“มันไม่เหมือนกัน ผมจะกลับไปจัดเลี้ยงงานแต่งงาน พอถึงตอนนั้นไปร่วมงานก็จะได้ไม่มีปัญหา? แต่คุณก็เห็น ตอนที่ผมบอกว่างานแต่งงานของเราจัดขึ้นในเดือนกันยายน เขาก็ไม่สนใจที่จะพูดถึงเรื่องนี้ต่อเลย” ฉินสือโอวกล่าว
สำหรับเรื่องแบบนี้ เขาเกลียดเข้ากระดูกดำมาก เดิมทีก็เป็นแค่ความสัมพันธ์แบบเพื่อนร่วมชั้นทั่วไป แต่พอหลังเรียนจบแล้วก็ไม่ติดต่อกันเลยและปกติก็ไม่มีข่าวคราวอะไรเลยแล้วพอเราแต่งงานมีลูกก็โทรมา นี่มันหมายความว่าอะไร?
ฉินสือโอวมีนิสัยแบบนี้ ปกติจะเล่นด้วยกับทุกคน แม้ว่าจะเป็นแค่การพูดคุยกันแค่ในอินเทอร์เน็ตไม่กี่ประโยคก็ตาม แต่เมื่อพบปัญหาเขาก็จะไม่ยอม และโดยปกติแล้วจะไม่มีการติดต่อใดๆ เลยและเมื่อเรื่องได้มาถึงตัวแล้วค่อยนึกถึงตัวเอง ช่างมันเถอะ เรื่องนี้ผมไม่เคยเอามารวมกันอยู่แล้ว
หลังจากหยอกล้อลูกสาวสักพัก ฉินสือโอวก็กล่อมเธอนอน เจ้าตัวเล็กจะเชื่อฟังมากในตอนกลางคืน เดาว่าเมื่อเห็นหู่เป้าฉงหลัวเข้านอนตรงเวลา พอถึงตอนนั้นเธอก็จะหลับตานอน
ในขณะที่กำลังกล่อมลูกให้นอนหลับ ฉินสือโอวก็แสดงท่าทางยิ้มเยาะใส่วินนี่และหันตัวเข้าหาเธอ
วินนี่หัวเราะเบาๆ พลางผลักเขาออกไปและพูดว่า “คุณบอกว่าคุณอายไม่ใช่เหรอไง? ลูกสาวก็นอนอยู่ข้างๆ คุณจะทำอะไร?”
“คุณกำลังพูดเรื่องอะไร? ผมอยากทำลูก” ฉินสือโอวพูดอย่างหนักแน่น
“แหนะ ตรงนั้นก็มีเด็กหนึ่งคนแล้วไงคะ” วินนี่ชี้ไปที่เสี่ยวเถียนกวาที่กำลังหลับสนิทพร้อมกับพูดยิ้มหวานไปด้วย
ฉินสือโอวกอดเธอไว้และทำตัวไม่มีเหตุผลแล้วพูดว่า “เธอยังขาดน้องชายและน้องสาวนะ”
สำหรับคืนนี้ก็จบลง เช้ารุ่งขึ้นเกาะแฟร์เวลจึงมีหมอกหนาเกิดขึ้น
อากาศแบบนี้เป็นเรื่องปกติสำหรับหมู่เกาะ เกาะแฟร์เวลในหนึ่งปีหรือสามร้อยหกสิบห้าวันต้องมีร้อยวันที่มีทะเลหมอกปกคลุม แต่เนื่องจากลมทะเลแรงและมีแดดจัด ปกติจึงมักจะมีหมอกในตอนเช้าและฟ้าโปร่งในตอนบ่าย
วันนี้หมอกลงหนักมาก หลังจากฉินสือโอวเปิดหน้าต่างได้สักพัก วินนี่ก็รู้สึกว่าผ้าห่มและที่นอนชื้น เธอจึงลืมตาอย่างสะลึมสะลือขึ้นมาและพูดว่า “ปิดหน้าต่างเถอะค่ะ มันชื้นเกินไปจะไม่ดีต่อผิวของเสี่ยวเถียนกวานะคะ”
ฉินสือโอวยิ้มและปิดแง้มหน้าต่างไว้ จากนั้นก็ไปออกกำลังกายตอนเช้าตามปกติ
แบล็คไนฟ์และคนอื่นๆ ก็กำลังวิ่งในตอนเช้า แต่หมอกหนามาก จนทำให้ไม่สามารถมองเห็นในระยะสี่ถึงห้าเมตรได้ ฉินสือโอวต้องวิ่งไปข้างหน้าเท่านั้นถึงจะมองเห็นเงาคน
ด้วยเหตุนี้ เขาจึงอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมาแล้วพูดว่า “พระเจ้า ทำไมวันนี้ถึงได้มีหมอกหนาขนาดนี้นะ?”
“ใช่ หมอกหนามาก กรมอุตุนิยมวิทยาเซนต์จอห์นได้ประกาศคำเตือนหมอกสีแดง ให้ท่าเรือ สนามบินและทางหลวงปิดทั้งหมด” แบล็คไนฟ์กล่าว
ทริกเกอร์พูดแทรกขึ้นว่า “ดูท่าจะไม่ค่อยดีแล้ว หมอกหนาในครั้งนี้ไม่ใช่สิ่งที่จะสามารถแก้ไขได้ภายในวันครึ่ง อีกอย่างตามความเห็นของกรมอุตุนิยมวิทยาบอกว่าอีกสองหรือสามวันต่อมาก็จะมีหมอกหนาแบบนี้”
“นี่มันเรื่องอะไรกัน? ทำไมจู่ๆ ถึงมีหมอกหนาขนาดนี้ล่ะ?” ฉินสือโอวพูดด้วยความแปลกใจ
สองปีครึ่งที่แล้วที่เขามาที่เกาะแฟร์เวล ผ่านประสบการณ์ในวันที่มีหมอกมาก็มาก แต่ก็ไม่เคยเห็นหมอกที่รุนแรงขนาดนี้มาก่อน
เหล่าทหารยักไหล่ใส่แสดงออกว่าพวกเขาไม่รู้ ฉินสือโอวเช็ดน้ำออกจากผม นี่ไม่ใช่เหงื่อ แต่เป็นน้ำที่เกิดจากหมอกเกาะตัวบนเส้นผมของเขา
ในสภาพอากาศแบบนี้ไม่สามารถออกกำลังกายตอนเช้าได้ เพราะจะทำให้เสื้อผ้าเปียกชื้นและไอน้ำก็รุนแรงเกินไป
แต่มันก็สะดวกสบายสำหรับฉินสือโอว เขาไปที่ชายหาดเพื่อเอากระดองแมลงยักษ์ที่หมึกยักษ์ส่งมาให้ที่ชายทะเลและเขาไม่จำเป็นต้องซ่อน เขาเดินแบกกระดองกลับไปที่วิลล่า ระหว่างนั้นก็เห็นเงาคนสองสามคนผ่านไป แต่ก็ไม่รู้ว่าพวกเขาเป็นใคร
หลังทานอาหารเช้าเสร็จ สถานีตำรวจแห่งเกาะแฟร์เวลก็ออกประกาศเตือนสีแดงว่า ให้ประชาชนรีบปิดประตูและระวังมีคนมาขโมยของ ด้วยสภาพอากาศแบบนี้กล้องวงจรปิดจะหยุดการใช้งาน ต่อให้มีใครก่ออาชญากรรม ก็แทบจะตรวจจับไม่ได้
แม้ว่าที่ฟาร์มปลา หมอกจะไม่มีผลต่อเรดาร์
แต่สำหรับความรู้สึกของมนุษย์แล้ว การเกิดหมอกส่งผลกระทบเป็นอย่างมาก
ในช่วงตอนเที่ยง ร่องรอยของเรือประมงสองลำก็ปรากฏขึ้นบนเรดาร์อย่างต่อเนื่อง ส่วนพวกมันมาทำอะไรนั้น ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าต้องฉวยโอกาสมาขโมยปลาในสภาพอากาศที่มีหมอกหนาแบบนี้อย่างแน่นอน
ฉินสือโอวโกรธคนพวกนี้จนแทบจะทนไม่ไหว ไม่น่าให้อภัยจริงๆ เขาใช้มาตรการมาตั้งมากมายและคิดว่าจะป้องกันการขโมยปลาได้ คิดไม่ถึงว่าคนเหล่านี้มุ่งมั่นที่จะคว้าโอกาสที่มีอยู่และใช้โอกาสที่มีอยู่ทั้งหมดพยายามหาทางมาขโมยปลาไปให้ได้
แบล็คไนฟ์ก็จนปัญญาเช่นกัน จึงด่าออกไปว่า “ฟัค! พวกเขายังเห็นกฎหมายอยู่ในสายตาบ้างไหม? แม้ว่าจะไม่เห็นกฎหมายก็เถอะ แล้วเคยตระหนักถึงปลอดภัยบ้างไหม? อากาศแบบนี้ยังกล้าออกทะเล ไม่กลัวจะชนหินหรือเรือล่มบ้างเหรอไง?”
ทริกเกอร์ไม่เข้าใจจึงพูดว่า “ท่าเรือก็ปิดไปแล้วไม่ใช่เหรอ? เรือประมงพวกนี้จะออกมาได้อย่างไร?”
ชาร์คหัวเราะและพูดว่า “พวกเขาคือเรือผี…”
“ให้ตายสิ!” พวกทหารถอนหายใจ “อากาศแบบนี้อย่าพูดถึงเรื่องที่น่ากลัวแบบนี้เลยดีกว่าไหม?”
“เรือผีลำนี้ไม่ใช่เรือที่เราพูดถึงกันทั่วไป ตอนนี้พวกเขากำลังลอยอยู่ในทะเลและไม่สามารถเข้ามาท่าเรือหรือหยุดได้ พวกเขาทำได้เพียงลอยไปมาในทะเลได้เท่านั้น นายว่านี่เหมือนกับเรือผีไหมล่ะ?” ชาร์คอธิบาย
ฉินสือโอวปรบมือและพูดว่า “เอาล่ะ เอาล่ะ พวกนายหยุดคุยกันตรงนี้เถอะ คนพวกนี้กำลังจะขโมยเงินเรานะ พวกนายต้องรู้ว่า แค่พวกเขาไม่ได้งมตาข่ายขึ้นมา ก็ไม่ได้หมายความว่าพวกนายจะถูกลดเงินโบนัสในช่วงปลายปี…”
“ไอ้พวกสาระเลวพวกนี้นี่! บอส เราต้องให้บทเรียนสักอย่างกับพวกเขาแล้วล่ะ ส่งเรือผีไปทำให้พวกเขาตกใจดีไหม?” พวกทหารพอได้ยินว่าจะมีคนมาขโมยเงินของตัวเองเริ่มฮึกเหิมกันขึ้นมาทันที
“ความคิดดี สภาพอากาศแบบนี้เหมาะมากสำหรับเอาเรือผีออกโจมตีมาก แต่นี่ก็ยังไม่เท่ากับการบอกกับผู้คนว่าเรือผีมีส่วนเกี่ยวข้องกับฟาร์มปลาของเรา ใช่ไหม? ตอนนี้ฟลาวเวอร์ฟอกซ์ก็ได้ปรากฏขึ้นในฟาร์มปลาบ่อยขึ้นแล้ว” ชาร์คคัดค้านและพูดว่า “จะคิดมากไปทำไม? ส่งเรือยนต์ความเร็วสูงไป ทิ้งขีปนาวุธใส่พวกเขา ขีปนาวุธของเรายังไม่เคยถูกใช้เลยสักครั้ง!”
แบล็คไนฟ์แยกเคี้ยวออกมาและหัวเราะเยาะแล้วพูดว่า “หรือเราจะใช้เครื่องบินขับไล่พวกเขาออกไปและใช้ประโยชน์จากสภาพอากาศที่เต็มไปด้วยหมอกว่าเรามองเห็นไม่ชัด จึงทำให้พวกเขาปะทะกันเอง”
ฉินสือโอวฟังคนกลุ่มหนึ่งกำลังคุยกันว่าจะจัดการกับเรือประมงทั้งสองลำอย่างไร แล้วก็อดไม่ได้ที่จะยกนิ้วหัวแม่มือให้
และมันก็เป็นการตัดเส้นทางการหาเงินของคนอื่นจริงๆ หลังจากเข้าใจแล้วว่าปลาที่คนพวกนี้ขโมยไปนั้นเกี่ยวข้องกับโบนัสของตัวเอง ชาวประมงและทหารจึงแสดงความคิดเห็นออกมาทีละคนๆ ซึ่งก็แย่มากขึ้นเรื่อยๆ สุดท้ายก็กลายเป็นเรื่องที่น่ากลัวอย่างรวดเร็ว
การจัดการกับเรือสองลำนี้ จริงๆ แล้วเป็นเรื่องที่ง่ายมาก บังเอิญที่ตำแหน่งของพวกเขาอยู่ไม่ไกลจากที่ที่คราเคนนอนอยู่ เขาจึงคิดในใจว่าถือโอกาสนี้ส่งคราเคนออกไปจัดการพวกเขาและเพิ่มสีสันตำนานให้กับน่านทะเลผืนนี้สักหน่อยก็พอแล้ว
จิตสำนึกแห่งโพไซดอนหาคราเคนเจอ มันกำลังนอนหลับอยู่ที่ก้นทะเล ดูเหมือนว่าฉลามวัวที่กินอย่างอิ่มหนำสำราญเมื่อคืนนี้จะทำให้มันกินจนพอใจมาก
ฉินสือโอวใช้จิตสำนึกแห่งโพไซดอนแทนจิตสำนึกของมันพ่นไอน้ำให้ลอยขึ้นสู่ผิวน้ำอย่างช้าๆ
เนื่องจากสาเหตุทางโครงสร้าง เมื่อหมึกยักษ์ลอยจากทะเลลึกมาถึงน้ำตื้น จะทำให้เกิดอาการชาของกล้ามเนื้อ ดังนั้นนอกเหนือจากเทพปกรณัมนอร์สแล้ว ผู้คนจะไม่สามารถเห็นเหตุการณ์หมึกยักษ์โจมตีเรือขึ้นในชีวิตจริงได้
ในการต่อสู้กับสัตว์ประหลาดใต้ทะเลลึก วาฬหัวทุยจะจัดการกับหมึกยักษ์ด้วยวิธีนี้ เมื่อพวกมันเข้าไปพัวพันกับการต่อสู้ วาฬหัวทุยจะหาทางลอยขึ้น ขอแค่ลอยขึ้นไปถึงน้ำตื้น หมึกยักษ์ชั่วร้ายตัวนั้นก็จะยอมแพ้
แต่หมึกยักษ์ชั่วร้ายจะใช้อวัยวะในตัวดูดช่องระบายอากาศของวาฬหัวทุยจนมันหายใจไม่ออกตาย ก่อนที่มันจะขึ้นสู่ผิวน้ำ
แผนของฉินสือโอว ก็คือปล่อยให้ตำนานที่ถูกจัดฉากให้เกิดขึ้นจริง
……………………………………………………….