ยัยจอมกวนป่วนหัวใจนายไอดอล – ตอนที่ 146 สัญญาเป็นโมฆะ (1) / ตอนที่ 147 สัญญาเป็นโมฆะ (2)

ตอนที่ 146 สัญญาเป็นโมฆะ (1) / ตอนที่ 147 สัญญาเป็นโมฆะ (2)

ยัยจอมกวนป่วนหัวใจนายไอดอล – ตอนที่ 146 สัญญาเป็นโมฆะ (1) / ตอนที่ 147 สัญญาเป็นโมฆะ (2)
ตอนที่ 146 สัญญาเป็นโมฆะ (1)

อะไรนะ เจ้าปีศาจร้ายฉีมาหาเธอที่นี่เหรอ

เขาไม่ได้กำลังวางแผนร้ายอะไรอีกใช่ไหม…

เธอลังเล ไม่รู้ว่าจะลงไปข้างล่างดีหรือไม่

ช่างบังเอิญว่าฉือหยวนเฟิงกำลังเดินฮัมเพลงลงมาข้างล่างพอดี เธอเรียกเขาโดยไม่ต้องคิด “เฟิงเฟิง! ว่างสักเดี๋ยวไหม”

ฉือหยวนเฟิงกะพริบตา “อื้อ”

“ลงไปข้างล่างกับฉันหน่อยนะ” อันซย่าซย่าขอร้อง

ฉือหยวนเฟิงพยักหน้ารับอย่างดีใจและลงไปชั้นล่างพร้อมเธอ

เซิ่งอี่เจ๋อเตะเก้าอี้ข้างหลังเขาอย่างแรง

อ๋อ เดี๋ยวนี้เลือกฉือหยวนเฟิงแทนเขาแล้วเหรอ

ที่ชั้นล่าง

ฉีเหยียนซียืนเอามือข้างหนึ่งล้วงกระเป๋า ท่าทางเท่ไม่หยอก เมื่อเห็นอันซย่าซย่าเดินลงมา เขาก็ยื่นกล่องใบหนึ่งให้เธออย่างกระดากๆ

อันซย่าซย่าผวาก้าวถอยหลังทันทีพลางจ้องเขาอย่างหวั่นๆ

เฮ้! ระเบิดหรือเปล่า เจ้าปีศาจรายตนนี้พยายามจะทำอะไรอีกล่ะทีนี้

“นี่ ไม่ต้องทำท่าตกใจขนาดนั้นก็ได้ โอเคไหม ฉันแค่อยากชดใช้ให้เธอน่ะ” ฉีเหยียนซีบอกอย่างใจร้อน

อันซย่าซย่าเดินเข้าไปหาอย่างลังเล แล้วเปิดกล่องนั้นดู มันเป็นโทรศัพท์ใหม่เอี่ยมเครื่องหนึ่ง!

แถมยังเป็นไอโฟนรุ่นเอกซ์เอสแมกซ์ด้วย!

“ทำไมนายถึงให้ฉัน…” อันซย่าซย่ามองหน้าเขาอย่างสงสัยและไม่เชื่อว่าเขาจะทำเพราะความมีน้ำใจ

“ฉันไม่ควรโยนโทรศัพท์เธอลงน้ำ แล้วก็ตั้งใจมาที่นี่เพื่อขอโทษ” ฉีเหยียนซีบอกตามตรง ถึงแม้ว่าจริงๆ แล้วเขาจะรู้สึกผิดอยู่แค่นิดๆ ก็เถอะ

อันที่จริงแล้ว เขามาที่นี่เพราะอยากเจอหน้าเธอ

จูบที่ค้างคานั้นกลายเป็นความเสียดายที่หยั่งรากลึกอยู่ภายในใจเขา ซึ่งมันคอยกัดกินใจเขาอยู่ตลอดเวลา

“แต่โทรศัพท์ของฉันเป็นแค่โทรศัพท์ยี่ห้อบ้านๆ ราคาไม่เกินหนึ่งพันหยวนด้วยซ้ำ ฉันรับนี่ไว้ไม่ได้หรอก มันไม่ถูกต้อง”

อันซย่าซย่าดันโทรศัพท์คืน จากนั้นก็นับนิ้ว “ฉันใช้มันมาแล้วสามเดือน ถ้านับค่าเสื่อมด้วย แค่พันหยวนก็พอแล้ว!”

เธอคิดว่าเธอจัดการข้อตกลงได้สำเร็จเรียบร้อยแล้ว แต่เมื่อเงยหน้าขึ้นก็กลับเห็นใบหน้าฉีเหยียนซีที่โกรธจนมืดทะมึนอย่างกับถ่าน

“อันซย่าซย่า เธอคิดว่าโทรศัพท์เครื่องนี้มันแพงเกินไป หรือว่าเธอไม่ต้องการรับของจากฉันกันแน่” ความโกรธวูบไหวในดวงตาเขา

ฉือหยวนเฟิงเห็นท่าไม่ดีจึงดึงเธอมาหลบไว้ข้างหลังตัวเขา “ทำไมนายต้องตะโกนใส่ซย่าซย่าด้วยล่ะ”

“ฉันกำลังพูดกับเธอ ไม่ใช่ธุระกงการของนาย!” ฉีเหยียนซีตะโกนใส่เขาโดยไม่มีเหตุผลเลย

อันซย่าซย่ารู้สึกว่าเส้นเลือดข้างขมับเต้นตุบๆ อีกครั้งก่อนจะกัดฟันพูด “ลืมไปได้เลย! ฉันไม่ต้องการการชดใช้จากนาย! ฉีเหยียนซี ไปพาลที่อื่นได้ไหม เลิกมาที่บ้านฉันสักที!”

พูดจบเธอก็ผลักฉีเหยียนซีไปทางประตูหน้า ถึงแม้ว่าตอนนั้นคิ้วของอีกฝ่ายจะกำลังกระตุกด้วยความโกรธ และสีหน้าก็แข็งกร้าว เริ่มมีรังสีที่น่ากลัวแผ่ซ่านออกมาจากตัวเขาราวกับอะไรบางอย่างภายในนั้นกำลังจะปะทุ

“อันซย่าซย่า! แล้วเธอจะต้องเสียใจ!” เขากัดกรามแน่น

“ออกไป!” อันซย่าซย่าผลักเขาอย่างอารมณ์เสีย แต่ฉีเหยียนซีจับข้อมือเธอเอาไว้พลางจ้องตอบเธอด้วยนัยน์ตาดำสนิท แววตาเขาแรงกล้าเสียจนดูเหมือนว่าจะเสียดแทงเข้ามาในผิวเนื้อของเธอ

ฉือหยวนเฟิงนิ่วหน้า “ฉีเหยียนซี อย่าให้ฉันต้องใช้กำลังกับนายนะ!”

ก่อนที่เขาจะทันได้พูดอะไรต่อ ร่างร่างหนึ่งในชุดสีแดงก็พุ่งเข้าใส่ทั้งสามแล้วรองเท้าส้นสูงสีแดงปลายแหลมก็เตะเข้าที่หน้าแข้งฉีเหยียนซี

ฉีเหยียนซีแยกเขี้ยวด้วยความเจ็บปวดก่อนจะหันไปหาผู้ที่ทำร้ายเขาอย่างโมโหโทโส คนคนนั้นเชิดคางขึ้น เผยให้เห็นใบหน้าที่งดงาม และดูท่าทางจะโมโหมากกว่าที่เขากำลังเป็นอยู่หลายเท่า “ไอ้เจ้าเด็กนี่มาจากไหนกัน นายอยากตายหรือไงมายุ่งวุ่นวายกับน้องสาวฉัน”

ฉีเหยียนซีนิ่งอึ้งไปเมื่อผู้หญิงคนนั้นฟาดเขาอีกครั้งด้วยกระเป๋าถือ อันซย่าซย่าส่งเสียงเชียร์อย่างตื่นเต้น “พี่ จัดการเลย!”

อะไรกัน! ลูกชายคนรองผู้โด่งดังแห่งตระกูลฉีเพิ่งถูกผู้หญิงเล่นงานเข้าให้เหรอเนี่ย

ตอนที่ 147 สัญญาเป็นโมฆะ (2)

“ถึงเป็นผู้หญิงฉันก็ไม่ยกเว้นหรอกนะ… ฉันจะบอกให้… เฮ้ย…” ฉีเหยียนซีหลบเท้าที่เล็งมาที่เป้ากางเกงเขาได้อย่างหวุดหวิด รู้แล้วว่าเขาคงสู้ผู้หญิงก๋ากั่นคนนี้ไม่ได้ จึงไม่มีทางเลือกนอกจากรู้สึกเหมือนเจ้าตูบที่โดนสยบ

เฉียวมู่ ลูกพี่ลูกน้องของอันซย่าซย่าปรบมือหัวเราะเยาะ “เธอน่ะอ่อนไปสิบปีจะอาจหาญมาสู้กับฉัน… เดี๋ยวก่อนนะ เฟิงเฟิง! เธอมาทำอะไรที่นี่”

ฉือหยวนเฟิงจำเธอได้เช่นกัน “พี่มู่มู่”

“สองคนนี้รู้จักกันด้วยเหรอ” อันซย่าซย่าถามอย่างเขินๆ

“เขาเป็นศิลปินของผู้จัดการที่บริษัทฉันไง… ทำไมมาอยู่ที่นี่ล่ะ…” เฉียวมู่ดูตกใจ จากนั้นก็ประคองใบหน้าอันซย่าซย่าเอาไว้ในฝ่ามือทั้งข้างพลางลูบไปมา “ซย่าซย่า หยิกตัวเองเดี๋ยวนี้! เจ็บไหม”

อันซย่าซย่า : “…”

หลังจากอธิบายเรื่องราวทั้งหมดคร่าวๆ ให้เฉียวมู่ฟังแล้ว ใบหน้าเธอก็สดใสขึ้นทันที “อย่างนั้น เซิ่งอี่เจ๋อก็อยู่ที่นี่ด้วยน่ะสิ อุ๊ยตายแล้ว เห็นทีฉันจะต้องไปทักทายน้องชายที่น่ารักซะแล้ว”

เฉียวมู่รีบขึ้นไปข้างบนทันทีโดยมีอันซย่าซย่าตามขึ้นไปอย่างเก้ๆ กังๆ

พอเห็นเซิ่งอี่เจ๋อเข้า เฉียวมู่ก็สลัดภาพลักษณ์ผู้หญิงที่เปี่ยมความสามารถของเธอทิ้ง แล้วตรงเข้าไปหยิกแก้มเซิ่งอี่เจ๋อเน้นๆ จนแม้กระทั่งตัวเขาเองยังตะลึง

“หา”

“แหมๆ ใครจะหล่อล่ำน่ารักเท่านี้นะ มองมุมไหนๆ ก็หล่อไม่มีที่ติ…” หัวใจสีชมพูลอยละล่องออกมาจากดวงตาของเฉียวมู่ เธอบีบแก้มเซิ่งอี่เจ๋ออีกแล้วเปลี่ยนใบหน้าหล่อเหลานั้นเป็นปลาทอง

ฮ่าๆ อันซย่าซย่าอดหัวเราะภาพตรงหน้าที่เกิดขึ้นไม่ได้

เซิ่งอี่เจ๋อเบือนหน้าหนีด้วยความเขินพลางหลบหลีกอุ้งมือของเฉียวมู่เป็นพัลวัน

อันซย่าซย่าก้าวเข้ามาก่อนจะแนะนำตัวอย่างเก้อเขิน “นี่เฉียวมู่ ลูกพี่ลูกน้องฉันเอง เธอ…เป็นแฟนคลับผู้จกรักภักดีของวงนาย”

อันซย่าซย่าทำอะไรไม่ได้เลยเรื่องนี้ เฉียวมู่เป็นคนสั่งสอนเธออยู่ตลอดเวลาว่าอย่าปล่อยให้ความคลั่งไคล้ในตัวศิลปินมากระทบการเรียน แต่อย่างไรก็ตามเมื่อวงสตาร์รี่ไนต์เปิดตัวครั้งแรก เฉียวมู่ก็กลับเป็นคนที่คลั่งไคล้พวกเขาเป็นเอามากเสียเอง!

เธอทำงานในแผนกประชาสัมพันธ์ของเว่ยยางเอ็นเตอร์เทนเมนต์ และใช้โอกาสจากงานตามไปดูคอนเสิร์ตและเข้าร่วมงานแฟนมีตติ้งเสมอ

เฉียวมู่ทำท่าจะเข้าตะครุบตัวเซิ่งอี่เจ๋ออีกครั้งทว่าอันอี้เป่ยผู้หน้านิ่งคว้าด้านหลังคอเสื้อของเธอเอาไว้ก่อน

“นี่เธอมีความรู้ควรไม่ควรในฐานะที่เป็นผู้ใหญ่ในครอบครัวบ้างไหมเนี่ย” อันอี้เป่ยกระแนะกระแหนเธออย่างเย็นชา

เฉียวมู่กลอกตามองบน จากนั้นก็ลากเสียงสูงก่อนจะพูด “เป่ยเป่ย ฉันได้ยินมาว่านายทำผู้หญิงร้องไห้ระหว่างออกเดตอีกแล้ว…อื้ม…” ก่อนที่เธอจะทันได้พูดต่อ อันอี้เป่ยก็ปิดปากเธอเอาไว้ แล้วลากตัวเข้าไปในครัวเพื่อช่วยกันทำอาหาร

บรรยากาศในห้องนั่งเล่นเปลี่ยนเป็นกระอักกระอ่วนขึ้นมาทันใด

อันซย่าซย่าจิ้มปลายนิ้วชี้เข้าหากัน ครอบครัวของเฉียวมู่นั้นฐานะค่อนข้างดี เพราะงั้นเธอจะบอกเธอเรื่องค่าชดเชยดีไหมนะ

เซิ่งอี่เจ๋อจะได้เลิกยกมาขู่เธอเสียที ถ้าเธอใช้เงินคืนเขา

หญิงสาวเห็นดีเห็นงามกับความคิดนี้มาก เธอลุกขึ้นยืนเมื่อเซิ่งอี่เจ๋อรั้งเธอไว้

“มากับฉันสักเดี๋ยวสิ”

“ฮะ”

อันซย่าซย่าไม่อยากไปหรอก แต่พอเห็นหน้าตาท่าทางเศร้าสร้อยของเขาแล้ว เธอก็ไม่กล้าปฏิเสธและตามเขาขึ้นไปยังชั้นสามแต่โดยดี

ที่ชั้นสามมีเพียงเขาและเธอสองคน ทุกสิ่งทุกอย่างเงียบไปหมด

“อันซย่าซย่า ฉันมีบางอย่างต้องบอกเธอ” เซิ่งอี่เจ๋อสูดลมหายใจเข้าลึกๆ

อันซย่าซย่าเริ่มประหม่า “ฉันก็มีเรื่องจะบอกนายเหมือนกัน”

เซิ่งอี่เจ๋อเงียบไปอึดใจก่อนจะพูดด้วยอย่างวิสัยของสุภาพบุรุษ “เธอพูดก่อนเลย”

ดวงตาของหญิงสาวเป็นประกาย “เซิ่งอี่เจ๋อ ลูกพี่ลูกน้องของฉันข้างล่างนั้นน่ะ นายจำครั้งแรกที่เราเจอกันตอนที่รถของเธอชนรถนายได้ไหม ตอนที่ฉันบอกเธอก่อนหน้านี้ แต่เธอกลับหาว่าฉันเป็นพวกต้มตุ๋นโทรไปหลอก ตอนนี้เราก็ได้มาเจอกันต่อหน้าเสียที พวกเรามาตกลงเรื่องค่าเสียหายกับเธอเถอะ จะได้จ่ายเงินคืนนาย ถ้าเป็นอย่างนั้น พวกเราก็จะหมดหนี้กันใช่ไหมล่ะ”

ยัยจอมกวนป่วนหัวใจนายไอดอล

ยัยจอมกวนป่วนหัวใจนายไอดอล

Status: Ongoing

อันซย่าซย่า แอนตี้แฟนของกลุ่มไอดอลวงสตาร์รี่ไนต์ชอบหาเรื่องมาฉะด่าว่าร้าย เซิ่งอี่เจ๋อ นักร้องนำของวงไม่เว้นวัน นี่จะนับว่าเป็นงานอดิเรกสุดโปรดของเธอเลยก็ว่าได้ ทว่าเหมือนโชคชะตาเล่นตลก พอเธอเข้าเรียนมัธยมวันแรก สามหนุ่มวงสตาร์รี่ไนต์ก็กลับกลายมาเป็นเพื่อนร่วมชั้นเธอเสียได้ ซ้ำร้ายยังมาเช่าบ้านเธออยู่อีก!

ถ้าเธอไม่เผลอไปเฉี่ยวชนรถคันหรูราคาแพงของเซิ่งอี่เจ๋อเข้าจนเป็นหนี้หัวโตก็คงจะมีข้อแม้มาไล่เขาออกจากบ้านได้ สุดท้ายก็ได้แต่ยอมจำนน แถมยังตกปากรับคำเป็นผู้ช่วยศิลปินจำเป็น ทำงานใช้หนี้ทั้งที่เธอยังอยู่แค่มัธยมปลายแท้ๆ จะว่าไปแล้ว เจ้าหน้าหล่อนั่นดูท่าทางจะสนใจเธอเป็นพิเศษด้วยสิ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท