ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – บทที่ 1264 ไฟลูกแรก

บทที่ 1264 ไฟลูกแรก

ฉินสือโอวถามว่าเป็นอย่างไรบ้าง ชาร์คถูมือแล้วตอบว่า “ไม่มีปัญหา มีแต่กุ้งดีๆ ทั้งนั้น แต่ก็มีเปอร์เซ็นต์การตาย ดูผลจากการสุ่มตรวจก็สูงประมาณ 5% ครับ”

ที่จริงที่เขาถามเรื่องผลตรวจก็แค่ถามตามพิธีเท่านั้น เมื่อครู่เขาดูผ่านจิตสำนึกโพไซดอนแล้ว ลูกกุ้งกุลาดำทั้งขนาดตัวและความกระฉับกระเฉงต่างก็ไม่มีปัญหา เรื่องกุ้งตายเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงยาก ลูกกุ้งห้าร้อยตัวเบียดกันอยู่ในกล่องเดียว จะไม่มีตายเลยได้อย่างไร?

ทางนิโค ตู้มีการเตรียมการไว้นานแล้ว หลังจากที่โดนคาร์เตอร์เอาเปรียบก็ฉลาดขึ้นเป็นกอง เขาเตรียมลูกกุ้งกุลาดำสองหมื่นตัวเอาไว้ล่วงหน้า แบบนี้ต่อให้อัตราความเสียหายสูงถึง 20% เขาก็ไม่กลัว

ฉินสือโอวได้ยินที่เขาพูดก็หัวเราะร่าแล้วพูดว่า “ผมไม่ใช่คาร์เตอร์นะเพื่อน ไม่เป็นไร ในเมื่อคุณเอาลูกกุ้งมาสิบสองหน่วย งั้นผมก็จะซื้อสิบสองหน่วย อัตราการตายผมรับเอง”

นิโค ตู้เริ่มเกรงใจขึ้นมา เขาพูดขึ้นว่า “จะได้อย่างไรเล่า? คิด 11 หน่วยก็แล้วกัน กุ้งที่ตายควรเป็นผมที่รับผิดชอบถึงจะถูก”

ลูกกุ้งหน่วยหนึ่งไม่ถึงสองหมื่นดอลลาร์ เงินเท่านี้สำหรับฉินสือโอวมันนิดเดียวเท่านั้น เขาตบไหล่ของนิโค ตู้ จากนั้นก็ให้พวกชาวประมงเอาลูกกุ้งไปลงบริเวณเพาะเลี้ยง

แซนเดอร์สตรวจดูแล้วว่าไม่มีแบคทีเรียชนิดติดต่อ สามารถปล่อยลงบ่อเพาะเลี้ยงได้เลย

พวกชาวประมงทำงาน ฉินสือโอวพานิโค ตู้เข้าห้องไปดื่มชา นิโคส่ายหน้าและบอกว่าคุณพาผมไปเดินดูฟาร์มปลาดีกว่า

ฟาร์มปลาต้าฉินมีเนื้อที่เยอะมาก เดินไปคงไม่ไหวแน่ ฉินสือโอวขับรถเอทีวีออกมา นิโคอุทานว่า “ให้ตายสิ คุณนี่ถึงจะเรียกว่าเจ้าของฟาร์ม ผมน่ะเรียกได้แค่คนเลี้ยงปลา!”

ฉินสือโอวพูดยิ้มๆ “แค่นี้ไม่เท่าไรหรอก? เนื้อที่ของมาโฮนเบย์ไม่เล็ก ต่อไปคุณก็ขยายได้ ยึดมาโฮนเบย์ไปเลย เนื้อที่บริเวณเพาะเลี้ยงก็ขยายแล้วไม่ใช่เหรอ?”

นิโคฝันหวานไปพักหนึ่ง จากนั้นก็ขึ้นรถไปวนรอบฟาร์ม

ทรัพยากรของฟาร์มปลาต้าฉินอยู่ในน้ำ ดูจากบนบกก็ไม่มีอะไรมาก แต่ว่าต่อให้เป็นสิ่งที่เห็นได้จากบนบกก็เพียงพอให้นิโคตะลึงได้แล้ว

ท่าเรือใหญ่โตสองท่า บริเวณแปลงผักตามชายหาดกว้างใหญ่ มีสนามบิน มีสวนปลูกองุ่น มีสวนผัก มีฟาร์มสัตว์ของตัวเอง แล้วยังมีพวกห้องดื่มกาแฟ ห้องดื่มเบียร์อีก

พอชมเสร็จเขาก็อุทานออกมา “เหมือนเมืองเล็กๆ ริมทะเลเลย ฉิน คุณรวยมากเลย”

หลังจากนั้นวินนี่ก็กลับมาพร้อมลูก ฉินสือโอวจึงแนะนำให้รู้จัก นิโค ตู้พูดพึมพำเบาๆ “เพื่อน คุณยังมีภรรยาสวยและเก่งทั้งคนแถมลูกที่น่ารักอีก เอาจริงๆ นะ ผมชักจะเริ่มอิจฉาคุณขึ้นมาแล้ว”

ตกกลางคืนฉินสือโอวต้อนรับนิโคด้วยอาหารทะเลจากฟาร์ม ในตู้แช่มีของทะเลที่เมื่อวานกับวันนี้เพิ่งจับมาได้ เขาเลือกปลาลิ้นหมาตัวหนึ่งกับปลาแฮดดัคมาปิ้งบาร์บีคิว แล้วก็เอากุ้งมังกรกับปูมานึ่ง

ฉินสือโอวไม่ค่อยเอาปลาแฮดดัคมารับแขก ปลาชนิดนี้แพงไม่พอ แต่นิโคเลือกปลาชนิดนี้ เขาก็เลยย่างมาให้ชิม

“น่าเสียดาย ผมไม่มีหอยเลย ไม่อย่างนั้นคงจะสมบูรณ์แบบกว่านี้อีก ไม่ใช่หรือไง?” ฉินสือโอวรินเบียร์ให้นิโคพลางพูดยิ้มๆ ไปด้วย

นิโคหั่นปลาแฮดดัคย่างมากินชิ้นหนึ่ง พอกินเข้าไปก็ยักคิ้วทันทีแล้วออกปากชม “เป็นเนื้อปลาที่สุดยอดมาก! ผมดีใจกับการตัดสินใจของผมจริงๆ ผมต้องเอาปลาแฮดดัคจากที่นี่ไปสักแสนตัวแล้ว อร่อยจริงๆ เลย!”

ในหมู่ปลาค็อด ปลาแฮดดัคไม่แพงเท่าปลาค็อดแอตแลนติก แต่สำหรับฟาร์มปลาทั่วไป เลี้ยงปลาแฮดดัคจะเหมาะกว่าการเลี้ยงปลาค็อดแอตแลนติก

เพราะว่าปลาแฮดดัคไม่ใช่ปลาหน้าดินที่ชำนาญการว่ายน้ำทางไกล การอพยพถิ่นฐานในหนึ่งปีไม่ค่อยมีให้เห็น อย่างมากก็เป็นว่ายไปในระยะทางสั้นหรือกลางเพื่อหาอาหารเท่านั้น

ความสามารถทางร่างกายของปลาค็อดแอตแลนติกแกร่งกว่า นอกจากว่าจะมีเนื้อที่กว้างขวางอย่างฟาร์มปลาต้าฉิน และอาหารอุดมสมบูรณ์ที่น่าดึงดูดมากพอ ไม่อย่างนั้นพวกมันจะอพยพตามฤดูไปตามอุณหภูมิน้ำ แหล่งอาหารกับแหล่งผสมพันธุ์ ตอนอพยพก็จะไปเป็นกลุ่มตามกระแสน้ำอุ่น

นอกจากนั้น ปลาค็อดแอตแลนติกค่อนข้างชอบสภาพแวดล้อมที่มีอุณหภูมิต่ำเพราะในเลือดมีโปรตีนเพื่อป้องกันการแข็งตัว พวกมันมักจะอาศัยในอุณหภูมิ 2-11 องศาเซลเซียส แต่ก็มีที่อยู่ในน่านน้ำอุณหภูมิต่ำกว่าศูนย์

มาโฮนเบย์ที่นิโคอยู่อุณหภูมิน้ำค่อนข้างสูง เพราะกุ้งกุลาดำที่เขาเพาะเลี้ยงชอบสภาพแวดล้อมที่มีอุณหภูมิอุ่นๆ ฉะนั้นเขาจะเลี้ยงปลาค็อดแอตแลนติกได้ลำบาก แต่ปลาแฮดดัคกลับเป็นตัวเลือกที่ดี

ฉินสือโอวบอกว่าไม่มีปัญหา เตรียมเอาไว้ให้แล้ว คืนนี้กินอิ่มพรุ่งนี้ค่อยเอากลับไป

นิโคดื่มเบียร์ไปอึกหนึ่งแล้วก็ส่ายหน้าพลางพูดว่า “เพื่อน อาหารของคุณมันชั้นเลิศ แต่รสชาติเบียร์ธรรมดา ถ้าผมมีฟาร์มปลาใหญ่แบบนี้เหมือนของคุณ ผมจะต้องทำโรงกลั่นเบียร์เล็กๆ กลั่นเบียร์ดีๆ มาดื่มแน่”

ก่อนหน้านี้พวกชาวประมงก็เคยพูดแบบนี้ แต่ฉินสือโอวไม่มีความรู้ด้านโรงกลั่นเบียร์ บวกกับฟาร์มปลามีเรื่องยุ่งตลอด หัวข้อนี้เลยพักไปก่อน

ครั้งนี้นิโคก็พูด เขาเลยสนใจขึ้นมา คิดว่าต่อไปสร้างสวนดอกไม้เสร็จแล้วทำโรงกลั่นเบียร์เล็กๆ ก็คงไม่เลว

เหนือหัวขึ้นไปคือหลอดทังสเตนไอโอดีนที่ส่องสว่าง ริมทะเลยุงและแมลงวันน้อยมาก เพราะไม่มีน้ำขังนิ่ง มีแต่น้ำไหล บางทีเวลามีแมลงโผล่มาก็จะแค่บินฉายเงาทอดไป แต่ไม่กวนใจคน

หาดทรายในยามค่ำคืนเปียกชื้น และเย็น ลมทะเลโชยอ่อนโยน คลื่นทะเลเข้าซัดหาดทรายเป็นระลอก แม้นิโค ตู้จะมีฟาร์มปลาเป็นของตัวเอง แต่ก็ยังคงรู้สึกสบายมากๆ

ฉินสือโอวเติมกับข้าวตลอด นิโคกับพวกชาวประมงที่เขาพามาทำงานกินกันอิ่มแปล้จนเรอออกมา สุดท้ายตอนแยกกันก็ดึงมือเขาไว้ กล่าวว่า “ฉิน เอิ้ก คุณกับคาร์เตอร์ไม่เหมือนกัน พระเจ้า เขาเทียบกับคุณแล้วก็เป็นตัวตลกไปเลย วันนี้มาดื่มที่บ้านคุณสนุกมาก หวังว่าต่อไปจะมีโอกาสมาเป็นแขกบ้านคุณอีก”

“ต้องมีโอกาสแน่” ฉินสือโอวพูดยิ้มๆ แม้ว่าเขาจะไม่ชอบการเชื่อมสัมพันธ์ทางธุรกิจ แต่ชอบรู้จักเพื่อนใหม่มากๆ คนที่ถูกคอกันขอแค่มาที่ฟาร์มเขาก็ต้อนรับอย่างอบอุ่นตลอด

วันที่สองพวกชาวประมงก็นำลูกปลาแฮดดัคหมื่นตัวขึ้นบนเรือขนส่ง แล้วยังให้สาหร่ายและพืชน้ำที่งมขึ้นมาจากฟาร์มเอามาตากแห้ง หลังจากนั้นนิโคก็พาทีมแล่นเรือกลับไป

ฉินสือโอวเป็นคนเปิดเผยจริงใจ เขาขายปลาออกไปไม่ใช่ว่าจะไม่สนใจแล้ว แต่จะมีบริการหลังการขาย สาหร่ายและพืชน้ำอบแห้งพวกนี้ก็คืองานหลังการขาย

ที่ฟาร์มปลาของนิโค ตู้มีเครื่องแปรรูปอาหารปลา ขอแค่กลับไปแล้วเอาสาหร่ายกับพืชน้ำไปแปรรูปแล้วให้ปลาแฮดดัคกินก็ไม่มีปัญหา

ตอนเย็นวินนี่กลับมาฉินสือโอวเห็นเธอทำหน้านิ่วคิ้วขมวดอีกแล้วจึงเข้าไปกอดแล้วถามเธอ “เป็นอะไรไป เจอเรื่องวุ่นวายใจอีกแล้วเหรอ?”

วินนี่ส่ายหน้าแล้วก็พยักหน้าอีกก่อนจะพูด “ก็ไม่ใช่เรื่องกวนใจหรอกค่ะ เพิ่งขึ้นรับตำแหน่งใหม่ไฟแรงไม่ใช่เหรอ? ฉันต้องคิดดูว่าจะทำอะไรดี ฉันอยากจะจัดการเรื่องเศรษฐกิจ แต่ไม่รู้จะเริ่มอย่างไร”

เศรษฐกิจเมืองแฟร์เวลเมื่อก่อนนี้พึ่งพาแต่การประมง ต่อมาฟาร์มปลานิวฟันด์แลนด์แทบล้มละลายหมด เศรษฐกิจเมืองก็ล้มไปด้วย ตอนนี้หลักๆ ก็พึ่งอยู่สองอย่าง ภาษีของฟาร์มปลาต้าฉินกับการท่องเที่ยว

ฉินสือโอวตบอกแล้วพูดด้วยความมั่นใจเต็มเปี่ยม “เรื่องนี้ผมจัดการเอง ผมจะช่วยจัดการให้เรียบร้อยเลย!”

…………………………………………………

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

Status: Ongoing

เดือนเมษายน  ณ เมืองไหเต่าซึ่งอากาศยังคงความหนาวเย็นของฤดูใบไม้ผลิอยู่

7 โมงครึ่งแล้วแต่ฉินสือโอวกลับไม่รู้สึกง่วงงุนอีกต่อไป เขากระชับเสื้อคลุมเอนตัวนั่งพิงหัวเตียงพลางทอดสายตาเหม่อมองไปยังนอกหน้าต่าง

เขามาอยู่ในเมืองนี้ได้ 8 ปีแล้ว เริ่มจากมาเรียนมหาวิทยาลัย หลังจากเรียนจบก็ยังคงก็อาศัยอยู่ในเมืองนี้ต่อมา

มหาวิทยาลัยจงยางไห่หยางที่ฉินสือโอวเรียนจบมาเป็นมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดในเมืองไหเต่า หลังจากที่เขาเรียนจบ เขาก็ได้เข้าทำงานในแผนกทรัพยากรบุคคลที่บริษัทปิโตรเลียมที่ดีที่สุดของเมืองไหเต่าด้วยความเหลือจากเหมาเหว่ยหลงรุ่นพี่ของเขา

ทำงานในตำแหน่งนี้มาได้ 4 ปี จนเมื่อเดือนที่แล้วแผนกทรัพยากรบุคคลก็มีพนักงานดูแลเอกสารสาวสวยเข้ามาใหม่คนหนึ่ง ผู้จัดการมอบหมายให้ฉินสือโอวเป็นพี่เลี้ยงดูแลเธอ แรกๆ ก็ไม่มีอะไร แต่ความสวยของเธอดันไปโดดเด่นสะดุดตาทายาทเศรษฐีคนหนึ่งในบริษัทเข้า

เรื่องที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นก็ง่ายๆ เข้าอีหรอบเดิม ทายาทเศรษฐีคนนั้นเห็นเธอกับฉินสือโอวสนิทกันก็เลยเกิดความหึงหวง เขาเรียกฉินฉือโอวไปเตือนหลายครั้ง แต่ฉินสือโอวไม่สนใจ จนกระทั่งทั้งสองมีปากเสียงกันจนถึงขั้นลงไม้ลงมือในท้ายที่สุด

เดิมทีมันเป็นเพียงปัญหาเรื่องผู้หญิง แต่เมื่อทายาทเศรษฐีถูกฉินสือโอวทำร้าย ปัญหาที่ตามมาหลังจากนั้นจึงยิ่งไปกันใหญ่ หมอนั่นติดต่อไปหาเพื่อนของเขาที่อยู่แผนกการเงินเพื่อให้พวกนั้นสร้างหลักฐานใส่ร้ายว่าฉินสือโอวยักยอกเงินก้อนหนึ่งของบริษัทไป

การยักยอกเงินบริษัทถือเป็นเรื่องที่ค่อนข้างใหญ่โต ฉินสือโอวไม่เพียงต้องชดใช้เงินคืนให้บริษัท แต่เขายังถูกไล่ออกเพราะเหตุนี้อีกด้วย!

จะว่าไปเรื่องที่ถูกไล่ออกจากบริษัทมันก็ไม่ได้แย่อะไร ที่จริงฉินสือโอวก็คิดจะลาออกอยู่แล้ว แต่ปัญหาอยู่ที่ทั้งเนื้อทั้งตัวเขาตอนนี้แทบจะไม่มีเงินเหลืออยู่เลย เพราะเงินของเขาถูกนำไปชดใช้ให้บริษัทจนหมดแล้ว

เคราะห์ซ้ำกรรมซัดไปอีกก็คือเดือนนี้เขาต้องจ่ายค่าเช่าห้องสำหรับสามเดือนข้างหน้าอีกด้วย ลำพังเงินที่เขาเหลืออยู่ตอนนี้มีพอแค่ค่าอาหารแต่ละมื้อเท่านั้น และไม่ว่ายังไงเงินก็คงไม่พอจ่ายค่าเช่าห้องแน่ๆ

ขณะที่ฉินสือโอวกำลังเครียดเรื่องค่าเช่าห้องก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น!

ฉินสือโอวเดินไปเปิดประตูก่อนใบหน้าดุดันของลุงเจ้าของห้องจะปรากฏขึ้นต่อหน้าเขาทันที ลุงเจ้าของห้องมาหาเขาตอนนี้ก็มีอยู่แค่เหตุผลเดียวเท่านั้นคือการมาเก็บค่าเช่าอย่างไม่ต้องสงสัย

ถึงแม้ว่าเมืองไหเต่าจะตั้งอยู่ทางเหนือ แต่เนื่องจากอยู่ติดทะเลจึงทำให้เมืองไหเต่ากลายเป็นเมืองท่าที่สำคัญแห่งหนึ่ง ดังนั้นนั้นเศรษฐกิจจึงเติบโตอย่างรวดเร็ว เรียกได้ว่าเป็นเมืองรองเลยก็ว่าได้ และด้วยเหตุนี้จึงทำให้บ้านมีราคาสูงมา ส่วนค่าเช่าบ้านก็แพงเช่นกัน

ฉินสือโอวเช่าห้องสตูดิโอขนาดเล็ก 1 ห้องนอน 1 ห้องรับแขกเอาไว้ ค่าเช่าต่อเดือนอยู่ที่หนึ่งพันหยวน แถมยังเก็บค่าเช่าล่วงหน้าทีละ 3 เดือนอีก นั่นจึงหมายความว่าเขาต้องจ่ายสามพันหยวนภายในเดือนนี้ แต่ที่ยิ่งไปกว่านั้นก็คือแค่สามร้อยหยวนเขายังไม่มีเลย!

ช่วยไม่ได้ ฉินสือโอวจึงทำได้เพียงยิ้มแห้งๆ และขอร้องให้ลุงเจ้าของห้องช่วยเห็นใจเขาหน่อย ลุงเจ้าของห้องดูไม่ค่อยพอใจมากนัก และก่อนจากไปเขาก็พูดออกมาเสียงแข็ง “ฉันให้เวลา 2 วัน เย็นวันมะรืนฉันจะมาเก็บเงินอีกที ถ้ายังไม่จ่ายค่าเช่าห้องนายก็ไสหัวออกไปซะ!”

ช่างเป็นคำพูดที่ทำร้ายจิตใจเหลือเกิน แต่ฉินสือโอวไม่มีแรงจะโมโหอีกแล้ว

ฉินสือโอวในวันนี้ถูกบีบบังคับจนอับจนหนทางมองไปทางไหนก็มืดแปดด้านไปหมด

เมื่อส่งเจ้าของห้องเช่ากลับไปแล้ว ฉินสือโอวก็กลับไปนอนลงบนเตียงด้วยใบหน้าเหนื่อยล้า ในหัวของเขาคิดเรื่องอนาคตไม่ออกและยังสิ้นหวังกับเรื่องราวในปัจจุบัน

อีกไม่นานเขาก็จะสามสิบแล้ว แต่กลับไม่มีงาน ไม่มีบ้าน ไม่มีรถ และพอนึกถึงหน้าพ่อแม่ใจของเขาก็ยิ่งห่อเหี่ยวเข้าไปใหญ่

ในตอนนั้นเองจู่ๆ ประตูห้องของเขาถูกเคาะอีกครั้ง และเสียงดังบาดหูของเจ้าของห้องเช่าก็ดังขึ้นมา

“เสี่ยวฉิน เปิดประตู เปิดประตูเดี๋ยวนี้!”

พอได้ยินเสียงเจ้าของห้องเช่าความรู้สึกห่อเหี่ยวและสิ้นหวังในใจของเขาก็ถูกแทนที่ด้วยความโกรธ ตาลุงเจ้าของห้องชักจะมากเกินไปแล้วนะ ไหนบอกว่าให้เวลาเขาสองวัน พอถึงเวลาแล้วจะมาเก็บเงินไง แล้วทำไมถึงกลับมาทวงเร็วขนาดนี้?

ฉินสือโอวข่มกลั้นความโกรธแล้วเปิดประตูออกไป แต่เขากลับพบว่าข้างกายของเจ้าของห้องเช่ามีตำรวจในเครื่องแบบที่สวมหมวกปีกกว้างอีกคนอยู่ด้วย

เมื่อตำรวจเห็นฉินสือโอว เขาก็เอ่ยปากถามขึ้นมา “คุณคือคุณฉินใช่ไหมครับ?”

ฉินสือโอวพยักหน้า จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงพูดต่อ “ถ้าอย่างนั้นเชิญไปกับผมด้วยครับ มีคนอยากพบคุณ”

พอได้ยินตำรวจพูดอย่างนั้น ยังไม่ทันที่ฉินสือโอวจะพูดอะไร เจ้าของห้องเช่าก็รีบพูดขึ้นมาทันที “คุณเจ้าหน้าที่ครับ ผมไม่ได้มีความเกี่ยวข้องอะไรกับเสี่ยวฉินนะครับ ถ้าเขาไปก่อคดีอะไรมา มันไม่เกี่ยวกับห้องของผมนะครับ”

ฉินสือโอวจะไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ เขาคิดว่าคดีก่อนหน้านี้อาจจะมีปัญหาอะไรขึ้นมาเขาจึงได้แต่เดินตามเจ้าหน้าที่ตำรวจหนุ่มไปยังสถานีตำรวจด้วยสภาพไร้วิญญาณ

พอถึงสถานีตำรวจ เจ้าหน้าที่ก็พาเขาตรงไปยังห้องของผู้อำนวยการทันที

เมื่อเข้าไปในห้องเขาก็กวาดตามองไปรอบๆ ห้องก่อนจะเห็นตำรวจพุงพลุ้ยวัยกลางกำลังชงชาให้ชายในชุดสูทสองคนที่นั่งอยู่ตรงโซฟา

สิ่งที่ทำให้ฉินสือโอวจับต้นชนปลายไม่ถูกก็คือหนึ่งในสองคนที่นั่งอยู่บนโซฟาเป็นชายสวมสูทรูปร่างสูงใหญ่ ผมสีบลอนด์ นัยน์ตาสีฟ้าและผิวขาวซีดราวกับแวมไพร์ อายุของเขาน่าจะไม่ต่ำกว่าห้าสิบหกสิบเห็นจะได้ เพราะเคราของเขากลายเป็นสีขาวราวกับหิมะไปแล้ว แต่ร่างกายที่กำยำนั้นช่างดูทรงพลังและน่าเกรงขามเหลือเกิน

เจ้าหน้าที่ตำรวจวัยกลางคนคนนั้นคือผู้อำนวยการสถานีตำรวจอย่างไม่ต้องสงสัย ว่าแล้วเขาก็ยื่นมือมาทางฉินสือโอวแล้วพูดขึ้น “คุณคือคุณฉินสือโอวสินะครับ? สวัสดีครับ ผมหลัวหย่งจื้อผู้อำนวยการสถานีตำรวจท้องที่ถนนซวงเหอเขตหลัวซานครับ”

ช่วงก่อนหน้านี้ฉินสือโอวถูกพวกตำรวจทำให้เขารู้สึกเหมือนอยู่ไม่สู้ตาย เมื่อเห็นหลัวหย่งจื้อยื่นมือมาจึงรีบเข้าไปจับ ก้มหัวโค้งแนะนำตัวเองทันที

หลังจากหลัวหย่งจื้อปล่อยมือฉินสือโอวแล้ว ชายวัยกลางคนที่ก่อนหน้านี้นั่งอยู่ตรงโซฟาก็ลุกขึ้นมาจับมือเขาแล้วพูดขึ้น “สวัสดีครับคุณฉิน ผมหลี่ซิ่นจากศาลประชาชนกลางแห่งเมืองไหเต่าครับ ส่วนท่านนี้คือคุณเออร์บัก ชาร์คแมน ทนายความที่มีชื่อเสียงจากสำนักงานกฎหมายฟาสเกนส์ ประเทศแคนาดาครับ”

หลังจากที่ทั้งสองฝ่ายได้แนะนำตัวกันแล้ว แวมไพร์เฒ่าที่วางตัวสูงสง่าน่าเกรงขามมาตลอดก็ถามออกมาเป็นภาษาอังกฤษ “สวัสดีครับคุณฉินสือโอว คุณรู้จักฉินหงเต๋อไหมครับ”

ขณะหลี่ซิ่นกำลังจะแปล ฉินสือโอวก็ตอบออกมาด้วยภาษาอังกฤษอย่างคล่องแคล่ว

“ฉินหงเต๋อหรอครับ? เขาคือปู่รองของผม อืม..ก็คือพี่ชายคนที่สองของปู่ผม”

เออร์บักพยักหน้าแล้วถามอีก “ถ้าอย่างนั้นคุณคงจะมีหัวใจโพไซดอนใช่ไหมครับ มันเป็นจี้สีน้ำเงินเล็กๆ ที่สวยมากๆ อันหนึ่ง ช่วยเอาออกมาให้ผมดูหน่อยได้ไหมครับ?”

ฉินสือโอวขมวดคิ้ว เขาไม่เข้าใจว่าฝรั่งคนนี้พูดถึงอะไร แต่กระนั้นเขาก็เลื่อนมือไปปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตเม็ดบนสุดออกแล้วดึงสร้อยเส้นสีแดงที่มีจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินออกมา

เออร์บักยื่นมือไปรับหัวใจโพไซดอน แล้วหันไปพูดกับหลัวหย่งจื้อ “ผมขอแก้วกระดาษใบหนึ่งหน่อยได้ไหมครับ?”

หลัวหย่งจื้อยกหูโทรศัพท์ อึดใจต่อมาแก้วคริสทัลราคาแพงก็ถูกยื่นมาให้เขาอย่างรวดเร็ว

เออร์บักเติมน้ำลงไปในแก้วแล้วนำหัวใจโพไซดอนหย่อนลงไปในน้ำ ทันใดนั้นน้ำในแก้วก็เปลี่ยนเป็นสีน้ำเงินเช่นเดียวกับหัวใจโพไซดอน และเมื่อเออร์บักขยับข้อมือ น้ำในแก้วก็กระเพื่อมส่งกลิ่นน้ำทะเลออกมา

ทุกคนในที่นั้นตกตะลึงจนพูดไม่ออก ฉินสือโอวก็ไม่เคยรู้มาก่อนว่าจี้เล็กๆ ที่ตัวเองห้อยมาตลอดมีพลังวิเศษแบบนี้

เมื่อเสร็จแล้วเออร์บักก็พูดออกมาอย่างจริงจังว่า “คุณฉินสือโอว สวัสดีครับ ผมเออร์บัก ชาร์คแมน ทนายความมือหนึ่งจากสำนักงานกฎหมายฟาสเกนส์ คุณฉินหงเต๋อมอบหมายให้ผมนำพินัยกรรมมาส่งมอบให้กับคุณ เดี๋ยวผมจะอ่านให้ฟังนะครับ…”

เออร์บักเปิดพินัยกรรมแล้วพูดออกมา

“นับแต่บัดนี้เป็นต้นไป คุณฉินสือโอว หลานคนโตของคุณฉินหงเต๋อ จะเป็นผู้สืบทอดฟาร์มปลาต้าฉิน ซึ่งตั้งอยู่ที่รัฐนิวฟันด์แลนด์และแลบราดอร์ นครเซนต์จอห์น ประเทศแคนาดา! ซึ่งมีมูลค่าการตลาดตามการประเมินโดยธนาคารแคนาดาอยู่ที่ประมาณ 42 ล้านดอลลาร์แคนาดา หรือก็คือ 233,100,000 หยวนครับ! “

หัวใจของฉินสือโอวเต้นดัง ‘ตุบ ตุบ ตุบ’ ราวกับจะหลุดออกมา ไม่ง่ายเลยที่เขาจะทำใจให้สงบลงได้ จากนั้นเขาก็ถามออกไปด้วยเสียงสั่นๆ “นี่คุณเออร์บักไม่ได้กำลังล้อผมเล่นใช่ไหมครับ? คุณปู่รองของผมทิ้งทรัพย์สินมูลค่า 230 ล้านหยวนให้ผมอย่างนั้นเหรอ?”

เออร์บักพยักหน้าเพื่อยืนยัน ต่อมาเขาก็แนะนำอะไรอีกนิดหน่อย ประมาณว่าตอนนี้เขาเป็นทนายส่วนตัวของฉินสือโอวแล้ว และต้องการให้ฉินสือโอวเดินทางไปแคนาดาโดยเร็วที่สุดเพื่อดำเนินการเกี่ยวกับการส่งมอบอสังหาริมทรัพย์ต่างๆ ให้เสร็จสิ้น

ฉินสือโอวลงนามในเอกสารยินยอมรับมรดกภายใต้การรับรองของหลัวหย่งจื้อและหลี่ซิ่น จากนั้นเขาก็พาหลี่ซิ่นกับเออร์บักเดินทางไปยังห้องเช่าของตัวเอง

พอไปถึงอพาร์ตเมนต์เขาก็ต้องตกใจเมื่อได้เห็นกองข้าวของที่วางอยู่หน้าห้อง เมื่อมองดูดีๆ เขาก็พบว่าทั้งหมดเป็นของของเขาจำพวกผ้าห่ม ที่นอน หนังสือและคอมพิวเตอร์

เมื่อเจ้าของห้องเช่าเดินออกมาเห็นฉินสือโอว เขาก็ล็อกประตูดัง ‘กริ๊ก’ แล้วพูดออกมาอย่างเย็นชา

“กลับมาแล้วเหรอ? ดีเลย ฉันจะได้พูดให้นายเข้าใจ นายไปทำอะไรไม่ดีมาใช่ไหม? ไม่อย่างนั้นตำรวจจะมาหานายถึงที่ทำไม”

พอฉินสือโอวทำท่าจะตอบกลับ เขาก็แสดงสีหน้าเย็นชาแล้วพูดต่อ “ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว เก็บของของนายแล้วไสหัวออกไปซะ ฉันปล่อยห้องเช่าให้คนไม่ได้เรื่องอย่างนายไม่ได้หรอก”

ทันใดนั้นฉินสือโอวก็ได้สติขึ้นมาทันที

……………………………………….

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท