วินนี่ได้รับเลือกให้เป็นนายกเทศมนตรีของเกาะแฟร์เวล ในที่สุดความฝันของฉินสือโอวก็กลายเป็นจริงแล้ว
พ่อและแม่ของฉินสือโอวยิ้มจนหุบปากไม่ลง แถมยังโทรศัพท์ไปหามิแรนดากับมาริโอ้เพื่อแจ้งข่าวนี้อีกด้วย จากนั้นพวกเขาก็ติดต่อมาหาฉินสือโอว แล้วเริ่มพูดเรื่องงานแต่งขึ้นมา “เสี่ยวโอว ตอนนี้พวกลูกหมั้นกันแล้ว ลูกก็มีแล้ว ต้องรีบแต่งงานแล้วหรือเปล่า”
“ใช่ เสี่ยวโอว อีกหน่อยวินนี่ต้องไปทำงานกับรัฐบาลแล้ว จะต้องยุ่งมากอย่างแน่นอน ถือโอกาสตอนที่เธอยังไม่ได้ทำงาน รีบจัดงานแต่งเถอะ”
ฉินสือโอวอธิบายอย่างใจเย็นว่า “พวกเรากำหนดวันเสร็จแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ต้องรอเดือนตุลาคมถึงจะแต่งได้ ไม่ต้องรีบหรอกครับ อีกไม่นานแล้ว อีกแค่ฤดูเดียวเท่านั้น”
พ่อของฉินสือโอวจ้องตาเขม็งแล้วพูดว่า “ก็แค่งานแต่งงานเอง ทำไมแกถึงยืดเยื้อแบบนี้ล่ะ?”
ฉินสือโอวยิ้มขืนๆ ดึงรายชื่อยาวเหยียดในโทรศัพท์ออกมาแล้วพูดว่า “คนนี้คือเจ้าชายเฮนรี เจ้าชายคนรองของราชวงศ์อังกฤษ คนนี้คือประธานสภาการประมงและมหาสมุทรของแคนาดาคนปัจจุบัน แมทธิว จิน ส่วนคนนี้น่ะ เป็นรัชทายาทของราชวงศ์ในตะวันออกกลาง ส่วนคนนี้คือเจ้าหญิง…พอแล้ว นี่น่ะคือคนที่จะมาร่วมงานแต่งงาน ถ้าหากว่าผมแก้วันกะทันหัน แล้วคนอื่นจะทำอย่างไร? เวลาของพวกเขานั้นมีค่ามากแค่ไหน พ่อกับแม่รู้หรือเปล่าครับ?”
พ่อของฉินสือโอวปัดมือไปมา หัวเราะเหอๆ แล้วพูดว่า “ลูกโม้ต่อไปเถอะ ทำไมไม่บอกว่าลูกเชิญโอบามามาร่วมงานด้วยเลยล่ะ?”
ฉินสือโอวพูดออกไปอย่างเหนื่อยใจว่า “ถ้าพ่อไม่เชื่อผมก็ทำอะไรไม่ได้แล้ว แต่ว่าถึงโอบามาจะไม่มา แต่บุชมาด้วยแน่นอน ใช่ไหมบุช?”
เขาหันหลังไปตะโกนทีหนึ่ง นกอินทรีหัวขาวที่กำลังเกาะอยู่บนไม้แขวนเสื้อเพื่อจัดขนตัวเองอยู่มองมาที่เขาทันที จากนั้นก็ขยับปีกไปมาส่งเสียงร้องกรู๊ๆ แล้วบินมาหา
ฉินสือโอวจึงวิ่งไปหยอกเล่นกับบุชแทน พ่อกับแม่ของฉินสือโอวที่สีหน้าเต็มไปด้วยความรู้สึกผิดหวัง จึงได้แต่หารือกันต่อว่า “คืนนี้ไปถามวินนี่ว่าอยากกินอะไร เราจะทำของที่เธอชอบให้เธอกิน สะใภ้ที่ดีขนาดนี้ ต้องดูแลดีๆ หน่อย”
วินนี่ในตอนนี้ได้กลายเป็นศรีภรรยาอันดับหนึ่งของเซนต์จอห์นไปแล้ว การเลือกตั้งนายกเทศมนตรีในครั้งนี้ เนื่องด้วยตำแหน่งที่เป็นเอกลักษณ์ของเกาะแฟร์เวลบวกกับการเข้าร่วมของแฮมเล็ตและแมคคาลลียน ทำให้ดึงดูดความสนใจของทุกคนในเซนต์จอห์น วินนี่กลายเป็นนายกเทศมนตรีหญิงคนแรกของประวัติศาสตร์และดังเพียงชั่วข้ามคืน
สิ่งที่ทำให้เธอมีชื่อนั้นนอกจากเรื่องที่เป็นนายกเทศมนตรีหญิงคนแรกของเกาะแฟร์เวลแล้ว ยังเป็นเพราะประวัติที่ไร้ที่ติของเธอด้วย เธอเรียนจบมหาวิทยาลัยที่เป็นมหาลัยหนึ่งเดียวในแคนาดา มหาวิทยาลัยสตรีเบรชชา หลังเรียนจบก็เข้าทำงานที่สายการบินแล้วกลายเป็นหัวหน้าแอร์โฮสเตสในสายการบินระหว่างประเทศโดยใช้เวลาสั้นที่สุด เธอมีความรู้และมีความสามารถอย่างล้นหลาม
แน่นอนว่า สิ่งที่ทำให้เธอได้รับความสนใจอย่างล้นหลามนั้นยังเป็นเพราะเธอหน้าตาดีและมีบุคลิกที่อ่อนโยนและสง่างามด้วย อย่างตอนที่ ‘นิวฟันแลนด์ไทม์’ ทำข่าวเรื่องของเธอก็บอกว่าเธอเป็นนายกเทศมนตรีที่สวยที่สุดในประวัติศาสตร์ ส่วน ‘เซนต์จอห์นแมททีเรียล’ ก็บอกว่าแค่เธอคนเดียวก็สามารถยกระดับภาพลักษณ์ของเมืองทั้งเมืองได้เลย แถมยังแนะนำให้เลือกเธอเป็นนักการทูตทางด้านภาพลักษณ์ของเซนต์จอห์นอีกด้วย
อีกเรื่องที่นอกเหนือความคาดหมายของฉินสือโอวก็คือ ในข่าวที่ออกมานั้นข่าวของหู่จือกับเป้าจือก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าของวินนี่เลย
หากบอกว่าวินนี่เป็นขวัญใจประชาชนเพราะภาพลักษณ์แล้ว ถ้าอย่างนั้นหู่จือกับเป้าจือก็เป็นขวัญใจคนทั่วหล้าเพราะความน่ารักของพวกมัน ข่าวสารในหนังสือพิมพ์ลงข่าวของหู่จือกับเป้าจือไม่มาก แต่ว่าในหลายๆ เว็บไซต์บนอินเทอร์เน็ต ข่าวของหู่จือกับเป้าจือได้กระจายไปทั่วโลกเลยทีเดียว
เรื่องเกี่ยวกับสุนัขแลบราดอร์ที่ปรากฏตัวในงานเลือกตั้งทำให้มีรูปมากมายถูกถ่ายแล้วอัปโหลดลงบนอินเทอร์เน็ต ไม่นานข่าวที่เกี่ยวกับพวกมันก็ถูกขุดคุ้ยออกมาด้วย โดยเฉพาะเรื่องที่พวกมันเป็นสุนัขบำบัดในศาลยิ่งทำให้พวกมันได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก
หนึ่งอาทิตย์หลังการเลือกตั้งสิ้นสุดลง จำนวนผู้ที่สนใจหู่จือกับเป้าจือทะลุไปถึงสิบห้าล้านคน ฉินสือโอวเห็นสำนักข่าวหลายแห่งในจีนต่างก็ลงข่าวแลบราดอร์สองตัวนี้ เรื่องนี้ทำให้เขาสงสัยเป็นอย่างมาก ปีนี้แค่ขายความน่ารักก็สามารถทำเงินได้ขนาดนี้เลยเหรอ?
ตอนกินมื้อค่ำเขาได้ลองทดสอบดู หลังจากแทะกระดูกได้ไม่กี่คำเขาก็วางตะเกียบลง พ่อของฉินสือโอวถามเขาว่าทำไมไม่กินต่อ เพราะไม่ถูกปากหรือเปล่า เขาปั้นหน้าแล้วพูดว่า “วันนี้ผมไม่ได้กินยา รู้สึกว่าตัวเองมึนนิดๆ…”
พ่อของฉินสือโอวตกใจยกใหญ่ รีบถามกลับไปว่า “แกเป็นอะไร นี่มันเกิดอะไรขึ้น? ทำไมต้องกินยาด้วยล่ะ? แกไม่สบายตรงไหน? มาให้พ่อดูสิ”
วินนี่ที่กำลังป้อนเนื้อปลาตุ๋นให้เสี่ยวเถียนกวาอยู่นั้นถึงกับหัวเราะจนหงายหลัง ไม่ทันระวังช้อนที่ถืออยู่ในมือจนทำให้เนื้อปลาตุ๋นหกเลอะไปบนคอเสื้อของเธอ
เสี่ยวเถียนกวาเบะปากน้อยๆ อย่างไม่พอใจ แค่ป้อนข้าวแค่นี้ ตั้งใจหน่อยได้หรือเปล่า? เจ้าตัวน้อยใช้มือเล็กๆ นั้นหยิบเนื้อปลาตุ๋นออกมาจากถ้วย ตอนที่วินนี่มองดูเจ้าตัวน้อยเพราะคิดว่าเธอคงจะกินเองได้นั้น แต่เด็กน้อยกลับป้ายมือไปบนเสื้อของเธอแทน…
คราวนี้ถึงตาฉินสือโอวหัวเราะจนหงายหลังบ้าง
วันต่อมาตอนที่ฉินสือโอวกำลังสำรวจดูเตาอบ DIY ของตัวเองอยู่นั้น ก็พลันได้ยินเสียงหู่จือกับเป้าจือดังมาจากข้างนอก
ฉินสือโอวเดินออกไปต้อนรับ เห็นคนสี่คนชายสองหญิงสองกำลังรออยู่นอกประตูฟาร์ม เขาไม่รู้จักคนพวกนี้ จึงเดินเข้าไปแล้วถามอย่างแปลกใจว่า “ไม่ทราบว่าพวกคุณคือ?”
หญิงวัยกลางคนที่ยืนนำหน้าส่งยิ้มพร้อมยื่นนามบัตรให้เขาใบหนึ่ง แล้วพูดว่า “สวัสดีค่ะ คุณฉินใช่ไหมคะ? เป็นเกียรติที่ได้พบคุณนะคะ ดิฉันชื่อเอริก้า มัวริส เป็นผู้จัดการทั่วไปของบริษัทย่อยในแคนาดาของบริษัทอาหารสัตว์เลี้ยงแอนนาแมร์ค่ะ”
ฉินสือโอวจับมือกับเธอ บริษัทอาหารสัตว์เลี้ยงแอนนาแมร์เป็นบริษัทผลิตอาหารสุนัขและแมวที่มีชื่อเสียงมากในอเมริกาเหนือ เขาจำได้คลับคล้ายคลับคลาว่าบริษัทตั้งอยู่ในอเมริกา เขาเคยซื้ออาหารจากบริษัทนี้ให้หู่จือกับเป้าจือกินมาก่อน แต่จากนั้นก็รู้สึกว่าไม่มีความจำเป็นขนาดนั้น ให้พวกมันกินตามอาหารคนกินก็ได้
เมื่อได้รู้ฐานะของคนกลุ่มนี้แล้ว ฉินสือโอวจึงเชิญพวกเธอเข้าไปดื่มกาแฟข้างใน เอริก้าเป็นผู้หญิงที่ชำนาญงานคนหนึ่ง ระหว่างทางเธอได้พูดถึงจุดประสงค์ของการมาเยือนว่าพวกเขาอยากเชิญให้หู่จือกับเป้าจือไปเป็นพรีเซนเตอร์ให้กับบริษัท
ฉินสือโอวเกาหัว เขารู้สึกว่าเจ้าพวกที่ตัวเองเลี้ยงอยู่นั้นไม่ธรรมดาจริงๆ นิมิตส์กำลังอาศัยบารมีของคาเมรอนไปเป็นดาราดังแล้ว แต่หู่จือกับเป้าจือ เจ้าสองตัวที่วันๆ เอาแต่ทะเลาะกันนั้นยิ่งแล้วใหญ่ พวกมันถึงขั้นหาเงินให้เขาได้ด้วย
เขาถามว่าหากจะให้หู่จือกับเป้าจือไปเป็นพรีเซนเตอร์จะต้องทำอย่างไรบ้าง จะต้องออกจากเกาะแฟร์เวลเพื่อไปถ่ายทำโฆษณาหรือเปล่า
เอริก้าบอกว่าไม่จำเป็น เพราะจุดสำคัญคือการนำไปใช้ในทางด้านลิขสิทธิ์เท่านั้น การเข้าร่วมถ่ายโฆษณาจึงน้อยมาก แต่ละปีต้องไปร่วมถ่ายโฆษณาแค่สองอัน คือโฆษณาของฤดูร้อนและฤดูหนาวเท่านั้น และเพราะว่าการถ่ายโฆษณาอาหารสุนัขค่อนข้างเรียบง่าย จึงสามารถเลือกเกาะแฟร์เวลเป็นสถานที่ถ่ายทำได้
เมื่อได้ยินเธอพูดแบบนี้ ฉินสือโอวจึงพยักหน้าตอบรับไป เขาไม่สนใจจำนวนเงินที่ได้ว่าจะมากหรือน้อย เพราะว่าเขาไม่ได้ขัดสนเรื่องเงิน แต่เพราะทั้งหู่จือกับเป้าจือเป็นเจ้าตัวแรดสองตัวต่างหาก พวกมันน่าจะชอบที่เห็นตัวเองปรากฏอยู่บนทีวีหรือภาพโปสเตอร์
เมื่อเห็นว่าฉินสือโอวมีความสนใจ เอริก้าจึงถือโอกาสตีเหล็กตอนที่ยังร้อนรีบบอกค่าตัวออกมา “ค่าตัวของแลบราดอร์ทั้งสองตัวคือปีละห้าแสนเหรียญดอลลาร์แคนาดานะคะ”
ฉินสือโอวรู้สึกว่าราคานี้ค่อนข้างรับไม่ได้ เพราะแม้ว่าหู่จือกับเป้าจือจะไม่ใช่ดารา แต่ว่าตอนนี้พวกมันเป็นคนดังในอินเทอร์เน็ต ดูอย่างพวกแมวหน้าบึ้ง เจ้าอ้วนหงกับแมวแลบลิ้นสิ พวกมันไม่ได้ดังเท่าหู่จือกับเป้าจือเลย แต่ว่าเงินที่เจ้าของได้รับในแต่ละปีกลับได้ถึงหลักล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐเลย!
อีกอย่างก็ไม่สามารถพูดว่าหู่จือกับเป้าจือไม่ใช่ดารา เพราะถ้าหากว่าสัตว์เลี้ยงสามารถเป็นดาราได้แล้วล่ะก็ พวกมันก็ถือว่าเป็นระดับซูเปอร์สตาร์แล้ว
………………………………………………..