บัลลังก์พญาหงส์ – ตอนที่ 530

ตอนที่ 530

องค์หญิงเก้าเกรี้ยวโกรธ ถาวจวินหลันเห็นก็รู้สึกอุ่นใจและเจ็บปวดใจ สุดท้ายแล้วก็หัวเราะขมขื่น พูดอย่างเคร่งขรึมว่า “ไม่ใช่ว่าข้าเ**้ยมโหด และยิ่งไม่ใช่เรื่องอำนาจหรือเกียรติยศอะไร ข้าเป็นพี่สาวของเขา! ข้าจะยินยอมเห็นเขาออกไปตายได้อย่างไร?! แต่นี่เป็นสิ่งที่เขาเลือก แม้ว่าพวกเราเป็นห่วงและไม่ยินยอมเพียงใด ก็ทำได้เพียงสนับสนุนเขาเท่านั้น!”

“ข้าไม่ยินยอม!” เห็นได้ชัดว่าคำพูดเมื่อกี้ไม่เข้าหูองค์หญิงเก้าเลยแม้แต่น้อย กลับยังมีท่าทีดื้อรั้น แตกต่างกับก่อนหน้านี้เหมือนคนละคน

ถาวจวินหลันเห็นองค์หญิงเก้าเป็นเช่นนี้ นางก็ทำหน้าขรึม และพูดเสียงเย็นลงหลายส่วน “องค์หญิงเก้า หากเจ้าต้องการหาผู้ชายธรรมดา ต้องการหาผู้ชายที่อยู่ในโอวาท เจ้าก็ไม่ควรเลือกจิ้งผิง! เขาเป็นบุรุษ เขามีภาระของตนเอง นี่ถือว่าเป็นเรื่องดีมาก! หากเจ้ากลัวนั่นกลัวนี่ เจ้าก็ควรจะเลือกคนจากตระกูลใหญ่ตั้งแต่แรก!”

องค์หญิงเก้าได้ยินคำสั่งสอนของถาวจวินหลันก็ตะลึงงัน

ถาวจวินหลันพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำอีกครั้ง “จิ้งผิงไม่ได้เป็นแค่สามีของเจ้า แต่ยังเป็นขุนนางของราชสำนัก เขายังเป็นความหวังเดียวของตระกูลถาวของข้า! จากที่ข้าดูแล้ว เขาใช้ชีวิตโดยไม่พึ่งชื่อว่าเป็นสามีขององค์หญิงเก้าก็ดีมากแล้ว! นี่ถึงจะถือว่ามีท่าทีที่บุรุษพึงมี!”

พอพูดจบถาวจวินหลันก็ไม่พูดมากอีก แต่ก็แอบผิดหวังในใจเล็กน้อย องค์หญิงเก้าห่วงถาวจิ้งผิงเป็นเรื่องดี แต่ความคิดเช่นนี้…ก็เห็นได้ว่าการแต่งงานกับองค์หญิงเก้าและแต่งงานกับผู้หญิงคนอื่นนั้นไม่เหมือนกัน

เกรงว่าจากที่องค์หญิงเก้าคิด ถาวจิ้งผิงตอนนี้คงจะดีมากแล้วใช่หรือไม่?

องค์หญิงเก้าเม้มริมฝีปากแน่น มองถาวจวินหลันนิ่ง ฉับพลันก็หัวเราะเสียงเย็น “ท่านคิดว่าที่เขาพยายามขนาดนี้เพียงเพราะจะฟื้นฟูตระกูลถาวอย่างนั้นหรือ? ท่านเลอะเลือนไปแล้วหรือแสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่องทั้งๆ ที่รู้ดีอยู่! เขาทำเพราะพี่สาวที่แสนดีเช่นท่านต่างหาก! เขากำลังปูทางเดินให้กับท่าน! เขากลัวว่าวันข้างหน้าท่านจะมีคุณสมบัติไม่พอเป็นฮองเฮา ดังนั้นจึงพยายามสร้างรากฐานมั่นคง เพื่อสนับสนุนท่านเท่านั้นเอง!”

น้ำเสียงขององค์หญิงเก้าสะท้อนความรู้สึกของนาง เห็นได้ชัดว่านางรู้สึกโกรธเป็นที่ยิ่ง และยิ่งรู้สึกไม่พอใจ

ถาวจวินหลันย่อมรู้ นางทำได้แค่ยิ้มรับ ถามกลับอย่างเปิดเผย “ไม่ว่าจะทำเพื่อข้า หรือเพื่อตระกูลถาว ข้ากลับต้องถามเจ้าสักหน่อยว่า ผิดอย่างนั้นหรือ?”

องค์หญิงเก้าถูกถามก็อึ้งไป นี่ย่อมไม่ถือว่าผิด ถาวจวินหลันเป็นพี่สาวแท้ๆ ของถาวจิ้งผิง แม้ว่าถาวจิ้งผิงจะทำเรื่องราวนี้เพื่อถาวจวินหลัน แล้วใครจะพูดได้ว่าถาวจิ้งผิงทำผิดเล่า?

ใบหน้าขององค์หญิงเก้าซีดเผือดลงหลายส่วน สุดท้ายนางก็ส่ายหน้า พูดงึมงำว่า “ไม่ผิดเจ้าค่ะ” หยุดไปครู่หนึ่ง นางก็เริ่มอ้อน พูดขอร้องเสียงอ่อน “แต่จิ้งผิงเป็นผู้ชายคนเดียวของตระกูลถาว พวกเราจะปล่อยให้เขาไปเสี่ยงอันตรายได้อย่างไรเจ้าคะ?”

ถาวจวินหลันมององค์หญิงเก้านิ่ง องค์หญิงเก้ากลัวจนหลบตาไม่กล้ามอง แล้วถึงพูดว่า “เจ้าเองก็รู้ดีอยู่แล้ว ว่านั่นเป็นการตัดสินใจของจิ้งผิง เจ้าเป็นภรรยาของเขา แต่ยังเกลี้ยกล่อมเขาไม่ได้ แล้วเอาความมั่นใจมาจากที่ไหนว่าข้าจะกล่อมได้เล่า? ที่จริงแล้ว แม้ว่าข้าจะกล่อมเขาได้ ข้าเองก็ไม่ได้คิดไปกล่อมเขา เขาไม่ใช่เด็กแล้ว เขาเป็นเสาหลักของตระกูลถาว ตัวเขาคิดเป็นและตัดสินใจเองได้อยู่แล้ว”

องค์หญิงเก้าได้ยินเช่นนี้ ก็กัดริมฝีปากแน่น รู้สึกว่าถาวจวินหลันใจแข็งเป็นที่ยิ่ง

“ข้าก็เป็นห่วงเขาเช่นเดียวกัน ข้าจะช่วยเขาเลือกคนคุ้มกันที่ฝีมือดีเสียหน่อย เตรียมเสื้อนวม ผ้าคลุม และของสิ่งที่ควรเตรียมเอาไว้ให้พร้อม” ถาวจวินหลันถอนหายใจ สุดท้ายก็เอ่ยเตือนองค์หญิงเก้า “ไม่มีบุรุษที่ไหนยินยอมใช้ชีวิตอยู่ใต้ชื่อภรรยาไปตลอดชีวิต เขาย่อมต้องทำเพื่อครอบครัวและตระกูล นี่ถือว่าเป็นภาระที่อยู่ในสายเลือดของบุรุษทุกคน”

พอพูดจบถาวจวินหลันก็ไม่สนใจว่าองค์หญิงเก้าจะเข้าใจหรือไม่ ลุกขึ้นและพูดว่า “ข้ายังมีธุระ อยู่กับเจ้าไม่ได้แล้ว”

ในเวลานี้หากนางอยู่ต่อ องค์หญิงเก้าก็มีแต่จะโมโหมากขึ้น ไม่สู้ให้องค์หญิงเก้านั่งเงียบๆ คนเดียวดีกว่า

ถาวจวินหลันมีเรื่องอยากไปพบเฉินฮูหยินเพื่อถาวจิ้งผิงพอดี

ในเมื่อนางพูดสนับสนุนถาวจิ้งผิงไปแล้ว ก็ไม่มีทางเป็นเรื่องโกหกแน่ ใต้เท้าเฉินเป็นผู้ตรวจราชการมาหลายครั้ง และไม่รู้ว่าสืบเรื่องขุนนางทุจริตคดโกงมามากเพียงใด และที่ใต้เท้าเฉินถอนตัวจากเรื่องนี้ได้ทันการณ์ทุกครั้ง ย่อมต้องมีเคล็ดลับอย่างแน่นอน ถาวจิ้งผิงอยากเดินทางสายนี้ นางไปสอบถามถือเป็นเรื่องสมควร

แต่เมื่อนางจากไป องค์หญิงเก้าก็ลุกขึ้นแล้วจากไปด้วยความโมโหเช่นเดียวกัน พอมีบ่าวเข้ามารายงาน ถาวจวินหลันก็ทำได้แค่นวดระหว่างคิ้วด้วยความปวดหัว หัวเราะขมขื่นกล่าว “แล้วแต่นางเถิด”

บางทีนิสัยเช่นนี้ขององค์หญิงเก้าก็ควรต้องถูกลับคมบ้างแล้ว ที่จริงนางนึกเสียดายอยู่เล็กน้อย หากรู้ว่าจะเป็นเช่นนี้ นางคงคิดหาวิธีปฏิเสธการแต่งงานครั้งนี้

แน่นอนว่าเสียใจตอนนี้ก็ไม่มีประโยชน์ นางทำได้แค่หวังว่าองค์หญิงเก้าจะเข้าใจเรื่องนี้ด้วยตนเอง แต่ไม่รู้ว่าตอนนี้จิ้งผิงจะรู้สึกอย่างไร? นางเข้าใจน้องชายคนนี้มาก ที่จริงถาวจิ้งผิงเป็นคนหัวแข็งดื้อรั้น หากเป็นเรื่องที่ตัดสินใจแล้วก็จะต้องลองทำสักครั้ง แต่เกรงว่าองค์หญิงเก้าเป็นแบบนี้คงทำให้เขาไม่พอใจใช่หรือไม่?

ด้วยคิดว่าเรื่องนี้อาจจะส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างสามีภรรยา นางจึงรู้สึกปวดหัวเป็นอย่างมาก

พอพบเฉินฮูหยินแล้ว เฉินฮูหยินก็ดูมีท่าทีกระตือรือร้น ไม่ว่าจะพูดอะไรล้วนแฝงการไถ่ถามถึงถาวซินหลัน ลูกสะใภ้ไม่อยู่บ้านนานขนาดนี้ แม้จะบอกว่าเข้าวังหลวงไปปรนนิบัติไทเฮา แต่จะกลับมาได้เมื่อไรเล่า? ตนเองยังรออุ้มหลานอยู่นะ

ถาวจวินหลันรู้ความหมายแฝงในคำพูด ฉับพลันก็รู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออก “คิดว่าก่อนปีใหม่จะได้กลับมาแน่เจ้าค่ะ ท่านอย่าห่วงไปเลยเจ้าค่ะ”

เฉินฮูหยินเผยสีหน้าผิดหวังทันที “ยังต้องรอนานขนาดนั้นเลยหรือ?” ตอนแรกนางคิดว่าถาวจวินหลันมาก็เพราะเรื่องนี้ แต่ตอนนี้เห็นชัดว่าไม่ใช่ เฉินฮูหยินพลันก็นิ่งเงียบไป จากนั้นก็ถามว่า “เจ้าอยากถามเรื่องปลดองค์รัชทายาทอย่างนั้นหรือ?”

ถาวจวินหลันส่ายหน้า “เรื่องนี้อย่าพูดอีกเลยเจ้าค่ะ อีกอย่างสตรีเช่นพวกเราก็ไม่ควรสนใจเรื่องนี้ วันนี้ที่ข้ามา ก็ด้วยมีเรื่องอยากสอบถามท่านเจ้าค่ะ”

เมื่อเฉินฮูหยินได้ยินว่าไม่ใช่เรื่องนั่น ก็ถอนใจโล่งอกเฮือกหนึ่ง จากนั้นก็หัวเราะพูดว่า “เจ้าถามมาเถิด หากข้ารู้ก็จะไม่ปิดบังเจ้า”

ถาวจวินหลันย่อมไม่เกรงใจ

นางอยู่ในบ้านตระกูลเฉินกว่าครึ่งวัน เพราะถือโอกาสร่วมทานอาหารกลางวันด้วย แล้วถาวจวินหลันก็กลับมายังจวนอ๋องด้วยความพึงพอใจ นางไปนานขนาดนี้ ยอมต้องได้เรื่องที่อยากทราบกลับมามาก เฉินฮูหยินตอบเรื่องที่รู้มาเยอะ ขาดเพียงแค่ทำคู่มือเล่มเล็กที่เขียนข้อควรระวังและสิ่งที่ต้องเตรียมให้นางเท่านั้น

เฉินฮูหยินไม่ได้ปิดบังวิธีรักษาตัวให้ปลอดภัยเลย แต่พูดถึงเคล็ดลับตรงๆ “ที่จริงแล้วตอนที่ยังไม่ได้เข้าไปก็ควรต้องแบ่งทหารออกเป็นสองส่วน เพราะว่าขุนนางเหล่านั้นไม่กล้าลงมือโดยตรง แต่ลับหลังกลับจับตาดูเอาไว้ ถึงเวลานั้นเจ้าให้จิ้งผิงอยู่ดีกินดี รอคนมาต้อนรับ เรื่องอื่นไม่ต้องทำ ส่วนเรื่องสืบก็ให้คนอีกเส้นหนึ่งไปแอบสืบ พอได้หลักฐานอะไรมาบ้างแล้ว ก็ค่อยๆ ค้นหาตามเส้นสนกลใน จากนั้นก็จะเจอเบาะแส

ถาวจวินหลันได้ยินเช่นนี้ ก็รู้สึกวางใจได้มาก อย่างนี้ถาวจิ้งผิงก็ไม่ต้องเอาตัวเองไปเสี่ยงอันตราย ขอแค่ไปเป็นหุ่นเชิดแสดงละครเท่านั้นก็พอแล้ว

พอกลับมายังเรือนเฉินเซียง ถาวจวินหลันก็พบว่าหลี่เย่กลับมาแล้ว จึงถามด้วยตกใจว่า “ทำไมวันนี้ถึงกลับมาเร็วเล่า?”

แต่หลังจากนั้นนางก็รู้สึกถึงความผิดปกติ ทำไมบ่าวรับใช้ถึงดูยุ่ง? อยู่ดีๆ จะมาจัดเก็บ**บห่อทำไมกัน? ตอนที่กำลังจะถามก็ได้ยินหลี่เย่หัวเราะขมขื่นกล่าวว่า “กลับมาเตรียมของ วันพรุ่งนี้เช้าตรู่ ข้ากับเจ้าเจ็ด และเฉินฟู่จะต้องออกเดินทางไปสืบเรื่องเงินบรรเทาภัย”

ถาวจวินหลันนิ่งอึ้งไป จากนั้นก็เข้าใจทันทีว่าบ่าวรับใช้เหล่านี้กำลังยุ่งเรื่องอะไร นางกำมือแน่น เงยหน้ามองหลี่เย่ด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนัก “ทำไมท่านต้องไปเล่า?”

นางพลันเข้าใจความรู้สึกขององค์หญิงเก้าบ้างแล้ว ตอนนี้นางก็อยากดึงหลี่เย่เอาไว้ ไม่ให้เขาไป แต่นางก็ทำเรื่องนี้ไม่ได้ แม้แต่คำพูดรั้งเอาไว้ก็ยังพูดไม่ออก แต่นางไม่เข้าใจว่าทำไมเรื่องนี้ถึงมาเกี่ยวกับหลี่เย่?

หลี่เย่มองถาวจวินหลันอย่างลุแก่โทษ ยิ้มขมขื่นพลางอธิบายว่า “นี่เป็นความคิดของเสด็จพ่อ และเป็นข้าที่เสนอตัวขอรับทำเอง”

ถาวจวินหลันเข้าใจความหมายของหลี่เย่ ฮ่องเต้เองก็คงจะคิดเช่นนี้เหมือนกัน แต่ไม่ได้เสนอเอง หลี่เย่ลอบสังเกตก็เข้าใจความคิดของฮ่องเต้ จึงเปิดปากพูดเสนอตนเอง คนหนึ่งคิด อีกคนผลักเรือไปตามน้ำ ดังนั้นเรื่องนี้ย่อมจบลงได้โดยง่าย

ถาวจวินหลันอ้าปากน้อยๆ อยากจะพูดว่าตนเองเข้าใจแล้ว แต่สุดท้ายก็อดถามไม่ได้ว่า “ยังพอมีทางอื่นเหลือหรือไม่เจ้าคะ?”

หลี่เย่ส่ายหน้าเบาๆ ยิ่งรู้สึกผิดและรู้สึกไม่ดี เขาตัดสินใจทำเช่นนั้นโดยไม่ได้คิดอะไรมาก แต่พอลองมาคิดดูแล้ว เขากลับเริ่มเสียใจ เขาออกจากเมืองหลวงไปตอนนี้ ก็ไม่รู้ว่าถาวจวินหลันต้องกังวลเพียงใด

อีกทั้งเขาออกจากเมืองหลวงไปตอนนี้ ก็เท่ากับว่าโยนภาระหนักหน่วงให้กับถาวจวินหลัน นี่เป็นสิ่งเพิ่มความลำบากและเหน็ดเหนื่อยให้กับถาวจวินหลัน อีกทั้งบางทีเขาเพิ่งออกไป ฮองเฮาอาจจะมาหาเรื่องก็เป็นได้

แต่…เขากลับไม่มีทางเลือก

ถาวจวินหลันถอนหายใจ หลังจากนิ่งอยู่ในภวังค์ครู่หนึ่ง ก็ยื่นมือไปช่วยจัดคอเสื้อให้หลี่เย่ “ตรงนี้ยับแล้วเพคะ ทำไมถึงไม่ดูให้ดีเล่า?” หยุดไปครู่หนึ่ง ถึงได้หัวเราะขมขื่นแล้วพูดว่า “อยู่ข้างนอกท่านจะต้องดูแลตนเองให้ดี วันนี้ข้าไปที่บ้านตระกูลเฉินเพื่อสอบถามประสบการณ์ผู้ตรวจราชการของใต้เท้าเฉินมาหมดแล้ว ท่านเองก็นำไปใช้ได้พอดี”

แต่เดิมคิดว่าจะเอาไว้ให้ถาวจิ้งผิงใช้ แต่คิดไม่ถึงว่าสุดท้ายแล้วจะตกมาถึงหลี่เย่ ถือว่าบังเอิญอย่างนั้นหรือ?

แม้กระทั่งตอนนี้นางกลับนึกถึงองค์หญิงเก้า เกรงว่าตอนนี้องค์หญิงเก้าคงดีใจเสียแล้ว

หลี่เย่ถอนหายใจ รีบจับมือของถาวจวินหลันเอาไว้ “ทางด้านข้าไม่มีอะไรต้องกังวล ข้ากังวลเพียงแต่เจ้า”

ถาวจวินหลันแย้มยิ้มน้อยๆ มองความกังวลในสายตาของหลี่เย่ “ข้ามีอะไรต้องเป็นกังวลเล่า? อีกอย่าง นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ออกเดินทาง หรือว่าก่อนหน้านี้ข้าจะปล่อยให้ตนเองพบเจออันตราย หรือว่าไม่เตรียมพร้อมรับมือกันเพคะ? ท่านวางใจเถิด ท่านเองก็ไม่ต้องห่วงเรื่องอื่น มีข้าอยู่ทั้งคน”

บัลลังก์พญาหงส์

บัลลังก์พญาหงส์

ตัวนางเป็นลูกขุนนางนักโทษ ขายตัวเองและน้องสาวเข้ามาเป็นนางกำนัลต่ำต้อยในวัง

เถาจวินหลันต้องยอมรับชะตากรรมเช่นนี้จริงๆ หรือ? จะต้องใช้ชีวิตอย่างน่าอัปยศอดสู แล้วตายไปอย่างเงียบๆ เช่นนั้นหรือ?

นางจะไม่ยอมให้เป็นเช่นนั้นเด็ดขาด! นางมีทั้งความสามารถและหน้าตาอันงดงาม

อำนาจ ครอบครัว ความรัก…นางต้องการมันทั้งหมด! ส่วนพวกปรปักษ์มันจะต้องโดนทำลายจนย่อยยับ!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท