ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – บทที่ 1273 คืนที่ไฟตัด

บทที่ 1273 คืนที่ไฟตัด

ชาร์คล้วงมือถือออกมาเลื่อนไปมาอยู่หลายนาทีก็ยังหาคำตอบไม่ได้ ฉินสือโอวเริ่มรำคาญจึงเอ่ยขึ้น “ไม่มีใครเอาแล็ปท็อปมาด้วยเหรอ? ใช้คอมพิวเตอร์สิ เวลาแบบนี้ยังจะใช้มือถือทำไม?”

ใครจะรู้ว่าชาร์คกำลังรอเขาพูดคำนี้อยู่ พอเขาเพิ่งพูดจบ ชาร์คก็ชูมือถือสีทองหรูหราขึ้นมาอวด “มือถือผมเจ๋งมากนะ แอปเปิล 6s ผมเพิ่งเปลี่ยนมา ฟังก์ชันเยี่ยมมาก”

ฉินสือโอวจนใจ เขาพูดแบบไม่ไยดี “ฉันเกลียดมือถือ รีบบอกเรื่องสภาพอากาศฉันมาเร็วๆ”

ชาร์คเบ้ปากแบบเคืองๆ ผ่านไปสองสามวินาที ใบหน้าเขาก็เผยสีหน้าแปลกๆ ออกมา “เอ๋ โชคพวกเราดีขนาดนี้เลยเหรอ?”

ฉินสือโอวนึกว่าเขาพูดประชดจึงขมวดคิ้วแล้วพูดว่า “เป็นอะไรไป ไม่ใช่ว่าฝนจะตกหนักไปหลายวันนะ? ให้ตายเถอะ เสี่ยวเถียนกวาคิดถึงฉันแย่”

บูลหัวเราะออกมาอย่างร่าเริง “ฮ่ะๆ บูลน้อยไม่คิดถึงผม ผมก็ไม่คิดถึงเขา”

พวกชาวประมงอึ้ง พวกเขากวาดมองดูระหว่างบูลและอีวิลสันด้วยสายตาแปลกๆ หรือว่าความทึ่มมันจะติดต่อกันได้?

ชาร์คไม่ได้แซวบูล เขาส่ายมือถือในมือไปมาแล้วพูดขึ้น “เปล่า ที่ฝนตกหนักครั้งนี้เพราะพายุไซโคลนเข้า ทางตอนเหนือของรัฐโนวาสโกเชียและทางตอนใต้นิวฟันด์แลนด์ก็มีพายุฝนเข้า แต่ไม่นานนักหรอก ช้าสุดพรุ่งนี้ก็อากาศปลอดโปร่งแล้ว”

“ที่ผมบอกว่าโชคดี เพราะครึ่งเดือนให้หลังนี้จะมีซูเปอร์พระจันทร์สีเลือด!”

ฉินสือโอวรับมือถือมาดู กรมอุตุประกาศข่าวออกมา บอกว่าครึ่งเดือนให้หลังจะมีปรากฏการณ์จันทรุปราคาเต็มดวง ถึงตอนนั้นที่ต่างๆ ในเซนต์จอห์นก็สามารถเห็นปรากฏการณ์นี้ได้

จันทรุปราคาเต็มดวงเป็นจันทรุปราคาแบบหนึ่ง ดวงจันทร์ โลก ดวงอาทิตย์จะโคจรมาอยู่เรียงเป็นเส้นเดียวกัน พอดวงจันทร์ทั้งดวงโคจรไปอยู่ในเงาของโลก พื้นผิวดวงจันทร์ก็จะมืดและเกิดเป็นจันทรุปราคาเต็มดวง

นอกจากนี้ เพราะพอดวงจันทร์เข้าสู่เงาของโลกโดยสมบูรณ์ แสงแดดที่สะท้อนจากพื้นผิวโลกจนทำให้ดวงจันทร์ดูมีสีเลือด ดังนั้นคนแคนาดาจึงเรียกปรากฏการณ์นี้ว่า พระจันทร์สีเลือด

อเมริกาเหนือมีตำนานเกี่ยวกับพระจันทร์สีเลือดมากมาย ที่แพร่หลายมากที่สุดคงหนีไม่พ้นการต่อสู้แห่งศตวรรษระหว่างมนุษย์หมาป่าและแวมไพร์

ตำนานมนุษย์หมาป่าและแวมไพร์ถูกเล่าขานในยุโรปมาสิบกว่าศตวรรษแล้ว ชาวอเมริกาเหนือก็คือลูกหลานของคนยุโรป แน่นอนว่าก็มีความเชื่อแบบเดียวกัน

ทุกคนรู้ดี คนมักคิดว่ามนุษย์หมาป่าจะแปลงร่างในคืนพระจันทร์เต็มดวง ส่วนแวมไพร์ก็หนีเลือดสดๆ ไม่พ้น ในคืนจันทรุปราคาเต็มดวง ดวงจันทร์ก็จะเต็มดวงเช่นกัน แล้วยังเปลี่ยนเป็นสีแดงเลือดด้วย ตำนานมนุษย์หมาป่าและแวมไพร์จึงเข้ามาข้องเกี่ยวไปโดยปริยาย

ฉินสือโอวไม่สนใจตำนานแบบนี้ สำหรับเขาแล้ว ตำนานจีนอย่างสวี่เซียนแทงงู หนิงไฉ่เฉินหลับนอนกับผียังน่าสนใจกว่าเยอะ

แต่พวกชาวประมงกลับชอบตำนานประเภทนี้มาก พอรู้มาว่าอีกไม่นานจะได้เห็นซูเปอร์พระจันทร์สีเลือด พวกเขาก็ตื่นเต้นขึ้นมา ยื้อแย่งมือถือกันยกใหญ่

ปรากฏว่าแย่งกันไปมา ไม่รู้ว่าใครออกแรงเยอะไปหน่อย แอปเปิล 6s ของชาร์คปลิวออกไปทันที

ตอนนี้ข้างนอกฝนตกหนัก มีแต่โคลนเต็มไปหมด พอแอปเปิล 6s ร่วงลงไปก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย

ชาร์คร้องเสียงหลง รีบวิ่งออกไปแล้วก็รีบวิ่งกลับมา ในมือถือโทรศัพท์ไว้อย่างระมัดระวังด้วยสีหน้าเจ็บปวด

แลนซ์พูดอย่างไม่ใส่ใจ “ปกตินายก็ไม่เล่นโทรศัพท์สักหน่อย ใช้มือถืออะไรแล้วมันจะต่างกันตรงไหน?”

ชาร์คตอบ “ไอ้บ้า มือถือนี้ฉันเตรียมไว้ให้แพรีส! เธอใกล้จบมหาวิทยาลัยแล้ว ฉันจะให้ของขวัญวันจบกับเธอ”

แบบนี้ทุกคนก็กระอักกระอ่วนกันถ้วนหน้า แลนซ์พูดขึ้น “งั้นฉันซื้อให้ใหม่แล้วกัน”

แอปเปิลราคาถูกมากในแคนาดา ไม่ถึง 900 ดอลลาร์แคนาดา ด้วยรายได้ของแลนซ์การซื้อสิ่งนี้ก็ไม่ต่างจากซื้อแอปเปิลที่เอาไว้กิน ไม่ได้กดดันอะไร

แต่ของที่จอบส์ทำคุณภาพดีจริง ขนาดตกแถมยังเปียกน้ำก็ยังไม่เป็นไร มือถือแช่ในน้ำโคลนมา เครื่องก็ไม่ได้ปิด พอเช็ดโคลนออกจนสะอาดก็ใช้ได้เหมือนเดิม

คนทั้งกลุ่มหยอกล้อเล่นกัน เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว วันหนึ่งวันผ่านไป พอเที่ยงคืนฝนก็หยุดตก

ลูกปลาเอาลงจากเรือเรียบร้อย ฉินสือโอวรู้สึกว่าไม่มีความจำเป็นที่จะต้องอยู่ต่อจึงพาพวกชาวประมงขึ้นเรือแล้วออกเดินทาง

ตอนประมาณบ่ายสี่โมงพอดิบพอดี เรือขนส่งก็กลับมาถึงฟาร์มปลาต้าฉิน พอฉินสือโอวลงจากเรือก็รีบกลับบ้านไปหาลูกสาว ปรากฏว่าเจอกับเสี่ยวเถียนกวาที่กำลังเล่นในอ้อมอกของวินนี่อย่างมีความสุข

“เอ๋ วันนี้คุณไม่ทำงานเหรอ?” ฉินสือโอวถามอย่างแปลกใจ

วินนี่พูดยิ้มๆ “ทั้งเกาะไฟดับน่ะ เมื่อคืนทั้งฝนตกทั้งลมแรงจนเครื่องจ่ายไฟพัง รัฐก็เลยหยุดได้หนึ่งวัน พรุ่งนี้ซ่อมเครื่องจ่ายไฟเสร็จค่อยไปทำงาน”

พอได้ยินว่าไฟตัด ฉินสือโอวก็รีบไปหาเครื่องกำเนิดไฟฟ้า วินนี่บอกเขาว่าไม่ต้องห่วงห้องแช่ พอไฟดับแบล็คไนฟ์ก็พาคนไปเปิดเครื่องกำเนิดไฟ ห้องแช่ตอนนี้ทำงานปกติดี

ได้ยินวินนี่บอกแบบนั้นฉินสือโอวถึงวางใจลง ตอนนี้ห้องแช่ต่างจากเมื่อก่อน ในนั้นมีแต่อาหารทะเลกับอาหารต่างๆ ที่เขาเก็บไว้อย่างเช่น จักจั่นที่กะเอาไว้กินอีกห้าหกปี ถ้าเกิดว่าเสียก็แย่สิ

ฤดูหนาวปีที่แล้วมีหิมะตกหนัก เกาะแฟร์เวลเคยไฟดับมาแล้ว ตอนนั้นฉินสือโอวก็ใช้เครื่องกำเนิดไฟฟ้ามาเดินกระแสไฟในฟาร์ม ฉะนั้นตอนบ่ายเขาไม่ได้คิดอะไรมาก คิดแค่ว่าตกกลางคืนผลิตไฟฟ้าเองก็โอเคแล้ว

แต่รอจนพลบค่ำฟ้ามืดลง เขาเตรียมจะผลิตกระแสไฟแต่กลับถูกแบล็คไนฟ์ติง “อย่าเลยบอส แรงไฟของเครื่องกำเนิดไฟฟ้าไม่พอ ตอนนี้ที่เดินกระแสไฟให้ห้องเย็นก็อันตรายมากแล้ว ถ้าเพิ่มแรงดันไฟฟ้าให้สูงขึ้นไปอีก เครื่องคงจะไหม้แน่!”

ฉินสือโอวอึ้ง เขาเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าฤดูหนาวปีที่แล้วในโกดังมีแค่องุ่น แต่ตอนนี้ในนั้นมีอาหารทะเลหลายสิบตัน ความเย็นที่ต้องการก็ต่างกัน แรงดันไฟฟ้าที่ต้องการก็ต่างกัน

แบบนี้ก็แย่สิ? ฉินสือโอวมองดูท้องฟ้าและรอบข้างที่มืดมนแล้วอึ้งไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็หันไปเห็นดวงตาสีเขียวสดที่จ้องมองเขาอยู่ ทำเอาเขาตกใจจนตะโกนสุดเสียง

พอจู่ๆ เขาตะโกนออกมา ดวงตาสีเขียวพวกนั้นก็ตกใจตัวโยน ต่างกระจายตัวกันวิ่งหนี เสียงหมาเห่าหอนเซ็งแซ่ไม่หยุด

ได้ยินเสียงร้องตกใจของหู่เป้าฉงหลัว ฉินสือโอวถึงรู้ว่าดวงตาพวกนั้นคือตาของพวกเด็กๆ ดวงที่ใหญ่เป็นของฉงต้า ดวงเล็กเป็นของราชาเจ้าป่าซิมบ้า ส่วนที่เล็กกว่านั้นเป็นของพี่น้องเฟอเรท…

“งั้นตอนกลางคืนคงต้องนอนไวหน่อย?” ฉินสือโอวถอนหายใจ

ไวส์ปลอบเขาว่า “ไม่เป็นไรครับ อาจารย์ นี่ไม่ใช่โอกาสฝึกวิชาที่ดีเหรอ? คุณสอนกังฟูที่ใช้ตาให้ผมเถอะ”

ฉินสือโอวอับจนคำจะพูด เขาแบมือออกไปข้างลำตัวก่อนจะเอ่ยขึ้น “วรยุทธ์สำนักเรามีที่เกี่ยวกับตาที่ไหน?”

“คุณสอนเนตรวงแหวนให้ผมก็ได้นี่” กอร์ดอนเขยิบเข้ามาแล้วพูดกลั้วหัวเราะ

ไวส์ผลักเขาออกแล้วพูดอย่างโกรธๆ “อย่ามาเข้าร่วมมั่วๆ นะ เนตรวงแหวนเป็นสกิลในวันพีชชัดๆ นึกว่าฉันไม่เคยดูการ์ตูนญี่ปุ่นหรือไง?”

“เนตรวงแหวน? วันพีช? เอ่อ นั่นไม่ใช่จากดราก้อนบอลเหรอ? นึกว่าฉันไม่เคยดูการ์ตูนญี่ปุ่นหรือไง?” เชอร์ลี่ย์พูด

“เนตรวงแหวน? เอ่อ นั่นไม่ใช่จากคุโรโกะ โนะ บาสเก็ตเหรอ? นึกว่าฉันไม่เคยดูการ์ตูนญี่ปุ่นหรือไง?” เด็กจริงจังอย่างพาวลิสก็โดนลากเข้ามาร่วมวงด้วย

ฉินสือโอวให้พวกเขารีบๆ กลับไป เขาจะต้องไปซื้อเทียนในเมือง

ไวส์ดึงเขาไว้แล้วพูดว่า “อาจารย์ ผมนึกได้แล้ว คุณสอนวิชาเนตรอัคคีให้ผมก็ได้นี่”

ฉินสือโอวหัวหมุนไปหมด นี่มันเปลี่ยนจากโลกยุทธภพมาเป็นโลกแฟนตาซีหรือไง ออกจะพลิกเยอะไปหน่อย

แต่เขารู้ว่าไวส์เป็นพวกหัวดื้อ อธิบายอะไรไปก็ไม่มีประโยชน์ ได้แต่ถอนหายใจแล้วพูดว่า “ก็ได้ งั้นอาจารย์จะสอนให้”

……………………………………….

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

Status: Ongoing

เดือนเมษายน  ณ เมืองไหเต่าซึ่งอากาศยังคงความหนาวเย็นของฤดูใบไม้ผลิอยู่

7 โมงครึ่งแล้วแต่ฉินสือโอวกลับไม่รู้สึกง่วงงุนอีกต่อไป เขากระชับเสื้อคลุมเอนตัวนั่งพิงหัวเตียงพลางทอดสายตาเหม่อมองไปยังนอกหน้าต่าง

เขามาอยู่ในเมืองนี้ได้ 8 ปีแล้ว เริ่มจากมาเรียนมหาวิทยาลัย หลังจากเรียนจบก็ยังคงก็อาศัยอยู่ในเมืองนี้ต่อมา

มหาวิทยาลัยจงยางไห่หยางที่ฉินสือโอวเรียนจบมาเป็นมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดในเมืองไหเต่า หลังจากที่เขาเรียนจบ เขาก็ได้เข้าทำงานในแผนกทรัพยากรบุคคลที่บริษัทปิโตรเลียมที่ดีที่สุดของเมืองไหเต่าด้วยความเหลือจากเหมาเหว่ยหลงรุ่นพี่ของเขา

ทำงานในตำแหน่งนี้มาได้ 4 ปี จนเมื่อเดือนที่แล้วแผนกทรัพยากรบุคคลก็มีพนักงานดูแลเอกสารสาวสวยเข้ามาใหม่คนหนึ่ง ผู้จัดการมอบหมายให้ฉินสือโอวเป็นพี่เลี้ยงดูแลเธอ แรกๆ ก็ไม่มีอะไร แต่ความสวยของเธอดันไปโดดเด่นสะดุดตาทายาทเศรษฐีคนหนึ่งในบริษัทเข้า

เรื่องที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นก็ง่ายๆ เข้าอีหรอบเดิม ทายาทเศรษฐีคนนั้นเห็นเธอกับฉินสือโอวสนิทกันก็เลยเกิดความหึงหวง เขาเรียกฉินฉือโอวไปเตือนหลายครั้ง แต่ฉินสือโอวไม่สนใจ จนกระทั่งทั้งสองมีปากเสียงกันจนถึงขั้นลงไม้ลงมือในท้ายที่สุด

เดิมทีมันเป็นเพียงปัญหาเรื่องผู้หญิง แต่เมื่อทายาทเศรษฐีถูกฉินสือโอวทำร้าย ปัญหาที่ตามมาหลังจากนั้นจึงยิ่งไปกันใหญ่ หมอนั่นติดต่อไปหาเพื่อนของเขาที่อยู่แผนกการเงินเพื่อให้พวกนั้นสร้างหลักฐานใส่ร้ายว่าฉินสือโอวยักยอกเงินก้อนหนึ่งของบริษัทไป

การยักยอกเงินบริษัทถือเป็นเรื่องที่ค่อนข้างใหญ่โต ฉินสือโอวไม่เพียงต้องชดใช้เงินคืนให้บริษัท แต่เขายังถูกไล่ออกเพราะเหตุนี้อีกด้วย!

จะว่าไปเรื่องที่ถูกไล่ออกจากบริษัทมันก็ไม่ได้แย่อะไร ที่จริงฉินสือโอวก็คิดจะลาออกอยู่แล้ว แต่ปัญหาอยู่ที่ทั้งเนื้อทั้งตัวเขาตอนนี้แทบจะไม่มีเงินเหลืออยู่เลย เพราะเงินของเขาถูกนำไปชดใช้ให้บริษัทจนหมดแล้ว

เคราะห์ซ้ำกรรมซัดไปอีกก็คือเดือนนี้เขาต้องจ่ายค่าเช่าห้องสำหรับสามเดือนข้างหน้าอีกด้วย ลำพังเงินที่เขาเหลืออยู่ตอนนี้มีพอแค่ค่าอาหารแต่ละมื้อเท่านั้น และไม่ว่ายังไงเงินก็คงไม่พอจ่ายค่าเช่าห้องแน่ๆ

ขณะที่ฉินสือโอวกำลังเครียดเรื่องค่าเช่าห้องก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น!

ฉินสือโอวเดินไปเปิดประตูก่อนใบหน้าดุดันของลุงเจ้าของห้องจะปรากฏขึ้นต่อหน้าเขาทันที ลุงเจ้าของห้องมาหาเขาตอนนี้ก็มีอยู่แค่เหตุผลเดียวเท่านั้นคือการมาเก็บค่าเช่าอย่างไม่ต้องสงสัย

ถึงแม้ว่าเมืองไหเต่าจะตั้งอยู่ทางเหนือ แต่เนื่องจากอยู่ติดทะเลจึงทำให้เมืองไหเต่ากลายเป็นเมืองท่าที่สำคัญแห่งหนึ่ง ดังนั้นนั้นเศรษฐกิจจึงเติบโตอย่างรวดเร็ว เรียกได้ว่าเป็นเมืองรองเลยก็ว่าได้ และด้วยเหตุนี้จึงทำให้บ้านมีราคาสูงมา ส่วนค่าเช่าบ้านก็แพงเช่นกัน

ฉินสือโอวเช่าห้องสตูดิโอขนาดเล็ก 1 ห้องนอน 1 ห้องรับแขกเอาไว้ ค่าเช่าต่อเดือนอยู่ที่หนึ่งพันหยวน แถมยังเก็บค่าเช่าล่วงหน้าทีละ 3 เดือนอีก นั่นจึงหมายความว่าเขาต้องจ่ายสามพันหยวนภายในเดือนนี้ แต่ที่ยิ่งไปกว่านั้นก็คือแค่สามร้อยหยวนเขายังไม่มีเลย!

ช่วยไม่ได้ ฉินสือโอวจึงทำได้เพียงยิ้มแห้งๆ และขอร้องให้ลุงเจ้าของห้องช่วยเห็นใจเขาหน่อย ลุงเจ้าของห้องดูไม่ค่อยพอใจมากนัก และก่อนจากไปเขาก็พูดออกมาเสียงแข็ง “ฉันให้เวลา 2 วัน เย็นวันมะรืนฉันจะมาเก็บเงินอีกที ถ้ายังไม่จ่ายค่าเช่าห้องนายก็ไสหัวออกไปซะ!”

ช่างเป็นคำพูดที่ทำร้ายจิตใจเหลือเกิน แต่ฉินสือโอวไม่มีแรงจะโมโหอีกแล้ว

ฉินสือโอวในวันนี้ถูกบีบบังคับจนอับจนหนทางมองไปทางไหนก็มืดแปดด้านไปหมด

เมื่อส่งเจ้าของห้องเช่ากลับไปแล้ว ฉินสือโอวก็กลับไปนอนลงบนเตียงด้วยใบหน้าเหนื่อยล้า ในหัวของเขาคิดเรื่องอนาคตไม่ออกและยังสิ้นหวังกับเรื่องราวในปัจจุบัน

อีกไม่นานเขาก็จะสามสิบแล้ว แต่กลับไม่มีงาน ไม่มีบ้าน ไม่มีรถ และพอนึกถึงหน้าพ่อแม่ใจของเขาก็ยิ่งห่อเหี่ยวเข้าไปใหญ่

ในตอนนั้นเองจู่ๆ ประตูห้องของเขาถูกเคาะอีกครั้ง และเสียงดังบาดหูของเจ้าของห้องเช่าก็ดังขึ้นมา

“เสี่ยวฉิน เปิดประตู เปิดประตูเดี๋ยวนี้!”

พอได้ยินเสียงเจ้าของห้องเช่าความรู้สึกห่อเหี่ยวและสิ้นหวังในใจของเขาก็ถูกแทนที่ด้วยความโกรธ ตาลุงเจ้าของห้องชักจะมากเกินไปแล้วนะ ไหนบอกว่าให้เวลาเขาสองวัน พอถึงเวลาแล้วจะมาเก็บเงินไง แล้วทำไมถึงกลับมาทวงเร็วขนาดนี้?

ฉินสือโอวข่มกลั้นความโกรธแล้วเปิดประตูออกไป แต่เขากลับพบว่าข้างกายของเจ้าของห้องเช่ามีตำรวจในเครื่องแบบที่สวมหมวกปีกกว้างอีกคนอยู่ด้วย

เมื่อตำรวจเห็นฉินสือโอว เขาก็เอ่ยปากถามขึ้นมา “คุณคือคุณฉินใช่ไหมครับ?”

ฉินสือโอวพยักหน้า จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงพูดต่อ “ถ้าอย่างนั้นเชิญไปกับผมด้วยครับ มีคนอยากพบคุณ”

พอได้ยินตำรวจพูดอย่างนั้น ยังไม่ทันที่ฉินสือโอวจะพูดอะไร เจ้าของห้องเช่าก็รีบพูดขึ้นมาทันที “คุณเจ้าหน้าที่ครับ ผมไม่ได้มีความเกี่ยวข้องอะไรกับเสี่ยวฉินนะครับ ถ้าเขาไปก่อคดีอะไรมา มันไม่เกี่ยวกับห้องของผมนะครับ”

ฉินสือโอวจะไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ เขาคิดว่าคดีก่อนหน้านี้อาจจะมีปัญหาอะไรขึ้นมาเขาจึงได้แต่เดินตามเจ้าหน้าที่ตำรวจหนุ่มไปยังสถานีตำรวจด้วยสภาพไร้วิญญาณ

พอถึงสถานีตำรวจ เจ้าหน้าที่ก็พาเขาตรงไปยังห้องของผู้อำนวยการทันที

เมื่อเข้าไปในห้องเขาก็กวาดตามองไปรอบๆ ห้องก่อนจะเห็นตำรวจพุงพลุ้ยวัยกลางกำลังชงชาให้ชายในชุดสูทสองคนที่นั่งอยู่ตรงโซฟา

สิ่งที่ทำให้ฉินสือโอวจับต้นชนปลายไม่ถูกก็คือหนึ่งในสองคนที่นั่งอยู่บนโซฟาเป็นชายสวมสูทรูปร่างสูงใหญ่ ผมสีบลอนด์ นัยน์ตาสีฟ้าและผิวขาวซีดราวกับแวมไพร์ อายุของเขาน่าจะไม่ต่ำกว่าห้าสิบหกสิบเห็นจะได้ เพราะเคราของเขากลายเป็นสีขาวราวกับหิมะไปแล้ว แต่ร่างกายที่กำยำนั้นช่างดูทรงพลังและน่าเกรงขามเหลือเกิน

เจ้าหน้าที่ตำรวจวัยกลางคนคนนั้นคือผู้อำนวยการสถานีตำรวจอย่างไม่ต้องสงสัย ว่าแล้วเขาก็ยื่นมือมาทางฉินสือโอวแล้วพูดขึ้น “คุณคือคุณฉินสือโอวสินะครับ? สวัสดีครับ ผมหลัวหย่งจื้อผู้อำนวยการสถานีตำรวจท้องที่ถนนซวงเหอเขตหลัวซานครับ”

ช่วงก่อนหน้านี้ฉินสือโอวถูกพวกตำรวจทำให้เขารู้สึกเหมือนอยู่ไม่สู้ตาย เมื่อเห็นหลัวหย่งจื้อยื่นมือมาจึงรีบเข้าไปจับ ก้มหัวโค้งแนะนำตัวเองทันที

หลังจากหลัวหย่งจื้อปล่อยมือฉินสือโอวแล้ว ชายวัยกลางคนที่ก่อนหน้านี้นั่งอยู่ตรงโซฟาก็ลุกขึ้นมาจับมือเขาแล้วพูดขึ้น “สวัสดีครับคุณฉิน ผมหลี่ซิ่นจากศาลประชาชนกลางแห่งเมืองไหเต่าครับ ส่วนท่านนี้คือคุณเออร์บัก ชาร์คแมน ทนายความที่มีชื่อเสียงจากสำนักงานกฎหมายฟาสเกนส์ ประเทศแคนาดาครับ”

หลังจากที่ทั้งสองฝ่ายได้แนะนำตัวกันแล้ว แวมไพร์เฒ่าที่วางตัวสูงสง่าน่าเกรงขามมาตลอดก็ถามออกมาเป็นภาษาอังกฤษ “สวัสดีครับคุณฉินสือโอว คุณรู้จักฉินหงเต๋อไหมครับ”

ขณะหลี่ซิ่นกำลังจะแปล ฉินสือโอวก็ตอบออกมาด้วยภาษาอังกฤษอย่างคล่องแคล่ว

“ฉินหงเต๋อหรอครับ? เขาคือปู่รองของผม อืม..ก็คือพี่ชายคนที่สองของปู่ผม”

เออร์บักพยักหน้าแล้วถามอีก “ถ้าอย่างนั้นคุณคงจะมีหัวใจโพไซดอนใช่ไหมครับ มันเป็นจี้สีน้ำเงินเล็กๆ ที่สวยมากๆ อันหนึ่ง ช่วยเอาออกมาให้ผมดูหน่อยได้ไหมครับ?”

ฉินสือโอวขมวดคิ้ว เขาไม่เข้าใจว่าฝรั่งคนนี้พูดถึงอะไร แต่กระนั้นเขาก็เลื่อนมือไปปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตเม็ดบนสุดออกแล้วดึงสร้อยเส้นสีแดงที่มีจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินออกมา

เออร์บักยื่นมือไปรับหัวใจโพไซดอน แล้วหันไปพูดกับหลัวหย่งจื้อ “ผมขอแก้วกระดาษใบหนึ่งหน่อยได้ไหมครับ?”

หลัวหย่งจื้อยกหูโทรศัพท์ อึดใจต่อมาแก้วคริสทัลราคาแพงก็ถูกยื่นมาให้เขาอย่างรวดเร็ว

เออร์บักเติมน้ำลงไปในแก้วแล้วนำหัวใจโพไซดอนหย่อนลงไปในน้ำ ทันใดนั้นน้ำในแก้วก็เปลี่ยนเป็นสีน้ำเงินเช่นเดียวกับหัวใจโพไซดอน และเมื่อเออร์บักขยับข้อมือ น้ำในแก้วก็กระเพื่อมส่งกลิ่นน้ำทะเลออกมา

ทุกคนในที่นั้นตกตะลึงจนพูดไม่ออก ฉินสือโอวก็ไม่เคยรู้มาก่อนว่าจี้เล็กๆ ที่ตัวเองห้อยมาตลอดมีพลังวิเศษแบบนี้

เมื่อเสร็จแล้วเออร์บักก็พูดออกมาอย่างจริงจังว่า “คุณฉินสือโอว สวัสดีครับ ผมเออร์บัก ชาร์คแมน ทนายความมือหนึ่งจากสำนักงานกฎหมายฟาสเกนส์ คุณฉินหงเต๋อมอบหมายให้ผมนำพินัยกรรมมาส่งมอบให้กับคุณ เดี๋ยวผมจะอ่านให้ฟังนะครับ…”

เออร์บักเปิดพินัยกรรมแล้วพูดออกมา

“นับแต่บัดนี้เป็นต้นไป คุณฉินสือโอว หลานคนโตของคุณฉินหงเต๋อ จะเป็นผู้สืบทอดฟาร์มปลาต้าฉิน ซึ่งตั้งอยู่ที่รัฐนิวฟันด์แลนด์และแลบราดอร์ นครเซนต์จอห์น ประเทศแคนาดา! ซึ่งมีมูลค่าการตลาดตามการประเมินโดยธนาคารแคนาดาอยู่ที่ประมาณ 42 ล้านดอลลาร์แคนาดา หรือก็คือ 233,100,000 หยวนครับ! “

หัวใจของฉินสือโอวเต้นดัง ‘ตุบ ตุบ ตุบ’ ราวกับจะหลุดออกมา ไม่ง่ายเลยที่เขาจะทำใจให้สงบลงได้ จากนั้นเขาก็ถามออกไปด้วยเสียงสั่นๆ “นี่คุณเออร์บักไม่ได้กำลังล้อผมเล่นใช่ไหมครับ? คุณปู่รองของผมทิ้งทรัพย์สินมูลค่า 230 ล้านหยวนให้ผมอย่างนั้นเหรอ?”

เออร์บักพยักหน้าเพื่อยืนยัน ต่อมาเขาก็แนะนำอะไรอีกนิดหน่อย ประมาณว่าตอนนี้เขาเป็นทนายส่วนตัวของฉินสือโอวแล้ว และต้องการให้ฉินสือโอวเดินทางไปแคนาดาโดยเร็วที่สุดเพื่อดำเนินการเกี่ยวกับการส่งมอบอสังหาริมทรัพย์ต่างๆ ให้เสร็จสิ้น

ฉินสือโอวลงนามในเอกสารยินยอมรับมรดกภายใต้การรับรองของหลัวหย่งจื้อและหลี่ซิ่น จากนั้นเขาก็พาหลี่ซิ่นกับเออร์บักเดินทางไปยังห้องเช่าของตัวเอง

พอไปถึงอพาร์ตเมนต์เขาก็ต้องตกใจเมื่อได้เห็นกองข้าวของที่วางอยู่หน้าห้อง เมื่อมองดูดีๆ เขาก็พบว่าทั้งหมดเป็นของของเขาจำพวกผ้าห่ม ที่นอน หนังสือและคอมพิวเตอร์

เมื่อเจ้าของห้องเช่าเดินออกมาเห็นฉินสือโอว เขาก็ล็อกประตูดัง ‘กริ๊ก’ แล้วพูดออกมาอย่างเย็นชา

“กลับมาแล้วเหรอ? ดีเลย ฉันจะได้พูดให้นายเข้าใจ นายไปทำอะไรไม่ดีมาใช่ไหม? ไม่อย่างนั้นตำรวจจะมาหานายถึงที่ทำไม”

พอฉินสือโอวทำท่าจะตอบกลับ เขาก็แสดงสีหน้าเย็นชาแล้วพูดต่อ “ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว เก็บของของนายแล้วไสหัวออกไปซะ ฉันปล่อยห้องเช่าให้คนไม่ได้เรื่องอย่างนายไม่ได้หรอก”

ทันใดนั้นฉินสือโอวก็ได้สติขึ้นมาทันที

……………………………………….

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท