พันธกานต์ปราณอัคคี – ตอนที่ 473 ขวานแหวกฟ้าสะท้านอัสนี

ตอนที่ 473 ขวานแหวกฟ้าสะท้านอัสนี

ชายชราเงยหน้า บนใบหน้าปรากฏความหวาดกลัว

ทันใดนั้นก็ปรากฏมือไร้ที่มาคู่หนึ่ง มือนั้นยกก้อนอิฐที่กลายเป็นภูเขาขนาดย่อมขึ้นและโยนออกไปประหนึ่งดาวตกที่กำลังมุ่งตรงไปยังมั่วชิงเฉิน

มั่วชิงเฉินใช้มือขวาที่ว่างเปล่าคว้าก้อนอิฐที่กลับคืนร่างเดิมเอาไว้ในมือ มองไปทางผู้ที่จู่ๆ ก็ปรากฏกายออกมาด้วยสายตาเย็นชา

คนผู้นั้นดูเหมือนจะอายุสามสิบกว่า คิ้วกระบี่ ใบหน้าเหลี่ยม ดูน่าเกรงขาม ใบหน้าติดจะม่วงคล้ำ แรงกดดันรุนแรงของผู้บำเพ็ญเพียรระดับก่อแก่นปราณขั้นสมบูรณ์มุ่งไปทางมั่วชิงเฉินอย่างไร้ซึ่งความปรานี ส่วนชาวบ้านบนพื้นดินที่ได้รับคลื่นพลังนี้ต่างทรุดลงกับพื้นตั้งนานแล้ว

“ท่านประมุข!” ชายชราถอนหายใจอย่างโล่งอก ใบหน้าแปลกใจระคนดีใจ

ผู้มาใหม่พยักหน้าเล็กน้อย เขามองไปทางมั่วชิงเฉิน ถามด้วยเสียงก้องกังวานดั่งระฆัง “สหายตั้งใจจะสร้างความยุ่งยากให้แก่ตระกูลอู๋ของข้าหรือ”

เป็นเพราะระดับสูงกว่าหนึ่งขั้น น้ำเสียงจึงไร้ซึ่งความเกรงใจ

มั่วชิงเฉินหรี่ดวงตาดอกท้อทั้งสองข้างลง นางเอ่ยด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ “ตระกูลอู๋ของพวกเจ้าตั้งใจจะสร้างความยุ่งยากให้ข้าหรือ”

ผู้มาใหม่เงยหน้าและหัวเราะออกมาเสียงดัง “ฮ่าๆๆ ผู้แซ่อู๋ขอคารวะให้กับความกล้าของสหาย เพียงแต่ไม่รู้ว่าฝีมือของเจ้าจะสมกับความกล้าหรือไม่”

“ไม่ลองแล้วจะรู้ได้อย่างไรเล่า” มั่วชิงเฉินพูดออกมาเสียงเรียบพลางนึกในใจ คนตระกูลอู๋นี่น่ารำคาญเช่นนี้ทุกคนหรือ

ผู้มาใหม่สีหน้าทะมึน “ดูแล้วสหายมั่นใจยิ่งนัก เช่นนั้นก็อย่ามาโทษว่าผู้แซ่อู๋รังแกคนอ่อนแอก็แล้วกัน”

พูดพลางยื่นมือออกไป ขวานศึกสีม่วงทองหนึ่งด้ามค่อยๆ ปรากฏขึ้น

“ช้าก่อน” มั่วชิงเฉินพูดจบก็ผายมืออกมา “ไยจักต้องให้ผู้อื่นเดือดร้อนไปด้วยเล่า พวกเราไปสู้กันตรงนั้นเถิด”

นางชี้ไปที่ทะเลนอกหมู่บ้านดอกสาลี่

“ได้!” ผู้มาใหม่พยักหน้า และรีบเร่งเมฆสีม่วงใต้ฝ่าเท้าให้มุ่งตรงไปยังทะเล

ไหมเกล็ดน้ำแข็งกลายเป็นลำแสงสายหนึ่ง เพียงชั่วพริบตาทั้งสองคนก็ยืนประจันหน้ากันอยู่บนท้องฟ้ากลางทะเล

ผิวน้ำสงบไร้คลื่น ทั้งสองเพียงจ้องมองกันและกันไม่ผู้ใดเอ่ยสิ่งใดออกมา บรรยากาศเหมือนพายุจะมายิ่งทวีความรุนแรงขึ้น

“เชิญสหาย” ประมุขตระกูลอู๋เอ่ยปาก ขณะนั้นขวานศึกสีม่วงทองก็ลอยขึ้นไปกลางอากาศแล้วหั่นฉับลงมา แสงสีม่วงสายหนึ่งแยกท้องฟ้าออกเป็นสองฝั่ง พื้นผิวทะเลเองก็ถูกหั่นจากหนึ่งเป็นสองอย่างเรียบเนียน ตามด้วยคลื่นยักษ์ที่พุ่งออกมาอย่างรุนแรง จากนั้นลำแสงสีม่วงทรงพลังจากขวานศึกก็มุ่งตรงไปยังมั่วชิงเฉิน

มั่วชิงเฉินยื่นมือออกมา ไหมเกล็ดน้ำแข็งพุ่งออกมาจากปลายเท้าประหนึ่งแถบผ้าผูกผม มือซ้ายส่งพลังวิญญาณซึมเข้าไปในไหมเกล็ดน้ำแข็ง ปากเอ่ยออกมาเสียงเบา “ไป!”

ไหมเกล็ดน้ำแข็งลอยตามลม ราวกับทางช้างเผือกที่ห้อยอยู่ระหว่างท้องฟ้ากับผืนน้ำทะเล คอยกลืนคลื่นที่โหมกระหน่ำเข้ามาจนสิ้น

ประมุขตระกูลอู๋สั่นข้อมือ ขวานศึกสีม่วงทองก็หมุนวนด้วยความเร็ว ปราณสีม่วงทองสายแล้วสายเล่ามุ่งเข้าไปภายในทางช้างเผือกที่ลอยอยู่กลางอากาศ

ทางช้างเผือกสั่นไหวเพียงเล็กน้อยประหนึ่งถูกสายลมพัด

ยิ่งปราณสีม่วงทองจำนวนมากเท่าใดมุ่งเข้าไปในทางช้างเผือก ทางช้างเผือกจากสีเงินก็ค่อยๆ แปรเปลี่ยนไปเป็นสีม่วงอ่อน แสงสีม่วงส่องแสงระยิบระยับ ดวงดาวเพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อยๆ มากเสียจนแม่น้ำสายยาวคงจะจุได้ไม่หมด

ประมุขตระกูลอู๋กระดิกนิ้ว แสงสีม่วงสายหนึ่งก็ลอยเข้าไปในขวานศึกสีม่วงทองพร้อมตะโกน “ไป”

ขวานศึกสีม่วงทองถูกขว้างออกไปในทันที ขวานลอยสูงขึ้นและขยายใหญ่ขึ้น มุ่งเป้าไปที่ทางช้างเผือกและตัดฉับลงมาอย่างแรง

เสียงระเบิดอย่างรุนแรงจากการปะทะกันของปราณวิญญาณดังขึ้น ทางช้างเผือกสีม่วงจู่ๆ ก็สั่นไหว ชั่วพริบตาเดียวก็แตกสลาย ขวานศึกสีม่วงทองพร้อมด้วยแสงวูบวาบพุ่งตรงไปทางมั่วชิงเฉิน

ตู้รั่วที่ยืนรออยู่บนชายฝั่งไม่ไหวติง มือกำหมัดแน่น

มั่วชิงเฉินยื่นมือทั้งคู่ออกมา กริชฟันปลาพลันปรากฏขึ้น นางส่งกริชฟันปลาขึ้นไปปะทะกับขวานศึกสีม่วงทองที่พุ่งมาทางนี้

เสียงปะทะดังสนั่น ผิวน้ำเกิดคลื่นจำนวนมากขึ้นอย่างฉับพลัน เงาร่างสีครามแลดูไม่มีกำลังยืนอยู่กลางคลื่นลมที่โหมกระหน่ำ ราวกับใบไม้ที่ร่วงหล่น สั่นไหวไร้ที่พึ่ง

