ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – บทที่ 1294 สะใจคูณสอง

บทที่ 1294 สะใจคูณสอง

ในตอนนี้ฉลามแมวเจ็ดพี่น้องกำลังสนุกกันสุดขีด อาหารในฟาร์มปลาอุดมสมบูรณ์ ตั้งแต่มาถึงพวกมันก็ไม่เคยต้องหิวเลย เรื่องน่าเสียดายเพียงเรื่องเดียว ก็คือไม่มีกิจกรรมน่าสนุกอะไรให้เล่นนั่นเอง

แน่นอนว่าสำหรับสามสหายตัวน้อยบอลหิมะ เฮยป้าหวัง บีน และกองกำลังทหารงูทะเลแล้ว กิจกรรมเล่นสนุกของพวกมันก็คือการได้แกล้งฉลามแมวเจ็ดพี่น้องนั่นเอง…

การปรากฏตัวของแมงกะพรุนขนสิงโตขั้วโลกเหนือในครั้งนี้ทำให้เหล่าฉลามเจ็ดพี่น้องพากันตาลุกวาว ที่พวกมันมาเจอกับแมงกะพรุนขนสิงโตได้ก็เป็นตอนที่กำลังไล่ฝูงปลาแฮร์ริ่งกันนั่นแหละ ตอนนั้นฝูงปลาแฮร์ริ่งที่พวกมันไล่ว่ายหนีไปโดยไม่ดูทาง ทำให้มีบางพวกที่ตกเข้าไปอยู่ในเงื้อมหนวดของแมงกะพรุนขนสิงโต จากนั้นก็เป็นอัมพาตแล้วถูกกินเข้าไป

แรกเริ่มเหล่าฉลามเจ็ดพี่น้องก็ตกใจสุดขีดเหมือนกัน ให้ตายสิทำไมอยู่ดีๆ อาหารที่กำลังมีชีวิตชีวาพวกนี้ถึงตัวแข็งไปเลยแบบนี้ล่ะ? ให้ตายสิแล้วทำไมอยู่ดีๆ พวกมันถึงถูกกินเข้าไปแล้วล่ะ?

เหล่าฉลามเจ็ดพี่น้องเองก็ได้รับพลังโพไซดอนไปไม่น้อยเหมือนกัน ทำให้ไอคิวไม่ถือว่าต่ำมาก หลังจากว่ายวนอยู่รอบๆ ตัวแมงกะพรุนขนสิงโตเพื่อสังเกตการณ์อยู่สองรอบแล้ว ก็เข้าใจได้ว่าเรื่องเป็นมาอย่างไร นี่น่ะคือนักล่าที่เก่งมากตัวหนึ่งนี่เอง!

พวกมันเคยได้รับคำสั่งสอนมาจากเฮยป้าหวังและคราเคนแล้ว พวกมันรู้ว่าไม่ควรจะไปหาเรื่องนักล่าเหยื่อที่น่ากลัวพวกนี้ แต่ว่านี่ไม่ใช่อุปสรรคที่พวกมันจะหาความสนุกจากนักล่าเหยื่อที่เก่งกาจตัวนี้ได้

พวกมันสังเกตเห็นว่าแสงบนตัวของแมงกะพรุนขนสิงโตขั้วโลกเหนือจะเปล่งแสงสีสวยงามออกมาขณะที่กำลังล่าเหยื่อ ดังนั้นจึงทำการไล่ต้อนปลาที่อยู่บริเวณรอบๆ มาเพื่อป้อนให้กับแมงกะพรุนขนสิงโตนี้ จากนั้นก็มามุงดูสายรุ้งของมหาสมุทรพร้อมกัน

ฉันอยู่ข้างกายเธออย่างเงียบๆ มองดูสายรุ้งที่ส่องประกายทั่วฟ้า สายรุ้งส่องประกายบินไปสู่นภา ใจฉันก็บินไปพร้อมกับเธอ…

ในตอนนี้เหล่าฉลามเจ็ดพี่น้องได้เปลี่ยนตัวเองไปเป็นนักกวีรุ่นเยาว์ไปแล้ว พวกมันไม่เคยออกจากมหาสมุทรเลย ระบบการมองเห็นของพวกมันก็ไม่เหมือนกับของพวกเฮยป้าหวังกับบีนที่สามารถโผล่ไปบนผิวน้ำเพื่อมองท้องฟ้าได้ ดังนั้นพวกมันจึงไม่เคยเห็นรุ้งกินน้ำมาก่อน

สำหรับพวกมันแล้ว แมงกะพรุนขนสิงโตที่ใหญ่โตตัวนี้ ก็คือกลุ่มก้อนเมฆที่สวยงามนั่นเอง

แต่สำหรับฉินสือโอวเหรอ ก้อนเมฆที่สวยงามบ้านนายสิ! นักกวีบ้านนายสิ! ถึงว่าช่วงนี้ฉันรู้สึกว่าปริมาณปลาที่จับได้ลดลง นี่พวกนายไม่เพียงแต่จับกินเองเท่านั้น ยังเอามาเล่นอีกเหรอ?

จิตสำนึกแห่งโพไซดอนพุ่งเข้าไปม้วนน้ำทะเลขึ้นมาเป็นคลื่นลูกใหญ่ สาดซัดไปบนตัวของฉลามเจ็ดพี่น้อง คลื่นใหญ่หมุนเกลียวราวกับเครื่องซักผ้ากำลังหมุนอยู่ เล่นงานฉลามเจ็ดพี่น้องไปรอบหนึ่ง

ฉลามเจ็ดพี่น้องตะเกียกตะกายออกมา พวกมันเกาะกลุ่มกันแล้วมองไปรอบด้านอย่างตกใจ ใคร ใครกันที่มาซุ่มอยู่ตรงนี้เพื่อโจมตีพวกฉัน?

ฉินสือโอวใช้จิตสำนึกแห่งโพไซดอนพัดคลื่นขึ้นมาอีกลูก สาดไปที่ตัวของฉลามเจ็ดพี่น้อง เพื่อพัดพวกมันไปทางแมงกะพรุนขนสิงโตขั้วโลกเหนือตัวนั้น พวกนายอยากเห็นเมฆสีรุ้งกันไม่ใช่เหรอ? งั้นก็ไปดูใกล้ๆ เลยแล้วกัน ให้พวกนายได้เมามายไปกับโลกแห่งความงามไปเลย!

กระแสน้ำพัดพา ฉลามเจ็ดพี่น้องถูกม้วนเข้าไปในหนวดของแมงกะพรุนขนสิงโต จากนั้นหนวดมากมายที่เหมือนกับแส้นั้นก็ได้กอดรัดไปบนตัวของพวกมัน

ตอนนี้แหละที่ฉลามแมวเจ็ดพี่น้องได้รับบทเรียนกันจริงๆ แล้ว การถูกไนโตไซต์แทงเพื่อฉีดสารพิษเขาไปไม่ใช่เรื่องเล่นๆ เลย

ดีที่พวกมันฉลาดเอาตัวรอดได้ เมื่อรู้ว่าตัวเองเข้าไปอยู่ในตัวของแมงกะพรุนขนสิงโตแล้วก็รีบออกแรงสุดขีดเพื่อออกมา การที่เมื่อกี้พวกมันมองดูแมงกะพรุนขนสิงโตล่าอาหารนั้นไม่ได้เสียเปล่า เพราะทำให้ได้รู้ว่าหากอยากมีชีวิตรอดก็ต้องรีบออกมาแต่เนิ่นๆ ไม่อย่างนั้นหากถูกทำให้เป็นอัมพาตแล้วล่ะก็ คงทำได้แต่มีใจอยากฆ่าโจรแต่ไร้เรี่ยวแรงแล้ว

ดังนั้น หลังจากถูกพัดเข้าไปในตัวแมงกะพรุนขนสิงโตแล้ว ทำให้พวกมันรู้สึกอยากให้พ่อฉลามแม่ฉลามให้ครีบหลังครีบท้องและครีบหางเพิ่มมาเพิ่มอีกอย่างละสองครีบเลยทีเดียว พร้อมกับนำเอาความเร็วในการพุ่งตัวออกไปแบบที่ไม่เคยมีมาก่อนหน้านี้ออกมาใช้ด้วย

หนวดของแมงกะพรุนขนสิงโตไม่ได้มีเรี่ยวแรง ไม่เหมือนกับคราเคน ที่หากถูกหนวดรัดตัวไว้แล้วแม้แต่วาฬหัวทุยก็หมดสิทธิ์รอดเหมือนกัน ด้วยแรงของฉลามแมว การจะหลุดพ้นออกจากเงื้อมมือของหนวดของแมงกะพรุนขนสิงโตจึงเป็นเรื่องที่ง่ายมาก

หลังจากหนีออกมาได้แล้ว ฉินสือโอวนึกว่าตัวเองคงได้ให้บทเรียนกับพวกมันแล้ว เรื่องนี้ก็ถือว่าจบลงได้ พวกมันเองก็คงว่ายหนีออกไปไกล ไม่กล้าเข้าใกล้แมงกะพรุนตัวนี้อีกแน่นอน

แต่ผลสุดท้ายกลับไม่เป็นแบบนั้น

หลังจากฉลามแมวเจ็ดพี่น้องหนีออกมาได้แล้วก็คิดที่จะหนีไปให้ไกลอยู่ แต่ว่าตอนที่พวกมันรวมตัวกันเพื่อเตรียมจะไปแล้ว ซันเดย์กลับหยุดกลางคัน หลังของมันถูกแทงไปหลายที ทำให้ตอนนี้รู้สึกชาไปหมด

ดูเหมือนว่า ความรู้สึกเหน็บชาแบบนี้จะรู้สึกดีไม่น้อยเลย ซันเดย์กะพริบตาปริบๆ มองไปที่ลูกพี่ใหญ่

พี่น้องอีกหกคนที่ได้ลิ้มรสความรู้สึกนี้มานิดหน่อยก็รู้สึกว่าจริงด้วยแฮะ ความรู้สึกนี้มันดีใช้ได้เลย ดีกว่าการเสแสร้งเป็นนักกวีวัยเยาว์แล้วป้อนอาหารให้แมงกะพรุนขนสิงโตเยอะเลย

ดังนั้น ฉลามเจ็ดพี่น้องจึงพากันหันหลังโดยไม่ได้นัดหมาย จ้องไปที่แมงกะพรุนขนสิงโตด้วยสายตามีลับลมคมใน แล้วค่อยๆ ส่ายหางว่ายเข้าไปใกล้

แมงกะพรุนขนสิงโตขั้วโลกเหนือไม่มีสมอง เมื่อรู้สึกว่าอาหารเข้ามาใกล้แล้วก็เริ่มสะบัดหนวดออกไปทำการจู่โจมทันที

เมื่อเข็มพิษบนหนวดทิ่มไปบนตัวฉลามแล้ว ก็รีบปล่อยท่อที่ว่างเปล่าออกมา และในท่อนี้แหละ ที่ปล่อยสารพิษที่ออกมาจากอวัยวะเก็บพิษไปที่ตัวของพวกฉลามแมว

เมื่อฉลามเจ็ดพี่น้องถูกหนวดฟาดไปสองสามทีแล้วก็ถอยหลังออกไปสองสามเมตร เพื่อดื่มด่ำกับความรู้สึกดีตอนที่พิษอัมพาตเริ่มทำงาน และพอพิษเริ่มหมดฤทธิ์ลง พวกมันก็ค่อยมุดเข้าไปในตัวของแมงกะพรุนขนสิงโตใหม่อย่างระมัดระวัง

เป็นแบบนี้ ฉลามแมวเจ็ดตัวก็พากันมุดเข้าไป นายเข้าฉันออก ฉันออกนายเข้า สนุกจนไม่รู้ว่าจะส่ายหางไปทางไหนแล้ว

ฉินสือโอวมองดูจนตาค้าง ให้ตายสิ นี่ยังมีเจ้าตัวชั้นเยี่ยมแบบนี้อยู่ด้วยเหรอนี่!

แต่ว่าเป็นแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน การที่ฉลามแมวอยู่ที่นี่ ทำให้กุ้งปลาตัวอื่นๆ ไม่กล้าเข้าใกล้ เป็นการปกป้องฟาร์มปลาได้ อีกอย่างพิษของแมงกะพรุนขนสิงโตก็ไม่สามารถทำให้ฉลามแมวถึงตายได้ด้วย ให้พวกมันอยู่เล่นกันแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน

ฉินสือโอวส่ายหัวอย่างหมดคำพูด เขาพาเฮยป้าหวังว่ายไปมารอบๆ ก็พบว่าการมาถึงของแมงกะพรุนขนสิงโตนั้นไม่ได้มีเพียงแค่ตัวเดียว แต่ว่ามีเป็นฝูง

ในน่านน้ำระยะสิบกิโลเมตร มีเหล่าแมงกะพรุนขนสิงโตขั้วโลกเหนือลอยล่องอยู่เต็มไปหมด แต่ว่าไม่ได้มีตัวไหนที่ใหญ่กว่าตัวเมื่อกี้เลย และดูเหมือนว่าเฮยป้าหวังกำลังหาตัวที่ใหญ่ที่สุดเพื่อทำการดูลาดเลาอยู่ด้วย

เมื่อได้เห็นแมงกะพรุนขนสิงโตที่ใหญ่ยักษ์พวกนี้แล้ว ฉินสือโอวรู้สึกว่าค่อนข้างเสี่ยง เขาต้องคิดหาวิธีจัดการพวกมันเสียแล้ว

แมงกะพรุนขนสิงโตขั้วโลกเหนือตัวเดียวยังพอว่า แต่การปรากฏตัวกันเป็นฝูงแบบนี้ พวกมันคงได้ทำการล่าอาหารมากมายที่เป็นพวกลูกปลา กุ้ง ปู ที่มีค่าทางเศรษฐกิจไปด้วย

นอกเหนือจากนี้ น่านน้ำแถบนี้มักจะมีฝูงปลาโผล่มาให้เห็นเป็นประจำอยู่แล้ว เวลาพวกชาร์คจะมาเก็บเกี่ยวปลาก็มักจะมาหว่านแหลงที่นี่เป็นประจำ แมงกะพรุนขนสิงโตมีรูปร่างใหญ่โตเพราะในร่างกายมีปริมาณน้ำมาก น้ำหนักก็มาก สามารถทำให้การเก็บแหขึ้นมาลำบาก บางครั้งยังถึงขั้นที่สามารถทำให้อุปกรณ์ในการหว่านแหเสียหายได้ด้วย ซึ่งเป็นการส่งผลกระทบต่อปริมาณในการเก็บเกี่ยวอย่างมาก

ฉินสือโอวถอดจิตสำนึกออกจากตัวเฮยป้าหวัง เพื่อจะให้จิตสำนึกออกไปจากทะเลแถบนี้ เฮยป้าหวังหันไปเห็นฉลามแมวเจ็ดพี่น้อง สำหรับมันแล้วนี่น่ะคือของเล่น จึงอยากเข้าไปแกล้งพวกมันเสียหน่อย

ฉลามแมวเจ็ดพี่น้องกำลังเล่นกันอย่างสนุกเมามัน แม้ว่าจะอยู่ต่อหน้าเฮยป้าหวังที่ไม่ประสงค์ดี พวกมันก็ไม่สนใจ ยังคงตัวหนึ่งเข้าตัวหนึ่งออกเล่นต่อไปอย่างสบายอารมณ์

เมื่อเป็นแบบนี้ทำให้เฮยป้าหวังแปลกใจมาก ปกติแล้วฉลามเจ็ดพี่น้องเห็นมันแล้วต่างก็พากันตกใจกลัวจนทำอะไรไม่ถูกแล้ว ทำไมครั้งนี้ถึงไม่กลัวแล้วล่ะ?

มันจ้องมองดูอย่างแปลกใจสักพัก ไอคิวที่เรียบง่ายของมันทำให้มันคิดได้ว่า ดูเหมือนฉลามเจ็ดพี่น้องที่กำลังเข้าๆ ออกๆ แมงกะพรุนขนสิงโตอยู่นั้นจะสนุกไม่เบาเลย

ดังนั้น มันจึงเข้าไปเพื่อลองเล่นด้วย

ด้วยสัญชาตญาณของแมงกะพรุนขนสิงโต ทำให้มันยื่นหนวดที่มีอยู่ยั้วเยี้ยนั้นออกไปทิ่มไปบนตัวของเฮยป้าหวัง สำหรับฉลามขาวใหญ่ยักษ์ที่มีความยาวลำตัวสิบกว่าเมตรแล้ว สารพิษแค่นี้ไม่ถือว่าเป็นเรื่องใหญ่อะไร

ความรู้สึกที่มันได้รับไม่เหมือนกับของพวกฉลามแมว สารพิษในไนโตไซต์ไม่เพียงพอที่จะทำให้มันเป็นอัมพาตได้ เพียงแค่รู้สึกชานิดๆ บริเวณที่ถูกหนวดทิ่มโดนเท่านั้น รู้สึกดีไม่เลวเลย

เมื่อเป็นแบบนี้แล้ว ในระหว่างที่แมงกะพรุนขนสิงโตขยับตัวไปมาอย่างเชื่องช้านั้น มันจึงทำการเปลี่ยนจุดที่ให้แมงกะพรุนแตะไปเรื่อยๆ และยังคิดวิธีที่จะทำให้ตัวสนุกสุดเหวี่ยงออกแล้วอีกด้วย

ฉินสือโอวที่ได้มองเห็นฉากนี้แล้ว ก็ถึงกับอึ้งไปเลยทีเดียว!

………………………………………………

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

Status: Ongoing

เดือนเมษายน  ณ เมืองไหเต่าซึ่งอากาศยังคงความหนาวเย็นของฤดูใบไม้ผลิอยู่

7 โมงครึ่งแล้วแต่ฉินสือโอวกลับไม่รู้สึกง่วงงุนอีกต่อไป เขากระชับเสื้อคลุมเอนตัวนั่งพิงหัวเตียงพลางทอดสายตาเหม่อมองไปยังนอกหน้าต่าง

เขามาอยู่ในเมืองนี้ได้ 8 ปีแล้ว เริ่มจากมาเรียนมหาวิทยาลัย หลังจากเรียนจบก็ยังคงก็อาศัยอยู่ในเมืองนี้ต่อมา

มหาวิทยาลัยจงยางไห่หยางที่ฉินสือโอวเรียนจบมาเป็นมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดในเมืองไหเต่า หลังจากที่เขาเรียนจบ เขาก็ได้เข้าทำงานในแผนกทรัพยากรบุคคลที่บริษัทปิโตรเลียมที่ดีที่สุดของเมืองไหเต่าด้วยความเหลือจากเหมาเหว่ยหลงรุ่นพี่ของเขา

ทำงานในตำแหน่งนี้มาได้ 4 ปี จนเมื่อเดือนที่แล้วแผนกทรัพยากรบุคคลก็มีพนักงานดูแลเอกสารสาวสวยเข้ามาใหม่คนหนึ่ง ผู้จัดการมอบหมายให้ฉินสือโอวเป็นพี่เลี้ยงดูแลเธอ แรกๆ ก็ไม่มีอะไร แต่ความสวยของเธอดันไปโดดเด่นสะดุดตาทายาทเศรษฐีคนหนึ่งในบริษัทเข้า

เรื่องที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นก็ง่ายๆ เข้าอีหรอบเดิม ทายาทเศรษฐีคนนั้นเห็นเธอกับฉินสือโอวสนิทกันก็เลยเกิดความหึงหวง เขาเรียกฉินฉือโอวไปเตือนหลายครั้ง แต่ฉินสือโอวไม่สนใจ จนกระทั่งทั้งสองมีปากเสียงกันจนถึงขั้นลงไม้ลงมือในท้ายที่สุด

เดิมทีมันเป็นเพียงปัญหาเรื่องผู้หญิง แต่เมื่อทายาทเศรษฐีถูกฉินสือโอวทำร้าย ปัญหาที่ตามมาหลังจากนั้นจึงยิ่งไปกันใหญ่ หมอนั่นติดต่อไปหาเพื่อนของเขาที่อยู่แผนกการเงินเพื่อให้พวกนั้นสร้างหลักฐานใส่ร้ายว่าฉินสือโอวยักยอกเงินก้อนหนึ่งของบริษัทไป

การยักยอกเงินบริษัทถือเป็นเรื่องที่ค่อนข้างใหญ่โต ฉินสือโอวไม่เพียงต้องชดใช้เงินคืนให้บริษัท แต่เขายังถูกไล่ออกเพราะเหตุนี้อีกด้วย!

จะว่าไปเรื่องที่ถูกไล่ออกจากบริษัทมันก็ไม่ได้แย่อะไร ที่จริงฉินสือโอวก็คิดจะลาออกอยู่แล้ว แต่ปัญหาอยู่ที่ทั้งเนื้อทั้งตัวเขาตอนนี้แทบจะไม่มีเงินเหลืออยู่เลย เพราะเงินของเขาถูกนำไปชดใช้ให้บริษัทจนหมดแล้ว

เคราะห์ซ้ำกรรมซัดไปอีกก็คือเดือนนี้เขาต้องจ่ายค่าเช่าห้องสำหรับสามเดือนข้างหน้าอีกด้วย ลำพังเงินที่เขาเหลืออยู่ตอนนี้มีพอแค่ค่าอาหารแต่ละมื้อเท่านั้น และไม่ว่ายังไงเงินก็คงไม่พอจ่ายค่าเช่าห้องแน่ๆ

ขณะที่ฉินสือโอวกำลังเครียดเรื่องค่าเช่าห้องก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น!

ฉินสือโอวเดินไปเปิดประตูก่อนใบหน้าดุดันของลุงเจ้าของห้องจะปรากฏขึ้นต่อหน้าเขาทันที ลุงเจ้าของห้องมาหาเขาตอนนี้ก็มีอยู่แค่เหตุผลเดียวเท่านั้นคือการมาเก็บค่าเช่าอย่างไม่ต้องสงสัย

ถึงแม้ว่าเมืองไหเต่าจะตั้งอยู่ทางเหนือ แต่เนื่องจากอยู่ติดทะเลจึงทำให้เมืองไหเต่ากลายเป็นเมืองท่าที่สำคัญแห่งหนึ่ง ดังนั้นนั้นเศรษฐกิจจึงเติบโตอย่างรวดเร็ว เรียกได้ว่าเป็นเมืองรองเลยก็ว่าได้ และด้วยเหตุนี้จึงทำให้บ้านมีราคาสูงมา ส่วนค่าเช่าบ้านก็แพงเช่นกัน

ฉินสือโอวเช่าห้องสตูดิโอขนาดเล็ก 1 ห้องนอน 1 ห้องรับแขกเอาไว้ ค่าเช่าต่อเดือนอยู่ที่หนึ่งพันหยวน แถมยังเก็บค่าเช่าล่วงหน้าทีละ 3 เดือนอีก นั่นจึงหมายความว่าเขาต้องจ่ายสามพันหยวนภายในเดือนนี้ แต่ที่ยิ่งไปกว่านั้นก็คือแค่สามร้อยหยวนเขายังไม่มีเลย!

ช่วยไม่ได้ ฉินสือโอวจึงทำได้เพียงยิ้มแห้งๆ และขอร้องให้ลุงเจ้าของห้องช่วยเห็นใจเขาหน่อย ลุงเจ้าของห้องดูไม่ค่อยพอใจมากนัก และก่อนจากไปเขาก็พูดออกมาเสียงแข็ง “ฉันให้เวลา 2 วัน เย็นวันมะรืนฉันจะมาเก็บเงินอีกที ถ้ายังไม่จ่ายค่าเช่าห้องนายก็ไสหัวออกไปซะ!”

ช่างเป็นคำพูดที่ทำร้ายจิตใจเหลือเกิน แต่ฉินสือโอวไม่มีแรงจะโมโหอีกแล้ว

ฉินสือโอวในวันนี้ถูกบีบบังคับจนอับจนหนทางมองไปทางไหนก็มืดแปดด้านไปหมด

เมื่อส่งเจ้าของห้องเช่ากลับไปแล้ว ฉินสือโอวก็กลับไปนอนลงบนเตียงด้วยใบหน้าเหนื่อยล้า ในหัวของเขาคิดเรื่องอนาคตไม่ออกและยังสิ้นหวังกับเรื่องราวในปัจจุบัน

อีกไม่นานเขาก็จะสามสิบแล้ว แต่กลับไม่มีงาน ไม่มีบ้าน ไม่มีรถ และพอนึกถึงหน้าพ่อแม่ใจของเขาก็ยิ่งห่อเหี่ยวเข้าไปใหญ่

ในตอนนั้นเองจู่ๆ ประตูห้องของเขาถูกเคาะอีกครั้ง และเสียงดังบาดหูของเจ้าของห้องเช่าก็ดังขึ้นมา

“เสี่ยวฉิน เปิดประตู เปิดประตูเดี๋ยวนี้!”

พอได้ยินเสียงเจ้าของห้องเช่าความรู้สึกห่อเหี่ยวและสิ้นหวังในใจของเขาก็ถูกแทนที่ด้วยความโกรธ ตาลุงเจ้าของห้องชักจะมากเกินไปแล้วนะ ไหนบอกว่าให้เวลาเขาสองวัน พอถึงเวลาแล้วจะมาเก็บเงินไง แล้วทำไมถึงกลับมาทวงเร็วขนาดนี้?

ฉินสือโอวข่มกลั้นความโกรธแล้วเปิดประตูออกไป แต่เขากลับพบว่าข้างกายของเจ้าของห้องเช่ามีตำรวจในเครื่องแบบที่สวมหมวกปีกกว้างอีกคนอยู่ด้วย

เมื่อตำรวจเห็นฉินสือโอว เขาก็เอ่ยปากถามขึ้นมา “คุณคือคุณฉินใช่ไหมครับ?”

ฉินสือโอวพยักหน้า จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงพูดต่อ “ถ้าอย่างนั้นเชิญไปกับผมด้วยครับ มีคนอยากพบคุณ”

พอได้ยินตำรวจพูดอย่างนั้น ยังไม่ทันที่ฉินสือโอวจะพูดอะไร เจ้าของห้องเช่าก็รีบพูดขึ้นมาทันที “คุณเจ้าหน้าที่ครับ ผมไม่ได้มีความเกี่ยวข้องอะไรกับเสี่ยวฉินนะครับ ถ้าเขาไปก่อคดีอะไรมา มันไม่เกี่ยวกับห้องของผมนะครับ”

ฉินสือโอวจะไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ เขาคิดว่าคดีก่อนหน้านี้อาจจะมีปัญหาอะไรขึ้นมาเขาจึงได้แต่เดินตามเจ้าหน้าที่ตำรวจหนุ่มไปยังสถานีตำรวจด้วยสภาพไร้วิญญาณ

พอถึงสถานีตำรวจ เจ้าหน้าที่ก็พาเขาตรงไปยังห้องของผู้อำนวยการทันที

เมื่อเข้าไปในห้องเขาก็กวาดตามองไปรอบๆ ห้องก่อนจะเห็นตำรวจพุงพลุ้ยวัยกลางกำลังชงชาให้ชายในชุดสูทสองคนที่นั่งอยู่ตรงโซฟา

สิ่งที่ทำให้ฉินสือโอวจับต้นชนปลายไม่ถูกก็คือหนึ่งในสองคนที่นั่งอยู่บนโซฟาเป็นชายสวมสูทรูปร่างสูงใหญ่ ผมสีบลอนด์ นัยน์ตาสีฟ้าและผิวขาวซีดราวกับแวมไพร์ อายุของเขาน่าจะไม่ต่ำกว่าห้าสิบหกสิบเห็นจะได้ เพราะเคราของเขากลายเป็นสีขาวราวกับหิมะไปแล้ว แต่ร่างกายที่กำยำนั้นช่างดูทรงพลังและน่าเกรงขามเหลือเกิน

เจ้าหน้าที่ตำรวจวัยกลางคนคนนั้นคือผู้อำนวยการสถานีตำรวจอย่างไม่ต้องสงสัย ว่าแล้วเขาก็ยื่นมือมาทางฉินสือโอวแล้วพูดขึ้น “คุณคือคุณฉินสือโอวสินะครับ? สวัสดีครับ ผมหลัวหย่งจื้อผู้อำนวยการสถานีตำรวจท้องที่ถนนซวงเหอเขตหลัวซานครับ”

ช่วงก่อนหน้านี้ฉินสือโอวถูกพวกตำรวจทำให้เขารู้สึกเหมือนอยู่ไม่สู้ตาย เมื่อเห็นหลัวหย่งจื้อยื่นมือมาจึงรีบเข้าไปจับ ก้มหัวโค้งแนะนำตัวเองทันที

หลังจากหลัวหย่งจื้อปล่อยมือฉินสือโอวแล้ว ชายวัยกลางคนที่ก่อนหน้านี้นั่งอยู่ตรงโซฟาก็ลุกขึ้นมาจับมือเขาแล้วพูดขึ้น “สวัสดีครับคุณฉิน ผมหลี่ซิ่นจากศาลประชาชนกลางแห่งเมืองไหเต่าครับ ส่วนท่านนี้คือคุณเออร์บัก ชาร์คแมน ทนายความที่มีชื่อเสียงจากสำนักงานกฎหมายฟาสเกนส์ ประเทศแคนาดาครับ”

หลังจากที่ทั้งสองฝ่ายได้แนะนำตัวกันแล้ว แวมไพร์เฒ่าที่วางตัวสูงสง่าน่าเกรงขามมาตลอดก็ถามออกมาเป็นภาษาอังกฤษ “สวัสดีครับคุณฉินสือโอว คุณรู้จักฉินหงเต๋อไหมครับ”

ขณะหลี่ซิ่นกำลังจะแปล ฉินสือโอวก็ตอบออกมาด้วยภาษาอังกฤษอย่างคล่องแคล่ว

“ฉินหงเต๋อหรอครับ? เขาคือปู่รองของผม อืม..ก็คือพี่ชายคนที่สองของปู่ผม”

เออร์บักพยักหน้าแล้วถามอีก “ถ้าอย่างนั้นคุณคงจะมีหัวใจโพไซดอนใช่ไหมครับ มันเป็นจี้สีน้ำเงินเล็กๆ ที่สวยมากๆ อันหนึ่ง ช่วยเอาออกมาให้ผมดูหน่อยได้ไหมครับ?”

ฉินสือโอวขมวดคิ้ว เขาไม่เข้าใจว่าฝรั่งคนนี้พูดถึงอะไร แต่กระนั้นเขาก็เลื่อนมือไปปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตเม็ดบนสุดออกแล้วดึงสร้อยเส้นสีแดงที่มีจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินออกมา

เออร์บักยื่นมือไปรับหัวใจโพไซดอน แล้วหันไปพูดกับหลัวหย่งจื้อ “ผมขอแก้วกระดาษใบหนึ่งหน่อยได้ไหมครับ?”

หลัวหย่งจื้อยกหูโทรศัพท์ อึดใจต่อมาแก้วคริสทัลราคาแพงก็ถูกยื่นมาให้เขาอย่างรวดเร็ว

เออร์บักเติมน้ำลงไปในแก้วแล้วนำหัวใจโพไซดอนหย่อนลงไปในน้ำ ทันใดนั้นน้ำในแก้วก็เปลี่ยนเป็นสีน้ำเงินเช่นเดียวกับหัวใจโพไซดอน และเมื่อเออร์บักขยับข้อมือ น้ำในแก้วก็กระเพื่อมส่งกลิ่นน้ำทะเลออกมา

ทุกคนในที่นั้นตกตะลึงจนพูดไม่ออก ฉินสือโอวก็ไม่เคยรู้มาก่อนว่าจี้เล็กๆ ที่ตัวเองห้อยมาตลอดมีพลังวิเศษแบบนี้

เมื่อเสร็จแล้วเออร์บักก็พูดออกมาอย่างจริงจังว่า “คุณฉินสือโอว สวัสดีครับ ผมเออร์บัก ชาร์คแมน ทนายความมือหนึ่งจากสำนักงานกฎหมายฟาสเกนส์ คุณฉินหงเต๋อมอบหมายให้ผมนำพินัยกรรมมาส่งมอบให้กับคุณ เดี๋ยวผมจะอ่านให้ฟังนะครับ…”

เออร์บักเปิดพินัยกรรมแล้วพูดออกมา

“นับแต่บัดนี้เป็นต้นไป คุณฉินสือโอว หลานคนโตของคุณฉินหงเต๋อ จะเป็นผู้สืบทอดฟาร์มปลาต้าฉิน ซึ่งตั้งอยู่ที่รัฐนิวฟันด์แลนด์และแลบราดอร์ นครเซนต์จอห์น ประเทศแคนาดา! ซึ่งมีมูลค่าการตลาดตามการประเมินโดยธนาคารแคนาดาอยู่ที่ประมาณ 42 ล้านดอลลาร์แคนาดา หรือก็คือ 233,100,000 หยวนครับ! “

หัวใจของฉินสือโอวเต้นดัง ‘ตุบ ตุบ ตุบ’ ราวกับจะหลุดออกมา ไม่ง่ายเลยที่เขาจะทำใจให้สงบลงได้ จากนั้นเขาก็ถามออกไปด้วยเสียงสั่นๆ “นี่คุณเออร์บักไม่ได้กำลังล้อผมเล่นใช่ไหมครับ? คุณปู่รองของผมทิ้งทรัพย์สินมูลค่า 230 ล้านหยวนให้ผมอย่างนั้นเหรอ?”

เออร์บักพยักหน้าเพื่อยืนยัน ต่อมาเขาก็แนะนำอะไรอีกนิดหน่อย ประมาณว่าตอนนี้เขาเป็นทนายส่วนตัวของฉินสือโอวแล้ว และต้องการให้ฉินสือโอวเดินทางไปแคนาดาโดยเร็วที่สุดเพื่อดำเนินการเกี่ยวกับการส่งมอบอสังหาริมทรัพย์ต่างๆ ให้เสร็จสิ้น

ฉินสือโอวลงนามในเอกสารยินยอมรับมรดกภายใต้การรับรองของหลัวหย่งจื้อและหลี่ซิ่น จากนั้นเขาก็พาหลี่ซิ่นกับเออร์บักเดินทางไปยังห้องเช่าของตัวเอง

พอไปถึงอพาร์ตเมนต์เขาก็ต้องตกใจเมื่อได้เห็นกองข้าวของที่วางอยู่หน้าห้อง เมื่อมองดูดีๆ เขาก็พบว่าทั้งหมดเป็นของของเขาจำพวกผ้าห่ม ที่นอน หนังสือและคอมพิวเตอร์

เมื่อเจ้าของห้องเช่าเดินออกมาเห็นฉินสือโอว เขาก็ล็อกประตูดัง ‘กริ๊ก’ แล้วพูดออกมาอย่างเย็นชา

“กลับมาแล้วเหรอ? ดีเลย ฉันจะได้พูดให้นายเข้าใจ นายไปทำอะไรไม่ดีมาใช่ไหม? ไม่อย่างนั้นตำรวจจะมาหานายถึงที่ทำไม”

พอฉินสือโอวทำท่าจะตอบกลับ เขาก็แสดงสีหน้าเย็นชาแล้วพูดต่อ “ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว เก็บของของนายแล้วไสหัวออกไปซะ ฉันปล่อยห้องเช่าให้คนไม่ได้เรื่องอย่างนายไม่ได้หรอก”

ทันใดนั้นฉินสือโอวก็ได้สติขึ้นมาทันที

……………………………………….

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท