ฉินซูเจี๋ยเดินลงมาจากเตียงเธอเดินไปที่หน้าต่างด้วยเท้าเปล่า เมื่อมาถึงเธอแหวกม่านหน้าต่างออกเล็กน้อยและมองไปที่ BMWx6 ที่กำลังขับเคลื่อนออกไปอย่างรวดเร็ว หัวใจของเธอสั่นไหวและเต็มไปด้วยความเขินอายแต่ก็มีความรู้สึกอ่อนหวานปนอยู่ในนั้นด้วย
อันที่จริงฉินซูเจี๋ยไม่ได้เมามายจนไม่ได้สติขนาดนั้นแต่อาการมึนๆมันก็พอมีอยู่บ้าง เพราะเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อย่างวอดก้านั้นก็แรงไม่ใช่เล่น ไม่ว่าใครที่ดื่มอย่างไม่บันยะบันยังไปครึ่งขวดเต็มๆก็คงต้องมีวิงเวียนกันบ้าง แม้ว่าฉินซูเจี๋ยจะเป็นผู้หญิงที่ดื่มเหล้าเก่ง แต่เธอก็มีอาการมึนเมาอยู่เหมือนกัน เพียงแต่ไม่ได้เมามากอย่างที่เธอแสดงออกมา
วันนี้ฉินซูเจี๋ยแค่อยากจะปล่อยตัวปล่อยใจอย่างเต็มที่ดูสักครั้งยิ่งไปกว่านั้นจี้เฟิงก็เป็นเด็กหนุ่มที่เธอไม่ได้รังเกียจ อาจเรียกได้เป็นเด็กหนุ่มที่เธอมีความรู้สึกดีๆด้วย… บางทีอาจจะในฐานะผู้ชายคนหนึ่ง!
สำหรับฉินซูเจี๋ยแม้ว่าวันนี้จะพูดไม่ได้ว่าเป็นวันที่มืดมนที่สุดในชีวิตของเธอ แต่อย่างน้อยครั้งนี้ก็ทำให้เธอรู้สึกแย่ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากันเลย การทรยศของสามีในครั้งนั้นทำให้หัวใจของเธอแหลกสลายและชีวิตของเธอก็เกือบจะพังทลายลง แต่ความโลภและความใจจืดใจดำของฉินหยูเจี๋ยพี่ใหญ่ของเธอ ทำให้เธอรู้สึกเศร้า เสียใจ และผิดหวัง เหตุการณ์ในวันนี้มันทำให้หัวใจของเธอต้องมาสัมผัสกับความเจ็บปวดอีกครั้ง
ฉินซูเจี๋ยแทบจะหมดหวังกับชีวิตของเธอแล้วในตอนนี้จี้เฟิงก็มาส่งเธอ เธอจึงคิดอยากจะปล่อยตัวปล่อยใจไปสักครั้ง ในเมื่อมีคนมากมายที่โลภมากกับเงินทองทรัพย์สินของเธอ และอยากได้ร่างกายและความงามของเธอ แล้วทำไมเธอถึงต้องยอมให้คนอื่นได้มันไปด้วยล่ะ มันจะไม่ดีกว่าหรือถ้าเธอยอมมอบกายให้กับเด็กหนุ่มที่เธอเองก็มีความรู้สึกดีๆด้วย?! ความกล้าหาญของฉินซูเจี๋ยที่เพิ่มมากขึ้นนั้นมาจากความมึนเมาอย่างไม่ต้องสงสัยแต่ในความเป็นจริงแล้ว แม้ว่าเธอจะตัดสินใจไปแล้วที่จะทำเช่นนั้น แต่เธอก็ยังรู้สึกกลัวมากอยู่ดี เธอกลัวว่าถ้าแม้แต่จี้เฟิงยังโลภมากและต้องการเพียงร่างกายของเธอเหมือนกับคนอื่นๆจะทำยังไง
ดังนั้นในตอนที่เธอจงใจดึงชุดนอนของเธอออกจนท่อนบนเปลือยเปล่าหัวใจของเธอจึงเต้นอย่างบ้าคลั่งราวกับมันจะหลุดออกจากปากของเธอให้ได้
ในตอนนั้นทั้งอารมณ์และความคิดของฉินซูเจี๋ยขัดแย้งกันมากเธอปรารถนาให้จี้เฟิงอยู่ต่อและดื่มด่ำกับเธอ แต่ในขณะเดียวกันเธอก็กลัวว่าจี้เฟิงจะทำดื่มด่ำกับร่างกายของเธอจริงๆ แถมยังเป็นในตอนที่เธอเมามายไม่ได้สติ และถ้าเป็นอย่างนั้นเธอคงรู้สึกเจ็บช้ำใจมากอย่างแน่นอน!
ในความเป็นจริงฉินซูเจี๋ยผู้ซึ่งดิ้นรนเอาตัวรอดให้หลุดพ้นจากอำนาจมืดของผู้ชายที่ต้องการร่างกายของเธอจนมาถึงทุกวันนี้ได้ก็ไม่ควรอ่อนแอเช่นนี้ ดังนั้นเธอจึงมีความรู้สึกลังเลที่จะยอมรับความพ่ายแพ้ในใจของเธอ
แต่ปัญหาคือเธอก็เป็นแค่ผู้หญิงคนหนึ่ง ต่อให้เข้มแข็งแค่ไหน เธอก็เป็นผู้หญิงธรรมดาที่มีความต้องการจากผู้ชายที่จะมอบความรักและความอ่อนโยนให้กับเธอ!
หากไม่มีสิ่งเหล่านี้ความเข้มแข็งของฉินซูเจี๋ยก็มีเพื่อที่จะทำให้ชีวิตในอนาคตของลูกสาวของเธอดีขึ้นเท่านั้น ลำพังแค่ตัวเธอเองไม่มีเป้าใดๆในชีวิต เพราะตั้งแต่ที่พ่อของเธอตายไป ชีวิตของเธอก็มืดมนมองไม่เห็นแสงสว่างในอนาคตอีกเลย
แต่สิ่งที่เหนือความคาดหมายของฉินซูเจี๋ยก็คือแม้ว่าจี้เฟิงจะมีปฏิกิริยาปกติเหมือนผู้ชายคนอื่น แต่เขาก็ไม่ได้ก้าวไปอีกขั้น และไม่แม้แต่จะแอบสัมผัสเธอด้วยมือของเขาเลยแม้แต่น้อย ต้องรู้ก่อนว่าในตอนนั้นฉินซูเจี๋ยแกล้งเมาจนเหมือนคนที่ไม่ได้สติ แล้วต่อให้จี้เฟิงจะทำอะไรเธอก็ไม่สามารถปฏิเสธได้ แต่จี้เฟิงกลับไม่ได้ทำ…
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตอนที่จี้เฟิงจากไปเขาส่ายหัวและยิ้ม มันยิ่งทำให้ฉินซูเจี๋ยรู้สึกละอายขึ้นมาทันที
เธอรู้ว่าบางทีในใจของจี้เฟิงเธอคง…
บางทีเขาอาจจะมองเธอเป็นแค่เพื่อนธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้น
ฉินซูเจี๋ยรู้สึกละอายใจที่ใช้วิธีแบบนี้มาอ่อยจี้เฟิงและเธอก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เธอแค่รู้สึกว่าอยากจะปล่อยตัวปล่อยใจไปตามที่เธอต้องการ ไม่รู้เหมือนกันว่าในตอนนั้นความละอายของเธอมันหายไปไหนหมด!
อย่างไรก็ตามนอกจากความละอายแล้วฉินซูเจี๋ยยังรู้สึกถึงความหวานชื่นอีกด้วย
นี่แหละคือลูกผู้ชายของจริง!
หรืออาจกล่าวได้ว่าจี้เฟิงคือผู้ชายที่จริงจังมากเมื่อต้องเผชิญหน้ากับผู้หญิงคนอื่นที่ไม่ใช่คู่รักของตัวเอง ฉินซูเจี๋ยมั่นใจในรูปร่างหน้าตาของเธออยู่ไม่น้อย เธอเชื่อว่าหากเป็นผู้ชายธรรมดาๆ จะไม่สามารถสงบสติอารมณ์ได้หลังจากที่ได้เห็นร่างกายที่เปลือยเปล่าของเธอ
อย่างไรก็ตามในใจจะคิดหรือไม่คิดก็เป็นเรื่องหนึ่ง แต่จะทำหรือไม่ทำก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง
ไม่รู้มีกี่คนบนโลกนี้ที่คิดเรื่องก่ออาชญากรรมแล้วรวยในชั่วข้ามคืนแต่คนที่คิดแล้วลงมือทำจริงๆจะมีสักกี่คน ไม่ว่าจะเพราะความขี้ขลาดหรือการยับยั้งชั่งใจของตัวเอง อย่างน้อยพวกเขาก็ตระหนักได้ถึงปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้น ก่อนที่จะทำเรื่องไม่ดี เขาก็เคยเป็นคนดีมาก่อน!
เช่นเดียวกับจี้เฟิงเมื่อเขาเห็นเรือนร่างของฉินซูเจี๋ย ลมหายใจของเขาก็ถี่กระชั้นขึ้น เห็นได้ชัดว่าเขาเองก็เกิดความต้องการในเรื่องอย่างว่าเช่นกัน แต่เขากลับสามารถควบคุมตัวเองได้
อารมณ์ของฉินซูเจี๋ยนั้นซับซ้อนขึ้นมาชั่วขณะหนึ่งดังนั้นเธอจึงได้แต่ยืนนึกอะไรไปเรื่อยเปื่อย ถ้าฉันได้พบกับนายก่อนหน้านั้น…มันจะดีแค่ไหนกันนะ! ฉินซูเจี๋ยยืนเงียบๆอยู่ริมหน้าต่างและพึมพำกับตัวเอง … แล้วถ้าหากเป็นแบบนั้นจริงๆ ฉันคงไม่ต้องตกมาอยู่ในสภาพที่น่าสังเวชแบบนี้..
หลังจากนั้นก็เหมือนว่าเธอจะคิดอะไรขึ้นมาได้เธอยิ้มน้อยๆ แต่ถ้าฉันเจอนายตั้งแต่ตอนนั้นจริงๆ ฉันก็คงจะไม่ชอบนายแน่ๆ เพราะตอนนั้นนายยังเป็นเด็กน้อยอยู่เลย คิกคิก…
แต่ไม่นานใบหน้าของเธอก็เปลี่ยนไปเธอรู้สึกเป็นกังวลเล็กน้อย ไม่รู้ว่าหลังจากนี้ เขาจะเห็นอะไรที่ผิดสังเกตหรือเปล่า ถ้าเขารู้ว่าฉันตั้งใจอ่อยเขา… เขาจะไม่คิดว่าฉันเป็นผู้หญิงใจง่ายหรอกเหรอ แล้วถ้าเขาคิดว่าฉันเป็นผู้หญิงที่ชอบเรื่องอย่างว่าล่ะ?!
ฉินซูเจี๋ยเริ่มรู้สึกไม่สบายใจความคิดในใจของเธอตอนนั้นค่อนข้างซับซ้อนและย้อนแย้งกันเต็มไปหมด
ทำไม!ทำไมนายกับฉันถึงไม่ได้เจอกันก่อนหน้านี้ ทำไมนายไม่เกิดให้เร็วกว่านี้หน่อย… ฉินซูเจี๋ยส่ายหน้าเล็กน้อยก่อนจะยิ้มอย่างขมขื่น สำหรับผู้หญิงลูกติดที่ผ่านการหย่าร้าง กับชายหนุ่มที่มีฐานะอย่างนาย บางทีฉันอาจจะเพ้อฝันมากไป…
ฉินซูเจี๋ยหย่ากับสามีมาหลายปีแล้วแต่ไม่ใช่ว่าเธอไม่เคยคิดที่จะหาคนใหม่ แต่สิ่งแรกที่เธอต้องนึกถึงคือปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นกับเหยาเหยา ลูกสาวของเธอ!
ประการที่สองเธอต้องรู้จุดประสงค์ที่แท้จริงของผู้ชายคนนั้นที่ต้องการจะเข้าหาเธอว่ามันคืออะไร!
ถ้าผู้ชายที่เข้าหาเธอมีจุดประสงค์ก็เพื่อร่างกายและบริษัทของเธอ แต่เขากลับดีกับลูกสาวของเธออย่างจริงใจ และปฏิบัติต่อเหยาเหยาเหมือนลูกสาวแท้ๆ ฉินซูเจี๋ยก็อาจจะเปิดใจยอมรับเขา
เพราะเป้าหมายเพียงอย่างเดียวในชีวิตของเธอในตอนนี้คือการทำให้ลูกสาวของเธอเติบโตมาอย่างไร้กังวลส่วนเรื่องชีวิตส่วนตัวของเธอกับเรื่องของบริษัทนั้นไม่สำคัญ
แต่เห็นได้ชัดว่าผู้ชายที่มีเป้าหมายเป็นร่างกายและบริษัทของเธอจะดีกับเหยาเหยาได้อย่างไรมันเห็นกันอยู่แล้วว่าเป็นไปไม่ได้ ดังนั้นฉินซูเจี๋ยจึงไม่คิดที่จะมองหามันอีก เธอเพียงแค่จดจ่ออยู่กับลูกสาวและบริษัทของเธอเท่านั้น และนั่นจึงทำให้บริษัทของเธอเจริญเติบโตเป็นอย่างทุกวันนี้ และด้วยเหตุนี้จึงทำให้ฉินหยูเจี๋ยกับฟ่านเหลียงกุ้ย พี่ชายกับพี่สะใภ้ของเธอเพ่งเล็งมาที่บริษัทของเธอ
จิตใจของฉินซูเจี๋ยค่อยๆเย็นชาขึ้นเรื่อยๆอย่างไรก็ตามมันทำให้เธอกลายเป็นผู้หญิงที่สามารถอยู่ได้โดยไม่ต้องการผู้ชายมาอยู่เคียงข้าง เพราะจิตใจที่แข็งแกร่งได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของบุคลิกลักษณะนิสัยของเธอไปแล้ว
แต่เมื่อเธอได้พบกับจี้เฟิงกำแพงที่ปิดกั้นหัวใจของเธอก็เหมือนจะบางลง
โดยเฉพาะสิ่งที่จี้เฟิงแสดงออกมาในวันนี้มันทำให้เธอรู้สึกใจสั่นอย่างช่วยไม่ได้ จี้เฟิงถือว่าเป็นชายหนุ่มที่ร่ำรวยแม้ว่าฉินซูเจี๋ยจะไม่ค่อยแน่ใจเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่เท่าที่เธอรู้ เฉพาะหยกที่เขาขายให้กับเธอนั้นก็มีมูลค่ามากกว่า 40 ล้านหยวนแล้ว ด้วยความใจเย็นมั่นคงและความเฉลียวฉลาดของจี้เฟิง เงิน 40 ล้านนี้อาจจะกลายเป็นห่านที่ออกไข่เป็นทองคำได้ไม่ยาก!
บวกกับสิ่งที่จี้เฟิงแสดงออกทั้งหมดในวันนี้มันยิ่งทำให้ฉินซูเจี๋ยรู้สึกหวั่นไหวมากขึ้น ผู้ชายแบบนี้สมัยนี้มีเหลือไม่มากแล้ว
ฉินซูเจี๋ยเชื่อว่าถ้าวันนี้เป็นผู้ชายคนอื่นเขาคงไม่สามารถควบคุมตัวเองได้แบบนี้ หรือถ้าเธอโชคร้าย เจอผู้ชายที่มีความคิดเลวๆ เขาอาจจะถ่ายรูปหรือคลิปวิดีโอเพื่อเอาเปรียบเธอก็เป็นได้
แต่จี้เฟิงไม่ใช่เขาไม่ได้ทำอะไรแบบนั้นเลย แล้วจะไม่ให้ฉินซูเจี๋ยหวั่นไหวได้อย่างไร
แต่ด้วยสถานะและตัวตนของเขา…ทางครอบครัวของเขาจะอนุญาตให้เขาพาผู้หญิงที่ผ่านการหย่าร้างมาแล้วเข้าบ้านได้อย่างไรเว้นเสียแต่ว่าเธอจะยอมเป็นแค่คนรักของเขา… ฉินซูเจี๋ยส่ายหน้าเบาๆ ในตอนนี้เธอยังไม่ได้ต้องการผู้ชายขนาดนั้น และที่สำคัญ ระหว่างเธอกับจี้เฟิงยังห่างไกลจากการเป็นคนรัก
ช่างมันเถอะเราควรจะปล่อยให้เรื่องนี้เป็นไปตามธรรมชาติ.. ฉินซูเจี๋ยส่ายหัวเบาๆอีกครั้งก่อนจะล้มตัวลงนอนบนเตียงอีกครั้ง เธอหลับตาลงช้าๆภายในหัวยังคงเต็มไปด้วยความคิดที่ซับซ้อนและยากที่จะอธิบาย
……………
จี้เฟิงที่เพิ่งขับรถออกมาจากคฤหาสน์ของฉินซูเจี๋ยแน่นอนว่าเขาไม่รู้ว่าฉินซูเจี๋ยแกล้งเมา และมันก็ทำให้เขาอดมีความคิดที่ซับซ้อนเกี่ยวกับเธอไม่ได้ แต่เขาก็ต้องทิ้งความคิดเหล่านั้นออกไปก่อน เพราะในเวลานี้ มีร่างร่างหนึ่งมายืนอยู่ตรงหน้ารถของเขา มันทำให้เขาได้แต่ยิ้มอย่างขมขื่น
จี้เฟิงขับรถมาจอดอยู่ริมถนนไม่ใช่เพราะเขาอยากหยุด แต่เป็นเพราะเขาต้องหยุด ที่ด้านหน้ารถของเขามีรถมอเตอร์ไซค์ลาดตระเวนที่มีไฟกะพริบของตำรวจจอดอยู่ริมถนน และนอกจากนั้นยังมีร่างสวยๆ กำลังยืนอยู่หน้ารถของจี้เฟิง แต่ใบหน้าของเธอกลับเย็นชาราวกับน้ำแข็ง เขาจ้องมองจี้เฟิงที่อยู่ในรถอย่างโกรธเคือง
ทำไมฉันถึงได้เจอผู้หญิงคนนี้อยู่ตลอดเลยนะ.. จี้เฟิงยิ้มอย่างขมขื่น เวลาที่เขาขับรถ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่เขาฝ่าฝืนกฎจราจร สิ่งที่กลัวที่สุดคือการที่เจอกับตำรวจจราจร อย่างไรก็ตาม จี้เฟิงที่เคยละเมิดกฎจราจรเพียงครั้งเดียวก็ถูกตำรวจพบ แถมพอเป็นครั้งที่สองเขาก็ถูกพบอีก และที่สำคัญไปกว่านั้น ตำรวจที่เจอเขายังเป็นตำรวจจราจรคนเดียวกันอีกต่างหาก ตำรวจจราจรหญิงสุดโหด หลี่ลู่หนาน!
จี้เฟิงลงมาจากรถเดี๋ยวนี้! ดวงตาคู่งามของหลี่ลู่หนานแทบจะพ่นไฟออกมา เธอโกรธมาก ก่อนหน้านี้ที่เธอเห็นจี้เฟิงทำผิดกฎจราจร เจ้าคนน่ารังเกียจนี่กลับขับรถหนีไปทันที ทำให้เธอที่ขับไล่ตามมานั้นต้องเหนื่อยเปล่า เพราะสุดท้ายเธอก็ตามเขาไม่ทัน
เธอจึงต้องแจ้งให้สถานีหลักช่วยตรวจสอบกล้องวงจรปิดตามจุดต่างๆจนได้ข้อมูลคร่าวๆมา แต่การตามหารถคันหนึ่งมันช่างยากเย็นแสนเข็ญ หลี่ลู่หนานขับรถตระเวนตามหาด้วยความโมโหสุดขีด แต่ไม่คาดคิดว่าระหว่างทางเธอจะได้พบกับจี้เฟิงที่ขับย้อนกลับมา
หลี่ลู่หนานรู้สึกเหมือนได้รับชัยชนะในที่สุดไอ้เจ้าบ้านี่ก็ตกอยู่ในมือของฉันจนได้!
ปัง!
จี้เฟิงลงมาจากรถด้วยรอยยิ้มที่ประดับอยู่บนใบหน้า คุณตำรวจจราจรหลี่ เกิดอะไรขึ้นเหรอครับ อย่าบอกนะว่าคุณมาที่นี่เพื่อมารอพบผม?
ไร้สาระ!มีเหตุผลอะไรที่ฉันจะต้องมารอพบนาย! หลี่ลู่หนานพูดอย่างไม่สบอารมณ์ ฉันขอถามอะไรนายหน่อย ในเขตพัฒนาเศรษฐกิจเมืองมหาวิทยาลัย นายได้ทำผิดกฎจราจรหรือเปล่า เหมือนกับคราวที่แล้วที่นายขับรถบนทางเท้า มันสนุกมากนักใช่มั้ยที่ได้ฝ่าฝืนกฎจราจร?
จี้เฟิงอ้าปากค้างทันทีและพูดด้วยสีหน้าตกตะลึง ย่ะ.. อย่าบอกนะว่า… ที่คุณไล่ตามผมมาถึงที่นี่ เป็นเพราะเรื่องนี้
แน่นอน!ถ้าไม่ใช่เพราะเรื่องที่นายทำผิดกฎจราจร นายคิดว่าฉันจะตามนายมาทำไม หลี่ลู่หนานแค่นเสียงอย่างอารมณ์เสีย เอาบัตรประจำตัวประชาชนกับใบขับขี่ออกมาเร็วเข้า!
จี้เฟิงยิ้มอย่างขมขื่น คุณไม่รู้หรือว่ามันมีกล้องตรวจจับอยู่แล้วน่ะ ไม่อย่างนั้นตำรวจจราจรไม่วิ่งไล่จับคนที่ทำผิดกฎจราจรกันทั้งวันเลยเหรอ?
เพ้อเจ้อ!ทำไมฉันจะไม่รู้ว่ามันมีกล้องคอยตรวจจับอยู่แล้ว แต่ที่ฉันถ่อมาที่นี่ก็เพื่อต้องการจะมาสั่งสอนนายให้ดี เพราะดูเหมือนว่านายจะทำผิดจนเคยตัวไปแล้ว! หลี่ลู่หนานถลึงตาใส่เขา เลิกพูดจาไร้สาระได้แล้ว รีบเอาใบขับขี่กับบัตรประชาชนออกมาเร็วๆ!
มันจำเป็นจริงๆเหรอ
จี้เฟิงยิ้ม คุณเคยไปถึงบ้านผมมาแล้วด้วยซ้ำ ยังจะต้องการบัตรประชาชนผมไปทำไมอีกล่ะ