ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – บทที่ 1270 ขนส่งลูกปลา

บทที่ 1270 ขนส่งลูกปลา

“ขอบคุณนายเรื่องอะไร? ให้ตาย นายต้องอธิบายมานะ ไม่อย่างนั้นฉันเอานายตายแน่ พระเจ้าก็รู้ ที่นี่มันยังฟ้าสางอยู่เลย ฉันนอนอยู่นะ!” ฉินสือโอวด่าใส่ในโทรศัพท์ไปแบบงัวเงีย

เขารู้ว่าบัตเลอร์พูดเรื่องอะไร ที่จริงทั้งหมดนี้เป็นผลลัพธ์ที่เขาวางแผนไว้เอง

เดิมทีเขาก็กลุ้มอยู่ว่าจะจัดการโลมาพวกนี้อย่างไรดี ปล่อยตามธรรมชาติพวกมันก็อยู่ไม่ได้ แต่เขาก็ไม่สามารถเอากลับไปทะเลแอตแลนติกเหนือได้เหมือนกัน พวกมันสูญเสียความสามารถในการว่ายน้ำอย่างว่องไวไปแล้ว จะว่ายน้ำทางไกลไม่ได้

สายที่บัตเลอร์โทรไปตอนอยู่โตเกียวทำให้เขาเกิดไอเดีย ทำไมเขาไม่ให้บัตเลอร์ส่งโลมาพวกนั้นมาให้เขาล่ะ? ส่วนเรื่องจะส่งมาอย่างไร? เชื่อว่าเดี๋ยวลุงหนวดก็คิดออก

ดังนั้นเขาจึงตามดูความเคลื่อนไหวในโตเกียวของบัตเลอร์อยู่ตลอด ง่ายมาก แค่ดูทวิตเตอร์กับเฟซบุ๊กของเขาก็พอ ลุงนี่ต่อให้แค่เข้าห้องน้ำก็ต้องเซลฟีสักหน่อย!

ในตอนที่เขาขึ้นเรือยอชต์ของอิสึซาโอะ อาโอยาม่าออกทะเลฉินสือโอวก็รู้ดีว่าโอกาสของเขามาแล้ว ที่ต้องทำต่อไปก็คือเอาโลมาออกมาไว้ต่อหน้าบัตเลอร์

ส่วนเรื่องบัตเลอร์จะทำตามที่เขาคิดไว้หรือเปล่า? ฉินสือโอวเชื่อว่าเขาจะทำแบบนั้น หมอนี่ไม่มีทางปล่อยโอกาสที่จะทำให้ท่านชายฉินเป็นหนี้เขา

เพียงแต่ว่าจะทำทั้งหมดนี้ก็ต้องแสดงกันหน่อย ดีที่ท่านชายฉินถนัดเรื่องนี้เป็นอย่างมาก ทำไงได้ ชีวิตเป็นดั่งละคร พึ่งทักษะการแสดงกันทั้งนั้น

บัตเลอร์กะพริบตาในขณะที่ฟังเสียงปลายสาย จากนั้นก็มองไปที่พระอาทิตย์ด้านนอกซึ่งอยู่สูงลิบถึงนึกขึ้นได้ “โอ้ ใช่ ที่นั่นคงจะเป็นตอนกลางคืน ขอโทษทีเพื่อน ฉันลืมไปว่าบนโลกนี้มีเรื่องเขตเวลาด้วย”

“สรุปฉันต้องขอบคุณนายเรื่องอะไร?” ฉินสือโอวเริ่มจะขบเขี้ยวเคี้ยวฟันแล้ว แน่นอนว่านี่ก็ยังเป็นการแสดง

บัตเลอร์ตอบด้วยความตื่นเต้น “นายอยากจะทำการท่องเที่ยวชมโลมาไม่ใช่เหรอ? ทางฉันมีโลมาอยู่ เป็นโลมาปากขวดแสนน่ารักเชียวนะ นายสนไหม?”

ฉินสือโอวจึงแกล้งพูดแบบรำคาญ “เพื่อน ที่นี่ก็มีโลมา ที่ทำไม่ได้ก็เพราะพวกมันว่ายไปทั่ว”

“โลมาพวกนี้ว่ายไปไหนไม่ได้หรอก” บัตเลอร์พูดอย่างอารมณ์ดีแล้วเขาก็เล่าสถานการณ์ให้ฟังโดยละเอียด

ฉินสือโอวก็ตื่นเต้นแล้วพูดว่า “ทำไมถึงเป็นแบบนั้นล่ะ? ให้ตาย คนญี่ปุ่นนี่โรคจิตชัดๆ! เรื่องนี้พวกนั้นต้องเป็นคนทำแน่เลยเชื่อไหม? นอกจากคนแล้วยังจะมีใครเฉือนหางโลมาทิ้งไปครึ่งหนึ่งจริงไหม?”

บัตเลอร์พูดอย่างเห็นด้วย “ที่นายว่ามาน่ะใช่เลย เพื่อน ไอ้เจ้าพวกคนญี่ปุ่นน่าตาย! เราจะต้องแก้แค้นให้โลมา เพื่อน เราต้องแก้แค้นให้พวกมัน!”

ฉินสือโอวตกใจ โอ้โห บัตเลอร์มีความคิดสูงส่งขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่? หรือว่าจะกลายเป็นผู้พิทักษ์แห่งท้องทะเลสุดโต่งแบบเขาไปแล้ว?

บัตเลอร์พูดต่อไปอีก “พวกเราจะต้องเอาเงินจากพวกญี่ปุ่นให้สาสม! เอาเงินของพวกเขาไปให้หมดทุกเม็ด! พวกเราจะต้องตีตลาดอาหารทะเลต้าฉินในโตเกียว แก้แค้นให้กับเหล่าโลมาที่บาดเจ็บอย่างสาสม!”

ฉินสือโอว “นายพูดถูกแล้ว แต่ทำไมฉันถึงอยากจะพูดว่าหมาแก้นิสัยกินอึไม่ได้ล่ะ?”

บัตเลอร์กลอกตาพลางถามเขาว่าจะเอาไหม ฉินสือโอวตอบไปว่าเอาแน่นอนอยู่แล้ว โลมาพวกนี้ตัวเขาจอง แค่บัตเลอร์ส่งมาก็พอ

สุดท้ายเขาก็ถามบัตเลอร์อย่างระมัดระวัง “ทำไมจู่ๆ โลมาที่เสียครีบหางพวกนี้ถึงมาโผล่ข้างเรือนายได้? จะเป็นกับดักกลอุบายอะไรหรือเปล่า?”

บัตเลอร์ได้ยินแบบนั้นก็ระวังตัวขึ้นมา เขาครุ่นคิดครู่หนึ่งก่อนจะถาม “เพื่อน นายหมายถึงว่า กรมประมงญี่ปุ่นจ้องเล่นงานเรา? ก็เลยวางกับดักนี้เพื่อให้เราติดกับ?”

ความคาดเดานี้ใช่ว่าไม่มีมูล ถ้าไม่มีโควตา โลมากับวาฬก็จะขนส่งกันตามใจชอบไม่ได้ โดยเฉพาะอเมริกาที่ไม่อนุญาตให้จับโลมาเป็นการส่วนตัว ถ้ากรมประมงญี่ปุ่นจับได้ตอนที่บัตเลอร์ขนส่งโลมาเขาจะต้องวุ่นวายแน่ๆ

ฉินสือโอวกลับวางใจ ที่เขากลัวก็คือบัตเลอร์จะเชื่อมโยงเรื่องนี้กับตัวเขา เพราะก่อนหน้านี้เขาเพิ่งจะบอกว่าอยากทำการท่องเที่ยวชมโลมา ทางนี้ก็มีโลมาโผล่มาพอดี

ขอแค่บัตเลอร์ไม่ได้เอาเขากับเรื่องนี้มาเชื่อมโยงกัน ฉินสือโอวก็ไม่ได้สนใจ

เพียงแต่ก็ต้องให้ความสำคัญกับการคาดเดาของบัตเลอร์เช่นกัน เขาถามว่า “งั้นนายคิดว่าจะทำอย่างไร?”

บัตเลอร์ตอบ “ไม่เป็นไร ฉันไม่คิดว่ามันเป็นกับดัก ก่อนอื่นเลยฉันไม่ได้มีประวัติเสียอะไร กรมประมงจะมาสนใจฉันทำไม? อีกอย่างพวกเขาตามดูแล้วอย่างไร? ของที่ราชาแห่งท้องทะเลอย่าง เจมส์ บัตเลอร์จะเอาไป พวกเขาห้ามได้ด้วยเหรอ?”

“เยี่ยม!” ฉินสือโอววางสายอย่างอารมณ์ดี เขาชอบบัตเลอร์ก็ตรงนี้ อย่างกับทหารจีนเสียไม่มี ไม่นานก็ได้ผลลัพธ์ ขอแค่ออกคำสั่ง เขาก็แก้ปัญหาได้หมด

ช่วงหลายวันหลังจากนั้นก็มีฟาร์มปลาอื่นเอาลูกปลากุ้งที่เขาสั่งไว้มาส่ง ปลาลิ้นหมาตัวเล็กมาถึงแล้ว พอเทลงฟาร์มก็รีบมุดลงชั้นทรายก้นทะเลทันที พวกมันจะใช้ชีวิตในแถบทะเลนี้ต่อไป

ในขณะเดียวกันฉินสือโอวก็ต้องเตรียมส่งลูกปลาของฟาร์มปลาออกไป ครั้งนี้เขาถือว่าเห็นแก่หน้าแมทธิว จิน ลูกปลาที่ทางฟาร์มปลามีนั้นหลากหลายมาก ปลาที่มีมูลค่าทางเศรษฐกิจก็แทบจะส่งออกไปทั้งหมด

ปลาซาบะ ปลาแฮร์ริ่ง ปลาคาพีลิน ปลาเเซลมอนแปซิฟิกชนิดต่างๆ ปลากะพงญี่ปุ่น ปลาจะละเม็ดขาวนิวฟันด์แลนด์ ปลาแฮลิบัตหลากชนิด นอกจากนี้ยังมีปูหิมะด้วย

แน่นอนว่าพวกชาวประมงอยากได้กุ้งมังกรมากที่สุด ตอนนี้มีเพียงฟาร์มปลาต้าฉินที่สามารถผลิตกุ้งมังกรได้มากมาย และตลาดกุ้งมังกรในตอนนี้ก็เข้าสู่ช่วงที่พีคที่สุดในประวัติศาสตร์ ราคาสูงลิบลิ่ว!

ฉินสือโอวถึงไม่ขายลูกกุ้งมังกร แบบนั้นก็เท่ากับแกว่งเท้าหาเสี้ยน เขายินดีขายลูกปลากับลูกปูก็ถือว่าเกรงใจเจ้าของฟาร์มปลาพวกนี้มากแล้ว

มาคิดๆ ดูแล้วเขาก็ตัดสินใจส่งลูกปลาไปให้คาร์เตอร์ที่เป็นคู่แข่งก่อน ตอนนั้นเขาประมูลมาสามชนิด มีลูกปลาแฮลิบัตแอตแลนติก ลูกปลาค็อดแอตแลนติก และปลาแฟงค์ทูธ

ทางฟาร์มปลาไม่มีเรือส่งลูกปลาโดยเฉพาะ เขาจึงต้องโทรหาบิล ให้เขาติดต่อเรือขนส่งลำหนึ่งผ่านบริษัทประมงให้ที

บิลมาถึงพร้อมกับเรือขนส่ง ตอนที่พวกชาวประมงจับลูกปลามาแล้วส่งขึ้นเรือ เขาก็มาคุยกับฉินสือโอว “ผมดูข่าวมา เพื่อน ครั้งนี้คุณซื้อปลาดีๆ ได้มากมาย ฟาร์มปลาจะขยายครั้งใหญ่ ใช่ไหมครับ?”

ฉินสือโอวตอบ “แน่นอน ทุกวินาทีนี้ผมไม่รอที่จะขยายอีกแล้ว ขอโทษจริงๆ ที่ไม่ได้ซื้อลูกปลาผ่านทางคุณ แต่ก็อยากให้คุณเข้าใจว่าผมก็ต้องไว้หน้าท่านรัฐมนตรีแมทธิว จินด้วย”

ได้ยินเขาพูดแบบนั้นบิลก็ยิ้มออกมาแล้วพูดอย่างอารมณ์ดี “ไม่ๆ ฉิน คุณเกรงใจเกินไปแล้ว แน่นอนว่าคุณไม่จำเป็นต้องซื้ออะไรจากทางผม แต่ว่าที่ผมมาครั้งนี้ก็อยากจะแนะนำของให้คุณหน่อย”

“อะไรเหรอ?” ฉินสือโอวถามด้วยความสงสัย

“ของดี หอยเม่นเอ็กไคโนคอคคัส!” บิลพูดอย่างภูมิอกภูมิใจ

เอาจริงๆ พอเห็นฟาร์มปลาต้าฉินซื้อลูกปลามากมายขนาดนั้นในงานประมูล บิลก็ร้อนใจมากๆ เพราะถ้าฉินสือโอวบอกกับเขาว่าอยากจะขยายฟาร์มปลา เขาก็เอาลูกปลาพวกนี้มาแนะนำขายให้ฉินสือโอวไปนานแล้ว

พูดอีกอย่างหนึ่งก็คือ เดิมทีเงินที่เขาควรจะได้ สุดท้ายปลิวไปอยู่ในกระเป๋าคนอื่น เขาจะไม่ร้อนใจได้อย่างไร?

………………………………………..

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

Status: Ongoing

เดือนเมษายน  ณ เมืองไหเต่าซึ่งอากาศยังคงความหนาวเย็นของฤดูใบไม้ผลิอยู่

7 โมงครึ่งแล้วแต่ฉินสือโอวกลับไม่รู้สึกง่วงงุนอีกต่อไป เขากระชับเสื้อคลุมเอนตัวนั่งพิงหัวเตียงพลางทอดสายตาเหม่อมองไปยังนอกหน้าต่าง

เขามาอยู่ในเมืองนี้ได้ 8 ปีแล้ว เริ่มจากมาเรียนมหาวิทยาลัย หลังจากเรียนจบก็ยังคงก็อาศัยอยู่ในเมืองนี้ต่อมา

มหาวิทยาลัยจงยางไห่หยางที่ฉินสือโอวเรียนจบมาเป็นมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดในเมืองไหเต่า หลังจากที่เขาเรียนจบ เขาก็ได้เข้าทำงานในแผนกทรัพยากรบุคคลที่บริษัทปิโตรเลียมที่ดีที่สุดของเมืองไหเต่าด้วยความเหลือจากเหมาเหว่ยหลงรุ่นพี่ของเขา

ทำงานในตำแหน่งนี้มาได้ 4 ปี จนเมื่อเดือนที่แล้วแผนกทรัพยากรบุคคลก็มีพนักงานดูแลเอกสารสาวสวยเข้ามาใหม่คนหนึ่ง ผู้จัดการมอบหมายให้ฉินสือโอวเป็นพี่เลี้ยงดูแลเธอ แรกๆ ก็ไม่มีอะไร แต่ความสวยของเธอดันไปโดดเด่นสะดุดตาทายาทเศรษฐีคนหนึ่งในบริษัทเข้า

เรื่องที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นก็ง่ายๆ เข้าอีหรอบเดิม ทายาทเศรษฐีคนนั้นเห็นเธอกับฉินสือโอวสนิทกันก็เลยเกิดความหึงหวง เขาเรียกฉินฉือโอวไปเตือนหลายครั้ง แต่ฉินสือโอวไม่สนใจ จนกระทั่งทั้งสองมีปากเสียงกันจนถึงขั้นลงไม้ลงมือในท้ายที่สุด

เดิมทีมันเป็นเพียงปัญหาเรื่องผู้หญิง แต่เมื่อทายาทเศรษฐีถูกฉินสือโอวทำร้าย ปัญหาที่ตามมาหลังจากนั้นจึงยิ่งไปกันใหญ่ หมอนั่นติดต่อไปหาเพื่อนของเขาที่อยู่แผนกการเงินเพื่อให้พวกนั้นสร้างหลักฐานใส่ร้ายว่าฉินสือโอวยักยอกเงินก้อนหนึ่งของบริษัทไป

การยักยอกเงินบริษัทถือเป็นเรื่องที่ค่อนข้างใหญ่โต ฉินสือโอวไม่เพียงต้องชดใช้เงินคืนให้บริษัท แต่เขายังถูกไล่ออกเพราะเหตุนี้อีกด้วย!

จะว่าไปเรื่องที่ถูกไล่ออกจากบริษัทมันก็ไม่ได้แย่อะไร ที่จริงฉินสือโอวก็คิดจะลาออกอยู่แล้ว แต่ปัญหาอยู่ที่ทั้งเนื้อทั้งตัวเขาตอนนี้แทบจะไม่มีเงินเหลืออยู่เลย เพราะเงินของเขาถูกนำไปชดใช้ให้บริษัทจนหมดแล้ว

เคราะห์ซ้ำกรรมซัดไปอีกก็คือเดือนนี้เขาต้องจ่ายค่าเช่าห้องสำหรับสามเดือนข้างหน้าอีกด้วย ลำพังเงินที่เขาเหลืออยู่ตอนนี้มีพอแค่ค่าอาหารแต่ละมื้อเท่านั้น และไม่ว่ายังไงเงินก็คงไม่พอจ่ายค่าเช่าห้องแน่ๆ

ขณะที่ฉินสือโอวกำลังเครียดเรื่องค่าเช่าห้องก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น!

ฉินสือโอวเดินไปเปิดประตูก่อนใบหน้าดุดันของลุงเจ้าของห้องจะปรากฏขึ้นต่อหน้าเขาทันที ลุงเจ้าของห้องมาหาเขาตอนนี้ก็มีอยู่แค่เหตุผลเดียวเท่านั้นคือการมาเก็บค่าเช่าอย่างไม่ต้องสงสัย

ถึงแม้ว่าเมืองไหเต่าจะตั้งอยู่ทางเหนือ แต่เนื่องจากอยู่ติดทะเลจึงทำให้เมืองไหเต่ากลายเป็นเมืองท่าที่สำคัญแห่งหนึ่ง ดังนั้นนั้นเศรษฐกิจจึงเติบโตอย่างรวดเร็ว เรียกได้ว่าเป็นเมืองรองเลยก็ว่าได้ และด้วยเหตุนี้จึงทำให้บ้านมีราคาสูงมา ส่วนค่าเช่าบ้านก็แพงเช่นกัน

ฉินสือโอวเช่าห้องสตูดิโอขนาดเล็ก 1 ห้องนอน 1 ห้องรับแขกเอาไว้ ค่าเช่าต่อเดือนอยู่ที่หนึ่งพันหยวน แถมยังเก็บค่าเช่าล่วงหน้าทีละ 3 เดือนอีก นั่นจึงหมายความว่าเขาต้องจ่ายสามพันหยวนภายในเดือนนี้ แต่ที่ยิ่งไปกว่านั้นก็คือแค่สามร้อยหยวนเขายังไม่มีเลย!

ช่วยไม่ได้ ฉินสือโอวจึงทำได้เพียงยิ้มแห้งๆ และขอร้องให้ลุงเจ้าของห้องช่วยเห็นใจเขาหน่อย ลุงเจ้าของห้องดูไม่ค่อยพอใจมากนัก และก่อนจากไปเขาก็พูดออกมาเสียงแข็ง “ฉันให้เวลา 2 วัน เย็นวันมะรืนฉันจะมาเก็บเงินอีกที ถ้ายังไม่จ่ายค่าเช่าห้องนายก็ไสหัวออกไปซะ!”

ช่างเป็นคำพูดที่ทำร้ายจิตใจเหลือเกิน แต่ฉินสือโอวไม่มีแรงจะโมโหอีกแล้ว

ฉินสือโอวในวันนี้ถูกบีบบังคับจนอับจนหนทางมองไปทางไหนก็มืดแปดด้านไปหมด

เมื่อส่งเจ้าของห้องเช่ากลับไปแล้ว ฉินสือโอวก็กลับไปนอนลงบนเตียงด้วยใบหน้าเหนื่อยล้า ในหัวของเขาคิดเรื่องอนาคตไม่ออกและยังสิ้นหวังกับเรื่องราวในปัจจุบัน

อีกไม่นานเขาก็จะสามสิบแล้ว แต่กลับไม่มีงาน ไม่มีบ้าน ไม่มีรถ และพอนึกถึงหน้าพ่อแม่ใจของเขาก็ยิ่งห่อเหี่ยวเข้าไปใหญ่

ในตอนนั้นเองจู่ๆ ประตูห้องของเขาถูกเคาะอีกครั้ง และเสียงดังบาดหูของเจ้าของห้องเช่าก็ดังขึ้นมา

“เสี่ยวฉิน เปิดประตู เปิดประตูเดี๋ยวนี้!”

พอได้ยินเสียงเจ้าของห้องเช่าความรู้สึกห่อเหี่ยวและสิ้นหวังในใจของเขาก็ถูกแทนที่ด้วยความโกรธ ตาลุงเจ้าของห้องชักจะมากเกินไปแล้วนะ ไหนบอกว่าให้เวลาเขาสองวัน พอถึงเวลาแล้วจะมาเก็บเงินไง แล้วทำไมถึงกลับมาทวงเร็วขนาดนี้?

ฉินสือโอวข่มกลั้นความโกรธแล้วเปิดประตูออกไป แต่เขากลับพบว่าข้างกายของเจ้าของห้องเช่ามีตำรวจในเครื่องแบบที่สวมหมวกปีกกว้างอีกคนอยู่ด้วย

เมื่อตำรวจเห็นฉินสือโอว เขาก็เอ่ยปากถามขึ้นมา “คุณคือคุณฉินใช่ไหมครับ?”

ฉินสือโอวพยักหน้า จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงพูดต่อ “ถ้าอย่างนั้นเชิญไปกับผมด้วยครับ มีคนอยากพบคุณ”

พอได้ยินตำรวจพูดอย่างนั้น ยังไม่ทันที่ฉินสือโอวจะพูดอะไร เจ้าของห้องเช่าก็รีบพูดขึ้นมาทันที “คุณเจ้าหน้าที่ครับ ผมไม่ได้มีความเกี่ยวข้องอะไรกับเสี่ยวฉินนะครับ ถ้าเขาไปก่อคดีอะไรมา มันไม่เกี่ยวกับห้องของผมนะครับ”

ฉินสือโอวจะไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ เขาคิดว่าคดีก่อนหน้านี้อาจจะมีปัญหาอะไรขึ้นมาเขาจึงได้แต่เดินตามเจ้าหน้าที่ตำรวจหนุ่มไปยังสถานีตำรวจด้วยสภาพไร้วิญญาณ

พอถึงสถานีตำรวจ เจ้าหน้าที่ก็พาเขาตรงไปยังห้องของผู้อำนวยการทันที

เมื่อเข้าไปในห้องเขาก็กวาดตามองไปรอบๆ ห้องก่อนจะเห็นตำรวจพุงพลุ้ยวัยกลางกำลังชงชาให้ชายในชุดสูทสองคนที่นั่งอยู่ตรงโซฟา

สิ่งที่ทำให้ฉินสือโอวจับต้นชนปลายไม่ถูกก็คือหนึ่งในสองคนที่นั่งอยู่บนโซฟาเป็นชายสวมสูทรูปร่างสูงใหญ่ ผมสีบลอนด์ นัยน์ตาสีฟ้าและผิวขาวซีดราวกับแวมไพร์ อายุของเขาน่าจะไม่ต่ำกว่าห้าสิบหกสิบเห็นจะได้ เพราะเคราของเขากลายเป็นสีขาวราวกับหิมะไปแล้ว แต่ร่างกายที่กำยำนั้นช่างดูทรงพลังและน่าเกรงขามเหลือเกิน

เจ้าหน้าที่ตำรวจวัยกลางคนคนนั้นคือผู้อำนวยการสถานีตำรวจอย่างไม่ต้องสงสัย ว่าแล้วเขาก็ยื่นมือมาทางฉินสือโอวแล้วพูดขึ้น “คุณคือคุณฉินสือโอวสินะครับ? สวัสดีครับ ผมหลัวหย่งจื้อผู้อำนวยการสถานีตำรวจท้องที่ถนนซวงเหอเขตหลัวซานครับ”

ช่วงก่อนหน้านี้ฉินสือโอวถูกพวกตำรวจทำให้เขารู้สึกเหมือนอยู่ไม่สู้ตาย เมื่อเห็นหลัวหย่งจื้อยื่นมือมาจึงรีบเข้าไปจับ ก้มหัวโค้งแนะนำตัวเองทันที

หลังจากหลัวหย่งจื้อปล่อยมือฉินสือโอวแล้ว ชายวัยกลางคนที่ก่อนหน้านี้นั่งอยู่ตรงโซฟาก็ลุกขึ้นมาจับมือเขาแล้วพูดขึ้น “สวัสดีครับคุณฉิน ผมหลี่ซิ่นจากศาลประชาชนกลางแห่งเมืองไหเต่าครับ ส่วนท่านนี้คือคุณเออร์บัก ชาร์คแมน ทนายความที่มีชื่อเสียงจากสำนักงานกฎหมายฟาสเกนส์ ประเทศแคนาดาครับ”

หลังจากที่ทั้งสองฝ่ายได้แนะนำตัวกันแล้ว แวมไพร์เฒ่าที่วางตัวสูงสง่าน่าเกรงขามมาตลอดก็ถามออกมาเป็นภาษาอังกฤษ “สวัสดีครับคุณฉินสือโอว คุณรู้จักฉินหงเต๋อไหมครับ”

ขณะหลี่ซิ่นกำลังจะแปล ฉินสือโอวก็ตอบออกมาด้วยภาษาอังกฤษอย่างคล่องแคล่ว

“ฉินหงเต๋อหรอครับ? เขาคือปู่รองของผม อืม..ก็คือพี่ชายคนที่สองของปู่ผม”

เออร์บักพยักหน้าแล้วถามอีก “ถ้าอย่างนั้นคุณคงจะมีหัวใจโพไซดอนใช่ไหมครับ มันเป็นจี้สีน้ำเงินเล็กๆ ที่สวยมากๆ อันหนึ่ง ช่วยเอาออกมาให้ผมดูหน่อยได้ไหมครับ?”

ฉินสือโอวขมวดคิ้ว เขาไม่เข้าใจว่าฝรั่งคนนี้พูดถึงอะไร แต่กระนั้นเขาก็เลื่อนมือไปปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตเม็ดบนสุดออกแล้วดึงสร้อยเส้นสีแดงที่มีจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินออกมา

เออร์บักยื่นมือไปรับหัวใจโพไซดอน แล้วหันไปพูดกับหลัวหย่งจื้อ “ผมขอแก้วกระดาษใบหนึ่งหน่อยได้ไหมครับ?”

หลัวหย่งจื้อยกหูโทรศัพท์ อึดใจต่อมาแก้วคริสทัลราคาแพงก็ถูกยื่นมาให้เขาอย่างรวดเร็ว

เออร์บักเติมน้ำลงไปในแก้วแล้วนำหัวใจโพไซดอนหย่อนลงไปในน้ำ ทันใดนั้นน้ำในแก้วก็เปลี่ยนเป็นสีน้ำเงินเช่นเดียวกับหัวใจโพไซดอน และเมื่อเออร์บักขยับข้อมือ น้ำในแก้วก็กระเพื่อมส่งกลิ่นน้ำทะเลออกมา

ทุกคนในที่นั้นตกตะลึงจนพูดไม่ออก ฉินสือโอวก็ไม่เคยรู้มาก่อนว่าจี้เล็กๆ ที่ตัวเองห้อยมาตลอดมีพลังวิเศษแบบนี้

เมื่อเสร็จแล้วเออร์บักก็พูดออกมาอย่างจริงจังว่า “คุณฉินสือโอว สวัสดีครับ ผมเออร์บัก ชาร์คแมน ทนายความมือหนึ่งจากสำนักงานกฎหมายฟาสเกนส์ คุณฉินหงเต๋อมอบหมายให้ผมนำพินัยกรรมมาส่งมอบให้กับคุณ เดี๋ยวผมจะอ่านให้ฟังนะครับ…”

เออร์บักเปิดพินัยกรรมแล้วพูดออกมา

“นับแต่บัดนี้เป็นต้นไป คุณฉินสือโอว หลานคนโตของคุณฉินหงเต๋อ จะเป็นผู้สืบทอดฟาร์มปลาต้าฉิน ซึ่งตั้งอยู่ที่รัฐนิวฟันด์แลนด์และแลบราดอร์ นครเซนต์จอห์น ประเทศแคนาดา! ซึ่งมีมูลค่าการตลาดตามการประเมินโดยธนาคารแคนาดาอยู่ที่ประมาณ 42 ล้านดอลลาร์แคนาดา หรือก็คือ 233,100,000 หยวนครับ! “

หัวใจของฉินสือโอวเต้นดัง ‘ตุบ ตุบ ตุบ’ ราวกับจะหลุดออกมา ไม่ง่ายเลยที่เขาจะทำใจให้สงบลงได้ จากนั้นเขาก็ถามออกไปด้วยเสียงสั่นๆ “นี่คุณเออร์บักไม่ได้กำลังล้อผมเล่นใช่ไหมครับ? คุณปู่รองของผมทิ้งทรัพย์สินมูลค่า 230 ล้านหยวนให้ผมอย่างนั้นเหรอ?”

เออร์บักพยักหน้าเพื่อยืนยัน ต่อมาเขาก็แนะนำอะไรอีกนิดหน่อย ประมาณว่าตอนนี้เขาเป็นทนายส่วนตัวของฉินสือโอวแล้ว และต้องการให้ฉินสือโอวเดินทางไปแคนาดาโดยเร็วที่สุดเพื่อดำเนินการเกี่ยวกับการส่งมอบอสังหาริมทรัพย์ต่างๆ ให้เสร็จสิ้น

ฉินสือโอวลงนามในเอกสารยินยอมรับมรดกภายใต้การรับรองของหลัวหย่งจื้อและหลี่ซิ่น จากนั้นเขาก็พาหลี่ซิ่นกับเออร์บักเดินทางไปยังห้องเช่าของตัวเอง

พอไปถึงอพาร์ตเมนต์เขาก็ต้องตกใจเมื่อได้เห็นกองข้าวของที่วางอยู่หน้าห้อง เมื่อมองดูดีๆ เขาก็พบว่าทั้งหมดเป็นของของเขาจำพวกผ้าห่ม ที่นอน หนังสือและคอมพิวเตอร์

เมื่อเจ้าของห้องเช่าเดินออกมาเห็นฉินสือโอว เขาก็ล็อกประตูดัง ‘กริ๊ก’ แล้วพูดออกมาอย่างเย็นชา

“กลับมาแล้วเหรอ? ดีเลย ฉันจะได้พูดให้นายเข้าใจ นายไปทำอะไรไม่ดีมาใช่ไหม? ไม่อย่างนั้นตำรวจจะมาหานายถึงที่ทำไม”

พอฉินสือโอวทำท่าจะตอบกลับ เขาก็แสดงสีหน้าเย็นชาแล้วพูดต่อ “ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว เก็บของของนายแล้วไสหัวออกไปซะ ฉันปล่อยห้องเช่าให้คนไม่ได้เรื่องอย่างนายไม่ได้หรอก”

ทันใดนั้นฉินสือโอวก็ได้สติขึ้นมาทันที

……………………………………….

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท