ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – บทที่ 1247 เจ้าของฟาร์มปลาที่วอนหาเรื่อง

บทที่ 1247 เจ้าของฟาร์มปลาที่วอนหาเรื่อง

เริ่มประมูลปลายอดม่วงมินิ ราคาเริ่มต้นเท่ากันที่สองหมื่น เจ้าของฟาร์มปลาสามารถเสนอให้ได้ยี่สิบหน่วย หรือก็คือลูกปลาสองแสนตัว

หากปลายอดม่วงมินิสองแสนตัวเหล่านี้ได้รับการใส่ใจ และไม่มีปัญหาอะไร ท้ายสุดแล้วจะสามารถขยายพันธุ์ได้มากกว่าหนึ่งแสนห้าหมื่นตัว

ฉินสือโอวเล็งปลาชนิดนี้ไว้ ซึ่งมีคู่แข่งไม่มากนัก

ข้อแรกเพราะลูกปลาชนิดนี้มีจำนวนเยอะ ราคาอยู่ที่สี่แสนเหรียญ เจ้าของฟาร์มปลาที่สามารถลงทุนกับเงินจำนวนมากขนาดนี้ได้นั้นมีค่อนข้างน้อย ข้อสองคือปลายอดม่วงมินิมุ่งไปทางตลาดทางเอเชีย หากอยากทำเงินจำเป็นต้องทำการส่งออก และผ่านกระบวนการต่างๆ มากมาย

ดังนั้นในความคิดของเหล่าเจ้าของฟาร์มปลา หากมีเงินทุนและแรงแล้วละก็สู้เพาะผลิตภัณฑ์ทะเลที่ขายดีในอเมริกาเหนือดีกว่า อย่างเช่นพวกปลาค็อด ปลาเเซลมอนแปซิฟิก และปลายอดม่วงตระกูลอื่น

อาหารทะเลต้าฉินมีฐานที่มั่นคงในปักกิ่งอยู่แล้ว สามารถทำการขยายไปยังเขตรอบๆ ได้ ทวีปเอเชียเป็นตลาดหลักของเขาอยู่แล้ว เขามีช่องทางการจัดจำหน่ายที่เหมาะสม สำหรับเขาแล้วปลายอดม่วงมินิเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ดีตัวหนึ่งเลย

ชายที่สวมถุงมือขาวประกาศแจ้งราคาเริ่มต้น ฉินสือโอวก็โบกมือเป็นนัยว่าจะรับราคานี้ เมื่อเห็นแบบนี้แล้วชายที่ถุงมือขาวจึงพูดว่า “คุณหมายเลข 001 ให้ราคาที่สองหมื่นดอลลาร์แคนาดา!”

ใช่แล้ว ท่านชายฉินคือหมายเลข 001 เรียกได้ว่าแมทธิว จินเป็นเพื่อนประเภทหมูไปไก่มา เพื่อขอบคุณที่เขานำทรัพยากรมากมายมาร่วมออกงานประมูล จึงตั้งใจเลือกเลขที่ดีที่สุดให้กับเขา

หมายเลขในงานประมูลแบบนี้มีความนัยอยู่ หมายเลข 001 หมายความว่าในสายตาของกรมประมงนั้น ฉินสือโอวคือเจ้าของฟาร์มปลาที่สำคัญที่สุด เรียกได้ว่าเป็นหมายเลขที่มีกลิ่นอายของการเมืองอยู่

มีคนชูสมุดภาพขึ้นมาตามเพื่อบอกว่ามีความสนใจในผลิตภัณฑ์ทะเลนี้ด้วยเหมือนกัน แถมตอนที่บอกราคา ฉินสือโอวยังสังเกตเห็นด้วยว่าเขาเอียงคอแล้วใช้สายตาท้าทายมองมาที่ตัวเอง หลังจากบอกราคาแล้วเขาไม่ได้ยกมือลง แต่กลับทำท่า ‘แน่จริงก็มา’ ออกมาแทน

ท่านชายฉินหัวเราะทีหนึ่ง เขาได้ผ่านช่วงวัยรุ่นใจร้อนไปแล้ว จำนวนงานประมูลที่เข้าร่วมก็หลายงานแล้ว การจะมีเรื่องกันในงานประมูลนั้นไม่ใช่ทางเลือกที่ดี การควบคุมอารมณ์ไม่อยู่มักจะหมายถึงการเสียเปรียบครั้งใหญ่ ทำให้เสียเงินมากขึ้น

เมื่อเข้าใจในหลักการนี้ เขาโบกมือบอกราคา ด้วยเสียงแน่นิ่งว่า “21,000!”

ข้าไม่บ้าไปกับแกด้วยหรอก ฉินสือโอวรักษาความนิ่งไว้ ราคาที่บอกไปก็ขึ้นมาแค่หนึ่งระดับเท่านั้น

คนก่อนหน้าชูสมุดภาพอีกรอบเพื่อบอกเป็นนัยว่าบวกอีกหนึ่งรอบ จากนั้นก็จ้องฉินสือโอวทีหนึ่ง ชายที่สวมถุงมือขาวทำเป็นไม่เห็น แล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “คุณหมายเลข 002 ให้ราคาที่ 21,500 ดอลลาร์แคนาดา!”

เห็นได้ชัดว่า คนคนนี้จงใจยกราคาข่มฉินสือโอว แต่ว่าการเล่นกันของเด็กๆ แบบนี้ท่านชายฉินไม่สนใจที่จะเล่นด้วย จะมีประโยชน์อะไรล่ะ? ธุรกิจมูลค่าไม่กี่แสนเหรียญ สำหรับเขาแล้วเด็กๆ มาก

แต่ว่าการทำสงครามจำเป็นต้องดูหมิ่นกลยุทธ์ศัตรู และให้ความสำคัญกับทักษะของศัตรู ท่านชายฉินถามโดนัลด์ที่อยู่ข้างตัวเสียงเบาว่า “ไอ้อ่อนนี่คือใครน่ะ? ให้ตายสิ ฉันไปกินขนมปังบ้านมันหรือว่าตีหมาบ้านมันหรือไง? ทำไมต้องมาหาเรื่องฉันด้วย?”

โดนัลด์เกาหัวแล้วพูดว่า “เขาชื่อว่าคาร์เตอร์ เอลเลนส์ เป็นเจ้าของฟาร์มปลาที่ใหญ่ที่สุดในรัฐโนวาสโกเชีย หรือว่าบางทีเขาอาจจะอิจฉาฐานะของนายหรือเปล่า?”

แวร์นที่อยู่ข้างหน้าได้ยินเสียงทั้งสองคนคุยกัน จึงหันหลังมาแล้วพูดว่า “ไม่นะ เพื่อน นายพูดผิดแล้ว ที่เจ้าหมอนี่ไม่ถูกชะตากับฉิน เพราะว่าเพื่อนร่วมหุ้นที่ใหญ่ที่สุดของเขาถูกแบรนด์อาหารทะเลต้าฉินกดดันอย่างหนัก ทำให้ผลิตภัณฑ์ทะเลมากมายของเขาไม่สามารถนำเข้าไปขายในอเมริกาได้ต่างหาก”

รัฐโนวาสโกเชียอยู่ใกล้เขตพื้นที่อเมริกา มีผลผลิตภัณฑ์ทะเลมากมายที่ส่งออกไปที่นั่น แคนาดาและอเมริกามีสัญญาการค้าระหว่างประเทศอย่างเสรี การขนส่งผลิตภัณฑ์อาหารทะเลไปไม่ต้องเสียภาษีศุลกากร จ่ายเพียงภาษีประเทศและภาษีทวีปก็พอแล้ว

เมื่อได้ยินแบบนี้แล้ว ฉินสือโอวก็รู้สึกว่าโชคเข้าข้างเขาแล้ว จึงพูดออกไป “เพื่อนร่วมหุ้นเขาคือตระกูลมอร์รี่ในนิวยอร์กหรือเปล่า?”

แวร์นยักไหล่ เพื่อเป็นการบอกว่าใช่กับคำถามของฉินสือโอว

ในระหว่างนั้นก็มีคนเคาะราคาให้กับปลายอดม่วงมินิอีก ราคาขึ้นไปอย่างช้าๆ ขึ้นไปทีละขั้นๆ

แต่ก็เหมือนกับที่ฉินสือโอววิเคราะห์ไว้ก่อนหน้า คนที่เหมาะจะเลี้ยงปลายอดม่วงมินิมีไม่มาก คนที่ร่วมเคาะราคามีน้อยมากเมื่อเทียบกับก่อนหน้านี้

แต่ว่าถ้าฝั่งฉินสือโอวไม่เคาะราคา ทางคาร์เตอร์ก็เงียบไม่ออกเสียง พอฝั่งเขาเคาะราคา คาร์เตอร์ก็รีบเคาะตามทันที

ท่านชายฉินไม่ได้รู้สึกอะไร ราคาขึ้นทีละห้าร้อยเหรียญๆ จนไปถึงสามหมื่นอย่างช้าๆ ตอนนี้ทางคาร์เตอร์ก็ไม่มีการเคาะราคาอีก

ไม่ใช่เพราะเขาเป็นคนดีขึ้นมา แต่เพราะเมื่อถึงราคานี้แล้วก็ต้องเริ่มระมัดระวัง หากว่าฉินสือโอวไม่เคาะตาม งั้นเขาก็ต้องเสียเปรียบอย่างแน่นอน ปลายอดม่วงมินิพวกนี้เหมาะที่จะจำหน่ายไปทวีปเอเชียเป็นที่สุด คาร์เตอร์ไม่มีช่องทางการขายในทวีปเอเชีย หากเขาเลี้ยงปลาพวกนี้ ก็เท่ากับสร้างความเสียหายให้ตัวเอง

แต่ว่าเขาก็พอใจแล้วล่ะ ปลายอดม่วงมินิที่ควรจะได้ในราคาสูงสุดที่ 25,000 เหรียญ แต่การที่ตัวเองมาปั่นราคาแบบนี้ ทำให้ราคาขึ้นไปถึงหนึ่งเท่าตัว ทำให้เขารู้สึกสบายใจขึ้นมาอย่างประหลาด

ฉินสือโอวยิ้มๆ ไม่ได้ใส่ใจ เขามีวิธีต่อกรกับคนประเภทนี้ เขาสามารถไม่ต้องมาร่วมการประมูลนี้ ชอบผลิตภัณฑ์ทางน้ำของใครก็แค่นำกลับไปฟาร์มปลา ใช้พลังโพไซดอนพัฒนาเสียหน่อย ผลที่ได้มาก็คือรุ่นที่แกร่งกว่าแล้ว

แต่การทำแบบนี้ก็คือการปล้นนี่เอง อาจมีบางทีที่ท่านชายฉินไม่ใช่คนดีนัก แต่ก็ไม่ถึงขั้นทำเรื่องแย่งผลงานคนอื่นแบบนี้

ผลิตภัณฑ์ทะเลที่มาร่วมออกประมูลในครั้งนี้ ไม่มีอันไหนที่ไม่ใช่ของที่เหล่าเจ้าของพยายามสุดความสามารถในการนำเข้ามาและพัฒนาให้ดีขึ้น เป็นของที่เต็มไปด้วยเลือดเนื้อของคนเหล่านี้ ถ้าฉินสือโอวอยากได้ เขาจำเป็นต้องให้ผลตอบแทนที่มากพอแก่คนเหล่านี้ด้วย

ชิ้นต่อไปเป็นผลิตภัณฑ์ทางทะเลที่ก่อให้เกิดความขัดแย้งอีกรอบ นั่นก็คือปลาลิ้นหมาเกล็ดเงิน หนึ่งในผลิตภัณฑ์ขึ้นชื่อของฟาร์มปลาต้าฉิน

ปลาลิ้นหมาชนิดนี้ยังคงเป็นลูกปลาหนึ่งหมื่นตัวต่อหนึ่งหน่วย แต่ราคาต่อหน่วยกลับสูงถึงหนึ่งแสนห้าหมื่นดอลลาร์แคนาดา หรือก็คือลูกปลาชนิดนี้หนึ่งตัวก็มีราคาถึงสิบห้าเหรียญ! หรือพูดอีกแง่ก็คือ ลูกปลาตายไปหนึ่งตัวก็เท่ากับเสียไปสิบห้าเหรียญ!

การเพาะเลี้ยงผลิตภัณฑ์ทะเลที่มีมูลค่าสูงนั้นมีความเสี่ยงที่สูงมาก แต่เหล่าเจ้าของฟาร์มปลากลับยังคงยื้อแย่งกัน เพราะกำไรที่ปลาชนิดนี้ทำให้ได้นั้นสูงมาก ปลาลิ้นหมาโตเต็มตัวขนาดหนึ่งเมตรหนึ่งตัว แบรนด์อาหารทะเลต้าฉินขายอยู่ที่ราคาสูงถึงห้าหมื่นดอลลาร์แคนาดา!

พอชายที่สวมถุงมือขาวเปิดให้ประมูลเท่านั้น เหล่าเจ้าของฟาร์มปลาก็เริ่มยื้อแย่งกันทันที ถึงขั้นเกิดสถานการณ์ที่ว่ามีคนสองถึงสามคนเคาะราคาพร้อมกันเลยทีเดียว แสดงให้เห็นถึงการแย่งกันอย่างดุเดือด

สถานการณ์นี้ทำเอาแมทธิว จินที่ดูอยู่ถึงขั้นหัวเราะจนปากเบี้ยว ฉินสือโอวมองไปแวบแรกนึกว่าประธานสูงวัยคนนี้เป็นลมชักเสียอีก

หลังจากปลาลิ้นหมาแล้ว ผลิตภัณฑ์ทะเลอีกชิ้นที่ฉินสือโอวสนใจก็ปรากฏขึ้น นั่นก็คือกุ้งกุลาดำฉบับพัฒนาแล้วนั่นเอง

ฉินสือโอวมองไปที่กุ้งตัวใหญ่บนเวทีอย่างสนใจ มันมีความยาวถึงยี่สิบห้าเซนติเมตร หลังจากตักออกมาแล้วเต็มไปด้วยพละกำลัง ดิ้นไปมาในจานไม่หยุด มันไม่เหมือนกับกุ้งขาวทั่วไป พวกมันมีนิสัยดุดัน หน่วยก้านแข็งแกร่ง

ชายที่สวมถุงมือขาวประกาศแจ้งราคา กุ้งขาวชนิดนี้ราคาไม่ต่ำเลย ราคาของลูกกุ้งหนึ่งหน่วยอยู่ที่ 18,000 ดอลลาร์แคนาดา

ฉินสือโอวยกมือเพื่อเป็นการเปิดเคาะราคาครั้งแรก ชายที่สวมถุงมือขาวกำลังจะประกาศต่อ คาร์เตอร์ก็ยกมือขึ้นมา พูดด้วยน้ำเสียงเย่อหยิ่งว่า “หมายเลข 002 20,000 เหรียญ!”

เจ้าของฟาร์มปลาคนอื่นที่กำลังเตรียมจะให้ราคาพากันรีบเก็บสมุดภาพที่ถือในมือทันที แล้วหันไปมองการสู้กันของทั้งสองคน ไม่ต้องสงสัยเลย คนมือเติบสองคนนี้จะเริ่มการโก่งราคากันแล้ว

ฉินสือโอวยังคงขี้เกียจแข่งราคากับคาร์เตอร์ การกระทำแบบนี้เด็กเกินไป อย่าแข่งกับคนอื่นในงานประมูล นี่คือประสบการณ์ที่เขาได้รับมาหลังการเข้าร่วมงานประมูลมาหลายที่

ราคาขึ้นไปถึงเลขสอง ฉินสือโอวยกมือเพื่อเคาะราคา 20,500 เหรียญ หลังจากนั้น คาร์เตอร์ก็ตะโกนออกมาตามหลังทันทีว่า ฃ“หมายเลข 002 25,000 เหรียญ!”

หลังจากได้ยินราคานี้แล้ว สีหน้าของเหล่าเจ้าของฟาร์มปลาก็พากันเปลี่ยนไปทันที ฉินสือโอวกลับหรี่ตาลง ดูเหมือนว่าเจ้าหมอนี่จะวอนหาเรื่องเสียแล้ว

…………………………………………………….

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

Status: Ongoing

เดือนเมษายน  ณ เมืองไหเต่าซึ่งอากาศยังคงความหนาวเย็นของฤดูใบไม้ผลิอยู่

7 โมงครึ่งแล้วแต่ฉินสือโอวกลับไม่รู้สึกง่วงงุนอีกต่อไป เขากระชับเสื้อคลุมเอนตัวนั่งพิงหัวเตียงพลางทอดสายตาเหม่อมองไปยังนอกหน้าต่าง

เขามาอยู่ในเมืองนี้ได้ 8 ปีแล้ว เริ่มจากมาเรียนมหาวิทยาลัย หลังจากเรียนจบก็ยังคงก็อาศัยอยู่ในเมืองนี้ต่อมา

มหาวิทยาลัยจงยางไห่หยางที่ฉินสือโอวเรียนจบมาเป็นมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดในเมืองไหเต่า หลังจากที่เขาเรียนจบ เขาก็ได้เข้าทำงานในแผนกทรัพยากรบุคคลที่บริษัทปิโตรเลียมที่ดีที่สุดของเมืองไหเต่าด้วยความเหลือจากเหมาเหว่ยหลงรุ่นพี่ของเขา

ทำงานในตำแหน่งนี้มาได้ 4 ปี จนเมื่อเดือนที่แล้วแผนกทรัพยากรบุคคลก็มีพนักงานดูแลเอกสารสาวสวยเข้ามาใหม่คนหนึ่ง ผู้จัดการมอบหมายให้ฉินสือโอวเป็นพี่เลี้ยงดูแลเธอ แรกๆ ก็ไม่มีอะไร แต่ความสวยของเธอดันไปโดดเด่นสะดุดตาทายาทเศรษฐีคนหนึ่งในบริษัทเข้า

เรื่องที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นก็ง่ายๆ เข้าอีหรอบเดิม ทายาทเศรษฐีคนนั้นเห็นเธอกับฉินสือโอวสนิทกันก็เลยเกิดความหึงหวง เขาเรียกฉินฉือโอวไปเตือนหลายครั้ง แต่ฉินสือโอวไม่สนใจ จนกระทั่งทั้งสองมีปากเสียงกันจนถึงขั้นลงไม้ลงมือในท้ายที่สุด

เดิมทีมันเป็นเพียงปัญหาเรื่องผู้หญิง แต่เมื่อทายาทเศรษฐีถูกฉินสือโอวทำร้าย ปัญหาที่ตามมาหลังจากนั้นจึงยิ่งไปกันใหญ่ หมอนั่นติดต่อไปหาเพื่อนของเขาที่อยู่แผนกการเงินเพื่อให้พวกนั้นสร้างหลักฐานใส่ร้ายว่าฉินสือโอวยักยอกเงินก้อนหนึ่งของบริษัทไป

การยักยอกเงินบริษัทถือเป็นเรื่องที่ค่อนข้างใหญ่โต ฉินสือโอวไม่เพียงต้องชดใช้เงินคืนให้บริษัท แต่เขายังถูกไล่ออกเพราะเหตุนี้อีกด้วย!

จะว่าไปเรื่องที่ถูกไล่ออกจากบริษัทมันก็ไม่ได้แย่อะไร ที่จริงฉินสือโอวก็คิดจะลาออกอยู่แล้ว แต่ปัญหาอยู่ที่ทั้งเนื้อทั้งตัวเขาตอนนี้แทบจะไม่มีเงินเหลืออยู่เลย เพราะเงินของเขาถูกนำไปชดใช้ให้บริษัทจนหมดแล้ว

เคราะห์ซ้ำกรรมซัดไปอีกก็คือเดือนนี้เขาต้องจ่ายค่าเช่าห้องสำหรับสามเดือนข้างหน้าอีกด้วย ลำพังเงินที่เขาเหลืออยู่ตอนนี้มีพอแค่ค่าอาหารแต่ละมื้อเท่านั้น และไม่ว่ายังไงเงินก็คงไม่พอจ่ายค่าเช่าห้องแน่ๆ

ขณะที่ฉินสือโอวกำลังเครียดเรื่องค่าเช่าห้องก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น!

ฉินสือโอวเดินไปเปิดประตูก่อนใบหน้าดุดันของลุงเจ้าของห้องจะปรากฏขึ้นต่อหน้าเขาทันที ลุงเจ้าของห้องมาหาเขาตอนนี้ก็มีอยู่แค่เหตุผลเดียวเท่านั้นคือการมาเก็บค่าเช่าอย่างไม่ต้องสงสัย

ถึงแม้ว่าเมืองไหเต่าจะตั้งอยู่ทางเหนือ แต่เนื่องจากอยู่ติดทะเลจึงทำให้เมืองไหเต่ากลายเป็นเมืองท่าที่สำคัญแห่งหนึ่ง ดังนั้นนั้นเศรษฐกิจจึงเติบโตอย่างรวดเร็ว เรียกได้ว่าเป็นเมืองรองเลยก็ว่าได้ และด้วยเหตุนี้จึงทำให้บ้านมีราคาสูงมา ส่วนค่าเช่าบ้านก็แพงเช่นกัน

ฉินสือโอวเช่าห้องสตูดิโอขนาดเล็ก 1 ห้องนอน 1 ห้องรับแขกเอาไว้ ค่าเช่าต่อเดือนอยู่ที่หนึ่งพันหยวน แถมยังเก็บค่าเช่าล่วงหน้าทีละ 3 เดือนอีก นั่นจึงหมายความว่าเขาต้องจ่ายสามพันหยวนภายในเดือนนี้ แต่ที่ยิ่งไปกว่านั้นก็คือแค่สามร้อยหยวนเขายังไม่มีเลย!

ช่วยไม่ได้ ฉินสือโอวจึงทำได้เพียงยิ้มแห้งๆ และขอร้องให้ลุงเจ้าของห้องช่วยเห็นใจเขาหน่อย ลุงเจ้าของห้องดูไม่ค่อยพอใจมากนัก และก่อนจากไปเขาก็พูดออกมาเสียงแข็ง “ฉันให้เวลา 2 วัน เย็นวันมะรืนฉันจะมาเก็บเงินอีกที ถ้ายังไม่จ่ายค่าเช่าห้องนายก็ไสหัวออกไปซะ!”

ช่างเป็นคำพูดที่ทำร้ายจิตใจเหลือเกิน แต่ฉินสือโอวไม่มีแรงจะโมโหอีกแล้ว

ฉินสือโอวในวันนี้ถูกบีบบังคับจนอับจนหนทางมองไปทางไหนก็มืดแปดด้านไปหมด

เมื่อส่งเจ้าของห้องเช่ากลับไปแล้ว ฉินสือโอวก็กลับไปนอนลงบนเตียงด้วยใบหน้าเหนื่อยล้า ในหัวของเขาคิดเรื่องอนาคตไม่ออกและยังสิ้นหวังกับเรื่องราวในปัจจุบัน

อีกไม่นานเขาก็จะสามสิบแล้ว แต่กลับไม่มีงาน ไม่มีบ้าน ไม่มีรถ และพอนึกถึงหน้าพ่อแม่ใจของเขาก็ยิ่งห่อเหี่ยวเข้าไปใหญ่

ในตอนนั้นเองจู่ๆ ประตูห้องของเขาถูกเคาะอีกครั้ง และเสียงดังบาดหูของเจ้าของห้องเช่าก็ดังขึ้นมา

“เสี่ยวฉิน เปิดประตู เปิดประตูเดี๋ยวนี้!”

พอได้ยินเสียงเจ้าของห้องเช่าความรู้สึกห่อเหี่ยวและสิ้นหวังในใจของเขาก็ถูกแทนที่ด้วยความโกรธ ตาลุงเจ้าของห้องชักจะมากเกินไปแล้วนะ ไหนบอกว่าให้เวลาเขาสองวัน พอถึงเวลาแล้วจะมาเก็บเงินไง แล้วทำไมถึงกลับมาทวงเร็วขนาดนี้?

ฉินสือโอวข่มกลั้นความโกรธแล้วเปิดประตูออกไป แต่เขากลับพบว่าข้างกายของเจ้าของห้องเช่ามีตำรวจในเครื่องแบบที่สวมหมวกปีกกว้างอีกคนอยู่ด้วย

เมื่อตำรวจเห็นฉินสือโอว เขาก็เอ่ยปากถามขึ้นมา “คุณคือคุณฉินใช่ไหมครับ?”

ฉินสือโอวพยักหน้า จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงพูดต่อ “ถ้าอย่างนั้นเชิญไปกับผมด้วยครับ มีคนอยากพบคุณ”

พอได้ยินตำรวจพูดอย่างนั้น ยังไม่ทันที่ฉินสือโอวจะพูดอะไร เจ้าของห้องเช่าก็รีบพูดขึ้นมาทันที “คุณเจ้าหน้าที่ครับ ผมไม่ได้มีความเกี่ยวข้องอะไรกับเสี่ยวฉินนะครับ ถ้าเขาไปก่อคดีอะไรมา มันไม่เกี่ยวกับห้องของผมนะครับ”

ฉินสือโอวจะไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ เขาคิดว่าคดีก่อนหน้านี้อาจจะมีปัญหาอะไรขึ้นมาเขาจึงได้แต่เดินตามเจ้าหน้าที่ตำรวจหนุ่มไปยังสถานีตำรวจด้วยสภาพไร้วิญญาณ

พอถึงสถานีตำรวจ เจ้าหน้าที่ก็พาเขาตรงไปยังห้องของผู้อำนวยการทันที

เมื่อเข้าไปในห้องเขาก็กวาดตามองไปรอบๆ ห้องก่อนจะเห็นตำรวจพุงพลุ้ยวัยกลางกำลังชงชาให้ชายในชุดสูทสองคนที่นั่งอยู่ตรงโซฟา

สิ่งที่ทำให้ฉินสือโอวจับต้นชนปลายไม่ถูกก็คือหนึ่งในสองคนที่นั่งอยู่บนโซฟาเป็นชายสวมสูทรูปร่างสูงใหญ่ ผมสีบลอนด์ นัยน์ตาสีฟ้าและผิวขาวซีดราวกับแวมไพร์ อายุของเขาน่าจะไม่ต่ำกว่าห้าสิบหกสิบเห็นจะได้ เพราะเคราของเขากลายเป็นสีขาวราวกับหิมะไปแล้ว แต่ร่างกายที่กำยำนั้นช่างดูทรงพลังและน่าเกรงขามเหลือเกิน

เจ้าหน้าที่ตำรวจวัยกลางคนคนนั้นคือผู้อำนวยการสถานีตำรวจอย่างไม่ต้องสงสัย ว่าแล้วเขาก็ยื่นมือมาทางฉินสือโอวแล้วพูดขึ้น “คุณคือคุณฉินสือโอวสินะครับ? สวัสดีครับ ผมหลัวหย่งจื้อผู้อำนวยการสถานีตำรวจท้องที่ถนนซวงเหอเขตหลัวซานครับ”

ช่วงก่อนหน้านี้ฉินสือโอวถูกพวกตำรวจทำให้เขารู้สึกเหมือนอยู่ไม่สู้ตาย เมื่อเห็นหลัวหย่งจื้อยื่นมือมาจึงรีบเข้าไปจับ ก้มหัวโค้งแนะนำตัวเองทันที

หลังจากหลัวหย่งจื้อปล่อยมือฉินสือโอวแล้ว ชายวัยกลางคนที่ก่อนหน้านี้นั่งอยู่ตรงโซฟาก็ลุกขึ้นมาจับมือเขาแล้วพูดขึ้น “สวัสดีครับคุณฉิน ผมหลี่ซิ่นจากศาลประชาชนกลางแห่งเมืองไหเต่าครับ ส่วนท่านนี้คือคุณเออร์บัก ชาร์คแมน ทนายความที่มีชื่อเสียงจากสำนักงานกฎหมายฟาสเกนส์ ประเทศแคนาดาครับ”

หลังจากที่ทั้งสองฝ่ายได้แนะนำตัวกันแล้ว แวมไพร์เฒ่าที่วางตัวสูงสง่าน่าเกรงขามมาตลอดก็ถามออกมาเป็นภาษาอังกฤษ “สวัสดีครับคุณฉินสือโอว คุณรู้จักฉินหงเต๋อไหมครับ”

ขณะหลี่ซิ่นกำลังจะแปล ฉินสือโอวก็ตอบออกมาด้วยภาษาอังกฤษอย่างคล่องแคล่ว

“ฉินหงเต๋อหรอครับ? เขาคือปู่รองของผม อืม..ก็คือพี่ชายคนที่สองของปู่ผม”

เออร์บักพยักหน้าแล้วถามอีก “ถ้าอย่างนั้นคุณคงจะมีหัวใจโพไซดอนใช่ไหมครับ มันเป็นจี้สีน้ำเงินเล็กๆ ที่สวยมากๆ อันหนึ่ง ช่วยเอาออกมาให้ผมดูหน่อยได้ไหมครับ?”

ฉินสือโอวขมวดคิ้ว เขาไม่เข้าใจว่าฝรั่งคนนี้พูดถึงอะไร แต่กระนั้นเขาก็เลื่อนมือไปปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตเม็ดบนสุดออกแล้วดึงสร้อยเส้นสีแดงที่มีจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินออกมา

เออร์บักยื่นมือไปรับหัวใจโพไซดอน แล้วหันไปพูดกับหลัวหย่งจื้อ “ผมขอแก้วกระดาษใบหนึ่งหน่อยได้ไหมครับ?”

หลัวหย่งจื้อยกหูโทรศัพท์ อึดใจต่อมาแก้วคริสทัลราคาแพงก็ถูกยื่นมาให้เขาอย่างรวดเร็ว

เออร์บักเติมน้ำลงไปในแก้วแล้วนำหัวใจโพไซดอนหย่อนลงไปในน้ำ ทันใดนั้นน้ำในแก้วก็เปลี่ยนเป็นสีน้ำเงินเช่นเดียวกับหัวใจโพไซดอน และเมื่อเออร์บักขยับข้อมือ น้ำในแก้วก็กระเพื่อมส่งกลิ่นน้ำทะเลออกมา

ทุกคนในที่นั้นตกตะลึงจนพูดไม่ออก ฉินสือโอวก็ไม่เคยรู้มาก่อนว่าจี้เล็กๆ ที่ตัวเองห้อยมาตลอดมีพลังวิเศษแบบนี้

เมื่อเสร็จแล้วเออร์บักก็พูดออกมาอย่างจริงจังว่า “คุณฉินสือโอว สวัสดีครับ ผมเออร์บัก ชาร์คแมน ทนายความมือหนึ่งจากสำนักงานกฎหมายฟาสเกนส์ คุณฉินหงเต๋อมอบหมายให้ผมนำพินัยกรรมมาส่งมอบให้กับคุณ เดี๋ยวผมจะอ่านให้ฟังนะครับ…”

เออร์บักเปิดพินัยกรรมแล้วพูดออกมา

“นับแต่บัดนี้เป็นต้นไป คุณฉินสือโอว หลานคนโตของคุณฉินหงเต๋อ จะเป็นผู้สืบทอดฟาร์มปลาต้าฉิน ซึ่งตั้งอยู่ที่รัฐนิวฟันด์แลนด์และแลบราดอร์ นครเซนต์จอห์น ประเทศแคนาดา! ซึ่งมีมูลค่าการตลาดตามการประเมินโดยธนาคารแคนาดาอยู่ที่ประมาณ 42 ล้านดอลลาร์แคนาดา หรือก็คือ 233,100,000 หยวนครับ! “

หัวใจของฉินสือโอวเต้นดัง ‘ตุบ ตุบ ตุบ’ ราวกับจะหลุดออกมา ไม่ง่ายเลยที่เขาจะทำใจให้สงบลงได้ จากนั้นเขาก็ถามออกไปด้วยเสียงสั่นๆ “นี่คุณเออร์บักไม่ได้กำลังล้อผมเล่นใช่ไหมครับ? คุณปู่รองของผมทิ้งทรัพย์สินมูลค่า 230 ล้านหยวนให้ผมอย่างนั้นเหรอ?”

เออร์บักพยักหน้าเพื่อยืนยัน ต่อมาเขาก็แนะนำอะไรอีกนิดหน่อย ประมาณว่าตอนนี้เขาเป็นทนายส่วนตัวของฉินสือโอวแล้ว และต้องการให้ฉินสือโอวเดินทางไปแคนาดาโดยเร็วที่สุดเพื่อดำเนินการเกี่ยวกับการส่งมอบอสังหาริมทรัพย์ต่างๆ ให้เสร็จสิ้น

ฉินสือโอวลงนามในเอกสารยินยอมรับมรดกภายใต้การรับรองของหลัวหย่งจื้อและหลี่ซิ่น จากนั้นเขาก็พาหลี่ซิ่นกับเออร์บักเดินทางไปยังห้องเช่าของตัวเอง

พอไปถึงอพาร์ตเมนต์เขาก็ต้องตกใจเมื่อได้เห็นกองข้าวของที่วางอยู่หน้าห้อง เมื่อมองดูดีๆ เขาก็พบว่าทั้งหมดเป็นของของเขาจำพวกผ้าห่ม ที่นอน หนังสือและคอมพิวเตอร์

เมื่อเจ้าของห้องเช่าเดินออกมาเห็นฉินสือโอว เขาก็ล็อกประตูดัง ‘กริ๊ก’ แล้วพูดออกมาอย่างเย็นชา

“กลับมาแล้วเหรอ? ดีเลย ฉันจะได้พูดให้นายเข้าใจ นายไปทำอะไรไม่ดีมาใช่ไหม? ไม่อย่างนั้นตำรวจจะมาหานายถึงที่ทำไม”

พอฉินสือโอวทำท่าจะตอบกลับ เขาก็แสดงสีหน้าเย็นชาแล้วพูดต่อ “ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว เก็บของของนายแล้วไสหัวออกไปซะ ฉันปล่อยห้องเช่าให้คนไม่ได้เรื่องอย่างนายไม่ได้หรอก”

ทันใดนั้นฉินสือโอวก็ได้สติขึ้นมาทันที

……………………………………….

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท