ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – บทที่ 1228 จะบินขึ้นได้ยากจริงๆ

บทที่ 1228 จะบินขึ้นได้ยากจริงๆ

บริษัทอาร์เกนเจอร์ทำงานเร็วจริงๆ พวกเขาบอกว่าบ่ายสองโมงจะมาส่งของ แต่ในความเป็นจริงพวกเขามาถึงตั้งแต่เที่ยงแล้ว จอห์นสันโทรมาหาเขาว่า “คุณฉิน พวกเรามาถึงสนามบินเซนต์จอห์นแล้ว ถึงตอนนี้คุณจำเป็นต้องมารับสินค้าเองครับ”

ฉินสือโอวหวังว่าบอลลูนจะถูกส่งมาถึงเกาะเล็กๆ แห่งนี้ แต่ปรากฏว่าจอห์นสันบอกเขาอย่างเขินอายว่า พวกเขาให้เครื่องบินขนส่งมาส่งของ ตามกฎแล้วต้องมาส่งถึงเมืองที่ลูกค้าอาศัยอยู่เท่านั้น โดยเฉพาะอย่างเกาะแฟร์เวลที่อยู่ห่างไกลออกไปในทะเล พวกเขาไม่สามารถที่จะจัดส่งได้

ความเร็วของอีกฝ่ายทำให้ฉินสือโอวตกตะลึง ฉินสือโอวจึงไม่อยากที่จะรบกวนพวกเขาอีก เขาจึงไปรับของด้วยตัวเอง

จอห์นสันรออยู่บริเวณด้านนอกสนามบินเซนต์จอห์น เมื่อฉินสือโอวมาถึงเขากำลังเจรจากับเจ้าหน้าที่สนามบินสองสามคนอยู่

ชาวจีนในนครเซนต์นั้นมีค่อนข้างน้อย เมื่อจอห์นสันมองเห็นใบหน้าของฉินสือโอวเขาก็เอ่ยขอโทษเจ้าหน้าที่สนามบิน หลังจากนั้นก็โบกมือให้เขา พลางเอ่ยถามออกมาอย่างอบอุ่นว่า “คุณฉิน สวัสดีครับ?”

ฉินสือโอวพยักหน้า “สวัสดีครับ ผมชื่อฉิน ไม่ทราบว่าบอลลูนอยู่ที่ไหนเหรอครับ?”

จอห์นสันอธิบายว่า “ยังไม่ได้ถูกขนมาครับ คือเรื่องมันเป็นแบบนี้ครับคุณฉิน บอลลูนของพวกเราค่อนข้างใหญ่ ของที่คูณสั่งคือบอลลูนเจ็ดชั้น ต้องใช้รถบรรทุกขนถึงจะขนมาได้ วิธีของผมคือ พวกเรามาปล่อยบอลลูนที่สนามบิน แล้วนั่งบอลลูนไปยังเกาะของคุณกันเถอะ คุณว่าเป็นอย่างไร?”

ขนาดมาตรฐานของบอลลูนนั้นแบ่งออกเป็นหลายระดับ อย่างบอลลูนเจ็ดชั้นมีขนาดสองพันถึงสองพันสี่ลูกบาศก์เมตร บอลลูนแปดชั้นมีขนาดสองพันสี่ถึงสามพันลูกบาศก์เมตร บอลลูนเก้าชั้นมีขนาดสามพันถึงสี่พันลูกบาศก์เมตร และบอลลูนสิบชั้นมีขนาดสี่พันถึงหกพันลูกบาศก์เมตร

นอกจากนี้ยังมีรูปทรงพิเศษ ที่เมืองมอนทรีออลมักจะมีเทศกาลบอลลูน ทุกปีจะมีการจัดแสดงบอลลูนรูปร่างพิเศษต่างๆ มากมาย นั่นคือการที่บอลลูนถูกสร้างขึ้นเป็นรูปต่างๆ เช่น บอลลูนรูปดาว บอลลูนรูปยานอวกาศ แม้กระทั่งบอลลูนรูปคนก็ยังมี

ฉินสือโอวซื้อของชิ้นใหญ่จนชินแล้ว แต่ครั้งนี้ไม่เหมือนกัน บอลลูนสิบชั้นจะมีการลอยขึ้นและลงจอดที่ค่อนข้างยากมาก เขาซื้อบอลลูนเจ็ดชั้น ในทางทฤษฎีแล้วสามารถใช้มันในการเดินทางรอบโลกได้แล้ว

เมื่อได้ยินคำพูดของจอห์นสัน ท่านชายฉินก็คิดว่าแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน นั่งบอลลูนกลับไปยังเมืองเล็กๆ ไม่แน่ว่าอาจจะสร้างความตกตะลึงให้กับคนที่อยู่ด้านล่างได้

ก่อนหน้านี้บอลลูนถูกใช้ในการหาเสียงของแฮมเล็ตและงานเฉลิมฉลองของเมือง แต่ทั้งหมดเป็นบอลลูนขนาดเล็ก ใช้เพียงสำหรับแขวนป้ายแบนเนอร์เท่านั้น ไม่เหมือนกับบอลลูนที่เขาสั่งซื้อลูกนี้ ขนาดของมันสามารถรองรับครอบครัวได้หนึ่งครอบครัวเลยทีเดียว

ฉินสือโอวพยักหน้าและหลังจากพูดจบ จอห์นสันก็สูดลมหายใจเข้าลึก แล้วพูดขึ้นว่า “เช่นนั้น ก็เหลือเพียงปัญหาเดียว ผมจะต้องได้รับการอนุญาตจากสนามบิน เพื่อทำการปล่อยบอลลูนที่นี่”

เจ้าหน้าที่สนามบินคนหนึ่งได้ยินประโยคนั้น เขาจึงพูดขึ้นมาจากทางด้านหลังว่า “ไม่ได้ คุณครับ พวกเราต้องรับผิดชอบต่อสนามบินและผู้โดยสารทุกคน บอลลูนไม่ได้รับการอนุญาตให้ปล่อยขึ้นภายในรัศมียี่สิบกิโลเมตรจากสนามบิน ไม่อย่างนั้นมันจะส่งผลอันตรายต่อวิสัยทัศน์ของเครื่องบินของพวกเรา”

จอห์นสันหันกลับไปคุยกับเจ้าหน้าที่ทั้งสองคน เขาพยายามโน้มน้าวให้พวกเขารับข้อเสนอของตน แต่ว่าเจ้าหน้าที่ทั้งสองคนนั้นไม่ฟังคำพูดของเขาเลย เขาโบกมือเพื่อบอกให้จอห์นสันออกไป

ฉินสือโอวหยุดอยู่ครู่หนึ่ง เขาถามออกมาว่า “ขอโทษนะครับ ผมขอขัดจังหวะหน่อย นี่เป็นข้อกำหนดของประเทศหรือว่าเป็นข้อกำหนดของสนามบินครับ การที่ไม่อนุญาตให้ปล่อยบอลลูนขึ้นในรัศมียี่สิบกิโลเมตรจากสนามบินนี่น่ะครับ?”

เจ้าหน้าที่พากันยักไหล่แล้วพูดว่า “ไม่ใช่ข้อกำหนด แต่ว่าพวกเรามีหน้าที่ที่ต้องขจัดสถานการณ์ที่จะก่อให้เกิดอันตรายได้”

จอห์นสันพูดออกมาอย่างจนปัญญาว่า “นี่มันไม่อันตรายเลย จุดเริ่มต้นและจุดสิ้นสุดของการแข่งขันบอลลูนของพวกเราก็อยู่ที่สนามบิน อีกอย่างเทศกาลบอลลูนของเมืองมอนทรีออล ก็ยังจัดใกล้กับสนามบินอีกด้วย”

เจ้าหน้าที่ทั้งสองคนนั้นยังคงส่ายหัวไปมา เขาบอกว่ามอนทรีออลก็คือมอนทรีออล แต่ที่นี่คือนครเซนต์จอห์น

ฉินสือโอวไม่อยากจะเสียเวลาไปมากกว่านี้ เขาถามออกมาว่า “ผมเป็นสมาชิกวีไอพีของสายการบินแอร์แคนาดา ไม่ทราบว่าผมมีสิทธิ์ใช้สนามบินเป็นที่ปล่อยและลงจอดบอลลูนได้หรือไม่?”

การเป็นสมาชิกวีไอพีของสายการบินแอร์แคนาดานั้นเหตุผลก็มาจากพ่อแม่ของเขาเท่านั้น ครั้งที่มาถึงนครเซนต์จอห์น ผู้สูงวัยทั้งสองคนถูกคุมตัวโดยศุลกากรเนื่องจากเกิดการเข้าใจผิด ฉินสือโอวประท้วงเรื่องนี้ขึ้นมาทำให้แอร์แคนาดาต้องชดเชยให้เขา

สมาชิกวีไอพีนี้ได้รับสิทธิพิเศษมากมาย ฉินสือโอวจำได้ว่าในตอนที่เขาอ่านคู่มือการถือบัตรสมาชิกครั้งแรก สมาชิกสามารถใช้พื้นที่สำหรับจอดเครื่องบินชั่วคราวของสนามบินได้ โดยสามารถใช้ได้กับรถยนต์ เครื่องบินส่วนตัวและบอลลูน

ฉินสือโอวพูดพลางหยิบบัตรวีไอพีออกมา แอร์แคนาดาทำบัตรได้ดูน่าเชื่อถือมาก ด้านบนมีรูป ชื่อและหมายเลขบัตรของเขาอยู่ เจ้าหน้าที่ทั้งสองคนมองดูอย่างละเอียด หลังจากนั้นก็มองไปยังฉินสือโอวพลางพูดออกมาด้วยความสงสัยว่า “คุณคือคุณฉิน ชาวจีนที่อยู่ที่เกาะแฟร์เวลเหรอครับ?”

ฉินสือโอวยักไหล่ แล้วพูดขึ้นว่า “เรื่องจริงนั่นแหละ เพื่อน”

เจ้าหน้าที่ทั้งสองคนมองหน้ากันแล้วพึมพำกันอยู่ครู่หนึ่ง คนที่ดูอายุมากกว่าอีกคนหนึ่งพูดขึ้นมาว่า “พวกเราไม่สามารถรองรับให้ได้ เอาแบบนี้ ผมจะไปรายงานชั้นผู้ใหญ่ก่อน พวกคุณรอฟังข่าวจากพวกเรานะครับ”

พวกเขากดโทรศัพท์โทรออก หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่คนที่คุยโทรศัพท์ก็พยักหน้าแล้วพูดขึ้นว่า “เอาล่ะ พวกคุณสามารถปล่อยบอลลูนที่นี่ได้ แต่ว่าพวกคุณสามารถใช้พื้นที่ได้เพียงสี่ชั่วโมงเท่านั้น”

ฉินสือโอมองไปยังจอห์นสันอย่างไม่แน่ใจ จอห์นสันพยักหน้าแล้วพูดว่า “ไม่มีปัญหา ตอนนี้บอลลูนใช้การเชื่อมต่อแบบแยกส่วน มีเพียงแค่การเติมลมเท่านั้นที่ค่อนข้างช้า การประกอบส่วนอื่นนั้นค่อนข้างเร็ว โดยเฉพาะเมื่อพวกเรามีทีมที่ชำนาญ”

หลังจากที่เจ้าหน้าที่ทั้งสองคนประสานงานกับทางสนามบินแล้วเขาก็บอกกับจอห์นสันว่าสามารถทำงานได้ จอห์นสันกดโทรศัพท์โทรออก รถบรรทุกรับจ้างของสนามบินขนาดใหญ่ก็วิ่งออกมา ส่วนประกอบขนาดใหญ่ถูกห่อหุ้มอย่างแน่นหนาอยู่ด้านบน นอกจากนี้ที่ด้านหลังยังมีรถก่อสร้างรูปทรงเหมือนรถบรรทุกน้ำขนาดเล็กตามมาอีกหนึ่งคัน

จอห์นสันนำทีมมาด้วยสิบกว่าคน พวกเขาแกะห่อส่วนประกอบอันแน่นหนานั้นอย่างรวดเร็ว จากนั้นอุปกรณ์แต่ละส่วนก็ค่อยๆ โผล่ออกมาให้เห็น