ขวานศึกสีม่วงทองขนาดยักษ์ น้ำหนักประมาณภูเขาขนาดย่อมกดลงมา

มั่วชิงเฉินกัดริมฝีปาก ใช้ปลายเท้าทั้งสองข้างถีบและทะยานขึ้นในทันที แสงวิญญาณของกริชฟันปลาเปล่งประกาย บังคับให้ขวานศึกสีม่วงทองถอยร่นไปหลายฉื่อ

“ขวานศึกเก้าชั้นฟ้า!”ประมุขตระกูลอู๋เปล่งเสียงออกมาอย่างชัดถ้อยชัดคำ ภาพมายาของขวานศึกมุ่งตรงมา ชั่วพริบตาเดียวก็ซ้อนทับกับขวานศึกสีม่วงทองที่ทับลงมาบนศีรษะของมั่วชิงเฉิน

ทันใดนั้นมั่วชิงเฉินก็รู้สึกว่าขวานศึกสีม่วงทองหนักขึ้นหนึ่งส่วน นางถูกกดลงจนร่างกายไม่อาจฝืน

ตามมาด้วยภาพมายาที่เข้าไปในขวานศึกสีม่วงทองซ้ำแล้วซ้ำเล่า ในตอนที่ภาพมายาภาพที่หกเข้าไปในขวานศึก ปลายเท้าของมั่วชิงเฉินก็สัมผัสกับผิวน้ำเสียแล้ว

มุมปากของประมุขตระกูลอู๋ยกขึ้นเป็นรอยยิ้มเย็นชา

มั่วชิงเฉินกัดฟัน หูได้ยินเสียงกริชฟันปลากับขวานศึกสีม่วงทองกำลังปะทะกันดังเอี๊ยดอ๊าด เสียงยิ่งแสบแก้วหูขึ้นเรื่อยๆ

ภาพมายาภาพที่เจ็ดลอยมาแล้ว

ไหมเกล็ดน้ำแข็งหนีลงไปในน้ำ กลายเป็นดุจหางปลาเมื่อสัมผัสกับปลายเท้าของมั่วชิงเฉิน เกล็ดสีเงินสะท้อนแสงเรืองรองท่ามกลางคลื่นที่โหมกระหน่ำ

หางปลาและขาทั้งสองข้างของนางรวมเป็นหนึ่ง มั่วชิงเฉินเพิ่มพลังวิญญาณขึ้นทันที

เสียงปังดังขึ้น คลื่นสูงสิบจั้งบีบให้ขวานศึกสีม่วงทองต้องถอยไปหนึ่งก้าว

ครู่ต่อมา ก้อนอิฐก็หลุดจากมือตกลงไปใต้ท้องทะเล ขยายใหญ่ขึ้นจนสูงใหญ่ เพื่อหยุดยั้งขวานศึกสีม่วงทอง

ในตอนที่ภาพมายาที่แปดเข้าไปในขวานศึกสีม่วงทอง ขวานศึกที่กดทับลงมาก็หนักอึ้งประหนึ่งภูเขา

ก้อนอิฐแหวกฟ้าเสมือนมีรากยึดไว้กับใต้ทะเล ภูเขาไท่ซานก็มิอาจเทียบ

ในที่สุดภาพมายาที่เก้าก็ร่วงหล่นลง แสงวิญญาณขวานศึกสีม่วงทองกะพริบหนึ่งครา กดลงอีกครั้งบนพลังที่ไม่สามารถต่อต้านได้ซึ่งสูงเสียดฟ้า ตามด้วยเสียงสะเทือนแผ่วเบา ครู่เดียวก็ถูกหั่นเลื่อย

มั่วชิงเฉินเก็บกริชฟันปลา แค่นหัวเราะเสียงเย็นออกมาหนึ่งครั้ง มือซ้ายถือคันธนูมือขวาดึงสายธนู ศรยาวสีทองพุ่งออกไป นางขู่เสียงเบา “หากไม่โต้ตอบเกรงว่าจะเสียมารยาท สหายอู๋คงต้องระวังตัวเสียหน่อยนะ!”

ศรแหลมคมพุ่งผ่านแสงวิญญาณคลื่นยักษ์ มุ่งตรงไปยังหว่างคิ้วของประมุขตระกูลอู๋

ประมุขตระกูลอู๋ยื่นมือขวาออกมา ปลายนิ้วมีแสงวิญญาณวาบประกาย ตามด้วยนิ้วชี้กับนิ้วกลางที่คีบศรแหลมคมเอาไว้ได้

ใบมีดของศรแหลมคมไร้เทียมทาน ศรที่พุ่งออกไปราวกับคมมีด ทำให้ใบหน้าของประมุขตระกูลอู๋เป็นรอยแผลเล็กๆ

ด้วยแรงของศร ร่างกายของเขาถอยหลังไปสองสามก้าวก่อนจะหยุดลง มือปัดศรแหลมคมออก ชั่วพริบตาขวานศึกสีม่วงทองก็กลับมาอยู่ในมือของเขาอีกครั้ง พลันถ่ายเทพลังวิญญาณเข้าไปในขวานศึกสีม่วงทอง พยัคฆ์สีม่วงทองตัวหนึ่งก็ค่อยๆ โผล่ออกมาจากขวานศึกสีม่วงทอง มันเงยหน้ามองท้องฟ้าและคำรามออกมาก่อนจะพุ่งตัวไปทางมั่วชิงเฉิน

วิญญาณขวาน!

มั่วชิงเฉินเพ่งสายตา มือประหนึ่งลูบไล้เครื่องสาย แสงของศรสายหนึ่งทาบทับลงบนธนูเขียวซ่อนเร้น กลายเป็นวิหคสีดำขนาดใหญ่ปากสีแดงเท้าสีแดงพุ่งตรงไปยังพยัคฆ์สีม่วงทอง

พยัคฆ์เฒ่าคำรามเสียงต่ำ วิหคขนาดใหญ่ร้องเสียงใส หนึ่งวิหคหนึ่งพยัคฆ์สู้รบกันอย่างดุเดือด

แสงสีม่วงและสีดำไล่กวดกัน ก่อนจะตกลงบนทะเลก่อให้เกิดหลุมเล็กที่มองไม่เห็นก้น

กระแสลมทวีความรุนแรงขึ้นในทุกขณะ หลุมเล็กๆ เหล่านั้นหมุนวนดูดกระแสลมรอบๆ เข้าไปจนสิ้น หลุมเหล่านั้นใหญ่ขึ้นและรวมเข้าด้วยกันช้าๆ จนกลายเป็นหลุมสีดำขนาดมหึมา

ด้านบน พยัคฆ์สีม่วงทองและวิหคสีดำขนาดใหญ่กำลังต่อสู้กันอย่างดุเดือด หลุมสีดำด้านล่างเองก็ใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ แรงดึงดูดก็แรงขึ้นตามลำดับ ในตอนที่พยัคฆ์สีม่วงทองและวิหคสีดำขนาดใหญ่ปะทะกันอีกคราและประกายไฟที่กระจายออกมาถูกดูดเข้าไปในหลุมดำ หลุมดำพลันแปรเปลี่ยนเป็นมังกรวารีสีฟ้าพุ่งตัวขึ้นมา

ยามทั้งสามฝ่ายชนกันก็เกิดเป็นแสงแวววาวเสียจนแสบตา หลังแสงสว่างดับลง เห็นเพียงวิหคสีดำขนาดใหญ่จู่ๆ ก็กลายเป็นประกายพลังวิญญาณกระจัดกระจายและค่อยๆ หายไป ร่างของพยัคฆ์สีม่วงทองเองก็กะพริบวาบเลือนราง มันกำลังฝืนร่างกายที่ยับเยินและยื่นกรงเล็บออกมาตะปบมั่วชิงเฉินเอาไว้

ที่แท้ก็เป็นเพราะระดับขั้นที่เหนือกว่านาง!

มั่วชิงเฉินหรี่ตาทั้งสองข้างลงครึ่งหนึ่ง ลงมือใช้ธนูเขียวซ่อนเร้นอีกครั้ง แสงสว่างสีฟ้าน้ำแข็งแหวกผ่านท้องฟ้าอันกว้างใหญ่ ตรงไปยังภายในกายของพยัคฆ์สีม่วงทอง

เสียงคำรามด้วยความเจ็บปวดดังขึ้น ร่างกายขนาดมหึมาของพยัคฆ์สีม่วงทองหยุดเคลื่อนไหวอยู่กลางท้องฟ้า

ลมหนาวเข้ากระดูกจากร่างของพยัคฆ์กระจายไปทั่วสารทิศ เกลียวคลื่นรอบกายพลันกลายเป็นแท่งน้ำแข็งในชั่วพริบตา

แท่งน้ำแข็งนับร้อยแท่งปรากฏขึ้นมาอย่างไร้ที่มาเช่นเดียวกันกับผิวน้ำทะเลก็กลายเป็นน้ำแข็ง

ผิวน้ำทะเลอันกว้างใหญ่ ทันใดนั้นก็มีภูเขาน้ำแข็งตั้งตระหง่านอยู่มากมาย

“สหายช่างมีฝีมือยิ่งนัก!” ประมุขตระกูลอู๋สีหน้าเย็นยะเยือก สองมือกางออกและเหาะเข้ามาอย่างรวดเร็ว

ดวงแสงกลมๆ สีม่วงทองค่อยๆ เผยออกมา เพียงแค่ยื่นปลายนิ้วออกมาเล็กน้อย ดวงแสงสีม่วงทองเหล่านั้นต่างรีบลอยเข้าไปในขวานศึกสีม่วงทอง

แสงวิญญาณของขวานศึกสีม่วงทองพุ่งขึ้นไปยังท้องฟ้าสีครามด้วยพลังอันน่าทึ่ง

ชั่วครู่นั้น ท้องฟ้าคล้ายกับถูกแบ่งเป็นสองส่วน มืดมิดลงโดยพลัน

ท้องฟ้ามืดแค่ชั่วเวลาสั้นๆ หลังกลับมาสว่าง แสงแดดจ้าก็ไม่เหลือให้เห็นแล้ว ท้องฟ้าสีครามถูกแบ่งเป็นสองฝั่ง ขวานศึกสีม่วงทองส่งแสงสีม่วงสายหนึ่งเข้าไปกลางรอยแยกนั้น

สายฟ้าผ่าลงกลางท้องฟ้าผืนมหึมาที่กำลังแปรปรวน ส่องสว่างใบหน้าหวาดกลัวจำนวนนับไม่ถ้วน สายฟ้าสีม่วงพลันพุ่งตรงไปยังมั่วชิงเฉิน

มั่วชิงเฉินที่รู้ว่าถึงเวลาสำคัญเมื่อประมุขตระกูลอู๋ใช้พลังวิญญาณ นางรีบเก็บของวิเศษทุกอย่างจนเกลี้ยง มือทั้งสองข้างประกบกัน จากนั้นก็ขยับอย่างอ่อนช้อยและรวดเร็ว ประหนึ่งผีเสื้อหยอกเหย้าบุปผา

ชั่วพริบตานั้น ระบำนิ้วมือก็สิ้นสุดลง เกิดเป็นเคล็ดวิชานิ้วพันหมื่นสาย สุดท้ายรวมกันเป็นเส้นสีมรกตแขวนอยู่ระหว่างมือ

มั่วชิงเฉินรับไว้กลางระหว่างอก และดันออกมาข้างนอก จากนั้นพูดออกมาอย่างชัดถ้อยชัดคำ “คลื่นมรกตเทใจ…”

เส้นสีมรกตเสมือนลำแสงที่ถูกยิงออกไป กลายเป็นกระบี่ยาวหนึ่งเล่มที่โอบล้อมไปด้วยรัศมีมรกต ฟันลงบนอัสนีสีม่วงอย่างรุนแรง

เสียงดังกึกก้อง คลื่นสูงเทียมฟ้า เมฆหนาทึบบนท้องฟ้าม้วนตัว เสมือนท้องฟ้ากำลังถล่มแผ่นดินกำลังทลาย

ชาวบ้านหมู่บ้านดอกสาลี่ต่างกลัวจนก้าวเท้าไม่ออก

ผู้บำเพ็ญเพียรในระยะหมื่นลี้ต่างได้ยินการเคลื่อนไหวนี้ ต่างพากันเหาะขึ้นไปในอากาศเพื่อดูการปะทะปราณวิญญาณอันดุเดือดนี้จากระยะไกล

ที่แห่งหนึ่ง คนสองคนที่กำลังเล่นหมากรุกก็หยุดในฉับพลัน ต่างลุกขึ้นยืนอย่างเงียบๆ และมองไปทางหมู่บ้านดอกสาลี่

“ปราณวิญญาณปะทะกันรุนแรงเยี่ยงนี้ ก่อเกิดฟ้าดินแปรปรวน การประมือกันระหว่างผู้บำเพ็ญเพียรระดับก่อแก่นปราณครั้งนี้ไม่ธรรมดาเลย” คนผู้หนึ่งเอามือไขว้หลัง เอ่ยเสียงเบา

คนข้างๆ พูดด้วยน้ำเสียงลังเล “ฝ่ายหนึ่งคงเป็นเจ้าหนุ่มตระกูลอู๋ ขวานม่วงสะท้านฟ้าของเขาขึ้นชื่อว่ายอดเยี่ยม แต่ผู้บำเพ็ญเพียรระดับก่อแก่นปราณอีกคนสามารถสู้กับเจ้าหนุ่มตระกูลอู๋ผู้บำเพ็ญเพียรระดับก่อแก่นปราณขั้นสมบูรณ์ได้อย่างเท่าเทียม ข้าคิดว่าน่าสนใจไม่น้อย ”

ชายก่อนหน้าเอียงหน้ามายิ้ม พลางพูดด้วยสีหน้าอ่านไม่ออก “หรือว่าไม่เท่าเทียม”

บนท้องฟ้าเหนือผิวน้ำทะเล ต้นเหตุทั้งสองอยู่ห่างกัน หยุดนิ่งอยู่ท่ามกลางสภาพแวดล้อมอันตรายครู่ใหญ่ จนท้องฟ้าปลอดโปร่ง ผิวน้ำทะเลเรียบสงบไร้คลื่น มองสีหน้าเป็นปกติของมั่วชิงเฉิน ในที่สุดประมุขตระกูลอู๋ก็ถอยหลังครึ่งก้าว พูดอย่างจำใจ “ผู้แซ่อู๋ แพ้แล้ว”

พูดจบก็โบกแขนเสื้อ พาอาวุโสอู๋และเจ้ารองตระกูลอู๋หนีไปไกล

พันธกานต์ปราณอัคคี

พันธกานต์ปราณอัคคี

Status: Ongoing

สาวชนบทชีวิตอาภัพคนหนึ่งเท่านั้น เมื่อมีจอมยุทธ์ผู้หนึ่งมารับตัวนางกลับไปยังตระกูลผู้บำเพ็ญเพียรของบิดา ตั้งแต่นั้นชีวิตของนางจึงพลิกผันไปโดยพลัน ถึงกระนั้นพรสวรรค์ของนางกลับมิได้ล้ำเลิศเฉกเช่นบิดา ยังดีที่มี ‘สุราทิพย์’ คอยช่วยเหลือ และนำพานางไปสู่เส้นทางที่คนธรรมดาได้แต่วาดฝันถึง ในเส้นทางสายนี้ยังมีเรื่องราวอีกไม่น้อยที่นางนั้นคาดไม่ถึง ทั้งออกผจญภัยปราบปีศาจสยบอสูร ปลูกสมุนไพรหลอมโอสถ โดนข่มเหงกีดกันเพราะความอ่อนด้อยจนไม่ต่างกับเป็นคนรับใช้ผู้หนึ่ง และไม่ทันได้เตรียมใจว่าจะพานพบกับรสรักที่ล้ำลึกเสียจนมิอาจถอน แรงดึงดูดที่ไม่อาจต้านทานผูกนางกับเขาอย่างไร้หนทางแยกจากกันได้… หนทางแห่งการบำเพ็ญเพียร ช่างเปลี่ยนไปมาจนมิอาจคาดเดาได้ เขาจะเป็นคนรับใช้ที่โดดเด่นในโลก (อดีต) แห่งนี้ให้ดู!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท