแม้กระทั่งที่อยู่ของห้องนิรภัยอย่างชัดเจน จี้เฟิงและคนอื่นๆก็เผยรอยยิ้มจางๆออกมา

   แล้วฉันจะรู้ได้ไงว่านายพูดความจริง จี้เฟิงถามด้วยสีหน้าไม่เชื่อ

   เรื่องจริงฉันพูดเรื่องจริง ฉันรับรองได้!  เว่ยเฉียงตะโกนอย่างตื่นตระหนก ในตอนนี้เขาเหมือนกับคนที่กำลังจะจมน้ำ คำพูดของจี้เฟิงคือฟางเส้นเดียวของเขา เขาต้องคว้ามันไว้ให้ได้ ไม่งั้นคงถูกคนพวกนี้ฆ่าตายแม้แต่ซากศพก็คงไม่เหลือ

   เห้ย!พูดปากเปล่าหลักฐานก็ไม่มี ใครมันจะไปเชื่อวะมีอะไรมาพิสูจน์หรือเปล่าว่ามึงพูดจริง!  จางเล่ยพูดอย่างดุร้าย

  เว่ยเฉียงรีบพูด พ่อของฉันมีเงินจริงๆ มันถูกเก็บไว้อย่างปลอดภัยที่ธนาคาร ฉันรู้รหัสผ่าน ถ้านายไม่เชื่อ จะให้คนไปลองตรวจสอบดูก็ได้! 

   ฉันจะให้โอกาสนายเล่ามาสิ!  จี้เฟิงพูดเสียบเรียบ

  เว่ยเฉียงรีบบอกรหัสผ่านและเงื่อนไขที่จำเป็นทั้งหมดเกี่ยวกับการเปิดตู้เซฟ

   รหัสผ่านมีแค่นี้ใช่มั้ย จู่ๆจี้เฟิงก็ถามขึ้นอีกครั้ง

   ใช่! เว่ยเฉียงตกใจและตอบอย่างรวดเร็ว

   วิธีนี้ก็ไม่เลวแฮะ! จางเล่ยมองไปที่จี้เฟิงและยิ้ม  งั้นเรื่องนี้ปล่อยให้เป็นหน้าที่ฉันเอง! 

  ฮั่นจงและคนอื่นๆก็เผยรอยยิ้มออกมาเช่นกัน

  แต่เว่ยเฉินหลิงที่นั่งกุมขาอยู่กับพื้นกลับมีสีหน้าที่ซีดเผือดเขาลืมแม้กระทั่งจะส่งเสียงกรีดร้อง เขามองไปยังเว่ยเฉียงที่มีสีหน้าหวาดกลัวและบ่นพึมพำว่า  ไอ้โง่! นายมันโง่! บอกเรื่องนี้กับพวกมันได้ยังไง นายพูดไปแบบนั้นแล้วใครจะมาช่วยเรา ใครจะมาแก้แค้นให้เราได้! 

   หุบปาก! เว่ยเฉียงตะคอกกลับว่า  ขืนนายยังพูดอีก นายได้ตายจริงๆแน่! แล้วถ้าฉันไม่พูด พวกนี้มันก็จะฆ่าฉันเหมือนกัน! นายดูสถานการณ์ไม่ออกเลยหรือไง! 

   ไอ้โง่!นายคิดว่าที่นี่ที่ไหน ถ้ามันฆ่านาย นายคิดว่าพวกมันจะหนีรอดเหรอ? ควายจริงๆ!  เว่ยเฉินหลิงตะโกนด่าด้วยความโมโห

  เว่ยเฉียงตะลึงงันไปทันทีหลังจากที่ถูกเว่ยเฉินหลิงตะโกนใส่ก็เหมือนว่าเขาจะเริ่มมีสติและคิดอะไรบางอย่างได้ ใช่แล้ว! ที่นี่คือโรงแรม ถ้าพวกมันฆ่าฉัน พวกมันก็จะถูกจับ พวกมันคงไม่ได้อยากแก้แค้นให้ผู้หญิงคนเดียวจนถึงขนาดเอาตัวเองมาเสี่ยงแบบนี้หรอกใช่มั้ย ถ้าพวกมันโดนจับพวกมันก็อาจจะต้องตายด้วยเหมือนกัน! ถ้าอย่างนั้น… พวกมันก็จะไม่กล้าทำอะไรที่รุนแรงขนาดนั้นอย่างแน่นอน!

  แม่งเอ๊ย!ทำไมกูถึงโง่ขนาดนี้วะ พูดทุกอย่างออกไปหมด!

  เว่ยเฉียงไม่รู้ตัวว่าตั้งแต่ที่จี้เฟิงตบหน้าหยุนปิงจนกระเด็นภาพลักษณ์ที่โหดเหี้ยมของจี้เฟิงได้ตราตรึงฝังลึกลงไปในหัวใจของเขาตั้งแต่นั้นมา แต่เนื่องจากเว่ยเฉียงเติบโตมาในครอบครัวที่ร่ำรวยและมีอำนาจ เขาจึงไม่เห็น ‘คนบ้านนอก’ อย่างจี้เฟิงอยู่ในสายตา ดังนั้นเขาจึงกล้าเข้าหาและจีบถงเล่ยอย่างไม่เกรงกลัว

  แต่เมื่อเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นที่จู่ๆจี้เฟิงและพรรคพวกก็บุกเข้ามา และใช้วิธีรุนแรงในการจัดการกับหัวหน้าฉินและพนักงานของมหาวิทยาลัยอีกสองคน มันทำให้เว่ยเฉียงและเว่ยเฉินหลิงตกใจจนไร้สติ ทำให้พวกเขาไม่มีเวลามาคิดไตร่ตรองถึงการกระทำของจี้เฟิงว่ามีจุดประสงค์อื่นแอบแฝงหรือไม่!

  แต่ตอนนี้เว่ยเฉียงที่ถูกเว่ยเฉินหลิงเตือนถึงได้มีสติกลับคืนมาเขาเบิกตากว้างจ้องเขม็งไปที่จี้เฟิงและตะโกนด้วยความเดือดดาลว่า  ไอ้จี้เฟิง! แกกล้าดียังไงถึงมาใช้แผนสกปรกหลอกฉันแบบนี้! 

   พูดแบบนี้คืออยากตายเร็วขึ้นงั้นสินะ ใบหน้าของจี้เฟิงมืดครึ้มและพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา

   ฮึ่ม!ถ้าแกมีปัญญา ก็ลองดูสิ! แล้วมาดูกันว่าแกจะหนีรอดไปได้ซักกี่น้ำ!  หลังจากได้สติกลับคืนมาและคิดได้แล้ว เว่ยเฉียงก็รู้แล้วว่าจี้เฟิงไม่กล้าฆ่าเขาอย่างแน่นอน เขาจึงมีความกล้าขึ้นมาอีกครั้ง!

  จี้เฟิงแสยะยิ้ม เหอะ! ฉันไม่ฆ่าแกหรอก และก็ไม่ได้ตั้งใจจะฆ่าแต่แรกแล้ว… แต่แค่การทุบตีสั่งสอน ฉันว่าฉันคงไม่ต้องใช้ปัญญาอะไรมากมายหรอกมั้ง ใช่มั้ย 

  เมื่อได้ยินเช่นนั้นความกล้าที่เพิ่งกลับมาก็หายไปอย่างรวดเร็วพอๆกับสีหน้าที่เปลี่ยนไปของเว่ยเฉียงแต่ไม่ทันที่เว่ยเฉียงจะได้ตอบอะไร จี้เฟิงก็ง้างขาและเตะไปที่เว่ยเฉียงอย่างแรง

   ตูม—!   ลูกเตะของจี้เฟิงอัดไปเน้นๆที่ท้องน้อยของเว่ยเฉียงความแรงของลูกเตะนี้ทำให้เว่ยเฉียงกระเด็นจนตัวลอยออกไป

   ปึ้ก—!  ตุ้บ—! 

  ร่างทั้งร่างกระเด็นลอยไปกระแทกกับกำแพงและล้มลงกับพื้นเว่ยเฉียงอยู่ในอาการมึนงงจนลืมแม้แต่การกรีดร้อง เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตอนนี้เขาอยู่ที่ไหน!

  หัวใจของคนอื่นๆรู้สึกราวกับถูกอะไรบีบรัดไปครู่หนึ่งตู้เส้าเฟิงหดหัวลงโดยไม่รู้ตัว พลางคิดในใจว่า  บ้าเอ๊ย! ลงมือโหดเกิ๊น แรงเยอะยิ่งกว่าฉันซะอีก! 

  ทางเว่ยเฉินหลิงนั้นตกใจมากเขาเบิกตากว้างมองไปที่จี้เฟิง ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความไม่อยากจะเชื่อ

  เว่ยเฉียงเป็นสมาชิกของทีมบาสเกตบอลเขามีรูปร่างที่สูงและมีน้ำหนักตัวที่มากกว่านักเรียนปกติทั่วไป แต่การเตะของจี้เฟิงสามารถเตะผู้ชายตัวใหญ่จนกระเด็นออกไปขนาดนั้นได้ เขาจะต้องมีพละกำลังมากแค่ไหนกัน

  และนอกจากนี้จะเห็นได้ว่าในใจของจี้เฟิงเต็มไปด้วยความโกรธที่มากขนาดไหน!

   อั่ก!โอย…  มือของเว่ยเฉียงกุมที่ท้องแน่น เขานอนขดตัวร้องครวญครางอยู่ที่พื้นด้วยความเจ็บปวดอย่างน่าสังเวช ในใจของเขาทั้งเสียใจและหวาดกลัว ทำไมฉันถึงได้โง่ขนาดนี้! ทำไมถึงไม่คิดถึงเรื่องนี้?!

  จี้เฟิงไม่กล้าฆ่าฉันก็จริงแต่มันยังทำร้ายร่างกายฉันได้อยู่! ตราบใดที่ไม่พิการ อย่างมากมันก็คงจะโดนกักตัวเพียงไม่กี่วันเท่านั้น เรื่องแค่นี้ทำไมคิดไม่ได้ ทำไมฉันถึงต้องปากพล่อยแบบนั้น!

  ถ้าฉันไม่กลัวจนขี้ขึ้นสมองตั้งแต่แรกถ้าฉันคิดสักหน่อยตั้งแต่ตอนที่จี้เฟิงบุกเข้ามา เรื่องมันก็คงจะไม่เป็นแบบนี้!

   เฮ้ๆ!ถึงตาฉันแล้ว!  จางเล่ยมองซ้ายมองขวา และในที่สุดเขาก็พบขวดเหล้าอยู่ไม่ไกล เขาไม่ได้มีพละกำลังล้นเหลือแบบจี้เฟิง การใช้เครื่องทุ่นแรงน่าจะเป็นอะไรที่ดีกว่า  จางเล่ยเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าเว่ยเฉินหลิงห่างออกไปสองก้าวจากนั้นก็แสยะยิ้มอย่างชั่วร้าย  ดูเหมือนว่า แกคงเป็นพวกกุนซือหัวหมอที่ชอบวางแผนชั่วอยู่ข้างหลังสินะ ฉันล่ะเกลียดคนอย่างแกที่สุด! 

   เปรี้ยง—! 

  เสียงขวดเหล้าแตกกระจายดังขึ้นจางเล่ยมองปากขวดที่เหลืออยู่ในมือของเขาอย่างตกตะลึง เขาอดไม่ได้ที่จะเบิกตากว้าง  บ้าเอ๊ย! แม่งเหมือนในหนังเด๊ะเลย หัวคนแข็งกว่าขวดเหล้าจริงๆด้วย! 

  ฮั่นจงตู้เส้าเฟิงและคนอื่นๆ ที่อยู่ใกล้ๆ ถึงกับมีอาการกระตุกที่มุมปากเบาๆ แต่ละคนพยายามอย่างมากที่จะกลั้นหัวเราะเอาไว้ แต่ก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา

  โดยเฉพาะฮั่นจงที่เพิ่งคุยโทรศัพท์เสร็จเขากลั้นขำจนตัวสั่น ‘เจ้าหมอนี่สุดยอดไปเลยแฮะ ขนาดมีเรื่องก็ยังไม่ลืมที่จะพูดจาเยาะเย้ยฝ่ายตรงข้าม!’

   ดีมาก! จางเล่ยพยักหน้าอย่างจริงจัง ดูเหมือนว่าฉากต่อสู้ในหนังจะไม่ได้เป็นเรื่องที่เมคขึ้นมาทั้งหมด! 

   พรูดดดด——!! 

  ทุกคนไม่สามารถอดทนได้อีกต่อไปและหัวเราะพรวดออกมาในเวลาเดียวกัน

 

The Ultimate Student สุดยอดนักเรียนสมองอัจฉริยะ

The Ultimate Student สุดยอดนักเรียนสมองอัจฉริยะ

Status: Ongoing

       ตลอดชีวิตที่ถูกมองด้วยสายตาดูถูกเหยียดหยาม จนถึงจุดต่ำสุดของชีวิต จี้เฟิงได้รับพลังมาจากเทคโนโลยีที่ก้าวหน้ากว่าปัจจุบันมาก มันช่วยเพิ่มความสามารถในทุกๆด้านราวกับเวทมนตร์ ตั้งแต่นั้นมาชีวิตของเขาก็ไม่ธรรมดาอีกต่อไป! ด้วยระบบอัจฉริยะที่จี้เฟิงได้ฝึกฝนจนบรรลุทักษะพิเศษ ชีวิตของจี้เฟิงกลายเป็นเรื่องราวที่น่าตื่นเต้นอย่างไม่มีที่สิ้นสุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท