รถไฟออกตัวอีกครั้ง เท่ากับว่าได้เวลาอาหารค่ำแล้ว
ผู้โดยสารระดับพรีเมียมมีสองตัวเลือก คือพวกเขาสามารถไปทานอาหารที่รถอาหารหรือสั่งอาหารกับเจ้าหน้าที่บนรถไฟ ฉินสือโอวอยากไปที่รถอาหาร นีลเซ็นหยุดเขาไว้ แล้วพูดว่า “บอส จ่ายเงินตั้งมากมายก็ต้องได้รับการบริการคุณภาพสูงสิครับ คุณอยากทานอะไรครับ? พวกเราสั่งอาหาร แล้วให้พวกเขามาส่งกัน”
ออสเปรพูดอย่างไม่เข้าใจว่า “ทำไมต้องให้พวกเขามาส่งด้วย? พวกเราไปที่รถอาหารแทนไม่ดีกว่าเหรอ?”
ถ้าหากอยากให้พนักงานมาบริการ งั้นพวกเขาก็ต้องจ่ายทิปด้วย ออสเปรเป็นผู้ชายที่ใช้ชีวิตเป็นคนหนึ่ง
นีลเซ็นพาดหัวไปบนไหล่แล้วแนบไปที่หูเขา “เจ้าโง่ ถ้าเกิดเจอเข้ากับพวกคนโง่อีกจะทำอย่างไร? หากว่าได้รับการกระตุ้นถึงสองครั้งภายในวันเดียว ฉันว่าบอสน่าจะระเบิดได้นะ”
ออสเปรพยักหน้าทันที แล้วพูดพร้อมเหตุผลว่า “ก็คือ บอสครับ รถไฟที่พวกเรานั่งอยู่นั้น เสียเงินไปเกือบสี่พันเหรียญ…”
เมื่อพูดถึงตรงนี้เขาเบะปาก รู้สึกปวดใจขึ้นมานิดๆ ไอ้สารเลวนีลเซ็นต้องไม่คืนเงินเขาแน่นอน และเขาก็ไม่กล้าไปขอเงินจากศาสตราจารย์แซนเดอร์สด้วย เมื่อเป็นแบบนี้เขาคงต้องคนจ่ายแล้วล่ะ
“ดังนั้น พวกเราจึงต้องใช้บริการของพวกเขาให้เต็มที่สิครับ” ออสเปรดีดนิ้วเรียกพนักงานมาหา แล้วถามว่า “เมนูหลักของอาหารค่ำมื้อนี้มีอะไรบ้างครับ?”
พนักงานที่สวยและอ่อนโยนยิ้มแล้วพูดว่า “มีทั้งหมดสี่ตัวเลือกค่ะ อาหารของพวกเราพยายามรวบรวมอาหารขึ้นชื่อของเมืองที่รถไฟผ่านให้ได้มากที่สุด คืนนี้ได้ผ่านเมืองคอเนอร์บลังก้า ดังนั้นอาหารทั้งสี่อย่างคือเมนูกุ้งฝอยและหอยเชลล์ ซอสเปรี้ยวหวานซาซคาทูน ปลาเทราต์แม่น้ำจิ้มวาซาบิ และขนมปังจิ้มซอสเปรี้ยวหวาน”
“สี่ชุด ราคาเท่าไรครับ?” ออสเปรยิ้มตอบกลับไปเช่นกัน พนักงานของรถไฟระดับพรีเมียมของแคนาดามีคุณภาพสูงมาก ไม่ต่างจากแอร์โฮสเตสของเครื่องบินนานาชาติระดับเฟิร์สคลาสเลย
พนักงานคนสวยกล่าว “แต่ละชุดราคาหนึ่งร้อยยี่สิบเหรียญค่ะ หากว่าคุณสั่งสี่ชุด ก็เป็นสี่ร้อยแปดสิบเหรียญค่ะ”
น้ำผลไม้ในปากของฉินสือโอวแทบพุ่งไปโดนหน้าของศาสตราจารย์ที่อยู่ตรงหน้า นี่มันปล้นกันชัดๆ คอเนอร์บลังก้าเป็นเมืองเล็กๆ ที่ไม่ได้ขึ้นชื่อเลย ค่าครองชีพต่ำมาก พวกเขาทั้งสี่คนไปกินเที่ยวกันในโรงแรมที่ดีที่สุดในท้องถิ่นก็น่าจะราคานี้แหละ แต่ที่นี่กลับได้แค่อาหารสี่อย่างเท่านั้นเหรอ?
ออสเปรไม่สนใจ เขาเตะนีลเซ็นทีหนึ่ง แล้วพูดว่า “ตานายแล้ว เร็ว จ่ายเงิน”
นีลเซ็นพูดอย่างไม่เต็มใจว่า “ฉันไม่หิวสักหน่อย นายสั่งแค่สามชุดก็พอแล้ว นายจ่ายเอง”
พนักงานสาวใช้ตาใสดวงโตนั้นจ้องไปที่ออสเปร ออสเปรหัวเราะเหอๆ แล้วพูดว่า “เพื่อนของผมล้อเล่นน่ะครับ ความจริงแล้วเขาไม่ใช่คนขี้เหนียวหรอก ผมถามนิดหนึ่งครับ คุณคนสวย ไม่ทราบว่าคุณมีแฟนหรือยังครับ?”
เมื่อออสเปรพูดแบบนี้ นีลเซ็นจึงไม่กล้าเล่นต่ออีก เขาหยิบเงินจากกระเป๋าเงินออกมาห้าร้อยเหรียญ ค่าทิปยี่สิบเหรียญค่าข้าวอีกสี่ร้อยแปดสิบเหรียญ ห้าร้อยเหรียญพอดี
พนักงานเก็บเงินไปทันที จากนั้นยิ้มแล้วก็พูดว่า “ใช่ค่ะคุณผู้ชาย ดิฉันมีแฟนแล้วค่ะ”
ออสเปรเห็นเธอเดินจากไปแล้ว ก็รีบยิ้มหน้าทะเล้นดึงเธอไว้แล้วพูดว่า “แล้วคุณคิดอยากจะเปลี่ยนแฟนไหมครับ? อ่าๆ อย่าเพิ่งรีบไปครับ ไม่อยากเปลี่ยนแฟน แล้วคุณอยากมีแฟนเพิ่มมาอีกคนไหมครับ?”
สุดท้ายนีลเซ็นที่ทนมองต่อไปไม่ไหวแล้ว เลยดึงออสเปรไว้กับที่นั่งแล้วบอกว่าอย่าขายหน้าไปมากกว่านี้เลย รอกับข้าวมาถึงอย่างเงียบๆ ก็พอ
ตอนฉินสือโอวกินข้าวแล้วเพิ่งจะรู้ว่า ท้ายรถไฟมีโบกี้ชื่อว่า Park-Car ที่นั่นเป็นโบกี้สำหรับพักผ่อน ที่มีทั้งบาร์เครื่องดื่ม หน้าต่างและหลังคาชมวิว ด้านหลังของโบกี้นั้นยังมีห้องพักผ่อนสำหรับดูดีวีดี และยังสามารถร้องคาราโอเกะได้อีกด้วย
เมื่อรู้เรื่องอย่างนี้แล้ว เขาอดไม่ได้ที่จะทอดถอนใจออกมา ไม่แปลกที่รถไฟของแคนาดาจึงเรียกว่ามีไว้สำหรับคนชนชั้นกลาง เจ้าสิ่งนี้ไม่ใช่เครื่องมือการคมนาคม แต่เป็นที่สำหรับสังสรรค์มากกว่า
รถไฟระดับพรีเมียมก็เหมือนกับโรงแรมขนาดเล็กแห่งหนึ่ง มีเก้าอี้ที่เก็บที่พนักแขนได้ เพื่อใช้ในการเพิ่มเนื้อที่ให้กับเตียงในตอนกลางคืนได้ บนหัวเตียงยังมีตู้เสื้อผ้า บนนั้นมีเต้าเสียบอยู่ ในโบกี้มีเครื่องกระจายสัญญาณ WIFI สามารถต่ออินเทอร์เน็ตได้ตลอดการเดินทาง
มองออกได้เลยว่าแคนาดามีพื้นที่กว้างใหญ่มาก หลังตื่นนอนแล้วรถไฟยังคงวิ่งอยู่บนผืนหญ้าอยู่เลย
ฉินสือโอวมองออกไปนอกหน้าต่าง ยังคงไม่มีแสงอาทิตย์ ดูท่าว่าวันนี้ก็เป็นอีกวันที่ครึ้มฝน
ในแต่ละช่วงบนผืนหญ้านั้นจะมีโรงเก็บข้าวเปลือกอยู่ ส่วนข้างๆ โรงเก็บข้าวเปลือกนั้นก็จะมีลิฟต์กระเช้าอยู่ บางครั้งยังสามารถเห็นเจดีย์คอนกรีตอีกด้วย
แซนเดอร์สอธิบายให้ฉินสือโอวฟังว่าที่นี่เคยเป็นฟาร์มเกษตรที่อุดมสมบูรณ์มาก แต่ว่าพวกเจ้าของฟาร์มเกษตรโลภมาก จนทำให้ความอุดมสมบูรณ์ของดินลดลง ตอนนี้จึงจำเป็นต้องปลูกหญ้าเพื่อเพิ่มสารอาหารให้กับดิน
เมื่อคิดถึงการทรุดโทรมของฟาร์มปลานิวฟันด์แลนด์แล้ว ฉินสือโอวรู้สึกว่าแคนาดาก็ไม่ได้สูงส่งอย่างที่เลื่องลือเลย ดูท่าว่าความละโมบจะเป็นสันดานของมนุษย์ ดินที่อุดมสมบูรณ์ขนาดนี้ยังถูกใช้เสียจนต้องพึ่งการปลูกหญ้าในการเพิ่มสารอาหาร เห็นได้ชัดว่าก่อนหน้านี้พวกเจ้าของฟาร์มเกษตรลงแรงในการทำร้ายดินพวกนี้แค่ไหน
ผ่านผืนหญ้าไป รถไฟได้เข้าไปสู่ทางภูเขาที่ขรุขระ เริ่มจากการเห็นโรงงานสกัดน้ำมันขนาดเล็กหลายที่ก่อน ที่นี่คือที่ที่มีนาน้ำมันบนดินที่มีอยู่น้อยนิดในนิวฟันด์แลนด์ ต่อมาก็เป็นกลุ่มโขดหิน ผืนต้นสนหนามจีนและต้นสน จากนั้นก็เข้าไปในเขตภูเขาอีกรอบ
เขตภูเขามีหุบผาชันแห่งหนึ่ง ทางรถไฟทะลุผ่านไปทางนี้ หุบผานี้แคบมาก แต่ละฝั่งสามารถรองรับรางรถไฟได้เพียงเส้นเดียวเท่านั้น การที่รถไฟเคลื่อนผ่านในที่แบบนี้ ก็เหมือนกับการอยู่แนบกับผนังหุบเขาอย่างไรอย่างนั้น ซึ่งอันตรายเป็นอย่างมาก
รถไฟเคลื่อนที่ค่อนข้างช้า อย่างไรเสียเป้าหมายของมันก็ไม่ใช่เพื่อการคมนาคมขนส่งผู้โดยสารเท่านั้น ยังต้องให้ผู้โดยสารสัมผัสกับประสบการณ์ได้อย่างเต็มที่ โดยการชมวิวระหว่างทางอีกด้วย
ท่าเรือบาสก์ถึงเซนต์จอห์น รถไฟเคลื่อนที่ช้าๆและใช้เวลาไปสองวันสองคืน หากว่าอยู่บนรถไฟขบวนปกติ เวลาเท่านี้แม้ว่าจะนอนอยู่ตลอดเวลา ฉินสือโอวก็ยังคงเบื่ออยู่ แต่พออยู่บนรถไฟขบวนนี้แล้ว เขาพักผ่อนได้สบายมาก สุดท้ายตอนลงรถไฟแล้ว เขาจึงรู้สึกสบายไปหมดทั้งกายและใจ แถมร่างกายกระปรี้กระเปร่าด้วย
ก่อนลงรถฉินสือโอวถ่ายเซลฟี่กับโบกี้ก่อน ออสเปรถามอย่างมีความสุขว่า “บอสครับ เป็นอย่างไรบ้าง ความรู้สึกในการนั่งรถไฟไม่เลวเลยใช่มั้ยครับ?”
ฉินสือโอวพยักหน้าแล้วพูดว่า “ใช่แล้ว ไม่เลวเลยทีเดียว”
ออสเปรพูดว่า “ความจริงรถไฟระดับนี้ยังไม่สูงพอนะครับ ต่อไปถ้ามีโอกาส คุณลองนั่งรถไฟนานาชาติดูนะครับ ที่นั่นมีชั้นเฟิร์สคลาส หนึ่งโบกี้มีแค่สองห้อง แต่ละห้องทั้งล้วนเป็นห้องสวีทระดับประธานาธิบดีทั้งนั้นเลยครับ!”
ฉินสือโอวพูดอย่างใจจดใจจ่อว่า “งั้นก็ดีสิ ถ้ามีโอกาสต้องลองสักครั้ง ถึงตอนนั้นนายยังจะจ่ายให้อีกใช่ไหม?”
ออสเปร “ฮ่าๆๆ บอสเข้าใจพูดเล่นนะครับ คือผมไม่ค่อยสบายท้องไปเข้าห้องน้ำก่อนนะครับ ไม่คุยแล้ว”
ก่อนรถไฟใกล้ถึงเซนต์จอห์นฉินสือโอวได้โทรศัพท์ไปก่อน มีคนขับเรือลาดตระเวนมารับพวกเขา พอฉินสือโอวขึ้นเรือแล้วก็พบว่า คนที่ขับเรือมาก็คือเบิร์ดนี่เอง
ก่อนหน้านี้เบิร์ดถูกเขาส่งไปบริษัทแองเจิ้ลเพื่อสอบใบขับบอลลูน จากนั้นบีบีซวงก็ถูกส่งไปด้วยอีกคน ดังนั้นการไปท่าเรือบาสก์ครั้งนี้จึงให้ออสเปรเป็นคนขับเฮลิคอปเตอร์ แต่ว่าเขาโชคไม่ดี ขับครั้งแรกก็เกิดปัญหาเลย
เมื่อได้เห็นเบิร์ด ฉินสือโอวดีใจอย่างมาก ถามเขาไม่หยุดว่าเป็นอย่างไรบ้าง
เบิร์ดหยิบบัตรสีเงินออกมาใบหนึ่ง นี่ก็คือใบอนุญาตในการขับบอลลูนนี่เอง มีเจ้าสิ่งนี้แล้ว จากนี้ฉินสือโอวก็สามารถบินขึ้นฟ้าได้แล้ว
……………………………………………