ครูผู้ชายคนนั้นถูกเขายั่วโมโหจนเลือดขึ้นหน้า พอกำลังจะพูด ฉินสือโอวก็อุดปากเขาไว้ แล้วพูดกับครูใหญ่แกรนท์อย่างหัวเสีย “ครูใหญ่ครับ คุณต้องคืนความยุติธรรมให้ผมนะ! ผมเคยเสียเหงื่อเพื่อโรงเรียน! ผมเคยหลั่งเลือดเพื่อโรงเรียน! ผมทุ่มทุกอย่างให้โรงเรียน ใช่ไหม?”
มีครูที่ทนดูต่อไปไม่ได้อีกคนพูดขึ้นมาอย่างหงุดหงิด “เฮ้ ฉิน คุณเคยเสียเหงื่อเพื่อโรงเรียนเราก็รู้ แต่คุณเคยหลั่งเลือดที่ไหน? อย่าทำเกินจริงไปหน่อยเลย เอาแค่พอดีก็พอ นี่มันสถานที่ที่เป็นทางการนะ!”
ฉินสือโอวหงุดหงิดยิ่งกว่า เขาพูดด้วยความเลือดร้อน “ต่อให้สถานที่ทางการก็ไม่สามารถปฏิเสธความสำเร็จด้านการศึกษาที่ผมทำให้กับโรงเรียนนี่! ทำไมผมจะไม่เคยหลั่งเลือด? ไปถามนักเรียนทีมบาสเกตบอลดูสิ มีการซ้อมครั้งหนึ่งผมโดนกอร์ดอนศอกเข้าที่ปาก นั่นมันก็คือการหลั่งเลือดไม่ใช่หรือไง?”
ศึกน้ำลายเริ่มขึ้นในทันใด เหล่าครูต่อกรกับศัตรูคนเดียวกัน ตัวแทนภาครัฐที่วินนี่พามาก็สวมบทผู้ชมรอดูเรื่องสนุกต่อไป
ฮานี่ย์ถามวินนี่ที่อยู่ข้างๆ “พวกเราต้องช่วยฉินหน่อยไหมครับ?”
วินนี่เข้าใจดีถึงความสามารถและนิสัยของคนของเธอ เธอส่ายหน้าตอบเสียงเบา “ไม่เป็นไร เขากำลังก่อกวนไร้เหตุผล ให้เขาเล่นไปก่อน”
ครูคนหนึ่งพยายามดึงฉินสือโอวให้เขานั่งลง แต่ท่านชายฉินไม่ยอม เขาพูดด้วยความเสียใจปนโกรธ “ครูใหญ่ รางวัลชนะเลิศระดับจังหวัดรายการเดียวในประวัติศาสตร์ของโรงเรียนประถมแกรนท์ผมเป็นคนนำทีมชนะมา แต่ตอนนี้ก็ยังเป็นแค่ครูชั่วคราว! พวกคุณพูดเรื่องความยุติธรรม แล้วความยุติธรรมของผมอยู่ที่ไหน?”
ครูใหญ่แกรนท์ยังคงสวมบทครูแสนดีต่อไปแล้วพูดยิ้มๆ “ฉิน เรื่องนี้จัดการไม่ยาก พรุ่งนี้ผมจะจัดการเรื่องสถานะครูให้ ทางโรงเรียนจะจ่ายค่าประกันสังคมให้คุณด้วย ดีไหม?”
ได้อะไรกัน ฉินสือโอวก็แค่พูดไปอย่างนั้น เขาไม่เสียดายตำแหน่งงานครูนี้หรอก เดิมทีที่มาเป็นโค้ชนำทีมก็เพราะอยากจะมาฝึกมิเชล แต่ที่วางกลยุทธ์ทีมจริงๆ คือกัวซง คนที่ทำความดีความชอบก็คือกัวซง
จุดประสงค์ของฉินสือโอวก็คือก่อกวน เขาไม่ได้อยากได้อะไรจริงๆ ด้วยฐานะของเขาในตอนนี้จะเอาตำแหน่งงานครูไปทำไม? ที่เขาอยากทำก็คืองานชั่วคราว เพราะเขาต้องการอิสระ
ดังนั้นเขาเลยไม่ได้รับคำขอของครูใหญ่แกรนท์ แต่แสร้งทำท่าน่าสงสารต่อไป นั่งนับความดีความชอบที่เคยทำให้โรงเรียน แน่นอนว่านับไปนับมาก็มีแต่เรื่องที่เขานำทีมชนะรางวัลแชมป์บาสเกตบอลระหว่างโรงเรียน
พวกครูโดนเขาก่อกวนจนหมดพลังไปตามๆ กัน คราวนี้วินนี่ถึงกดฝ่ามือลงเป็นสัญญาณให้ทั้งสองฝ่ายใจเย็น แล้วเริ่มคุยเรื่องขึ้นเงินเดือนครูอย่างเป็นทางการ
พอเธอกดฝ่ามือฉินสือโอวก็นั่งลงอย่างว่าง่าย เขาเล่นเอาพวกครูสภาพแย่ไปหมด ตอนนี้พวกเขาเสียใจมากที่เชิญฉินสือโอวมาร่วมการประชุมเจรจา
วินนี่พูดว่า “สถานการณ์ของโรงเรียนเราต่างก็รู้ดี เมื่อสองปีที่ผ่านมาไม่มีการขึ้นเงินเดือนมาโดยตลอด เรื่องนี้ยอมรับไม่ได้ ฉันคิดว่าการขึ้นเงินเดือนเป็นเรื่องจำเป็น”
พอได้ยินแบบนี้บรรดาครูก็หูตาแพรวพราวพากันยกยอวินนี่กันใหญ่
วินนี่ยิ้มรับแล้วพูดต่อ “แต่ว่ามาตรฐานการขึ้นเงินเดือน เราไม่สามารถทำตามสหภาพครูออนแทรีโอได้ แน่นอนว่ามาตรฐานฉันก็ไม่ได้ตั้งมั่วๆ มันก็ต้องมีหลักมีเกณฑ์”
“สองปีที่ผ่านมา ค่าเฉลี่ยการเติบโตเงินเดือนของอุตสาหกรรมการศึกษาคือ 45% ครูของโรงเรียนประถมรัฐเซนต์จอห์นได้ค่าแรงรายสัปดาห์เฉลี่ย 947.55 ดอลลาร์ โรงเรียนประถมแกรนท์เป็นโรงเรียนเอกชนที่ไม่แสวงผลกำไร ค่าแรงเฉลี่ยรายสัปดาห์จึงไม่ถึงเกณฑ์เฉลี่ย”
“ตอนนี้จากการอภิปรายการประชุมของเทศบาลท้องถิ่นและการยื่นขอกับการปกครองส่วนท้องถิ่น พวกเราตัดสินใจขึ้นค่าแรงรายสัปดาห์ของทุกคนให้ถึงเกณฑ์มาตรฐานของเซนต์จอห์น เงินค่าแรงจะขึ้นถึง 5-6.5% ทุกคนมีอะไรจะแย้งอีกไหมคะ?”
สหภาพครูออนแทรีโอขอให้ขึ้นค่าแรง 7.2% มาตรฐานนี้ก็มีคำอธิบาย แคนาดาคล้ายกับอเมริกา รัฐต่างๆ มีอำนาจในการปกครองตัวเองในระดับหนึ่ง แต่ว่าอัตราเงินเฟ้อต่างกัน
โดยภาพรวมแล้ว ปีที่ผ่านมาอัตราเงินเฟ้อของแคนาดาควบคุมได้ค่อนข้างดี อยู่ในเกณฑ์ประมาณ 1% มาโดยตลอด บางเดือนก็ลดลงจนถึง 0.8% แต่ว่าแต่ล่ะรัฐก็ต่างกัน รัฐออนแทรีโอเป็นศูนย์รวมเศรษฐกิจ ไม่เคยต่ำกว่า 2% และค่าสูงสุดถึง 3.6%!
สหภาพครูออนแทรีโอเสนออัตราการขึ้นเงินเดือน 7.2% ก็คือสองเท่าของอัตราเงินเฟ้อสูงสุด ตัวเลขก็มาจากแบบนี้
อัตราเงินเฟ้อของนิวฟันด์แลนด์ไม่ได้สูงขนาดนั้น ราคาข้าวของแทบไม่เปลี่ยน วินนี่พูดว่าการที่มาตรฐานการขึ้นเงินเดือนของเกาะแฟร์เวลไม่เหมือนรัฐออนแทรีโอก็มีเหตุผล
อีกอย่างหากดูจากแบบนี้ อัตราเงินเฟ้อของนิวฟันด์แลนด์แทบไม่เปลี่ยนแปลง มาตรฐานการขึ้นเงินเดือนครูกลับใกล้เคียงมาตรฐานที่สหภาพครูออนแทรีโอตั้งไว้ เทศบาลท้องถิ่นก็ถือว่าใจดีมากแล้ว
ที่จริงไม่ใช่แบบนี้ เงินเดือนครูประถมเซนต์จอห์นต่ำกว่ารัฐออนแทรีโอ ค่าแรงรายสัปดาห์ 947 ถือว่าต่ำเกินไปหน่อยจริงๆ ไม่อย่างนั้นที่ครั้งนี้สหภาพครูออนแทรีโอบอกให้หยุดการสอน ทางเซนต์จอห์นก็คงไม่ตื่นตัวกันขนาดนี้
นอกจากนั้นความเปลี่ยนแปลงของอัตราเงินเฟ้อของนิวฟันด์แลนด์ยังไม่มากนัก แต่ที่เมืองแฟร์เวลกลับเปลี่ยนไปมาก โดยเฉพาะซีพีไอหรือดัชนีราคาผู้บริโภคที่ขึ้นสูงจนน่ากลัว เทียบกับสองปีก่อนก็เกิน 50% ไปแล้ว
หรือก็คือพิซซ่าที่เมื่อสองปีก่อนถาดละ 8 ดอลลาร์แคนาดา ตอนนี้ขายได้ถึง 12 ดอลลาร์ สองปีก่อนเวลากินข้าวจ่าย 50 ดอลลาร์ก็พอ ตอนนี้ต้องจ่าย 75 ดอลลาร์
สาเหตุที่ทำให้เป็นแบบนี้ก็เพราะความรุ่งเรืองของการท่องเที่ยว พอนักท่องเที่ยวเยอะราคาของก็ขึ้นอย่างแน่นอน ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ของเกาะแฟร์เวลถือว่าเติบโตได้ต่ำมาก แต่แฮมเล็ตก็จัดการเรื่องนี้ได้เป็นอย่างดี เขาสามารถควบคุมได้ประสบความสำเร็จมาก
สำหรับชาวเมืองแล้วเรื่องนี้ส่งผลกระทบไม่มาก เพราะพวกเขาก็ทำธุรกิจกับนักท่องเที่ยว ได้เงินมากกว่าเดิมด้วยซ้ำ ของที่ร้านตัวเองขายแพงขึ้น งั้นบริโภคเยอะหน่อยก็ไม่มีปัญหาอะไร
แต่พวกครูแย่หน่อย รายได้ของพวกเขาเป็นเงินเดือนที่แน่นอน ราคาของขึ้นเงินเดือนไม่ขึ้น จะทนได้อย่างไร? การขึ้นเงินเดือนประมาณ 6% ที่วินนี่เสนอก็ถือว่าต่ำจริงๆ
ตอนนี้รัฐบาลเมืองแฟร์เวลถือว่ามีเงินอยู่ ดูจากสถานการณ์ที่สำนักงานสรรพากรก็รู้แล้ว ตอนที่ฉินสือโอวเพิ่งมาถึงที่ฟาร์มปลา สำนักงานสรรพากรทำงานอาทิตย์ล่ะแค่สามวัน หยุดสี่วัน ตอนนี้กลับไปทำงานอาทิตย์ล่ะห้าวันตามเดิมนานแล้ว
โรงเรียนประถมแกรนท์ถือว่าเป็นโรงเรียนเอกชนที่ไม่แสวงหากำไร เงินเดือนครู ค่าปรับเปลี่ยนอุปกรณ์การเรียนที่จำเป็น คิดเป็นประมาณ 20% ของงบแกรนท์ รัฐบาลนครเซนต์จอห์นรับผิดชอบ 20% กระทรวงศึกษาธิการรับผิดชอบ 10% อีก 50% ที่เหลือรัฐบาลเมืองแฟร์เวลเป็นคนรับผิดชอบ
ถ้าแค่เรื่องขึ้นเงินเดือนให้ครู รัฐบาลเมืองแฟร์เวลจะขึ้นให้พวกเขา 100% เลยก็ไม่มีปัญหา มีเงินเสียอย่าง
แต่พวกเขาทำแบบนั้นไม่ได้ โรงเรียนประถมแกรนท์ไม่ได้อยู่ในการควบคุมของการปกครองส่วนท้องถิ่นและกระทรวงศึกษาธิการ เทศบาลท้องถิ่นกลับถูกควบคุมโดยการปกครองส่วนท้องถิ่นและรัฐบาลกลาง ถ้าพวกเขาขึ้นเงินเดือนให้โรงเรียนในพื้นที่ที่ดูแลมากเกินไป แล้วโรงเรียนอื่นจะทำอย่างไร?
นี่ก็คือเรื่องที่วินนี่ปวดหัวอยู่ ตำแหน่งของเธอพูดให้ดูดีก็คือนายกเทศมนตรี ถ้าเอาแบบไม่น่าฟังก็คือตัวรักษาสมดุล จุดประสงค์คือการสร้างความสมดุลระหว่างการปกครองส่วนท้องถิ่นกับผู้แทนเมืองและเขตที่ดูแล
ได้ฟังคำของวินนี่ เหล่าคุณครูก็รวมตัวปรึกษากัน ฉินสือโอวยื่นหน้าเข้าไปฟัง เชอริลผลักเขาออกด้วยความโมโห ครูใหญ่แกรนท์ก็จำต้องยอมรับว่า ในหมู่ครูของเรามีคนทรยศ
………………………………………………………