ยัยจอมกวนป่วนหัวใจนายไอดอล – ตอนที่ 39 ทำดีมาก

ตอนที่ 39 ทำดีมาก

ตอนที่ 39 ทำดีมาก
น้ำเสียงของชายคนนั้นช่างเยือกเย็นและสงบเงียบแบบสุดๆ แต่ก็ยังคงไว้ซึ่งความดังและความเข้มแข็ง! ภายในห้องทำงานของอาจารย์ใหญ่เงียบลงทันที

คุณนายเจี่ยนพูดพึมพำชื่อของเขากับตัวเองสองครั้งแล้วสีหน้าของหล่อนก็เปลี่ยนไป

อาจารย์ใหญ่นิ่งอึ้งไม่ขยับไปไหน เช่นเดียวกับใบหน้าที่มีริ้วรอยของเขาก็ปกคลุมไปด้วยความอัศจรรย์ใจ ทำให้เขาดูตลกและน่าขัน

“’ งั้น… งั้นคุณก็คือคุณอันใช่ไหม พวกเธอยังเด็กอยู่ ยังไม่รู้เรื่องรู้ราวว่าทำอะไรลงไปหรอกค่า ขอโทษที่ทำให้คุณต้องลำบากด้วยนะคะ” คุณนายเจี่ยนโปรยยิ้มก่อนเดินมาหาทั้งสอง หล่อนอุตส่าห์พยายามเข้ามาจับแขนอันซย่าซย่าแสร้งทำเป็นรักใคร่เอ็นดู “หนูอัน ฉันขอโทษด้วยนะจ๊ะ ซินเอ๋อร์เป็นเด็กโง่เขลา เอาเป็นว่าพวกเราหลับตาข้างหนึ่งแล้วก็ยุติเรื่องนี้กันดีไหม”

อันซย่าซย่าดึงแขนของเธอคืนด้วยท่าทีรังเกียจก่อนจะอ้อมไปหลบหลังอันอี้เป่ยอย่างระแวดระวัง

เจี่ยนซินเอ๋อร์ดูเหมือนจะไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ควรหยุด หล่อนจึงร้องแหวอย่างอวดดี “คุณแม่! จะบ้าเหรอ! เรื่องอะไรถึงไปขอโทษนังอันซย่าซย่า! ไล่มันออกไปสิ!”

คุณนายเจี่ยนโกรธมากเสียจนถ้าไม่มีคนอื่นๆ อยู่ในห้องนี้แล้วละก็ หล่อนคงตบหน้าลูกสาวไปแล้ว แต่เนื่องจากหล่อนไม่สามารถทำเช่นนั้นได้ จึงได้แต่ลดเสียงลงตวาดลูกสาวตัวดี “หุบปาก! แล้วอยู่เฉยๆ!”

อันอี้เป่ยเป็นใครกันแน่! เขาเป็นคนที่เธอไม่เคยเห็นมาก่อน แต่ก็เหมือนจะเคยได้ยินชื่ออยู่บ้าง

มีสำนักกฎหมายแห่งหนึ่งในเมืองอวี้ที่สามารถปิดทุกคดีที่พวกเขารับว่าความ ไม่ว่าจะคดีเล็กหรือใหญ่ต่างก็ปิดได้อย่างสมบูรณ์แบบ ทนายของพวกเขาทุกคนล้วนแล้วแต่มีความสามารถแบบหาตัวจับยาก

ท่ามกลางพวกนั้นมีทนายชั้นยอดคนหนึ่ง ตามสถิติที่ถูกบันทึกไว้ ในทุกๆ คดีที่อยู่ในมือเขานั้นมีอัตราการชนะคดีคือหนึ่งร้อยเปอร์เซ็นต์เต็ม!

คุณนายเจี่ยนอดไม่ได้ที่จะคิดหวาดเกรงบุคคลที่น่ากลัวผู้นี้

รอยยิ้มของอันอี้เป่ยช่างคมกริบขณะที่เขาเอ่ยถาม “คุณเจี่ยน บอกหน่อยสิว่า น้องสาวของผมเป็นคนสร้างบาดแผลบนแขนของคุณจริงหรือไม่”

เจี่ยนซินเอ๋อร์ตอบอย่างมั่นอกมั่นใจ “แน่นอน!”

อันอี้เป่ยหันมามองที่อันซย่าซย่า “ซย่าซย่า ถ้าน้องไม่ได้ทำ นี่จะเป็นหลักฐานว่าหล่อนพูดให้ร้ายน้อง แต่ถ้าหากน้องทำจริงๆ พี่ก็คงพูดได้แค่ว่า ทำดีมาก”

“คุณ!” รอยยิ้มคุณนายเจี่ยนหายวับไป หล่อนจ้องเขม็งมาที่อันอี้เป่ย

อันอี้เป่ยไม่ได้ดูเหมือนจะไม่ได้สังเกตว่าคำพูดของเขาท้าทายอีกฝ่ายเช่นไร เขายื่นมือออกไปตบศีรษะอันซย่าซย่าเบาๆ “ยังไงเสีย ก็เป็นแค่การป้องกันตัวเอง ต่อให้เราต้องไปจบลงที่ศาล พี่ก็ยังปกป้องน้องได้ ในข้อกล่าวหาเกี่ยวกับการหมิ่นประมาทและทำร้ายผู้อื่น ไว้เรามารอดูกันนะ อ้อ…จริงสิ การให้การเท็จก็ถือว่าเป็นความผิดด้วย…”

ก่อนที่เขาจะทันได้พูดจบ ขาติงอีอีก็อ่อนแรง ล้มพับลงกับพื้นด้วยเสียงดังตุ้บ

“ฉัน… ฉันไม่ได้ให้การเท็จนะ…” หล่อนหน้าซีดปากสั่นด้วยความกลัว

อันอี้เป่ยเหลือบมองหล่อนอย่างเ**้ยมเกรียม “อย่างนั้นก็บอกมาว่าคุณเจี่ยนได้รับบาดแผลได้ยังไง!”

ติงอีอีหวาดกลัวจนตัวสั่นเพราะแววตาที่แข็งกร้าวของเขาจนแทบร้องไห้ หล่อนโพล่งออกมา “มัน… มันไม่ใช่ฝีมืออันซย่าซย่าหรอก ซะ ซินเอ๋อร์ทำตัวเอง เธอถึงกับบังคับให้ฉันแกล้งเป็นพยานให้ด้วย! ฉันไม่อยากให้การเท็จค่ะ ฉันไม่อยากติดคุก…”

“ติงอีอี ยัยโง่!” เจี่ยนซินเอ๋อร์กรีดร้องอย่างบ้าคลั่ง

คุณนายเจี่ยนดึงตัวหล่อนไว้ในทันที สีหน้าหล่อนดูหวั่นกลัว

อันอี้เป่ยสังเกตดูฉากในละครตรงหน้าโดยสงบก่อนจะจับมืออันซย่าซย่า “ไปกันเถอะ เรายังมีเอกสารแจ้งขอลาออกที่ต้องจัดการ ระหว่างนั้นพี่จะเตรียมจดหมายจากสำนักงานทนายความเพื่อส่งให้กับโรงเรียน!”

ก่อนที่ทั้งสองจะก้าวออกจากห้องทำงาน อาจารย์ใหญ่ผู้เหงื่อกาฬแตกก็รีบวิ่งมาหา พยายามจะดึงบรรยากาศความเป็นทางการกลับคืนมา “เป็นการเข้าใจผิดน่ะครับ… มันก็แค่เรื่องเข้าใจผิดกันนิดหน่อยเท่านั้นเอง คุณอันครับ กรุณาใจเย็นลงก่อน เรามาพูดคุยเรื่องนี้อย่างคนที่เจริญแล้ว…”

อันซย่าซย่ามองไปที่สีหน้าเจ้าเล่ห์ของอาจารย์ใหญ่ อดกลั้นอาเจียนแทบไม่ไหว หญิงสาวจึงวิ่งออกจากห้องอาจารย์ใหญ่ตามลำพัง

ภายนอกห้อง ร่างสูงเพรียวหล่อเหลาร่างหนึ่งยืนพิงกำแพงอยู่ เขาเลิกคิ้วข้างหนึ่งขึ้นให้เธอ

“พี่ชายของเธอนี่น่าประทับใจกว่าที่เขาลือกันอีกนะ”

“เซิ่งอี่เจ๋อ… ทำไมมาอยู่ที่นี่ล่ะ” อันซย่าซย่าจ้องมองเขา ตาเบิกกว้าง

ยัยจอมกวนป่วนหัวใจนายไอดอล

ยัยจอมกวนป่วนหัวใจนายไอดอล

Status: Ongoing

อันซย่าซย่า แอนตี้แฟนของกลุ่มไอดอลวงสตาร์รี่ไนต์ชอบหาเรื่องมาฉะด่าว่าร้าย เซิ่งอี่เจ๋อ นักร้องนำของวงไม่เว้นวัน นี่จะนับว่าเป็นงานอดิเรกสุดโปรดของเธอเลยก็ว่าได้ ทว่าเหมือนโชคชะตาเล่นตลก พอเธอเข้าเรียนมัธยมวันแรก สามหนุ่มวงสตาร์รี่ไนต์ก็กลับกลายมาเป็นเพื่อนร่วมชั้นเธอเสียได้ ซ้ำร้ายยังมาเช่าบ้านเธออยู่อีก!

ถ้าเธอไม่เผลอไปเฉี่ยวชนรถคันหรูราคาแพงของเซิ่งอี่เจ๋อเข้าจนเป็นหนี้หัวโตก็คงจะมีข้อแม้มาไล่เขาออกจากบ้านได้ สุดท้ายก็ได้แต่ยอมจำนน แถมยังตกปากรับคำเป็นผู้ช่วยศิลปินจำเป็น ทำงานใช้หนี้ทั้งที่เธอยังอยู่แค่มัธยมปลายแท้ๆ จะว่าไปแล้ว เจ้าหน้าหล่อนั่นดูท่าทางจะสนใจเธอเป็นพิเศษด้วยสิ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท