พันธกานต์ปราณอัคคี – ตอนที่ 375

ตอนที่ 375

ตอนที่ 375 ล้อเล่นแรงเกินไปเสียหน่อย

เผยสิบสามค่อยๆ หันหน้ามาสบเข้ากับมั่วชิงเฉินที่ชักมือกลับกำลังเลยหน้าขึ้นมอง ผมยาวสยายปล่อยยาวทิ้งตัวลงมาจนถึงบั้นเอว

มั่วชิงเฉินสัมผัสถึงสายตาของเขารู้สึกกระดากอายขึ้นเล็กน้อย แล้วถึงนึกได้ว่าผมเผ้าถูกพายุหมุนพัดกระจายเพราะพายุหมุนตอนต่อสู้กับหอยผูกมัด หลังจากนั่นก็ลืมเรื่องนี้ปล่อยผมยาวสยายรักษาอาการให้เขาอยู่ตลอด

เมื่อคิดเท่านี้ย่อมต้องคิดถึงเรื่องน่าอายตอนนั้น นางแอบคิดตัดสินใจเมื่อกลับไปยังเกาะหมายเลขสามสิบห้าเมื่อไรเรื่องแรกที่นางจะทำคือหาหญิงบำเพ็ญที่มีฝีมือด้านการหลอมอาวุธนำเสื้อวิเศษติดกายซ่อมแซมให้ดี

ตอนนั้นที่ต่อสู้กับอสูรอัคนีผลัดสีขั้นหก ถูกอสูรปีศาจที่มีพละกำลังมหาศาลไม่มีที่เปรียบทุบตีหลายครั้งหลายทีก็อาศัยเสื้อวิเศษติดกายถึงทำให้อวัยวะภายในไม่ช้ำในไปจนตาย แต่เสื้อวิเศษกลับมีรอยแตกเล็กๆ แล้วต่อมาภายหลังยังโดนทำร้ายกลางลมเซาะดำ เสื้อวิเศษก็ดูเหมือนจะพังแหล่มิพังแหล่แล้ว

สำหรับของที่กู้หลีมอบให้มั่วชิงเฉินรักใคร่เสียดายอย่างมาก กลัวว่าเสื้อวิเศษติดตัวไม่อาจทนรับการต่อสู้ได้อีกถึงได้ถอดออกเก็บเอาไว้

แต่การซ่อมแซมเสื้อวิเศษกลับเป็นปัญหา

แม้ศิษย์พี่ลั่วหยางจะมีฝีมือการหลอมอาวุธ แต่ต่อให้นางมีความกล้ามากมายก็ไม่กล้าไปให้เขาซ่อม ไม่ต้องพูดถึงว่าไปหานักหลอมอาวุธแปลกหน้าไม่รู้จักเหล่านั้น

แต่น่าเสียดายที่นักหลอมอาวุธหญิงมีน้อยเสียยิ่งกว่าน้อย มาถึงเกาะหมายเลขสามสิบห้าก็ยังไม่เคยเจอ เรื่องซ่อมแซมเสื้อวิเศษจึงได้ปล่อยไว้ ใครจะไปรู้ว่าผลตอบแทนจะมาเร็วถึงเพียงนี้

นางแสร้งทำเป็นสงบนิ่งเบนหน้าไปอีกทาง รีบหยิบผ้าผูกผมสีเขียวเส้นหนึ่งมัดผมขึ้นเป็นมวยไว้หลังหู แล้วถึงได้หันมาพูดว่า “สหายเต๋าเผย ท่านตื่นแล้วรู้สึกเป็นเช่นไรบ้าง”

เผยสิบสามสังเกตมองท่าทีของนางอย่างหมดจด ยิ้มแย้มสวยงาม “ดีมาก”

มั่วชิงเฉินรู้สึกว่าคำพูดนี้แลดูไม่ถูกต้องแต่สิ่งที่ควรพูดก็พูดไปแล้ว “สหายเต๋า เป็นสัตว์วิญญาณของข้าน้อยที่พูดจาไม่สุภาพ ทำให้ท่านต้องลำบากไปด้วย ขออย่าได้ถือโทษกันเลย”

เผยสิบสามมีสีหน้าซีดขาวแบบเป็นเอกลักษณ์เพราะอาการบาดเจ็บยังไม่หายดี แต่กลับมีท่าทีอบอุ่น น้ำเสียทุ้มต่ำแฝงความดึงดูดเอาไว้ “ไม่เป็นไร”

‘ไม่เป็นไรก็ดี’ มั่วชิงเฉินผ่อนลมหายใจ

ทุกคนล้วนเป็นผู้บำเพ็ญระดับก่อแก่นปราณ มีบางเรื่องที่พูดอย่างละเอียดแล้วก็แล้วไป

แต่คำพูดต่อไปของเผยสิบสามเกือบทำให้นางหน้าคะมำ “ข้าจะรับผิดชอบ”

มั่วชิงเฉินตื่นตะลึงจนแทบติดอ่าง “อะ…อะไรน่ะ”

เผยสิบสามเอนตัวเข้าหา พูดอย่าชัดถ้อยชัดคำ “ข้าจะรับผิดเจ้า ต่อเจ้า”

ลมหายใจของบุรุษเพศแปลกหน้ารอบล้อมนางไว้ในทันใด เสียงที่เต็มไปด้วยเสน่ห์ทำให้มั่วชิงเฉินร้อนๆ หนาวๆ ก้อนอิฐถูกดึงออกมาตามสัญชาตญาณก่อนจะฟาดเข้าไปเต็มหน้าเผยสิบสาม

เผยสิบสามหูไวตาไวใช้ศอกกั้นก้อนอิฐเอาไว้ แต่อย่างไรเขาก็บาดเจ็บอยู่ แรงปะทะมหาศาลทำให้ร่างของเขากระเด็นไปด้านหลังลอยออกไปไกลกว่าครึ่งจั้งแล้วถึงตกลงมา หลุดเสียงร้องออกมา

มั่วชิงเฉินกระพริบตาก้มหน้ามองก้อนอิฐในมือของตน ก่อนจะรีบเก็บไปเหมือนถือเผือกร้อนอยู่ มองไปยังเผยสิบสามที่อยู่บนพื้นด้วยท่าทีประหลาด

“เหอๆๆๆ” เผยสิบสามกลับหัวเราะเสียงทุ้ม เงยหน้าขึ้นมองมั่วชิงเฉิน

เขาโตมาขนาดนี้ยังเคยพูดแบบนี้กับหญิงบำเพ็ญมาก่อน และไม่จำเป็นต้องพูด คิดไม่ถึงเลยว่าครั้งแรกที่พูดจะมีจุดจบโดนก้อนอิฐฟาดจนลอยกระเด็น

“สหายเต๋าเผย ท่านพูดเล่นใช่หรือไม่” มั่วชิงเฉินเม้มปาก เห็นเขาตกลงบนพื้น ไม่เพียงสีหน้าขาวซีดกว่าเดิม มุมปากยังมีรอยเลือดที่เกิดจากแรงกระแทกรุนแรง ในเวลานั้นนางลังเลว่าจะเดินเข้าไปดีหรือไม่

เผยสิบสามเม้มปากหัวเราะ “ข้าน้อยกำลังพูดเล่นจริงๆ แต่ไม่คิดว่าผลที่ตามมาจะรุนแรงเช่นนี้…”

หากลูกศิษย์เหยากวงได้ยินคำพูดนี้คิดว่าคงต้องปาดน้ำตาแห่งความสงสาร “สหายเต๋า จุดจบของท่านดีที่สุดแล้วเข้าใจหรือไม่!”

มั่วชิงเฉินรู้สึกกระดากอายเล็กน้อย เพิ่งจะขอโทษไปแต่กลับใช้อิฐฟาดจนลอยออกไปในทันที นี่ดูเหมือนไม่ไม่ถูกต้องเท่าไรนัก

นางเดินเข้าไปนั่งยองๆ “สหายเต๋าเผย ขอโทษด้วย ข้าน้อยมือลื่นไป…ท่านเป็นอย่างไรบ้าง”

‘มือลื่น?’ เผยสิบสามไม่เคยคิดว่าตนเองจะมีวันที่อยากกรอกตามมองโดยมีคนอื่นอยู่ตรงหน้า รอยยิ้มบนริมฝีปากกลับหลุดออกมาอย่างห้ามไม่ได้ “ไม่เป็นไรๆ ข้าน้อยรู้ว่าแม่นางมือลื่น…” พูดถึงเท่านี้กลับกระแอมไอออกมาเบาๆ สีหน้ายิ่งขาวซีดมากกว่าเดิม

มั่วชิงเฉินรู้สึกระอาใจ ยื่นมือออกไปจับข้อมือของเขาไว้ ยังดีที่พลังวิญญาณในร่างกายสงบลงแล้ว แต่เพราะลุ่มหลงเข้าสู่อธรรมทำให้พลังวิญญาณคลุ้มคลั่งทำลายชีพจรไปหลายเส้น บวกกับอาการช้ำในที่เกิดจากฟ้าผ่า เกรงว่าคงไม่อาจฟื้นฟูกลับมาในช่วงเวลาสั้นๆ

นางพลิกมือขวดหยกสองขวดปรากฏขึ้น “สหายเต๋า ขวดหยกทั้งสองนี้มีขวดหนึ่งรักษาอาการบาดเจ็บภายใน อีกหนึ่งขวดเอาไว้รักษาชีพจรที่เสียหายหลังจากลุ่มหลงเข้าสู่สายอธรรมโดยเฉพาะ ช่วงเวลานี้ข้าน้อยจะอยู่ข้างกายท่านจนกว่าท่านจะหายดี”

เผยสิบสามยื่นมือไปรับขวดหยกไว้ “ขอบคุณ”

มั่วชิงเฉินลอบถอนหายใจเบาๆ “สหายเต๋าเผยไม่ถือโทษก็ดีแล้ว”

ผู้ที่เข้าสู่ทางเต๋าเชื่อถือเรื่องเคราะห์กรรม นางไม่อยากจะติดค้างหนี้คนอื่นโดยไม่มีสาเหตุอันใด อีกอย่างต่อให้ไม่พูดถึงเรื่องเคราะห์กรรม คนเขาได้รับบาดเจ็บจากภัยร้ายที่ไม่มีเค้ามาก่อนเพราะนาง นางจะทุ่มเททำอย่างสุดความสามารถก็ถือเป็นเรื่องไม่อาจปฏิเสธได้

มั่วชิงเฉินยืนขึ้น สะบัดมือทำลายเขตพลังป้องกันลง “อู๋เย่ว์ เจ้าขึงผนังป้องกันให้สหายเต๋าเผยต่อไป ข้าจะลงไปในทะเลสาบตามหาหอยผูกมัด หากมีเรื่องอะไรให้เรียกข้าทันที”

“ขึงผนังป้องกันให้เขาหรือ” อีกาไฟถลึงตามองเผยสิบสามอย่างไม่ยินยอม

“ทำไมหรือ เจ้าไม่ยอมหรือ” มั่วชิงเฉินตีหน้าขรึม ลอบกัดฟัน เรื่องวุ่นวายนี้เกิดขึ้นเพราะเจ้านี้ ตอนนี้ยังมาทำทีท่าน้อยใจ หากพูดว่าน้อยใจก็ควรเป็นนางต่างหาก

‘มีผู้หญิงที่ไหนถูกเห็นร่างเปลือยเปล่าแล้วยังต้องไปขอโทษเขา!’

เห็นมั่วชิงเฉินเริ่มโมโหอีกาไฟเบะปาก “เอาเถิด แต่หากเขาเป็นอะไรไป ข้าจะไม่รับผิดชอบเขานะ”

มั่วชิงเฉินริมฝีปากกระตุก บทสนทนาเมื่อครู่มันได้ยินทั้งหมด!

คิดถึงตรงนี้หน้าเกิดร้อนระอุ กระโจนตัวลงน้ำในทันใด

มองดูสายน้ำสาดกระเซ็นบนทะเลสาบอีกาไฟกระพริบตา หันกลับไปมองเผยสิบสามไม่ขยับไปไหน

เผยสิบสามถูกจ้องจนขนลุกเกรียว “เจ้าทำอะไร”

อีกาไฟแสดงท่าทีไร้เดียงสา “ขึงผนึกป้องกันให้เจ้าไง”

เผยสิบสามนิ่งเงียบ เหตุใดเจ้าสัตว์วิญญาณนี้และเจ้านายของมันถึงได้พิเศษเช่นนี้ หาเรื่องเป็นพิเศษ!

มีที่ไหนกันเวลาขึงผนึกป้องกันให้คนแล้วมาจ้องกันเช่นนี้!

อีกาไฟเข้ามาใกล้อีกครั้งหนึ่ง พูดออกมาช้าๆ ท่ามกลางสายตาหวาดระแวงของเผยสิบสาม “ข้าจะเตือนเจ้าไว้ อย่าคิดจะตลบหลังนายท่านของข้า ไม่เช่นนั้นข้าจะแช่งเจ้า!”

‘หึ จะรับผิดชอบก็ควรเป็นนายท่านรับผิดชอบต่อลั่วหยางเจินเหรินต่างหาก’ คำพูดนี้อีกาไฟไม่ได้เอ่ยออกมา ลอบนินทาอยู่ในใจ

เผยสิบสามสูดลมหายใจเข้าลึก ทนไว้ มาอยู่บ้านเขาย่อมต้องก้มหัวให้

‘เหอะ โลกใบนี้เหตุใดถึงได้มีอีกาไฟที่กวนประสาทเช่นนี้!’

หากมีคนรู้ว่าคุณชายเผยสิบสามที่งามสง่าไม่มีใครเปรียบจะโกรธจนหลุดพูดหยาบออกมา นั่นคงจะตกใจจนตาแทบหลุด

เผยสิบสามเองก็รู้สึกว่าตั้งแต่ตนเองมาถึงที่นี่สมาธิของตนถูกท้าทายนับครั้งไม่ถ้วน ในตอนนั้นเขาจึงไม่พูดอะไรอีก หยิบโอสถวิเศษเม็ดหนึ่งขึ้นมาแล้วกลืนลงไปเริ่มนั่งสมาธิรักษาอาการบาดเจ็บ

พระอาทิตย์เบี่ยงไปทางตะวันตก เสียงน้ำแตกกระเซ็นดังขึ้น มือทั้งสองข้างของมั่วชิงเฉินลากหอยผูกมัดคู่หนึ่งกระโดดขึ้นมา นำเอาหอยผูกมัดที่ตายแล้วโยนลงไปบนพื้น

เผยสิบสามถลึงตาโตมองดูหอยผูกมัดที่นิ่งไม่ขยับด้วยแววตามีนัย

“นายท่าน ในที่สุดท่านก็ขึ้นมาแล้ว” อีกาไฟพุ่งเข้าหา

มั่วชิงเฉินเห็นท่าทีออดอ้อนของมันได้แต่ถอนหายใจออกมา นางนั่งยองๆ หั่นเนื้อหอยออกมา วางไว้บนไฟเริ่มย่างขึ้น มีบางครั้งที่ทาเครื่องปรุงลงไป จนถึงขั้นตอนสุดท้ายทาน้ำผึ้งดอกท้อลงไปเกลิ่นหอมเย้ายวนล่องลอยไปทั่ว

ไม่ต้องพูดถึงอีกาไฟที่ตื่นเต้นจนบินขึ้นบินลงไปมา แม้แต่เผยสิบสามที่ไม่ค่อยมีความอยากอาหารมานานแล้วก็กลืนน้ำลายอย่างอดไม่ได้

“สหายเต๋าเผย กินของเหล่านี้จะดีขึ้นเร็วเสียหน่อย” มั่วชิงเฉินนำเนื้อหอยที่ย่างเสร็จแล้วส่งให้

เผยสิบสามรับไป “ขอบคุณ” พลางกินขึ้นอย่างไม่เกรงใจ เพียงเขาปากก็รับรู้ได้ถึงความสดใหม่ไม่มีที่เปรียบ กลิ่นหอมกรุ่นทิ้งอยู่ในปาก เมื่อตกลงไปถึงท้องก็มีความอบอุ่นและพลังวิญญาณที่กระจายไปทั่ว บำรุงอวัยวะภายในของเขา

อีกาไฟกรอกตามองอย่างแรง เมื่อเห็นว่ามั่วชิงเฉินส่งเนื้อหอยย่างไม้ใหญ่มากให้ถึงได้หัวเราะด้วยความดีอกดีใจ กินอย่างเร่งรีบร้อนใจ

วันเวลาเช่นนี้ผ่านไปอีกครึ่งเดือน ในกำไลเก็บวัตถุของมั่วชิงเฉินมีไข่มุกผูกมัดอยู่มากกว่าสี่ห้าคู่แล้ว ของที่น่าสนุกเช่นนี้นางไม่คิดขาย เตรียมเก็บเอาไว้มอบให้มิตรสหายในภายภาคหน้า

และอาการบาดเจ็บของเผยสิบสามก็เริ่มดีขึ้นจนเกือบหายดีแล้ว

มั่วชิงเฉินถอนหายใจเบาๆ เช่นนี้ก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องอยู่กับเขาทุกวันแล้ว นางคิดว่าที่แห่งนี้ไม่มีความจำเป็นต้องอยู่ต่ออีก จึงส่งยิ้มอ่อนๆ ให้เผยสิบสามและพูดว่า “สหายเต๋าเผย ทำให้ท่านบาดเจ็บจนถึงวันนี้เพิ่งหายดี ต้องขอโทษจริงๆ”

“แม่นางมั่วเกรงใจแล้ว อาการบาดเจ็บของข้าน้อยดีขึ้นเร็วเช่นนี้ก็เป็นเพราะผลงานของแม่นางมั่ว…และอู๋เย่ว์” อยู่ด้วยกันมาครึ่งเดือนเขารู้ว่านางสกุลมั่ว และรู้ว่าอีกากวนประสาทนั้นชื่ออู๋เย่ว์

มั่วชิงเฉินหัวเราะเสียงเบา “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ข้าน้อยคงต้องขอตัวแล้ว”

พูดจบก็พยักหน้าให้น้อยๆ จัดการเก็บอีกาไฟลงในถุงเก็บสัตว์วิญญาณ นำไหมเกล็ดน้ำแข็งออกมา

“รอก่อน” เผยสิบสามเห็นว่านางพูดจะไปก็ไปเลยจึงตะโกนเรียกไว้

มั่วชิงเฉินทอดสายตามองมา

เผยสิบสามมีท่าทีเปิดเผย ยิ้มบางและพูดว่า “เป็นเช่นนี้ อีกไม่นานจะมีพื้นที่ลับแห่งหนึ่งถูกเปิดออก ข้าน้อยเพื่อที่จะแย่งชิงคุณสมบัติมุ่งหน้าไปเฟิ่งหลินโจวจำต้องนำของสิ่งหนึ่งจากพื้นที่ลับออกมา ตอนนี้กำลังต้องการสหายเต๋าที่มีความสามารถไม่ธรรมดาจำนวนหนึ่งช่วยเหลือ ไม่ทราบว่าแม่นางมั่วเก็บไปพิจารณาได้หรือไม่”

คิ้วของมั่วชิงเฉินกระตุก มีเรื่องที่น่าบังเอิญเช่นนี้ด้วยหรือ เผยสิบสามเองก็จะไปพื้นที่ลับนั่นเช่นเดียวกันหรือ?

‘ดูแล้วพวกเขาล้วนทำเพื่อต้องการไปเฟิ่งหลินโจว น่าแปลก หรือการจะไปดินแดนอื่นก็ต้องการคุณสมบัติด้วยเช่นนั้นหรือ หากว่าตนเองไปเสวียนโจวจะทำเช่นไร’

คิดมาถึงตรงนี้ก็อดถามขึ้นมาไม่ได้ “สหายเต๋าเผย พวกท่านจะไปเฟิ่งหลินโจวยังต้องมีคุณสมบัติถึงจะไปได้เช่นนั้นหรือ”

สีหน้าของเผยสิบสามแลดูแปลกประหลาด มองมั่วชิงเฉินลังเลเหมือนจะพูดอะไรออกมา

“หากสหายเต๋าเผยลำบากใจไม่พูดก็ไม่เป็นอะไร ข้าน้อยเพียงแต่ไม่คุ้นชินสถานการณ์ทางนี้เท่าไรนักถึงได้ถามออกมา” มั่วชิงเฉินหัวเราะอย่างไม่ใคร่ใส่ใจ

เผยสิบสามมีคิ้วยาวหายเข้าไปในลูกผม เสมือนคิ้วงามของสาวสวย เวลายิ้มแย้มกลับดูเปิดเผยอย่างมาก “พูดไปก็ไม่ได้มีอะไร ตระกูลซั่งกวนของเฟิ่งหลินโจวกำลังคัดเลือกลูกเขยให้คุณหนูในตระกูล ที่พวกเราแย่งชิงกันก็คือคุณสมบัตินี้”

‘ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้’ มั่วชิงเฉินลอบถอนหายใจออกมาเบาๆ หากเป็นเช่นนี้จะรับปากไปพื้นที่ลับก็เป็นเรื่องที่ทำได้ อย่างไรก็ไม่ใช่ความลับสุดยอดอะไร แค่แต่งงานคงไม่ถึงขั้นฆ่าปิดปากกระมัง

แต่เพราะคำเชื้อเชิญของเฉิงหรูยวนมาก่อน ไม่แน่ว่าจะต้องเอ่ยปฏิเสธคำเชิญของเผยสิบสามแล้วมิเช่นนั้นจะเป็นเรื่องที่ผิดต่อคนอื่น

“สหายเต๋าเผยอาจยังไม่ทราบ เรื่องไปพื้นที่ลับก่อนหน้านี้คุณชายเฉิงที่เจ็ดได้เชิญไว้ก่อนแล้ว…” คำพูดของมั่วชองเฉินเพิ่งหยุดลง ก็เห็นแสงวิญญาณรุนแรงที่ห่างออกไปพุ่งปะทุขึ้นฟ้า

ทั้งสองคนสบตากัน กระโดดขึ้นบนของวิเศษเหาะเหินแล้วพุ่งตรงไปทางนั้นในทันใด เห็นเพียงผู้บำเพ็ญเพียรสายพละกำลังและหญิงบำเพ็ญกำลังกระโดดขึ้นฝั่งอย่างสุดชีวิต น้ำทะเลสาบข้างกายเป็นสีแดงสด ปลากหมึกยักษ์ขนาดใหญ่ตัวหนึ่งกำลังเหยียบย้ำกระแสคลื่นไล่ตามด้วยท่าทีดุดันโหดร้าย

พันธกานต์ปราณอัคคี

พันธกานต์ปราณอัคคี

Status: Ongoing

สาวชนบทชีวิตอาภัพคนหนึ่งเท่านั้น เมื่อมีจอมยุทธ์ผู้หนึ่งมารับตัวนางกลับไปยังตระกูลผู้บำเพ็ญเพียรของบิดา ตั้งแต่นั้นชีวิตของนางจึงพลิกผันไปโดยพลัน ถึงกระนั้นพรสวรรค์ของนางกลับมิได้ล้ำเลิศเฉกเช่นบิดา ยังดีที่มี ‘สุราทิพย์’ คอยช่วยเหลือ และนำพานางไปสู่เส้นทางที่คนธรรมดาได้แต่วาดฝันถึง ในเส้นทางสายนี้ยังมีเรื่องราวอีกไม่น้อยที่นางนั้นคาดไม่ถึง ทั้งออกผจญภัยปราบปีศาจสยบอสูร ปลูกสมุนไพรหลอมโอสถ โดนข่มเหงกีดกันเพราะความอ่อนด้อยจนไม่ต่างกับเป็นคนรับใช้ผู้หนึ่ง และไม่ทันได้เตรียมใจว่าจะพานพบกับรสรักที่ล้ำลึกเสียจนมิอาจถอน แรงดึงดูดที่ไม่อาจต้านทานผูกนางกับเขาอย่างไร้หนทางแยกจากกันได้… หนทางแห่งการบำเพ็ญเพียร ช่างเปลี่ยนไปมาจนมิอาจคาดเดาได้ เขาจะเป็นคนรับใช้ที่โดดเด่นในโลก (อดีต) แห่งนี้ให้ดู!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท