พันธกานต์ปราณอัคคี – ตอนที่ 397

ตอนที่ 397

พันธกานต์ปราณอัคคี – ตอนที่ 397 ดอกรุ่นอรุณยากเด็ดดม
“นั่นคือ…”

เห็นจู่ๆ มั่วชิงเฉินก็ปล่อยผึ้งวิญญาณเลือดมรกตออกมา เฉิงหรูยวนมีท่าทีนิ่งไปเล็กน้อย

“ผึ้งวิญญาณเลือดมรกต” มั่วชิงเฉินยิ้มบางๆ นางคิดว่าพูดชื่อของผึ้งนี้ออกมาเฉิงหรูยวนจะต้องเข้าใจความหมายที่แฝงอยู่เป็นแน่

แต่เฉิงหรูยวนกลับแลดูมึนงง

มั่วชิงเฉินเดินไปตามทิศทางที่ผึ้งวิญญาณเลือดมรกตบินไป พูดว่า “หรือสหายเต๋าเฉิงจะไม่เคยได้ยินชื่อผึ้งวิญญาณเลือดมรกตมาก่อนหรือ”

เฉิงหรูยวนถามขึ้นด้วยความแปลกใจเล็กน้อย “ผึ้งวิญญาณนี้มีอะไรแปลกเป็นพิเศษเช่นนั้นหรือ”

มั่วชิงเฉินยิ่งเดินเร็วขึ้นเรื่อยๆ “ไม่ได้มีอะไรพิเศษ แต่เล่าขานต่อกันว่าดอกไม้ที่ชอบเก็บน้ำผึ้งมากที่สุดคือดอกสำลีตกสวรรค์”

นางพูดเช่นนี้ทำให้หลายคนเกิดความรู้สึกตื่นเต้น โดยเฉพาะเฉิงหรูยวน พูดออกมาด้วยท่าทีที่เปลี่ยนไปเล็กน้อย “พูดเช่นนี้ พวกมันก็…”

มั่วชิงเฉินอมยิ้มพลางพยักหน้า “ข้าเดาว่าอาจมีความเป็นไปได้ เพิ่งจะเข้ามาในเขตพื้นที่นี้ผึ้งวิญญาณเลือดมรกตก็บินอุตลุดอยู่ภายในถุงเก็บสัตว์พลังวิญญาณ โวยวายจะออกมา”

ทุกคนได้ยินเช่นนั้นก็รีบเร่งฝีเท้า กลัวว่าจะตามไม่ทันผึ้งวิญญาณเลือดมรกต

ดวงตาเฉิงหรูยวนประกายแสงสว่างขึ้นมา

เขามั่นใจว่าพื้นที่ใกล้เคียงภายในดินแดนทั้งห้าไม่มีผึ้งวิญญาณชนิดนี้เป็นแน่ มิเช่นนั้นด้วยอำนาจของตระกูลเฉิง แล้วเขายังเตรียมพร้อมมากมายเพื่อดอกสำลีตกสวรรค์ ย่อมไม่มีเหตุผลที่จะไม่เคยได้ยิน

หรือว่าสองพี่น้องจะมาจากพื้นที่ห่างไกลห้าดินแดนหรืออาจเป็นคนแผ่นดินใหญ่เช่นนั้นหรือ

ในตอนนี้ไม่เหมาะให้คิดมาก เฉิงหรูยวนกดความคิดเหล่านี้ลงไปก้าวเท้าไล่ตามไป

ผึ้งวิญญาณเลือดมรกตทั้งหลายที่ถูกปล่อยออกมาบินไปมาอย่างร่าเริง ทุกคนที่เดินตามพวกมันสามารถรู้สึกได้ถึงความตื่นเต้นละยินดีจากปีกที่ขยับขึ้นลงและร่างกายรูปร่างที่พลิ้วไหลคล่องแคล่วของพวกมัน

พื้นที่แห่งนี้หญ้าเขียวเหมือนฟูก รอบด้ายล้วนเป็นภาพทิวทัศน์หญ้าเขียวขจีเป็นพุ่มเสมือนกับทุ่งหญ้าขนาดใหญ่ไร้ขอบเขต ทอดสายตามองออกไปไกลล้วนเป็นเหมือนกันหมด

มีเพียงผึ้งวิญญาณเลือดมรกตเหล่านี้เท่านั้นที่ดูเหมือนมีอะไรนำทาง มันบินกลับไปมา วนเวียนบินลอดผ่านไปตามพุ่มหญ้าเหมือนกับมีอะไรบางอย่างกำลังร้องเรียก บินตรงไปข้างหน้าอย่างมุ่งมุ่นไม่เปลี่ยนแปลง

ผึ้งวิญญาณเลือดมรกตบินอยู่เต็มๆ สองชั่วยามก็ยังไม่เห็นมีทีท่าจะหยุดลง เพราะว่าพวกมันบินเร็วและรีบคนที่ตามอยู่ข้างหลังเริ่มมีเหงื่อผุดขึ้นบริเวณหน้าผากและปลายจมูกให้เห็น

“ผึ้งวิญญาณเหล่านี้จะหาดอกสำลีตกสวรรค์พบจริงหรือ” แม่นางจอมพิษใช้ผ้าบางขาวสะอาดซับเหงื่อบนหน้าผาก ขมวดคิ้วมุ่น

แม้นางจะชำนาญการใช้พิษ แต่ท่ามกลางคนเหล่านี้ความสามารถกลับอยู่ระดับธรรมดา การเดินทางผจญอันตรายครั้งนี้ร่างกายย่อมรู้สึกเริ่มรับไม่ค่อยไหวแล้ว

ได้ยินคำนี้ของแม่นางจอมพิษหลายคนก็หันไปมองมั่วชิงเฉิน

มั่วชิงเฉินท่าทีเรียบนิ่ง เม้มปากพูด “จะหาดอกสำลีตกสวรรค์เจอหรือไม่ยังไม่แน่นอน แต่ผึ้งวิญญาณเลือดมรกตสนใจย่อมต้องไม่ใช้สิ่งธรรมดาเป็นแน่ หากว่ามีโชคได้รับดอกไม้วิญญาณล้ำค่าชนิดอื่นก็ถือว่าไม่เสียแรงเปล่า”

ทุกคนได้ยินเช่นนั้นก็เข้าใจอย่างลึกซึ้ง เขตพื้นที่นี้ดูแล้วสงบสุขแต่ก็ปกติจนเกินไป ทอดสายตามองออกไปไกลล้วนเป็นภาพเดียวกันทั้งสิ้น หากไม่ใช่เพราะเดินทางตามผึ้งวิญญาณเลือดมรกตเหล่านี้ก็ยังไม่รู้ว่าต้องไปทางใด

สีท้องฟ้าเริ่มมืดลง ผึ้งวิญญาณเลือดมรกตยังคงไม่หยุด ในขณะที่อารมณ์ครื้นเครงโลดโผนของทุกคนเริ่มกลายเป็นด้านชาพื้นที่ห่างออกไปไกลจู่ๆ ก็มีภูเขาเขียวปรากฏให้เห็น

ผึ้งวิญญาณเลือดมรกตหมุนเป็นวงกลมอยู่กลางอากาศหลายรอบ รีบเร่งเพิ่มความเร็ว

ไม่นานก็มาถึงตีนเขาเขียว ผึ้งวิญญาณเลือดมรกตบินตามตีนเขาบินๆ หยุดๆ ในช่วงขณะที่แสงอาทิตย์ยามอัสดงอาบขอบฟ้าทำให้แสงอาทิตย์ยามค่ำคืนเหมือนไฟที่โหมไหม้ ช่องเขาเป็นแนวยาวเส้นหนึ่งก็ปรากฏต่อหน้าทุกคน

ผึ้งวิญญาณเลือดมรกตไม่ลังเลที่จะบินเข้าไป

ทุกคนหันมองสบตากัน ในมือปรากฏอาวุธขึ้นมา ตามเข้าไปเงียบๆ ไม่พูดจา

ช่องเขาทั้งยาวและแคบสามารถรองรับให้คนเพียงคนเดียวเดินผ่าน แล้วยังต้องเอียงตัว ทุกคนเดินหน้าหลังตามลำดับเข้าไปทีละคน เมื่อเดินไปกว่าสิบห้านาทีจู่ๆ ท้องฟ้าเปิดสดใส ภาพวิวทิวทัศน์เสมือนภาพฝันภาพมายาปรากฏให้ทุกคนได้เห็น

รอบด้านล้วนเป็นเนินเขาเขียวล้อมรอบหุบเขาเอาไว้ อบอุ่นดั่งฤดูใบไม้ผลิ หญ้าเขียวใบใหญ่โบกสะบัดตามลม ก่อให้เกิดกระแสลมทีละระลอกเสมือนมหาสมุทรสีเขียวอันแสนเงียบสงบอ่อนโยน และดอกไม้สีสวยสดนานาพันธุ์เหล่านั้นกำลังเบ่งบานเหมือนกับปลากหลากสีสันที่แหวกว่ายกลางมหาสมุทร สุดแสนมีชีวิตชีวา

ผีเสื้อและผึ้งป่าจำนวนมาก ยังมีนกวิญญาณหลากสีสันล้วนบินร่อนไปมาท่ามกลางทุ่งดอกไม้และพงหญ้า ผึ้งวิญญาณเลือดมรกตกลับไม่สนใจแม้แต่น้อยบินตรงไปยังทิศเหนือ

ไล่ตามเงาของผึ้งวิญญาณเลือดมรกตไป ทุกคนกันไปมองทางทิศเหนือ อดเบิกตาโตขึ้นมาไม่ได้

สิ่งที่พวกเขาเห็นคือต้นไม้ต้นหนึ่งที่ตั้งตระหง่านเพียงลำพัง สูงตรงเสียดท้องฟ้าลับหายไปในเมฆหมอก ที่น่าแปลกกว่านั้นก็คือ เพราะต้นไม้สูงเกินไปบริเวณตอนกลางของลำต้นจึงมีเมฆบางลอยล่องอยู่ แม้แต่หิมะก็กองรวมกันอยู่บนกิ่งไม้

มองขึ้นข้างบนไปอีกสิบกว่าจั้งก็จะเห็นยอดต้นไม้ขนาดใหญ่ที่เหมือนเป็นร่มบังไว้ บนนั้นมีดอกไม้สีสันสดใสเหมือนสายรุ้งขนาดเท่าปากถ้วยบานอยู่เต็มไปหมด ดอกไม้เหล่านี้อยู่สูงเท่าเมฆหมอก โดดเดี่ยวลำพัง ก้มหน้ามองดูภาพทิวทัศน์ทั้งหุบเขาและเมฆคล้อยกลางลำต้น

ต้นไม้ที่สูงใหญ่เช่นนี้ มีดอกไม้มากมายนับไม่ถ้วน แต่กลับไม่มีกลิ่นหอมแม้แต่น้อย แต่กลับดึงดูดผึ้งวิญญาณเลือดมรกตให้บินเข้าไปหาอย่างบ้าคลั่ง

“ดอกรุ่งอรุณ ดอกสำลีตกสวรรค์แท้แท้จริงแล้วก็คือดอกรุ่งอรุณที่มีชื่อเสียงนี่เอง!”

เห็นภาพแปลกประหลาดสวยงามเช่นนี้ ทุกคนล้วนเกิดความรู้สึกนี้ขึ้นมาในฉับพลัน

“แม่นางมั่ว โชคดีที่ท่านมีผึ้งวิญญาณเลือดมรกต ทำให้พวกเราไม่ต้องเสียแรงมากเกินจำเป็น” เฉิงหรูยวนเงยหน้าขึ้นมองดอกงิ้วตกสวรรค์ จิตใจลุ่มหลงมัวเมา

จู่ๆ มั่วชิงเฉินขมวดคิ้วพลัน เห็นว่าผึ้งวิญญาณเลือดมรกตเหล่านั้นบินขึ้นไปไม่กี่จั้งเท่านั้น เหมือนกับกระแทกโดนอะไรบางอย่างจู่ๆ ก็ร่วงลงมา ตกลงมาบนพื้นหญ้าปีกสั่นรัว ร่างกายกลับแน่นิ่งไม่ขยับ เห็นชัดว่าได้รับบาดเจ็บอย่างหนัก

มั่วชิงเฉินรีบก้าวขึ้นมาข้างหน้า นำผึ้งวิญญาณเลือดมรกตสองสามตัวขึ้นมาวางบนฝ่ามือ

ผึ้งวิญญาณเลือดมรกตสองสามตัวนั้นเป็นกลุ่มผึ้งที่มีระดับสูงสุดในบรรดาฝูงผึ้งเหล่านั้น อยู่ถึงขั้นสามแล้ว แม้จะมีปัญญาวิญญาณไม่สูงนัก แต่เพราะจิตใจเชื่อมต่อกันพวกมันสามารถแสดงความรู้สึกบางอย่างมาถึงนางได้

ในตอนนี้ผึ้งตัวน้อยที่แสนน่าสงสารเหล่านี้ใช้กระแสจิตที่อ่อนระโหยของมันร้องทุกข์ความเจ็บปวดให้มั่วชิงเฉินได้รู้ มีทั้งส่งเสียงร้องออดอ้อน “เจ็บ”

แต่พวกมันจะมีปัญญาวิญญาณต่ำเกินไป มั่วชิงเฉินถามว่าเกิดอะไรขึ้น พวกมันกลับเล่าไม่ละเอียด

ปลอบประโลมผึ้งวิญญาณเลือดมรกตอยู่ครู่หนึ่ง สัญญากับพวกมันว่าจะเด็ดดอกไม้เหล่านั้นมาให้ พวกมันถึงได้ยินยอมกลับไปรักษาอาการบาดเจ็บในถุงสัตว์วิญญาณ

“แม่นางมั่ว ผึ้งวิญญาณเลือดมรกตเหล่านี้บาดเจ็บหรือ” เฉิงหรูยวนเดินเข้ามา

มั่วชิงเฉินพยักหน้า “อืม พวกมันบ่นว่าเจ็บ แต่สุดท้ายแล้วเกิดอะไรขึ้นกลับบอกไม่ละเอียด”

เฉิงหรูยวนครุ่นคิด ถึงพูดว่า “ดูท่าเรื่องเล่าขานน่าจะเป็นจริง”

“เรื่องเล่าขานอะไรหรือ” มั่วชิงเฉินถาม

เห็นหลายคนเข้ามาร่วมวงเฉิงหรูยวนถึงพูดว่า “เรื่องเล่าต่อกันมาว่าดอกสำลีตกสวรรค์แต่เดิมไม่ใช่ดอกไม้บนโลกมนุษย์ แต่เป็นดอกไม้ในโลกเซียน หลายปีก่อนในอดีตมีเซียนมากความสามารถท่านหนึ่งได้เดินทางมายังโลกใบนี้ด้วยความไม่ตั้งใจ และนำดอกไม้ชนิดนี้มาด้วยคิดไม่ถึงว่าจะออกดอกออกผล ณ ที่แห่งนี้ ต่อจากนั้นมาถึงได้ถูกคนรุ่นหลังตั้งชื่อให้ว่าดอกสำลีตกสวรรค์ แต่น่าเสียดายที่ดอกสำลีตกสวรรค์ไม่ยินยอมแปดเปื้อน ถึงได้พยายามโตขึ้นด้านบนอย่างสุดความสามารถ อยากจะออกห่างความโกลาหล กลับไปยังสรวงสวรรค์ใหม่อีกครั้ง”

“นี่คือเรื่องเล่าขานของดอกสำลีตกสวรรค์หรือ เหมือนเป็นเรื่องเล่า” แม่นางจอมพิษปิดปากหัวเราะ

เฉิงหรูยวนเลิกคิ้วยิ้มพลางพูดว่า “ใช่แล้ว แต่เดิมผู้คนถือเรื่องนี้ฟังเป็นเรื่องเล่า แต่ก่อนหน้านี้เคยเห็นบันทึกที่ผู้อาวุโสเขียนถึงดอกสำลีตกสวรรค์เอาไว้โดยมิได้ตั้งใจ กล่าวว่ายึดท้องฟ้าถือกำเนิด ยิ่งโตก็ยิ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ ชั้นบรรยากาศที่เคลื่อนตัวอยู่รอบข้างไม่ใช่ปราณดั้งเดิมของโลกมนุษย์อีกต่อไป แต่เป็นปราณแห่งวิญญาณเซียน!”

“อะไรน่ะ ปราณแห่งวิญาณเซียน!” ทุกคนตื่นตะลึง

เสิ่นฉงเหวินขมวดคิ้วพูดขึ้นว่า “ท่านพี่ เรื่องนี้เหตุใดท่านถึงไม่เคยพูดถึงมาก่อน หากเป็นปราณแห่งวิญาณเซียนจริง อาศัยเพียงพวกเราจะไปครอบครองดอกสำลีตกสวรรค์ได้อย่างไร”

ใจมั่วชิงเฉินกระตุกไหว ปราณแห่งวิญาณเซียน ในร่างกายของนางตอนนี้มีปราณแห่งวิญญาณเซียนขนาดเท่าหน้าเล็บอยู่กลุ่มหนึ่ง

แต่หากเฉิงหรูยวนยังไม่มีวิธีการจัดการปราณแห่งวิญญาณเซียนแล้วล่ะก็ ตนเองไม่มีทางที่จะเปิดเผยความลับอันน่าตื่นตะลึงนี้เพียงเพื่อจะครอบครองดอกสำลีตกสวรรค์เป็นแน่

เฉิงหรูยวนแค่นยิ้ม “ฉงเหวิน เจ้าเองคงไม่รู้ ครั้งนี้เพื่อที่จะได้คุณสมบัติเดินทางไปเฟิ่งหลินโจว ข้อกำหนดที่ให้ครอบครองดอกสำลีตกสวรรค์ไม่ได้มีเพียงหัวหน้าตระกูลของตระกูลบำเพ็ญเพียรทั้งหลายเป็นคนกำหนดเท่านั้น แต่เป็นข้อกำหนดของทางตระกูลซั่งกวน”

“หืม” เสิ่นฉงเหวินแปลกใจ

มั่วชิงเฉินและคนอื่นได้ยินเรื่องตระกูลซั่งกวนแห่งเฟิ่งหลินโจวก็นึกเกิดความสนใจขึ้นมา ล้วนทอดสายตาร้อนแรงจับจ้องเฉิงหรูยวน

เฉิงหรูยวนกระแอมเบาๆ แล้วพูดว่า “คราวนี้ที่ตระกูลซั่งกวนคัดเลือกลูกเขยมีคุณหนูทั้งหมดสามคน แต่คนที่อยากมุ่งหน้าไปเพราะชื่อเสียงนั้นกลับมีมากมายนับไม่ถ้วน พื้นที่ห่างไกลจากดินแดนทั้งห้าก็ยังแล้วไป แต่พื้นที่ใกล้เคียงกับดินแดนทั้งห้าล้วนเข้าร่วมเรื่องนี้ ตระกูลซั่งกวนเสนอข้อกำหนดที่แตกต่างเป็นพิเศษกับดินแดนแต่ละที่ ทำเช่นนี้ย่อมสามารถกำหนดจำนวนคนที่มีคุณสมบัติ และยังได้รับสิ่งของพิเศษของทั้งห้าดินแดนอีกด้วย”

ถังมู่เฉินได้ยินแล้วตื่นตะลึงเป็นอย่างมาก อดถามออกมาไม่ได้ “คุณหนูตระกูลซั่งกวนนี้คงเสมือนนางฟ้านางสวรรค์เลยมิปาน ถึงได้ดึงดูดชายหนุ่มรูปงามให้ไล่ตามได้มากมายเช่นนี้”

ที่จริงแล้วเรื่องนี้ในพื้นที่เซิงโจวถือเป็นความลับที่ถูกเปิดเผย เห็นเฉิงหรูยวนไม่พูดอะไร แม่นางจอมพิษก็แฝงท่าทีไม่คิดว่าเป็นเช่นนั้นเอาไว้

สิ่งที่ถังมู่เฉินเข้าใจมากที่สุดคือความคิดของสตรี จึงได้ลอบส่งกระแสจิตแอบถาม

แม่นางจอมพิษไม่ปิดบังเลยแม้แต่น้อย “สหายเต๋าถังคงไม่ทราบกระมัง เฟิ่งหลินโจวถือสตรีเป็นใหญ่ ผู้หญิงสามารถตบแต่งสามีได้หลายคน หากเป็นสหายเต๋าถังท่านเองจะยินยอมแต่งงานกับนางฟ้านางสวรรค์เช่นนี้หรือไม่เล่า”

ถังมู่เฉินตกใจอ้าปากค้าง “สตรี…สตรีเป็นใหญ่อย่างนั้นหรือ ตบแต่งผู้ชายหลายคน? นี่ นี่มันคือนรกของผู้ชายโดยแท้ ต่อให้เป็นหญิงเซียนบนสวรรค์ก็ไม่เอา!”

แม่นางจอมพิษยิ้มอย่างแฝงความนัย “ใช่แล้ว แต่น่าเสียดายที่กุญแจแห่งแดนเสวียนเทียนประดิษฐ์อยู่ในกำมือของตระกูลซั่งกวน ไม่เข้าร่วมการประลองยุทธเลือกคู่อย่างอึกทึกครึกโครมครั้งนี้ ตระกูลเหล่านี้จะมีคุณสมบัติเข้าสู่แดนเสวียนเทียนประดิษฐ์ได้อย่างไรเล่า!”

แดนเสวียนเทียนประดิษฐ์? ใจถังมู่เฉินกระตุก มีใครไม่รู้บ้างว่าศึกเต๋ามารในดินแดนเทียนหยวนที่สะเทือนเลือนลั่นไปทั่วไม่ใช่เพราะว่าแย่งชิงกุญแจแดนเสวียนเทียนประดิษฐ์หรืออย่างไรเล่า

พื้นที่ลับสองแห่งนี้มีอะไรสัมพันธ์กันอย่างนั้นหรือ

ไม่ได้ หลังจากนี้ต้องพูดเรื่องนี้กับน้องสาว

ถังมู่เฉินและแม่นางจอมพิษพูดคุยเป็นการส่วนตัวไม่แพร่งพราย เสียงของเฉิงหรูยวนลอยขึ้นมาอีกครั้ง “อย่างไรแล้วตอนที่ได้ยินข้อกำหนดอันแสนคาดคิดไม่ถึงนี้ ข้าสืบค้นข้อมูลที่เกี่ยวกับดอกสำลีตกสวรรค์เอาไว้ไม่น้อย หลังจากที่รู้ว่ารอบด้านดอกสำลีตกสวรรค์อาจมีไอแห่งวิญญาณเซียนอยู่ก็ได้ยืมของสิ่งหนึ่งมาจากหัวหน้าตระกูลแล้ว”

“ที่แท้ท่านพี่ก็เตรียมพร้อมไว้แล้วนี่เอง ยืมมาจากหัวหน้าตระกูลย่อมไม่ใช่ของธรรมดาเป็นแน่” เสิ่นฉงเหวินพูดขึ้น

เฉิงหรูยวนขยับมือ ปรากฏเป็น สมบัติวิเศษรูปร่างเหมือนลูกคิด “นี่คือลูกคิดพิฆาตฟ้า สามารถคำนวณจุดตัดของไออากาศแต่ละชนิดได้ผ่านลูกคิด และสามารถจัดเรียงพวกมันเข้าตามลำดับ เมื่อเป็นเช่นนี้แม้จะไม่อาจกำจัดไอแห่งวิญญาณเซียนได้ แต่ก็สามารถหลีกให้มีทางออกเส้นหนึ่งได้ แต่ว่า…”

“แต่อะไรหรือ” ทุกคนถามขึ้น

เฉิงหรูยวนมองมั่วชิงเฉิน “แต่เรื่องนี้ยังต้องให้แม่นางมั่วช่วยเหลือ”

พันธกานต์ปราณอัคคี

พันธกานต์ปราณอัคคี

Status: Ongoing

สาวชนบทชีวิตอาภัพคนหนึ่งเท่านั้น เมื่อมีจอมยุทธ์ผู้หนึ่งมารับตัวนางกลับไปยังตระกูลผู้บำเพ็ญเพียรของบิดา ตั้งแต่นั้นชีวิตของนางจึงพลิกผันไปโดยพลัน ถึงกระนั้นพรสวรรค์ของนางกลับมิได้ล้ำเลิศเฉกเช่นบิดา ยังดีที่มี ‘สุราทิพย์’ คอยช่วยเหลือ และนำพานางไปสู่เส้นทางที่คนธรรมดาได้แต่วาดฝันถึง ในเส้นทางสายนี้ยังมีเรื่องราวอีกไม่น้อยที่นางนั้นคาดไม่ถึง ทั้งออกผจญภัยปราบปีศาจสยบอสูร ปลูกสมุนไพรหลอมโอสถ โดนข่มเหงกีดกันเพราะความอ่อนด้อยจนไม่ต่างกับเป็นคนรับใช้ผู้หนึ่ง และไม่ทันได้เตรียมใจว่าจะพานพบกับรสรักที่ล้ำลึกเสียจนมิอาจถอน แรงดึงดูดที่ไม่อาจต้านทานผูกนางกับเขาอย่างไร้หนทางแยกจากกันได้… หนทางแห่งการบำเพ็ญเพียร ช่างเปลี่ยนไปมาจนมิอาจคาดเดาได้ เขาจะเป็นคนรับใช้ที่โดดเด่นในโลก (อดีต) แห่งนี้ให้ดู!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท