โลมาเป็นสัตว์ที่อยู่ร่วมกันเป็นฝูง ในทะเลจึงมักเห็นพวกมันอยู่กันเป็นฝูง ออกล่าเป็นฝูง หยอกเล่นกันเป็นฝูง ต่อสู้กับฉลามเป็นฝูง สืบพันธุ์กันเป็นฝูง…
จากการศึกษาทางวิทยาศาสตร์พบว่า การอยู่กันเป็นฝูงของโลมาไม่เหมือนกับฝูงหมาป่าและฝูงปลาค็อด พวกมันไม่ได้รวมกลุ่มกันเพื่อชีวิตที่ดีกว่า แต่ว่าเหมือนกับคน คือเพราะอยากมีสังคมแค่นั้น
ระหว่างโลมาด้วยกันสามารถสื่อสารกันง่ายๆ ได้ หากว่าโลมาอยู่ตัวเดียวนานเกินไปจะทำให้สามารถเป็นโรคซึมเศร้าได้ด้วย นอกเหนือจากนี้ สุนัขพันธุ์ทิเบตัน มาสทิฟฟ์ตัวผู้ที่หาคู่ไม่ได้ในฤดูผสมพันธุ์ ก็สามารถเป็นโรคซึมเศร้าได้เหมือนกัน
และนอกเหนือจากนี้ ในด้านนี้ที่ฟาร์มปลาต้าฉินยังมีที่สุดยอดยิ่งกว่าอีก
เท่าที่ฉินสือโอวรู้ เรื่องแบบนี้เฟอเรทแบลคฟุตสุดยอดกว่ามาก เมื่อถึงฤดูผสมพันธุ์หากเฟอเรทแบลคฟุตตัวผู้หาตัวเมียไม่ได้ พวกมันถึงขั้นสามารถตายได้เลย
นั่นก็เพราะเฟอเรทตัวเมียเป็นสัตว์ที่ไข่จะตกก็ต่อเมื่อได้รับการกระตุ้น ดังนั้นจึงจำเป็นต้องพึ่งการผสมพันธุ์เพื่อให้เฟอเรทตัวเมียไม่ติดสัดต่อไป หากว่าไม่สามารถผสมพันธุ์ได้ เฟอเรทตัวเมียจะติดสัดต่อไปเรื่อยๆ ทำให้ร่างกายมีฮอร์โมนเอสโทรเจนที่สูง และหากปล่อยไว้อย่างนี้สักพัก จะทำให้ไขกระดูกของมันหยุดการผลิตเม็ดเลือดแดง และทำให้เสียชีวิตในที่สุด
พูดนอกประเด็นไปไกล สรุปก็คือปกติบีนจะเหงามาก มันไม่มีเพื่อนโลมาให้เล่นด้วย ทำได้แต่ขลุกอยู่กับไอซ์สเกตและบอลหิมะ พวกมันไม่สามารถทำการสื่อสารกันได้ แม้ว่าร่างกายจะไม่เหงา แต่ทางด้านจิตใจกลับเดินอยู่บนทางอันโดดเดี่ยวมาตลอด
ตอนนี้ดีแล้ว การมาถึงของโลมาหลายตัว แถมยังเป็นโลมาที่ไม่สามารถออกไปจากน่านน้ำนี้ได้เหมือนกับมันด้วย บีนมีเพื่อนที่สามารถคุยกันได้เพิ่มขึ้นแบบนี้ เรียกได้ว่ามันได้ตามดูแลอย่างเอาจริงเอาจังเลยล่ะ
เหล่าปลาโลมาลงทะเลยังไม่ถึงครึ่งชั่วโมงเลย แต่ละตัวกลับกินอิ่มกันเสียจนตัวอ้วนกลม การที่บีนออกไปจับปลาจากทุกที่เพื่อมาเลี้ยงพวกเดียวกัน ทำเอาชาวเมืองและนักท่องเที่ยวที่มองดูอยู่รู้สึกตกตะลึงไม่น้อย
เมื่อมีบีนคอยดูแลพวกโลมาแบบนี้ ฉินสือโอวก็วางใจแล้ว จึงพาบัตเลอร์กลับฟาร์มปลาไป
แม้ว่าเมื่อกี้เขาจะเถียงกับบัตเลอร์ก็จริง แต่ความจริงในใจเขารู้สึกขอบคุณเขามาก ตอนทานอาหารค่ำกันจึงตั้งใจหยิบไอซ์ไวน์ที่คุณลุงฮิคสันหมักเองกับมือที่เหลืออยู่ไม่มากแล้วมาต้อนรับเขา
หลังทานข้าวเสร็จ ฉินสือโอวถามบัตเลอร์ว่ามาครั้งนี้จะเอาผลิตภัณฑ์ทะเลอะไรกลับไปบ้าง หากว่าอยากได้ปลาทูน่าครีบน้ำเงินเขาก็สามารถจับให้ได้ ขอแค่ออกคำสั่งมาก็พอ
บัตเลอร์ที่ใช้ไม้จิ้มฟันแทะฟันอยู่พูดด้วยน้ำเสียงเสียดายว่า “ปลาทูน่าครีบน้ำเงินยังไม่เอาก่อน นายไปอบปลาโอแถบต่อเถอะ แล้วก็นะ น้ำปลาที่กรองได้จากกระบวนการอบยังไม่ต้องทิ้งนะ ถ้าเอาไปปิดผนึกเก็บไว้ก็ยังสามารถเอาไปขายได้อีก”
ฉินสือโอวพูดอย่างตกใจว่า “ไอ้นั่นก็ขายได้เหรอ?”
บัตเลอร์พูดว่า “อะไรคือขายได้ ขายได้ราคาสูงเลยล่ะ! ”
เขาเห็นว่าฉินสือโอวไม่เชื่อ จึงหยิบไอแพดออกมาให้เขาดูรูปที่ถ่ายไว้ “นายรู้ใช่ไหมว่าคนญี่ปุ่นชอบใช้น้ำซุปที่เคี่ยวมาจากปลาโอแถบเป็นน้ำสต๊อก ความจริงแล้วพวกเขาก็ชอบใช้น้ำสกัดจากปลาโอแถบมาเป็นเครื่องปรุงอาหารด้วย แน่นอนว่า น้ำซุปพวกนี้จำเป็นจะต้องนำไปกลั่นให้เข้มข้นก่อน แต่ว่าเรื่องขายได้เงินนั้นเป็นสิ่งที่แน่นอนอยู่แล้ว”
ฉินสือโอวพูดว่า “เรื่องนั้นง่ายมาก เริ่มจากพรุ่งนี้เป็นต้นไปฉันจะให้พวกชาร์คเก็บน้ำที่กรองออกมาไว้ก็ได้แล้ว ”
บัตเลอร์พูดด้วยน้ำเสียงเสียดายว่า “ความจริงตอนนี้เป็นฤดูกาลที่ดีในการจับปลาโอแถบ ฉิน หากว่านายออกทะเลได้ก็ดีสิ ออกไปที่ทะเลแถบมหาสมุทรแปซิฟิกแล้วไปกว้านมาสักล็อตใหญ่ๆ ปลาโอแถบที่เอามาทำเป็นปลาแห้งเก็บรักษาง่าย พวกเราสามารถขายได้ไปอีกหลายปีไม่มีปัญหา!”
ฉินสือโอวเข้าใจความหมายของบัตเลอร์ แต่ว่าเขาก็ยังคงส่ายหัวอย่างแน่วแน่แล้วพูดว่า “ปีนี้ไม่ได้ ปีหน้าแล้วกัน ตอนนี้เถียนกวายังเด็กเกินไป ฉันไม่สามารถทิ้งลูกไว้ให้วินนี่ดูแลคนเดียวได้”
จากนั้นฉินสือโอวก็ถามบัตเลอร์ต่อว่าตอนนี้ตลาดอาหารทะเลมีอะไรที่กำลังขายดีบ้าง เพื่อที่ฟาร์มปลาจะได้ทำการเพาะเลี้ยง พอพูดถึงตรงนี้เขาก็นึกถึงเรื่องที่บิลแนะนำให้เขาทำหอยเม่นเอ็กไคโนคอคคัสขึ้นมา จึงถามออกไป
เมื่อได้ยินชื่อหอยเม่นเอ็กไคโนคอคคัสแล้ว บัตเลอร์ก็ถามอย่างแปลกใจว่า “นายสามารถหาเม่นชนิดนี้ได้เหรอ? ชิท งั้นก็รีบเพาะเลี้ยงเลยสิ นี่น่ะเป็นสมบัติทางทะเลที่ขายดีมากๆ ในแถบทวีปเอเชียเลยนะ นายไม่รู้จริงเหรอ?”
ฉินสือโอวยักไหล่แล้วพูดว่า “ก็ไม่เชิงว่าไม่รู้ แค่ว่าช่วงนี้ค่อนข้างยุ่ง เลยลืมเรื่องนี้ไป”
บัตเลอร์ลูบเคราใต้คางทีหนึ่ง แล้วพูดว่า “ให้ตายสิ นายนี่ทำงานไม่มืออาชีพเลยจริงๆ! ผลิตภัณฑ์ทะเลที่สำคัญอย่างหอยเม่นเอ็กไคโนคอคคัสนายยังกล้าที่จะไม่ใส่ใจอีก! รีบไปเพราะเลี้ยงไป เจ้าสิ่งนี้สามารถขายในเอเชียตะวันออกได้ในราคาสูงเลย!”
ระหว่างพูดอยู่ เจ้าหมอนี่ก็ตื่นตัวขึ้นมา ดึงแขนฉินสือโอวไว้ แล้วพูดว่า “ฟังนะ น้องชาย ที่ฉันจะพูดก็คือ ให้นายรีบไปเพาะเลี้ยงเม่นทะเลแบบว่าตอนนี้ เดี๋ยวนี้เลย! เพราะอุณหภูมิน้ำที่เหมาะที่สุดสำหรับการเพาะเลี้ยงลูกพันธุ์หอยเม่นเอ็กไคโนคอคคัสคือ 10 ถึง 20 องศาเซลเซียส หากอุณหภูมิน้ำต่ำกว่า 5 องศาเซลเซียสพวกมันจะไม่กินอาหาร จึงจำเป็นต้องให้พวกมันลงหลักปักฐานในฟาร์มปลาช่วงฤดูร้อนให้ได้”
ฉินสือโอวโทรศัพท์หาบิลในทันที แล้วถามว่า “คุณจำเรื่องหอยเม่นเอ็กไคโนคอคคัสได้ไหมเพื่อน?”
บิลพูดว่า “แน่นอน ผมจะลืมได้อย่างไร นั่นน่ะเป็นไพ่ตายในมือของผมเลยนะ! ว่าอย่างไร คุณตัดสินใจจะเลี้ยงแล้วเหรอครับ?”
ฉินสือโอวพูดว่า “ใช่แล้ว ผมจะเลี้ยง ในมือคุณมีลูกพันธุ์หอยเม่นทะเลเท่าไร? ส่งมาให้ผมหมดเลยแล้วกัน”
หลังวางสาย เขามองไปที่บัตเลอร์ทีหนึ่ง แล้วพูดว่า “ตอนนี้นายวางใจได้แล้วใช่ไหม?”
บัตเลอร์ตบเบาๆ ไปที่กระเป๋าเงินแล้วพูดว่า “ไม่ ตราบใดที่เงินยังไม่เข้ามาในนี้ ฉันก็ยังไม่วางใจ ”
ฉินสือโอว “…”
เขาไม่มีวันเข้าใจคนแบบบัตเลอร์เลย กับการที่โหยหาเงินทองมากเกินเหตุแบบนี้ เขาเองก็ชอบเงิน แต่รู้สึกว่าของอย่างเงินนั้นมีไว้เพื่อบริการชีวิตเท่านั้น ขอแค่ชีวิตไม่มีปัญหา งั้นก็ไม่จำเป็นต้องหาเงินมากมายก็ได้
ดังนั้น แม้ว่าตอนนี้ฉินสือโอวจะมีความสามารถมากแค่ไหน ก็ยังไม่เคยตระหนี่เลยแม้แต่ครั้งเดียว เงินที่สามารถโยกย้ายได้ในบัญชีจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่เกินสองร้อยล้านดอลลาร์แคนาดาเลย
หลังกินข้าวเสร็จฉินสือโอวส่งบัตเลอร์กลับไป ตัวเองก็ไปแกล้งเสี่ยวเถียนกวาอีกสักพัก แล้วจึงปล่อยพลังโพไซดอนลงไปในฟาร์มปลา เพื่อตรวจดูสถานะความเป็นอยู่ของเหล่าสมาชิกใหม่
ครั้งนี้ฟาร์มปลามีสมาชิกใหม่เพิ่มขึ้นมาค่อนข้างมาก อย่างเช่นกุ้งกุลาดำ ปลาลิ้นหมามินิ หอยเชลล์ และหอยนางรมเป็นต้น พวกอย่างหลังถือว่ายังไม่เท่าไร แต่ว่าพวกกุ้งกุลาดำกับปลาลิ้นหมามินิต้องระมัดระวังเสียหน่อย ไม่อย่างนั้นคงถูกปลาค็อดกินหมดเป็นแน่
ลูกกุ้งถูกเลี้ยงไว้ในน้ำที่ผ่านการดัดแปลงเพื่อการเพาะเลี้ยงโดยเฉพาะ ใต้น้ำมีใบสาหร่ายเป็นชิ้นๆ และแมงกะพรุนผงมากมาย ซึ่งสามารถให้โปรตีนที่สูงแก่ลูกกุ้งได้ ทำให้พวกมันเติบโตได้เร็วขึ้น
นิโค ตู้เป็นนักธุรกิจที่ไม่เลวคนหนึ่ง ลูกกุ้งที่เขาขายให้ฉินสือโอว ไม่ได้มีเพียงแค่ลูกกุ้งเท่านั้น ยังมีกุ้งโตเต็มตัวอีกห้าพันตัวด้วย
ฤดูร้อนเป็นฤดูผสมพันธุ์ของกุ้งกุลาดำ กุ้งตัวเมียที่โตเต็มตัวพวกนี้ล้วนผ่านขั้นตอนนี้ไปแล้ว จึงทำให้มีลูกกุ้งติดมาด้วย ตอนนี้จึงเป็นเวลาที่เหมาะสมที่จะเริ่มทำการผสมพันธุ์ได้แล้ว
ฉินสือโอวพบว่ากุ้งกุลาดำไม่เหมือนกับกุ้งล็อบสเตอร์ กระบวนการผสมพันธุ์ของพวกมันเริ่มจากการปล่อยไข่ที่ผ่านการปฏิสนธิแล้วออกไป ไข่ที่ได้รับการปฏิสนธิพวกนี้จะลอยอยู่บนทะเล จากนั้นค่อยแตกออกมาเป็นลูกกุ้ง
ลูกกุ้งจะไม่เหมือนกับพ่อแม่ หน้าตาออกจะคล้ายกับแมงมุมตัวเล็ก ตอนแรกฉินสือโอวไม่รู้ เมื่อเห็นว่าในฟาร์มเพาะเลี้ยงมีแมงมุมตัวเล็กอยู่เป็นกลุ่มๆ ยังนึกว่ากำลังเจอกับภาวะปรสิตคุกคามเสียอีก หลังจากหาข้อมูลแล้วถึงได้เข้าใจความเป็นมา
กุ้งกุลาดำเหมือนกับกุ้งล็อบสเตอร์ ตลอดชีวิตของพวกมันจะต้องผ่านการลอกคราบสิบยี่สิบกว่าครั้ง ในตอนนี้ชื่อทางการของกุ้งแมงมุมพวกนี้คืออาร์โทรโปดา พวกมันจะต้องผ่านการลอกคราบหกครั้งเพื่อให้ขาและตายื่นออกมา จากนั้นก็ต้องลอกคราบอีกหกครั้งเพื่อกลายเป็นลูกกุ้งเต็มตัว
………………………………………..