เมื่อทุกส่วนออกมาครบ จอห์นสันก็เริ่มอธิบายกับฉินสือโอวว่า “ดูนี่นะครับ นี่คือบอลลูน ใช้เส้นใยไนลอนผสมเขากับวิธีการที่ทำให้แข็งแรงสูงวิธีใหม่ ถึงแม้ว่ามันจะบางมาก แต่อันที่จริงแล้วมันทนความร้อน ทนแสงและทนรอยขีดข่วนได้ดีมาก…”

“นี่คือตะกร้าและถังนิรภัย มันจำเป็นต้องประกอบเข้ากับตะกร้า รอสักครู่นะครับ พวกเรามาดูส่วนต่อไปกัน นี่คือเตาเผา เป็นการติดตั้งหัวฉีดทั้งสี่ตามแบบที่ทันสมัยที่สุดในปัจจุบัน นี่คือที่จัวทั้งสี่ด้าน ทำจากวัสดุอัลลอยทั้งหมด เป็นอย่างไร เท่มากใช่ไหมครับ?”

“นี่คือเครื่องเป่าลม มีพลังกำลังพอดี นี่คือวาล์วทรงกระบอกสำหรับบอลลูนโดยเฉพาะ ที่นี่ยังมีสายพาน สายโยง ตะขอนิรภัย อุปกรณ์ซ่อมแซมวัสดุ เชิญคุณดูได้เลย ของพวกนี้เป็นสิ่งจำเป็นทั้งหมด”

“แน่นอนว่ายังมีใบรับรองจากพวกเรา เอกสารประวัติย่อ รวมถึงใบอนุญาตขึ้นบอลลูนด้วย”

ภายใต้คำแนะนำของจอห์นสัน ฉินสือโอวค่อยๆ ดูไปทีละส่วน หลังจากนั้นเขาก็พูดขึ้นด้วยความตกตะลึงว่า “พระเจ้า การจะให้บอลลูนนี้ขึ้นได้ มันยากจริงๆ”

จอห์นสันพูดกลั้วหัวเราะว่า “แน่นอนครับ นี่เป็นยานพาหนะที่อันตราย พวกเราต้องเตรียมตัวอย่างดีถึงจะบินขึ้นได้ อุปกรณ์พวกนี้ ไม่สามารถขาดไปได้แม้แต่ชิ้นเดียว และต้องไม่ให้มันอยู่ในสภาพที่ใช้การไม่ได้เด็ดขาด ทุกอย่างพร้อมแล้ว คุณฉิน เชิญคุณรออีกสักสองชั่วโมงนะครับ จากนั้นบอลลูนก็พร้อมที่จะลอยขึ้นฟ้าแล้ว!”

…………………………………………

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

Status: Ongoing

เดือนเมษายน  ณ เมืองไหเต่าซึ่งอากาศยังคงความหนาวเย็นของฤดูใบไม้ผลิอยู่

7 โมงครึ่งแล้วแต่ฉินสือโอวกลับไม่รู้สึกง่วงงุนอีกต่อไป เขากระชับเสื้อคลุมเอนตัวนั่งพิงหัวเตียงพลางทอดสายตาเหม่อมองไปยังนอกหน้าต่าง

เขามาอยู่ในเมืองนี้ได้ 8 ปีแล้ว เริ่มจากมาเรียนมหาวิทยาลัย หลังจากเรียนจบก็ยังคงก็อาศัยอยู่ในเมืองนี้ต่อมา

มหาวิทยาลัยจงยางไห่หยางที่ฉินสือโอวเรียนจบมาเป็นมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดในเมืองไหเต่า หลังจากที่เขาเรียนจบ เขาก็ได้เข้าทำงานในแผนกทรัพยากรบุคคลที่บริษัทปิโตรเลียมที่ดีที่สุดของเมืองไหเต่าด้วยความเหลือจากเหมาเหว่ยหลงรุ่นพี่ของเขา

ทำงานในตำแหน่งนี้มาได้ 4 ปี จนเมื่อเดือนที่แล้วแผนกทรัพยากรบุคคลก็มีพนักงานดูแลเอกสารสาวสวยเข้ามาใหม่คนหนึ่ง ผู้จัดการมอบหมายให้ฉินสือโอวเป็นพี่เลี้ยงดูแลเธอ แรกๆ ก็ไม่มีอะไร แต่ความสวยของเธอดันไปโดดเด่นสะดุดตาทายาทเศรษฐีคนหนึ่งในบริษัทเข้า

เรื่องที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นก็ง่ายๆ เข้าอีหรอบเดิม ทายาทเศรษฐีคนนั้นเห็นเธอกับฉินสือโอวสนิทกันก็เลยเกิดความหึงหวง เขาเรียกฉินฉือโอวไปเตือนหลายครั้ง แต่ฉินสือโอวไม่สนใจ จนกระทั่งทั้งสองมีปากเสียงกันจนถึงขั้นลงไม้ลงมือในท้ายที่สุด

เดิมทีมันเป็นเพียงปัญหาเรื่องผู้หญิง แต่เมื่อทายาทเศรษฐีถูกฉินสือโอวทำร้าย ปัญหาที่ตามมาหลังจากนั้นจึงยิ่งไปกันใหญ่ หมอนั่นติดต่อไปหาเพื่อนของเขาที่อยู่แผนกการเงินเพื่อให้พวกนั้นสร้างหลักฐานใส่ร้ายว่าฉินสือโอวยักยอกเงินก้อนหนึ่งของบริษัทไป

การยักยอกเงินบริษัทถือเป็นเรื่องที่ค่อนข้างใหญ่โต ฉินสือโอวไม่เพียงต้องชดใช้เงินคืนให้บริษัท แต่เขายังถูกไล่ออกเพราะเหตุนี้อีกด้วย!

จะว่าไปเรื่องที่ถูกไล่ออกจากบริษัทมันก็ไม่ได้แย่อะไร ที่จริงฉินสือโอวก็คิดจะลาออกอยู่แล้ว แต่ปัญหาอยู่ที่ทั้งเนื้อทั้งตัวเขาตอนนี้แทบจะไม่มีเงินเหลืออยู่เลย เพราะเงินของเขาถูกนำไปชดใช้ให้บริษัทจนหมดแล้ว

เคราะห์ซ้ำกรรมซัดไปอีกก็คือเดือนนี้เขาต้องจ่ายค่าเช่าห้องสำหรับสามเดือนข้างหน้าอีกด้วย ลำพังเงินที่เขาเหลืออยู่ตอนนี้มีพอแค่ค่าอาหารแต่ละมื้อเท่านั้น และไม่ว่ายังไงเงินก็คงไม่พอจ่ายค่าเช่าห้องแน่ๆ

ขณะที่ฉินสือโอวกำลังเครียดเรื่องค่าเช่าห้องก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น!

ฉินสือโอวเดินไปเปิดประตูก่อนใบหน้าดุดันของลุงเจ้าของห้องจะปรากฏขึ้นต่อหน้าเขาทันที ลุงเจ้าของห้องมาหาเขาตอนนี้ก็มีอยู่แค่เหตุผลเดียวเท่านั้นคือการมาเก็บค่าเช่าอย่างไม่ต้องสงสัย

ถึงแม้ว่าเมืองไหเต่าจะตั้งอยู่ทางเหนือ แต่เนื่องจากอยู่ติดทะเลจึงทำให้เมืองไหเต่ากลายเป็นเมืองท่าที่สำคัญแห่งหนึ่ง ดังนั้นนั้นเศรษฐกิจจึงเติบโตอย่างรวดเร็ว เรียกได้ว่าเป็นเมืองรองเลยก็ว่าได้ และด้วยเหตุนี้จึงทำให้บ้านมีราคาสูงมา ส่วนค่าเช่าบ้านก็แพงเช่นกัน

ฉินสือโอวเช่าห้องสตูดิโอขนาดเล็ก 1 ห้องนอน 1 ห้องรับแขกเอาไว้ ค่าเช่าต่อเดือนอยู่ที่หนึ่งพันหยวน แถมยังเก็บค่าเช่าล่วงหน้าทีละ 3 เดือนอีก นั่นจึงหมายความว่าเขาต้องจ่ายสามพันหยวนภายในเดือนนี้ แต่ที่ยิ่งไปกว่านั้นก็คือแค่สามร้อยหยวนเขายังไม่มีเลย!

ช่วยไม่ได้ ฉินสือโอวจึงทำได้เพียงยิ้มแห้งๆ และขอร้องให้ลุงเจ้าของห้องช่วยเห็นใจเขาหน่อย ลุงเจ้าของห้องดูไม่ค่อยพอใจมากนัก และก่อนจากไปเขาก็พูดออกมาเสียงแข็ง “ฉันให้เวลา 2 วัน เย็นวันมะรืนฉันจะมาเก็บเงินอีกที ถ้ายังไม่จ่ายค่าเช่าห้องนายก็ไสหัวออกไปซะ!”

ช่างเป็นคำพูดที่ทำร้ายจิตใจเหลือเกิน แต่ฉินสือโอวไม่มีแรงจะโมโหอีกแล้ว

ฉินสือโอวในวันนี้ถูกบีบบังคับจนอับจนหนทางมองไปทางไหนก็มืดแปดด้านไปหมด

เมื่อส่งเจ้าของห้องเช่ากลับไปแล้ว ฉินสือโอวก็กลับไปนอนลงบนเตียงด้วยใบหน้าเหนื่อยล้า ในหัวของเขาคิดเรื่องอนาคตไม่ออกและยังสิ้นหวังกับเรื่องราวในปัจจุบัน

อีกไม่นานเขาก็จะสามสิบแล้ว แต่กลับไม่มีงาน ไม่มีบ้าน ไม่มีรถ และพอนึกถึงหน้าพ่อแม่ใจของเขาก็ยิ่งห่อเหี่ยวเข้าไปใหญ่

ในตอนนั้นเองจู่ๆ ประตูห้องของเขาถูกเคาะอีกครั้ง และเสียงดังบาดหูของเจ้าของห้องเช่าก็ดังขึ้นมา

“เสี่ยวฉิน เปิดประตู เปิดประตูเดี๋ยวนี้!”

พอได้ยินเสียงเจ้าของห้องเช่าความรู้สึกห่อเหี่ยวและสิ้นหวังในใจของเขาก็ถูกแทนที่ด้วยความโกรธ ตาลุงเจ้าของห้องชักจะมากเกินไปแล้วนะ ไหนบอกว่าให้เวลาเขาสองวัน พอถึงเวลาแล้วจะมาเก็บเงินไง แล้วทำไมถึงกลับมาทวงเร็วขนาดนี้?

ฉินสือโอวข่มกลั้นความโกรธแล้วเปิดประตูออกไป แต่เขากลับพบว่าข้างกายของเจ้าของห้องเช่ามีตำรวจในเครื่องแบบที่สวมหมวกปีกกว้างอีกคนอยู่ด้วย

เมื่อตำรวจเห็นฉินสือโอว เขาก็เอ่ยปากถามขึ้นมา “คุณคือคุณฉินใช่ไหมครับ?”

ฉินสือโอวพยักหน้า จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงพูดต่อ “ถ้าอย่างนั้นเชิญไปกับผมด้วยครับ มีคนอยากพบคุณ”

พอได้ยินตำรวจพูดอย่างนั้น ยังไม่ทันที่ฉินสือโอวจะพูดอะไร เจ้าของห้องเช่าก็รีบพูดขึ้นมาทันที “คุณเจ้าหน้าที่ครับ ผมไม่ได้มีความเกี่ยวข้องอะไรกับเสี่ยวฉินนะครับ ถ้าเขาไปก่อคดีอะไรมา มันไม่เกี่ยวกับห้องของผมนะครับ”

ฉินสือโอวจะไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ เขาคิดว่าคดีก่อนหน้านี้อาจจะมีปัญหาอะไรขึ้นมาเขาจึงได้แต่เดินตามเจ้าหน้าที่ตำรวจหนุ่มไปยังสถานีตำรวจด้วยสภาพไร้วิญญาณ

พอถึงสถานีตำรวจ เจ้าหน้าที่ก็พาเขาตรงไปยังห้องของผู้อำนวยการทันที

เมื่อเข้าไปในห้องเขาก็กวาดตามองไปรอบๆ ห้องก่อนจะเห็นตำรวจพุงพลุ้ยวัยกลางกำลังชงชาให้ชายในชุดสูทสองคนที่นั่งอยู่ตรงโซฟา

สิ่งที่ทำให้ฉินสือโอวจับต้นชนปลายไม่ถูกก็คือหนึ่งในสองคนที่นั่งอยู่บนโซฟาเป็นชายสวมสูทรูปร่างสูงใหญ่ ผมสีบลอนด์ นัยน์ตาสีฟ้าและผิวขาวซีดราวกับแวมไพร์ อายุของเขาน่าจะไม่ต่ำกว่าห้าสิบหกสิบเห็นจะได้ เพราะเคราของเขากลายเป็นสีขาวราวกับหิมะไปแล้ว แต่ร่างกายที่กำยำนั้นช่างดูทรงพลังและน่าเกรงขามเหลือเกิน

เจ้าหน้าที่ตำรวจวัยกลางคนคนนั้นคือผู้อำนวยการสถานีตำรวจอย่างไม่ต้องสงสัย ว่าแล้วเขาก็ยื่นมือมาทางฉินสือโอวแล้วพูดขึ้น “คุณคือคุณฉินสือโอวสินะครับ? สวัสดีครับ ผมหลัวหย่งจื้อผู้อำนวยการสถานีตำรวจท้องที่ถนนซวงเหอเขตหลัวซานครับ”

ช่วงก่อนหน้านี้ฉินสือโอวถูกพวกตำรวจทำให้เขารู้สึกเหมือนอยู่ไม่สู้ตาย เมื่อเห็นหลัวหย่งจื้อยื่นมือมาจึงรีบเข้าไปจับ ก้มหัวโค้งแนะนำตัวเองทันที

หลังจากหลัวหย่งจื้อปล่อยมือฉินสือโอวแล้ว ชายวัยกลางคนที่ก่อนหน้านี้นั่งอยู่ตรงโซฟาก็ลุกขึ้นมาจับมือเขาแล้วพูดขึ้น “สวัสดีครับคุณฉิน ผมหลี่ซิ่นจากศาลประชาชนกลางแห่งเมืองไหเต่าครับ ส่วนท่านนี้คือคุณเออร์บัก ชาร์คแมน ทนายความที่มีชื่อเสียงจากสำนักงานกฎหมายฟาสเกนส์ ประเทศแคนาดาครับ”

หลังจากที่ทั้งสองฝ่ายได้แนะนำตัวกันแล้ว แวมไพร์เฒ่าที่วางตัวสูงสง่าน่าเกรงขามมาตลอดก็ถามออกมาเป็นภาษาอังกฤษ “สวัสดีครับคุณฉินสือโอว คุณรู้จักฉินหงเต๋อไหมครับ”

ขณะหลี่ซิ่นกำลังจะแปล ฉินสือโอวก็ตอบออกมาด้วยภาษาอังกฤษอย่างคล่องแคล่ว

“ฉินหงเต๋อหรอครับ? เขาคือปู่รองของผม อืม..ก็คือพี่ชายคนที่สองของปู่ผม”

เออร์บักพยักหน้าแล้วถามอีก “ถ้าอย่างนั้นคุณคงจะมีหัวใจโพไซดอนใช่ไหมครับ มันเป็นจี้สีน้ำเงินเล็กๆ ที่สวยมากๆ อันหนึ่ง ช่วยเอาออกมาให้ผมดูหน่อยได้ไหมครับ?”

ฉินสือโอวขมวดคิ้ว เขาไม่เข้าใจว่าฝรั่งคนนี้พูดถึงอะไร แต่กระนั้นเขาก็เลื่อนมือไปปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตเม็ดบนสุดออกแล้วดึงสร้อยเส้นสีแดงที่มีจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินออกมา

เออร์บักยื่นมือไปรับหัวใจโพไซดอน แล้วหันไปพูดกับหลัวหย่งจื้อ “ผมขอแก้วกระดาษใบหนึ่งหน่อยได้ไหมครับ?”

หลัวหย่งจื้อยกหูโทรศัพท์ อึดใจต่อมาแก้วคริสทัลราคาแพงก็ถูกยื่นมาให้เขาอย่างรวดเร็ว

เออร์บักเติมน้ำลงไปในแก้วแล้วนำหัวใจโพไซดอนหย่อนลงไปในน้ำ ทันใดนั้นน้ำในแก้วก็เปลี่ยนเป็นสีน้ำเงินเช่นเดียวกับหัวใจโพไซดอน และเมื่อเออร์บักขยับข้อมือ น้ำในแก้วก็กระเพื่อมส่งกลิ่นน้ำทะเลออกมา

ทุกคนในที่นั้นตกตะลึงจนพูดไม่ออก ฉินสือโอวก็ไม่เคยรู้มาก่อนว่าจี้เล็กๆ ที่ตัวเองห้อยมาตลอดมีพลังวิเศษแบบนี้

เมื่อเสร็จแล้วเออร์บักก็พูดออกมาอย่างจริงจังว่า “คุณฉินสือโอว สวัสดีครับ ผมเออร์บัก ชาร์คแมน ทนายความมือหนึ่งจากสำนักงานกฎหมายฟาสเกนส์ คุณฉินหงเต๋อมอบหมายให้ผมนำพินัยกรรมมาส่งมอบให้กับคุณ เดี๋ยวผมจะอ่านให้ฟังนะครับ…”

เออร์บักเปิดพินัยกรรมแล้วพูดออกมา

“นับแต่บัดนี้เป็นต้นไป คุณฉินสือโอว หลานคนโตของคุณฉินหงเต๋อ จะเป็นผู้สืบทอดฟาร์มปลาต้าฉิน ซึ่งตั้งอยู่ที่รัฐนิวฟันด์แลนด์และแลบราดอร์ นครเซนต์จอห์น ประเทศแคนาดา! ซึ่งมีมูลค่าการตลาดตามการประเมินโดยธนาคารแคนาดาอยู่ที่ประมาณ 42 ล้านดอลลาร์แคนาดา หรือก็คือ 233,100,000 หยวนครับ! “

หัวใจของฉินสือโอวเต้นดัง ‘ตุบ ตุบ ตุบ’ ราวกับจะหลุดออกมา ไม่ง่ายเลยที่เขาจะทำใจให้สงบลงได้ จากนั้นเขาก็ถามออกไปด้วยเสียงสั่นๆ “นี่คุณเออร์บักไม่ได้กำลังล้อผมเล่นใช่ไหมครับ? คุณปู่รองของผมทิ้งทรัพย์สินมูลค่า 230 ล้านหยวนให้ผมอย่างนั้นเหรอ?”

เออร์บักพยักหน้าเพื่อยืนยัน ต่อมาเขาก็แนะนำอะไรอีกนิดหน่อย ประมาณว่าตอนนี้เขาเป็นทนายส่วนตัวของฉินสือโอวแล้ว และต้องการให้ฉินสือโอวเดินทางไปแคนาดาโดยเร็วที่สุดเพื่อดำเนินการเกี่ยวกับการส่งมอบอสังหาริมทรัพย์ต่างๆ ให้เสร็จสิ้น

ฉินสือโอวลงนามในเอกสารยินยอมรับมรดกภายใต้การรับรองของหลัวหย่งจื้อและหลี่ซิ่น จากนั้นเขาก็พาหลี่ซิ่นกับเออร์บักเดินทางไปยังห้องเช่าของตัวเอง

พอไปถึงอพาร์ตเมนต์เขาก็ต้องตกใจเมื่อได้เห็นกองข้าวของที่วางอยู่หน้าห้อง เมื่อมองดูดีๆ เขาก็พบว่าทั้งหมดเป็นของของเขาจำพวกผ้าห่ม ที่นอน หนังสือและคอมพิวเตอร์

เมื่อเจ้าของห้องเช่าเดินออกมาเห็นฉินสือโอว เขาก็ล็อกประตูดัง ‘กริ๊ก’ แล้วพูดออกมาอย่างเย็นชา

“กลับมาแล้วเหรอ? ดีเลย ฉันจะได้พูดให้นายเข้าใจ นายไปทำอะไรไม่ดีมาใช่ไหม? ไม่อย่างนั้นตำรวจจะมาหานายถึงที่ทำไม”

พอฉินสือโอวทำท่าจะตอบกลับ เขาก็แสดงสีหน้าเย็นชาแล้วพูดต่อ “ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว เก็บของของนายแล้วไสหัวออกไปซะ ฉันปล่อยห้องเช่าให้คนไม่ได้เรื่องอย่างนายไม่ได้หรอก”

ทันใดนั้นฉินสือโอวก็ได้สติขึ้นมาทันที

……………………………………….

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท