ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – บทที่ 1230 การประชาสัมพันธ์ที่สุดยอดที่สุดในการหาเสียง

บทที่ 1230 การประชาสัมพันธ์ที่สุดยอดที่สุดในการหาเสียง

สถานการณ์เป็นไปอย่างปกติ บอลลูนลอยไปในความเร็วช้าสลับกัน ความเร็วช้าของมันถูกกำหนดจากแรงลม เนื่องจากส่วนมากแล้วบอลลูนมีระบบไฟฟ้า ดังนั้นความเร็วของมันจึงขึ้นอยู่กับความเร็วของลม

แต่ว่าระบบของอาร์เกนเจอร์นั้นไม่เหมือนกัน มันมีระบบขับเคลื่อนอยู่หนึ่งระบบ นั่นก็คือเครื่องอัดแก๊สแบบตัวเลื่อน เครื่องนี้สามารถดูดอากาศได้ หลังจากนั้นมันก็จะทำการบีบอัดฉีดลมออกมา ทำให้บอลลูนเคลื่อนที่ได้

ทิศทางการฉีดของเครื่องอัดนี้เป็นแบบแนวนอน หน้าที่ของมันคือการเปลี่ยนทิศทางการลอยของบอลลูน อย่างไรก็ตามวัตถุประสงค์ของการใช้บอลลูนโรเซลก็คือการเดินทางรอบโลกได้สำเร็จ บางครั้งทิศทางลมก็ไม่เอื้ออำนวยต่อการเดินทางของบอลลูน จึงจำเป็นต้องใช้เครื่องกลในการเผชิญหน้ากับมัน

จอห์นสันให้นักบินสาธิตให้ฉินสือโอวดู เมื่อเครื่องอัดลมทำงาน เสียงของมันนั้นดังมาก ราวกับเสียงปืนใหญ่ ก๊าซที่ถูกปล่อยออกมาเกิดปฏิกิริยาตอบสนอง มันดันบอลลูนลอยไปยังทิศทางของเกาะ

ฉินสือโอวรู้สึกได้ว่า ความเร็วของมันไม่เพิ่มขึ้นสักเท่าไหร่ ดูเหมือนว่าหน้าที่หลักของเครื่องอัดลมนี้จะเป็นการเปลี่ยนทิศทางการลอยตัวเสียมากกว่า

ภายใต้สายลมที่พัดไปมา บอลลูนลอยตามสายลมมาตลอดทาง มันลอยออกมาจากนครเซนต์จอห์นช้าๆ ผ่านท่าเรือ และเข้ามายังน่านน้ำมหาสมุทร

ในขณะที่บอลลูนกำลังลอยอยู่ ความสูงของมันก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ มีเพียงความเร็วเท่านั้นที่ช้ามาก นักบินแจ้งว่ามันสามารถเพิ่มความเร็วได้เพียงประมาณห้าเมตรต่อวินาทีเท่านั้น แต่เนื่องจากบางครั้งเขาก็ต้องคอยปรับทิศทางการเดินทางเป็นครั้งคราว ทำให้บางครั้งบอลลูนก็ลอยต่ำลง เมื่อลอยต่ำลงความเร็วก็เพิ่มขึ้นมาเล็กน้อย ทำให้เร็วถึงหกเมตรต่อวินาที

ผู้โดยสารด้วยบอลลูนไม่สามารถใจร้อนได้ ความเร็วของมันช้ามาก ปัจจุบันการนั่งบอลลูนจึงใช้สำหรับนั่งเล่นและชมวิวทิวทัศน์เท่านั้น

จอห์นสันเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการพูดคุย หลังจากที่รู้ว่าฉินสือโอวชอบบาสเกตบอล เขาก็คุยกับฉินสือโอวเรื่องเอ็นบีเอ พูดถึงทีมโทรอนโตแร็ปเตอร์ พูดคุยเกี่ยวกับเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยที่เขารู้เกี่ยวกับกีฬาบางประเภท การทำเช่นนี้ก็เพื่อเป็นการฆ่าเวลา

ฉินสือโอวไม่รู้สึกเบื่อเลย เขาจับถังนิรภัยและมองออกไปข้างนอก แดดยามบ่ายนั้นร้อนแรง ทำให้แสงที่ส่องเข้ามาให้ห้องนิรภัยทำให้อากาศอบอุ่นขึ้น แบบนี้แม้ว่าจะมีลมพัดแรงกรีดร้องไปมาในอากาศ แต่ทั้งสองฝ่ายก็สามารถหักล้างกันได้อากาศอบอุ่นกำลังดี ไม่ร้อนไม่หนาวเกินไป

เมื่อพูดเรื่องเอ็นบีเอได้ครู่หนึ่ง จอห์นสันเห็นว่าฉินสือโอวไม่ได้สนใจมาก เขาจึงเปลี่ยนหัวข้อบทสนทนา เขาถามขึ้นว่า “คุณฉิน คุณซื้อบอลลูนแบบนี้ คุณมีใบอนุญาตเองหรือต้องการที่จะจ้างนักบินครับ? ถ้าหากว่าต้องการจ้างล่ะก็ ผมคิดว่าเรื่องนี้ผมสามารถช่วยคุณได้”

การบังคับบอลลูนในอากาศ ไม่ใช่ว่าใครก็สามารถทำได้ เหมือนกับการขับเครื่องบินที่จะต้องมีใบรับรอง ซึ่งมันก็คือใบรับรองการเป็นนักกีฬาบอลลูน

ฉินสือโอวไม่มีใบรับรองนี้ ที่ฟาร์มปลาไม่มีใครมี แต่ว่าเบิร์ด บีบีซวง ออสเปรพวกนั้นพวกเขามีใบรับรองการขับเฮลิคอปเตอร์ การสอบเอาใบรับรองเป็นนักกีฬาบอลลูนก็คงจะไม่กดดันเท่าไหร่

เขาพูดถึงสถานการณ์ของตัวเองออกมา จอห์นสันจึงแนะนำให้ถึงขั้นตอนและความรู้ที่จำเป็นจะต้องรู้ทั้งหมดที่จำเป็นต่อการสอบเอาใบรับรอง

“หากเป็นคนธรรมดา จำเป็นต้องมีอายุสิบหกปีบริบูรณ์ ไม่มีโรคหัวใจ หรือโรคความดันโลหิตจากพันธุกรรม และโรคที่กระทบต่อความสามารถอื่นๆ คุณต้องทำการตรวจร่างกายเสียก่อน เมื่อการตรวจร่างกายผ่านแล้วต่อไปคือการสอบภาคทฤษฎี ส่วนใหญ่เป็นการสอบ กฎระเบียบการบินเครื่องบิน พวก ‘กฎหมายการบิน’ พวกนั้น เมื่อผ่านพวกนี้แล้ว จะมีคนจากองค์กรการกีฬาบอลลูนระดับมืออาชีพเข้ามาฝึกอบรมให้คุณ หลังจากการอบรมเสร็จสิ้น จะมีการสอบที่จัดขึ้นโดยสำนักงานบริหารการบินพลเรือนแห่งชาติ ผู้ที่ผ่านการสอบพวกเขาก็จะออกใบอนุญาตการขับบอลลูนให้”

จอห์นสันพูดถึงหลักสากลอย่างง่ายก่อน จากนั้นจึงค่อยเน้นไปยังการวิเคราะห์สถานการณ์ของฉินสือโอว “จากที่คุณพูดมานั้น ลูกน้องคุณสามคนเป็นนักบิน แบบนั้นก็ง่ายเลย พวกเขาไม่ต้องตรวจร่างกายและก็ไม่ต้องสอบข้อสอบเกี่ยวกับกฎระเบียบการบิน สามารถเข้าไปรับการอบรมและรับใบรับรองมาก็ได้แล้ว”

เรื่องนี้ฉินสือโอวเข้าใจทั้งหมดแล้ว บริษัทอาร์เกนเจอร์สามารถรับหน้าที่ในการฝึกอบรมได้ เมื่อเขากลับไปเขาจะเลือกคนสองคนให้ตามจอห์นสันกลับไปยังบริษัทอาร์เกนเจอร์เพื่อรับการฝึกอบรม ไม่นานก็จะได้ใบรับรองนักกีฬาบอลลูนมาแน่

‘ใบขับขี่’ สำหรับบอลลูนนั้นมีสองแบบ ประกอบด้วยใบขับขี่ส่วนบุคคลและใบขับขี่เชิงพาณิชย์

‘ใบขับขี่’ ทั้งสองประเภทไม่ได้มีข้อกำหนดไว้ว่าสามารถขับบอลลูนประเภทใดได้บ้าง มันต่างกันที่จุดประสงค์ของการขับบอลลูนเท่านั้น การขับบอลลูนด้วยใบขับขี่ส่วนตัว ทำได้เพียงขับเล่นด้วยตัวเองเท่านั้น ไม่สามารถแสวงหากำไรได้ แต่ใบขับขี่เชิงพาณิชย์ สามารถสร้างรายได้จากการขับบอลลูนได้

แต่ใบขับขี่ทั้งสองแบบนี้สามารถใช้ทำงานร่วมกันได้ หลังจากที่ถือใบขับขี่ส่วนตัวและขับบอลลูนอยู่ในอากาศนานกว่าห้าสิบชั่วโมง ก็สามารถเปลี่ยนมาเป็นใบขับขี่เชิงพาณิชย์ได้

การควบคุมการคมนาคมทางอากาศของแคนาดาค่อนข้างหละหลวม อย่างน้อยเมื่อเทียบกับประเทศในเอเชียแล้ว พวกเขาไม่สามารถผ่อนปรนได้เลย เรื่องนี้เกี่ยวกับเรื่องในชาติของพวกเขาด้วย ประเทศนี้เป็นประเทศที่มีสนามบินและเครื่องบินมากที่สุดเป็นอันดับที่สองของโลก

หลังจากที่บอลลูนลอยสูงที่ระดับหนึ่งพันสองร้อยเมตร ลมก็เปลี่ยนมาพัดแรงขึ้น ดังนั้นความเร็วในการเดินทางจึงเพิ่มขึ้นมาอย่างกะทันหัน ฉินสือโอวสามารถบอกได้ว่าความเร็วตอนนี้เท่าไหร่เพราะไม่วัตถุใดอ้างอิงได้ แต่ก่อนที่พระอาทิตย์จะตกลงไปยังทะเลลึก พวกเขาก็ได้มาถึงน่านฟ้าของเกาะแล้ว

เกาะแฟร์เวลในช่วงปลายฤดูใบไม้ผลิต้นฤดูร้อน วิวทิวทัศน์ช่างสวยงาม มีเสน่ห์ดึงดูดผู้คน เมื่อมองจากด้านบนลงมา จะเห็นเป็นเกาะเป็นแผ่นสีเขียว จอห์นสันมองภาพนั้นแล้วพูดขึ้นมาด้วยความตกตะลึงว่า “พระเจ้า นี่เป็นไข่มุกแห่งมหาสมุทรแอตแลนติกชัดๆ และมันก็น่าตื่นตาตื่นใจที่สุด!”

ฉินสือโอวพูดขึ้นด้วยความภาคภูมิใจว่า “ใช่แล้ว ตอนนี้พวกเรากำลังมองไปยังไข่มุกอยู่ นี่คือจุดประสงค์ที่ผมซื้อบอลลูนมา เสน่ห์ของเกาะแฟร์เวลไม่สามารถสัมผัสได้จากการใช้ชีวิตบนเกาะ พวกเรายังต้องสังเกตจากข้างบนเลยถูกไหม?”

จอห์นสันมองดูวิวด้านล่างอย่างตั้งใจ พลางพูดขึ้นว่า “ผมหวังจริงๆ ว่าจะได้มาเกษียณที่นี่ ผมสามารถมาใช้ชีวิตวัยชราที่นี่ได้ แสงแดด ต้นไม้สีเขียว ภูเขา ทะเล การได้ตกปลาที่นี่คงจะสนุกไม่ใช่น้อย”

ฉินสือโอวหัวเราะออกมา “ผมยังไม่เคยตกปลาจากบอลลูนมาก่อนเลย ไม่แน่ว่าผมอาจจะลองดู ถ้าทำแบบนี้จะกลายเป็นสถิติโลกหรือเปล่านะ?”

การปรากฏตัวของบอลลูนดึงความสนใจของผู้คนที่อยู่ในเมืองได้อย่างรวดเร็ว หลังจากที่ผ่านเข้ามาในน่านฟ้าของเกาะ บอลลูนก็ค่อยๆ ลอยต่ำลง ทำให้รูปร่างอันสง่างามและหล่อเหลาของมันถูกเผยออกมา

แบบนี้ บอลลูนที่ลอยไปมาและค่อยๆ ร่อนลงต่ำเรื่อยๆ ก็มาถึงใจกลางเมืองอย่างรวดเร็ว

นักบินลดการปล่อยอากาศร้อนลงตามคำขอของฉินสือโอว ตอนนี้ปริมาณของฮีเลียมมีไม่เพียงพอ มันไม่สามารถรับน้ำหนักทั้งหมดของบอลลูนได้อย่างเต็มที่ ดังนั้นการควบคุมเตาเผาสามารถที่จะควบคุมการขึ้นลงของบอลลูนได้

หลังจากที่ลอยต่ำลงมาจนใกล้จะถึงพื้น ฉินสือโอวก็กางแบนเนอร์ที่เขาได้สั่งไว้ออกมาในแนวตั้ง มันมีทั้งหมดสี่อัน ด้านบนของแบนเนอร์แขวนไว้ที่ขอบของตะกร้า ส่วนด้านล่างแขวนไว้กับบล็อกตะกั่ว แม้ว่าลมทะเลจะพัดมา มันก็ยังคงลอยตั้งตรงอยู่เหนือเมือง

บนแบนเนอร์ได้เขียนคำประชาสัมพันธ์ให้วินนี่ทั้งภาษาอังกฤษและภาษาจีน โดยเป็นคำพูดที่โด่งดังของ รูสเวล ประธานาธิบดีของสหรัฐอเมริกาว่า “สาบานต่อพระเจ้า ผมจะรับผิดชอบต่อผู้ที่เลือกผม ตั้งแต่เกิดจนถึงวันตาย!”

จอห์นสันเข้าใจถึงสาเหตุและผลที่ฉินสือโอวทำเรื่องแบบนี้ เขามองไปยังแบนเนอร์ทั้งสี่อัน เขายิ้มออกมาพลางพูดขึ้นว่า “ผมกล้าพนันเลย นี่จะต้องเป็นประวัติศาสตร์ของแคนาดา นี่เป็นการหาเสียงเลือกตั้งที่สร้างสรรค์ที่สุด!”

ฉินสือโอวหัวเราะออกมา “ผมขอโม้ให้ตัวเองเสียหน่อยนะ เพื่อน นี่อาจจะไม่ได้ง่ายอย่างที่คุณเห็น เช่นว่าคุณต้องไม่รู้แน่ว่า ประโยคที่อยู่ในแบนเนอร์เคลือบด้วยผงเรืองแสงฮาโรฟอสแฟตแมงกานีส พอตกกลางคืนและมีแสงจันทร์สาดส่อง คำบนแบนเนอร์จะยิ่งเรืองแสงมากกว่าเดิม!”

บ้านพักในฟาร์มปลาที่อยู่ไกลออกไป วินนี่กอดอกแล้วมองไปยังท้องฟ้าพลางยิ้มออกมา มุมปากของเธอค่อยๆ ยกขึ้น ปรากฏเป็นรอยยิ้มหวานที่เต็มไปด้วยความสุข

เสี่ยวเถียนกวานั่งอยู่ด้านข้าง ดวงตากลมโตสีดำขลับของเธอจ้องไปยังบอลลูนขนาดใหญ่ พลางชูมืออ้วนๆ ทั้งสองข้างออกไปหมายจะคว้ามัน แล้วพูดงึมงำออกมาว่า “จะเอา จะเอา!”

………………………………………………………

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

Status: Ongoing

เดือนเมษายน  ณ เมืองไหเต่าซึ่งอากาศยังคงความหนาวเย็นของฤดูใบไม้ผลิอยู่

7 โมงครึ่งแล้วแต่ฉินสือโอวกลับไม่รู้สึกง่วงงุนอีกต่อไป เขากระชับเสื้อคลุมเอนตัวนั่งพิงหัวเตียงพลางทอดสายตาเหม่อมองไปยังนอกหน้าต่าง

เขามาอยู่ในเมืองนี้ได้ 8 ปีแล้ว เริ่มจากมาเรียนมหาวิทยาลัย หลังจากเรียนจบก็ยังคงก็อาศัยอยู่ในเมืองนี้ต่อมา

มหาวิทยาลัยจงยางไห่หยางที่ฉินสือโอวเรียนจบมาเป็นมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดในเมืองไหเต่า หลังจากที่เขาเรียนจบ เขาก็ได้เข้าทำงานในแผนกทรัพยากรบุคคลที่บริษัทปิโตรเลียมที่ดีที่สุดของเมืองไหเต่าด้วยความเหลือจากเหมาเหว่ยหลงรุ่นพี่ของเขา

ทำงานในตำแหน่งนี้มาได้ 4 ปี จนเมื่อเดือนที่แล้วแผนกทรัพยากรบุคคลก็มีพนักงานดูแลเอกสารสาวสวยเข้ามาใหม่คนหนึ่ง ผู้จัดการมอบหมายให้ฉินสือโอวเป็นพี่เลี้ยงดูแลเธอ แรกๆ ก็ไม่มีอะไร แต่ความสวยของเธอดันไปโดดเด่นสะดุดตาทายาทเศรษฐีคนหนึ่งในบริษัทเข้า

เรื่องที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นก็ง่ายๆ เข้าอีหรอบเดิม ทายาทเศรษฐีคนนั้นเห็นเธอกับฉินสือโอวสนิทกันก็เลยเกิดความหึงหวง เขาเรียกฉินฉือโอวไปเตือนหลายครั้ง แต่ฉินสือโอวไม่สนใจ จนกระทั่งทั้งสองมีปากเสียงกันจนถึงขั้นลงไม้ลงมือในท้ายที่สุด

เดิมทีมันเป็นเพียงปัญหาเรื่องผู้หญิง แต่เมื่อทายาทเศรษฐีถูกฉินสือโอวทำร้าย ปัญหาที่ตามมาหลังจากนั้นจึงยิ่งไปกันใหญ่ หมอนั่นติดต่อไปหาเพื่อนของเขาที่อยู่แผนกการเงินเพื่อให้พวกนั้นสร้างหลักฐานใส่ร้ายว่าฉินสือโอวยักยอกเงินก้อนหนึ่งของบริษัทไป

การยักยอกเงินบริษัทถือเป็นเรื่องที่ค่อนข้างใหญ่โต ฉินสือโอวไม่เพียงต้องชดใช้เงินคืนให้บริษัท แต่เขายังถูกไล่ออกเพราะเหตุนี้อีกด้วย!

จะว่าไปเรื่องที่ถูกไล่ออกจากบริษัทมันก็ไม่ได้แย่อะไร ที่จริงฉินสือโอวก็คิดจะลาออกอยู่แล้ว แต่ปัญหาอยู่ที่ทั้งเนื้อทั้งตัวเขาตอนนี้แทบจะไม่มีเงินเหลืออยู่เลย เพราะเงินของเขาถูกนำไปชดใช้ให้บริษัทจนหมดแล้ว

เคราะห์ซ้ำกรรมซัดไปอีกก็คือเดือนนี้เขาต้องจ่ายค่าเช่าห้องสำหรับสามเดือนข้างหน้าอีกด้วย ลำพังเงินที่เขาเหลืออยู่ตอนนี้มีพอแค่ค่าอาหารแต่ละมื้อเท่านั้น และไม่ว่ายังไงเงินก็คงไม่พอจ่ายค่าเช่าห้องแน่ๆ

ขณะที่ฉินสือโอวกำลังเครียดเรื่องค่าเช่าห้องก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น!

ฉินสือโอวเดินไปเปิดประตูก่อนใบหน้าดุดันของลุงเจ้าของห้องจะปรากฏขึ้นต่อหน้าเขาทันที ลุงเจ้าของห้องมาหาเขาตอนนี้ก็มีอยู่แค่เหตุผลเดียวเท่านั้นคือการมาเก็บค่าเช่าอย่างไม่ต้องสงสัย

ถึงแม้ว่าเมืองไหเต่าจะตั้งอยู่ทางเหนือ แต่เนื่องจากอยู่ติดทะเลจึงทำให้เมืองไหเต่ากลายเป็นเมืองท่าที่สำคัญแห่งหนึ่ง ดังนั้นนั้นเศรษฐกิจจึงเติบโตอย่างรวดเร็ว เรียกได้ว่าเป็นเมืองรองเลยก็ว่าได้ และด้วยเหตุนี้จึงทำให้บ้านมีราคาสูงมา ส่วนค่าเช่าบ้านก็แพงเช่นกัน

ฉินสือโอวเช่าห้องสตูดิโอขนาดเล็ก 1 ห้องนอน 1 ห้องรับแขกเอาไว้ ค่าเช่าต่อเดือนอยู่ที่หนึ่งพันหยวน แถมยังเก็บค่าเช่าล่วงหน้าทีละ 3 เดือนอีก นั่นจึงหมายความว่าเขาต้องจ่ายสามพันหยวนภายในเดือนนี้ แต่ที่ยิ่งไปกว่านั้นก็คือแค่สามร้อยหยวนเขายังไม่มีเลย!

ช่วยไม่ได้ ฉินสือโอวจึงทำได้เพียงยิ้มแห้งๆ และขอร้องให้ลุงเจ้าของห้องช่วยเห็นใจเขาหน่อย ลุงเจ้าของห้องดูไม่ค่อยพอใจมากนัก และก่อนจากไปเขาก็พูดออกมาเสียงแข็ง “ฉันให้เวลา 2 วัน เย็นวันมะรืนฉันจะมาเก็บเงินอีกที ถ้ายังไม่จ่ายค่าเช่าห้องนายก็ไสหัวออกไปซะ!”

ช่างเป็นคำพูดที่ทำร้ายจิตใจเหลือเกิน แต่ฉินสือโอวไม่มีแรงจะโมโหอีกแล้ว

ฉินสือโอวในวันนี้ถูกบีบบังคับจนอับจนหนทางมองไปทางไหนก็มืดแปดด้านไปหมด

เมื่อส่งเจ้าของห้องเช่ากลับไปแล้ว ฉินสือโอวก็กลับไปนอนลงบนเตียงด้วยใบหน้าเหนื่อยล้า ในหัวของเขาคิดเรื่องอนาคตไม่ออกและยังสิ้นหวังกับเรื่องราวในปัจจุบัน

อีกไม่นานเขาก็จะสามสิบแล้ว แต่กลับไม่มีงาน ไม่มีบ้าน ไม่มีรถ และพอนึกถึงหน้าพ่อแม่ใจของเขาก็ยิ่งห่อเหี่ยวเข้าไปใหญ่

ในตอนนั้นเองจู่ๆ ประตูห้องของเขาถูกเคาะอีกครั้ง และเสียงดังบาดหูของเจ้าของห้องเช่าก็ดังขึ้นมา

“เสี่ยวฉิน เปิดประตู เปิดประตูเดี๋ยวนี้!”

พอได้ยินเสียงเจ้าของห้องเช่าความรู้สึกห่อเหี่ยวและสิ้นหวังในใจของเขาก็ถูกแทนที่ด้วยความโกรธ ตาลุงเจ้าของห้องชักจะมากเกินไปแล้วนะ ไหนบอกว่าให้เวลาเขาสองวัน พอถึงเวลาแล้วจะมาเก็บเงินไง แล้วทำไมถึงกลับมาทวงเร็วขนาดนี้?

ฉินสือโอวข่มกลั้นความโกรธแล้วเปิดประตูออกไป แต่เขากลับพบว่าข้างกายของเจ้าของห้องเช่ามีตำรวจในเครื่องแบบที่สวมหมวกปีกกว้างอีกคนอยู่ด้วย

เมื่อตำรวจเห็นฉินสือโอว เขาก็เอ่ยปากถามขึ้นมา “คุณคือคุณฉินใช่ไหมครับ?”

ฉินสือโอวพยักหน้า จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงพูดต่อ “ถ้าอย่างนั้นเชิญไปกับผมด้วยครับ มีคนอยากพบคุณ”

พอได้ยินตำรวจพูดอย่างนั้น ยังไม่ทันที่ฉินสือโอวจะพูดอะไร เจ้าของห้องเช่าก็รีบพูดขึ้นมาทันที “คุณเจ้าหน้าที่ครับ ผมไม่ได้มีความเกี่ยวข้องอะไรกับเสี่ยวฉินนะครับ ถ้าเขาไปก่อคดีอะไรมา มันไม่เกี่ยวกับห้องของผมนะครับ”

ฉินสือโอวจะไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ เขาคิดว่าคดีก่อนหน้านี้อาจจะมีปัญหาอะไรขึ้นมาเขาจึงได้แต่เดินตามเจ้าหน้าที่ตำรวจหนุ่มไปยังสถานีตำรวจด้วยสภาพไร้วิญญาณ

พอถึงสถานีตำรวจ เจ้าหน้าที่ก็พาเขาตรงไปยังห้องของผู้อำนวยการทันที

เมื่อเข้าไปในห้องเขาก็กวาดตามองไปรอบๆ ห้องก่อนจะเห็นตำรวจพุงพลุ้ยวัยกลางกำลังชงชาให้ชายในชุดสูทสองคนที่นั่งอยู่ตรงโซฟา

สิ่งที่ทำให้ฉินสือโอวจับต้นชนปลายไม่ถูกก็คือหนึ่งในสองคนที่นั่งอยู่บนโซฟาเป็นชายสวมสูทรูปร่างสูงใหญ่ ผมสีบลอนด์ นัยน์ตาสีฟ้าและผิวขาวซีดราวกับแวมไพร์ อายุของเขาน่าจะไม่ต่ำกว่าห้าสิบหกสิบเห็นจะได้ เพราะเคราของเขากลายเป็นสีขาวราวกับหิมะไปแล้ว แต่ร่างกายที่กำยำนั้นช่างดูทรงพลังและน่าเกรงขามเหลือเกิน

เจ้าหน้าที่ตำรวจวัยกลางคนคนนั้นคือผู้อำนวยการสถานีตำรวจอย่างไม่ต้องสงสัย ว่าแล้วเขาก็ยื่นมือมาทางฉินสือโอวแล้วพูดขึ้น “คุณคือคุณฉินสือโอวสินะครับ? สวัสดีครับ ผมหลัวหย่งจื้อผู้อำนวยการสถานีตำรวจท้องที่ถนนซวงเหอเขตหลัวซานครับ”

ช่วงก่อนหน้านี้ฉินสือโอวถูกพวกตำรวจทำให้เขารู้สึกเหมือนอยู่ไม่สู้ตาย เมื่อเห็นหลัวหย่งจื้อยื่นมือมาจึงรีบเข้าไปจับ ก้มหัวโค้งแนะนำตัวเองทันที

หลังจากหลัวหย่งจื้อปล่อยมือฉินสือโอวแล้ว ชายวัยกลางคนที่ก่อนหน้านี้นั่งอยู่ตรงโซฟาก็ลุกขึ้นมาจับมือเขาแล้วพูดขึ้น “สวัสดีครับคุณฉิน ผมหลี่ซิ่นจากศาลประชาชนกลางแห่งเมืองไหเต่าครับ ส่วนท่านนี้คือคุณเออร์บัก ชาร์คแมน ทนายความที่มีชื่อเสียงจากสำนักงานกฎหมายฟาสเกนส์ ประเทศแคนาดาครับ”

หลังจากที่ทั้งสองฝ่ายได้แนะนำตัวกันแล้ว แวมไพร์เฒ่าที่วางตัวสูงสง่าน่าเกรงขามมาตลอดก็ถามออกมาเป็นภาษาอังกฤษ “สวัสดีครับคุณฉินสือโอว คุณรู้จักฉินหงเต๋อไหมครับ”

ขณะหลี่ซิ่นกำลังจะแปล ฉินสือโอวก็ตอบออกมาด้วยภาษาอังกฤษอย่างคล่องแคล่ว

“ฉินหงเต๋อหรอครับ? เขาคือปู่รองของผม อืม..ก็คือพี่ชายคนที่สองของปู่ผม”

เออร์บักพยักหน้าแล้วถามอีก “ถ้าอย่างนั้นคุณคงจะมีหัวใจโพไซดอนใช่ไหมครับ มันเป็นจี้สีน้ำเงินเล็กๆ ที่สวยมากๆ อันหนึ่ง ช่วยเอาออกมาให้ผมดูหน่อยได้ไหมครับ?”

ฉินสือโอวขมวดคิ้ว เขาไม่เข้าใจว่าฝรั่งคนนี้พูดถึงอะไร แต่กระนั้นเขาก็เลื่อนมือไปปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตเม็ดบนสุดออกแล้วดึงสร้อยเส้นสีแดงที่มีจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินออกมา

เออร์บักยื่นมือไปรับหัวใจโพไซดอน แล้วหันไปพูดกับหลัวหย่งจื้อ “ผมขอแก้วกระดาษใบหนึ่งหน่อยได้ไหมครับ?”

หลัวหย่งจื้อยกหูโทรศัพท์ อึดใจต่อมาแก้วคริสทัลราคาแพงก็ถูกยื่นมาให้เขาอย่างรวดเร็ว

เออร์บักเติมน้ำลงไปในแก้วแล้วนำหัวใจโพไซดอนหย่อนลงไปในน้ำ ทันใดนั้นน้ำในแก้วก็เปลี่ยนเป็นสีน้ำเงินเช่นเดียวกับหัวใจโพไซดอน และเมื่อเออร์บักขยับข้อมือ น้ำในแก้วก็กระเพื่อมส่งกลิ่นน้ำทะเลออกมา

ทุกคนในที่นั้นตกตะลึงจนพูดไม่ออก ฉินสือโอวก็ไม่เคยรู้มาก่อนว่าจี้เล็กๆ ที่ตัวเองห้อยมาตลอดมีพลังวิเศษแบบนี้

เมื่อเสร็จแล้วเออร์บักก็พูดออกมาอย่างจริงจังว่า “คุณฉินสือโอว สวัสดีครับ ผมเออร์บัก ชาร์คแมน ทนายความมือหนึ่งจากสำนักงานกฎหมายฟาสเกนส์ คุณฉินหงเต๋อมอบหมายให้ผมนำพินัยกรรมมาส่งมอบให้กับคุณ เดี๋ยวผมจะอ่านให้ฟังนะครับ…”

เออร์บักเปิดพินัยกรรมแล้วพูดออกมา

“นับแต่บัดนี้เป็นต้นไป คุณฉินสือโอว หลานคนโตของคุณฉินหงเต๋อ จะเป็นผู้สืบทอดฟาร์มปลาต้าฉิน ซึ่งตั้งอยู่ที่รัฐนิวฟันด์แลนด์และแลบราดอร์ นครเซนต์จอห์น ประเทศแคนาดา! ซึ่งมีมูลค่าการตลาดตามการประเมินโดยธนาคารแคนาดาอยู่ที่ประมาณ 42 ล้านดอลลาร์แคนาดา หรือก็คือ 233,100,000 หยวนครับ! “

หัวใจของฉินสือโอวเต้นดัง ‘ตุบ ตุบ ตุบ’ ราวกับจะหลุดออกมา ไม่ง่ายเลยที่เขาจะทำใจให้สงบลงได้ จากนั้นเขาก็ถามออกไปด้วยเสียงสั่นๆ “นี่คุณเออร์บักไม่ได้กำลังล้อผมเล่นใช่ไหมครับ? คุณปู่รองของผมทิ้งทรัพย์สินมูลค่า 230 ล้านหยวนให้ผมอย่างนั้นเหรอ?”

เออร์บักพยักหน้าเพื่อยืนยัน ต่อมาเขาก็แนะนำอะไรอีกนิดหน่อย ประมาณว่าตอนนี้เขาเป็นทนายส่วนตัวของฉินสือโอวแล้ว และต้องการให้ฉินสือโอวเดินทางไปแคนาดาโดยเร็วที่สุดเพื่อดำเนินการเกี่ยวกับการส่งมอบอสังหาริมทรัพย์ต่างๆ ให้เสร็จสิ้น

ฉินสือโอวลงนามในเอกสารยินยอมรับมรดกภายใต้การรับรองของหลัวหย่งจื้อและหลี่ซิ่น จากนั้นเขาก็พาหลี่ซิ่นกับเออร์บักเดินทางไปยังห้องเช่าของตัวเอง

พอไปถึงอพาร์ตเมนต์เขาก็ต้องตกใจเมื่อได้เห็นกองข้าวของที่วางอยู่หน้าห้อง เมื่อมองดูดีๆ เขาก็พบว่าทั้งหมดเป็นของของเขาจำพวกผ้าห่ม ที่นอน หนังสือและคอมพิวเตอร์

เมื่อเจ้าของห้องเช่าเดินออกมาเห็นฉินสือโอว เขาก็ล็อกประตูดัง ‘กริ๊ก’ แล้วพูดออกมาอย่างเย็นชา

“กลับมาแล้วเหรอ? ดีเลย ฉันจะได้พูดให้นายเข้าใจ นายไปทำอะไรไม่ดีมาใช่ไหม? ไม่อย่างนั้นตำรวจจะมาหานายถึงที่ทำไม”

พอฉินสือโอวทำท่าจะตอบกลับ เขาก็แสดงสีหน้าเย็นชาแล้วพูดต่อ “ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว เก็บของของนายแล้วไสหัวออกไปซะ ฉันปล่อยห้องเช่าให้คนไม่ได้เรื่องอย่างนายไม่ได้หรอก”

ทันใดนั้นฉินสือโอวก็ได้สติขึ้นมาทันที

……………………………………….

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท