ฉินสือโอวเห็นหลายคนในคนกลุ่มนี้สวมชุดพนักงานอยู่ แม้ว่าจะอยู่ห่างกันค่อนข้างไกล จนเขามองไม่เห็นโลโก้และชื่อบนเสื้อ และไม่รู้ว่าเป็นกลุ่มประท้วงของโรงงานไหน
นีลเซ็นเข้าไปเดินวนดูสักพัก ก็กลับมาพร้อมกับสีหน้าเคร่งเครียดแล้วพูดว่า “เป็นพนักงานของโรงงานผลิตกระดาษคัตเตลานครับ ดูเหมือนว่าจะไม่ได้จ่ายเงินเดือนมาสามเดือนแล้ว พวกพนักงานทนไม่ไหว จึงรวมตัวกันขึ้นมาประท้วง”
ฉินสือโอวส่ายหัวแล้วพูดว่า “นี่มันเกิดอะไรขึ้น อยู่ดีๆ ทำไมเศรษฐกิจของแคนาดาถึงได้แย่ขนาดนี้? ดูท่าว่าจะไม่ใช่แค่ธุรกิจการประมงของพวกเราเท่านั้นที่ลำบาก คนอื่นๆ ก็ลำบากเหมือนกันนะ”
นีลเซ็นกับออสเปรมองตากันทีหนึ่ง แล้วก็รู้สึกว่าคำพูดนี้ของบอสนั้นไม่ใช่ความจริงเลย คนอื่นลำบากแต่เหมือนคุณจะมีชีวิตที่ดีมากเลยไม่ใช่เหรอ?
แน่นอนว่า ชีวิตของพวกชาวประมงเองก็ดีไม่แพ้กัน
เมื่อมีนักประท้วงขวางทางอยู่ กลุ่มของฉินสือโอวจึงไม่สามารถเดินกลับไปได้ แต่ตอนนี้เหลือเวลาจากเวลาที่รถไฟจะออกไม่มากแล้ว เขาจึงบอกกับนีลเซ็นและออสเปรว่า ทุกคนตัดสินใจกันแล้วว่าจะฝ่าออกไป
ทั้งสี่คนพากันเดินไปทางกลุ่มประท้วง คนเยอะเกินไปทำให้การเดินชนกันเป็นสิ่งที่เลี่ยงไม่ได้ นีลเซ็นที่อยู่ข้างหน้าชนคนมากที่สุด แต่ก็ไม่มีใครว่าอะไร คนที่ฉินสือโอวเดินชนมีน้อยลงมาหน่อย เขารู้สึกเกรงใจเล็กน้อย จึงพลางเดินพลางขอโทษไปด้วย
ภายหลังมีคนสังเกตเห็นเขาจึงถามว่า “เพื่อน นายเป็นคนญี่ปุ่นหรือเปล่า?”
ฉินสือโอวอึ้งไปชั่วครู่ เมื่อได้สติแล้วก็พูดไปว่า “ไม่ครับ ผมเป็นคนจีน”
เขาไม่รู้สึกว่าคำพูดเขามีปัญหาตรงไหน แต่หลังจากเขาพูดออกไปแบบนี้แล้ว คนขาวคนนั้นก็ผลักเขาทันที แล้วตะโกนว่า “คนจีน? เฮ้ย นายชนฉันเจ็บแล้วรู้หรือเปล่า?!”
ฉินสือโอวนึกไม่ถึงว่าปฏิกิริยายาของคนคนนี้จะรุนแรงขนาดนี้ เขากำลังจะขอโทษ แต่ผู้คนรอบๆ ก็ล้อมกันเข้ามาเสียก่อน แล้วใช้สายตาที่ไม่เป็นมิตรเลยจ้องมาที่เขา แถมมีคนด่าทอเขาไม่หยุดด้วย ชัดเจนเลยว่ามาเพื่อหาเรื่องนี่เอง
ฉินสือโอวไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น เขายกมือทั้งสองข้างเป็นความหมายว่าเขาไม่ได้ตั้งใจให้เกิดเรื่องเลย แต่คนรอบด้านเขาก็ยังคงไม่ปล่อยเขาไป หลังพวกเขาพากันล้อมเขาไว้ตรงกลางแล้วก็มีคนยื่นมือมาผลักเขาด้วย
แถมยังมีคนด่าไม่หยุดปากอีกว่า “ฟัค! ไอ้คนจีนสารเลว พวกนายมาที่ท่าเรือบาสก์ของพวกเราทำไม? งานของพวกเราก็ถูกพวกนายนี่แหละที่แย่งไป…ฟัค! ให้พวกมันไสหัวออกไปจากที่ของเราซะ!”
นีลเซ็นที่เดินเปิดทางอยู่ข้างหน้ากับออสเปรที่เดินปิดท้ายอยู่เห็นฉากนี้แล้วก็ร้อนใจขึ้นมา ทั้งสองคนพยายามเบียดตัวเข้าไปปกป้องฉินสือโอวหน้าคนหลังคน จากนั้นก็จ้องตาเขม็งไปที่ผู้คนที่ล้อมเข้ามา แล้วใช้น้ำเสียงแหบแห้งตะโกนออกไปว่า “ไอ้พวกกลุ่มลูกหมา! ไป รีบไป! พวกเราเป็นเจ้าของฟาร์มปลาจากเซนต์จอห์น ถ้าไม่อยากโดนฟ้องก็รีบถอยห่างจากพวกเราเดี๋ยวนี้!”
เมื่อได้ยินคำว่า ‘เจ้าของฟาร์มปลา’ แล้ว ก็มีคนมองสำรวจตัวฉินสือโอวทีหนึ่ง แล้วก็ถามอย่างลองเชิงว่า “เฮ้ เพื่อน นายเป็นเจ้าของฟาร์มปลาจากเซนต์จอห์นเหรอ? ฉินคนจีนคนนั้นเหรอ? ฉินคนจีนที่ขับเรือฮาวิซท แล้วก็พานักแสวงบุญของพระเจ้าไปช่วยคนน่ะเหรอ?”
เมื่อคำพูดของคนคนนี้เปล่งออกมาแล้ว กลุ่มคนที่ผลักฉินสือโอวไปมาก็พากันสงบลงนิดหนึ่ง แล้วพากันมองสำรวจฉินสือโอวด้วยสายตาแปลกใจ
ฉินสือโอวพยักหน้าอย่างเยือกเย็น ผู้คนที่ล้อมรอบตัวเขาได้เผยสีหน้ากระอักกระอ่วนออกมาแล้วก็จากไป แต่ก็ยังมีคนไม่ขยับตัวไปไหน แล้วตะโกนว่า “ฉินคนจีนแล้วอย่างไร? เจ้าของฟาร์มปลาก็เป็นนายทุนสารเลวเหมือนกัน! พวกเขาปอกลอกพวกเรา..โอ้ ฟัค!”
นีลเซ็นเข้าไปกระโดดเตะคนที่ตะโกนจนตัวลอยออกไป แล้วชี้ไปที่ฝูงคนพวกนั้นด้วยท่าทีดุดันแล้วตะโกนด่าว่า “พากันไสหัวไปซะ! พวกนายคิดจะทำอะไร? ปีที่แล้วฉินได้ทำให้ท่าเรือบาสก์กลายเป็นเมืองแห่งความภาคภูมิใจของแคนาดา แล้วยังได้ช่วยคนที่นี่ไปกว่าร้อยคน! ตอนนั้นพวกนายกำลังทำอะไรกัน? ไสหัวไป! ไสหัวไปให้หมด!“
หลังจากนีลเซ็นทำท่าทางคลุมสถานการณ์ได้แล้วก็พุ่งตัวไปข้างหน้าราวกับกำลังไล่เป็ด ออสเปรจึงถือโอกาสพาฉินสือโอวเบียดออกไปทันที
อย่างไรเสียกลุ่มคนประท้วงพวกนี้ก็เป็นเพียงคนงานทั่วไปเท่านั้น การก่อกวนครั้งนี้ก็ทำเพียงแค่อยากเรียกความสนใจจากรัฐบาล ให้มาจัดการเรื่องการค้างจ่ายเงินเดือนของโรงงานผลิตกระดาษเท่านั้น ไม่ได้ทำเพราะอยากจะหาเรื่องเลย พอได้รู้ถึงตัวตนของฉินสือโอวบวกกับการขู่ของนีลเซ็นแล้ว คนที่ขวางอยู่ข้างหน้าก็พากันหลบให้
การเบียดออกมาจากฝูงชน ทำเอาหน้าผากของนีลเซ็นกับออสเปรเต็มไปด้วยเหงื่อ พวกเขากลัวว่าคนเหล่านั้นจะเลือดขึ้นหน้าแล้วลงไม้ลงมือกัน หากว่าเป็นอย่างนั้นแล้ว กำปั้นคู่ยากจะต่อกรกับสี่มือ โดยเฉพาะที่นั่นที่มีสี่มือกว่าร้อยคนด้วย คงจะตีจนพวกเขากลายเป็นหมาได้เลย
หลังจากออกมาแล้วเพิ่งจะวางใจได้ไม่นาน นีลเซ็นมองซ้ายทีขวาทีแล้วก็อึ้งไปทันที พูดว่า “แม่ง! แม่ง! ศาสตราจารย์แซนเดอร์สล่ะ? ศาสตราจารย์อยู่ที่ไหน?”
ออสเปรก็อึ้งไปด้วย เขาพูดเสียงอ่อนแรงว่า “เมื่อกี้ฉันมัวแต่สนใจบอส ไม่ได้สังเกตศาสตราจารย์เลย พวกนายรอก่อน ฉันจะกลับไปหาเอง”
แซนเดอร์สไม่เป็นอะไร เขาเป็นคนขาว แถมยังเต็มไปด้วยกลิ่นอายของคนมีความรู้ด้วย กลุ่มประท้วงจึงไม่ได้หาเรื่องเขา เขาเพียงแค่ต้องเหนื่อยหน่อยเพราะต้องเดินอ้อมไปทางด้านหลังของฝูงคน ไม่นานก็เดินมารวมพลกับพวกฉินสือโอวได้แล้ว
คนครบแล้ว ฉินสือโอวเดินอยู่ข้างหน้าด้วยสีหน้าถมึงทึง นีลเซ็นเดินเข้าไปพูดด้วยน้ำเสียงระมัดระวังว่า “บอส พวกเราต้องเดินเร็วหน่อยนะครับ รถไฟใกล้จะออกแล้ว”
ฉินสือโอวปรายตามองเขาทีหนึ่ง หยิบมือถือออกมาโทรหาเจนนิเฟอร์ แล้วพูดว่า “ตอนนี้ผมกำลังจะไปขึ้นรถไฟ แต่คงไปไม่ทันแล้ว เจนนิเฟอร์ คุณบอกให้สถานีรถไฟชะลอการออกรถก่อนครับ”
พูดจบ เขาก็ยื่นมือถือให้ออสเปรแล้วพูดว่า “บอกหมายเลขเที่ยวรถไฟของเราให้เธอที”
นี่ก็คือความเผด็จการของบัตรอเมริกันเอ็กซ์เพรส ฉินสือโอวเป็นลูกค้าระดับสอง อย่าว่าแต่ชะลอการออกของรถไฟเลย แม้กระทั่งการชะลอการออกของเครื่องบิน หรือการชะลอการเปิดคอนเสิร์ตของดาราดังก็ไม่มีปัญหา
ตอนนี้ฉินสือโอวอารมณ์ไม่ดีเอามากๆ ไม่อย่างนั้นเขาไม่ทำอย่างนี้แน่ การกระทำแบบนี้ออกจะเป็นการใช้อำนาจข่มเหงไปหน่อย
แต่เขาในตอนนี้คิดอยากข่มเหงคนจริงๆ เพราะว่าเขาโกรธจัดแล้ว หากว่าเมื่อกี้ไม่มีคนจำเขาได้ หากว่าเขาไม่เคยเป็นวีรบุรุษที่อ่าวเซนต์ลอว์เรนซ์มาก่อน คาดว่าเมื่อกี้คงออกมาไม่ได้แล้ว
และเหตุผลที่ทำให้เขาเดินออกมาไม่ได้ก็เพียงเพราะเขาเป็นจีนแค่นั้นเหรอ เรื่องอะไร?!
ระหว่างก้าวเท้าอย่างเร่งรีบอยู่นั้น ฉินสือโอวก็พลันถามออกมาว่า “ศาสตราจารย์ นีลเซ็น ออสเปร การเหยียดคนจีนในท่าเรือบาสก์นั้นรุนแรงมากเลยเหรอ?”
นีลเซ็นกับออสเปรจะรู้เรื่องพวกนี้ได้อย่างไร? ทั้งสองคนเหงื่อท่วมหน้า แล้วพูดว่า “ไม่นี่ครับ สมัยนี้แล้วจะยังมีปัญหาเรื่องการเหยียดผิวได้อย่างไรครับ? เรื่องนี้สามารถทำให้ถูกฟ้องได้เลย ใครจะกล้าครับ?”
แซนเดอร์สพอจะรู้อยู่บ้าง เขาพูดว่า “อุตสาหกรรมการผลิตกระดาษของบาสก์ถูกโจมตีจากอุตสาหกรรมต่างประเทศ รู้สึกว่าอุตสาหกรรมของประเทศจีนจะส่งผลกระทบกับพวกเขาค่อนข้างมาก เพราะว่ากระดาษที่จีนผลิตนั้นคุณภาพดี ราคาก็ถูก บวกกับชาวจีนที่ทนลำบากได้ มีวินัยอย่างมาก เลยแย่งตำแหน่งงานจำนวนหนึ่งในท้องถิ่นไป ดังนั้นคนพวกนี้จึงค่อนข้างอ่อนไหวกับชาวจีนมั้งครับ?”
เมื่อได้ยินคำนี้แล้ว ฉินสือโอวก็โกรธขึ้นมาทันที เขาตะคอกออกไปว่า “นี่มันเรื่องบ้าบออะไรกัน? คุณก็พูดอยู่ พวกเราคนจีนทนความลำบากได้ มีวินัยสูง ดังนั้นทางเจ้าของจึงเลือกใช้งานพวกเรา ไอ้พวกเดนคนขี้เกียจพวกนี้มีสิทธิ์อะไรที่จะให้พวกเรารับผิดชอบเรื่องที่สังคมปฏิเสธพวกเขากันล่ะ?”
นีลเซ็นและออสเปรต่างก็เงียบไม่พูดอะไร หัวข้อสนทนานี้พวกเขาไม่ควรมีส่วนร่วมด้วย พวกที่ไม่ใช่เชื้อชาติเดียวกันล้วนมีใจไม่เป็นมิตร ปัญหาการเหยียดผิวนั้นเป็นปัญหาที่แก้ยากในทุกประเทศทั่วโลกเสมอมา ปัจจุบันก็ยังไม่มีรัฐบาลของประเทศไหนที่กล้าพูดว่าตัวเองแก้ปัญหาความขัดแย้งเรื่องชนชาติ ชาติพันธุ์และความเชื่อได้เลยแม้แต่ที่เดียว
…………………………………………………..