ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – บทที่ 1268 มีวิธีแล้ว

บทที่ 1268 มีวิธีแล้ว

ถ้าจะใช้วิธีทางเคมีมากำจัดหนอนเรือก็ต้องใช้สารเคมี ตอนนี้สารเคมีสองชนิดที่ใช้กันอย่าง แพร่หลายล้วนแต่เป็นสารที่ผลิตโดยอเมริกา เรียกรวมๆ ว่า CCA

ส่วนประกอบหลักของ CCA คือน้ำมันดิน โครเมียมกับซีซีเอจะสามารถปกป้องเนื้อไม้ได้ ตอนที่ใช้งานนอกจากจะสามารถฆ่าหนอนเรือได้แล้วยังทำให้เนื้อไม้แข็งแรงขึ้นด้วย แต่ในขณะเดียวกันความเป็นพิษของมันก็สูงมาก มลพิษที่มีต่อสิ่งแวดล้อมก็ได้แต่บอกว่าน่ากลัว

ที่น่ากลัวที่สุด ซีซีเอย่อยสลายได้ยากในธรรมชาติเหมือนกับดีดีที แล้วยังสามารถสะสมในไขมันของสัตว์ได้ด้วย เพราะปลาจะมีไขมันน้อยจึงไม่สามารถสะสมสารพิษนี้ได้และตายลงในที่สุด!

ต่อให้ปลาไม่ตาย ต่อไปตามหลักการไบโอแมกนิฟิเคชั่นสุดท้ายก็จะเข้าสู่ร่างกายคน หากสะสมเป็นเวลานานก็จะเป็นอันตรายต่อชีวิต!

ฉินสือโอวส่ายหน้า ดูไม่ออกเลยว่าตัวเล็กๆ แบบนั้นจะมีอานุภาพขนาดนี้ ดีที่พวกมันต้องอยู่ในไม้ถึงจะมีชีวิตได้ เหมือนกับเอชไอวีที่ต้องอยู่ในของเหลวในร่างกายถึงจะอยู่ได้ ไม่อย่างนั้นพวกมันก็สามารถเป็นภัยต่อทั้งโลกได้เลย

ยิ่งไปกว่านั้น ได้พลังโพไซดอนไป หนอนเรือพวกนี้ก็กระตือรือร้นกว่าเดิม ฉินสือโอวไม่รู้ว่าสุดท้ายพวกมันจะแกร่งขึ้นแค่ไหน อ่าวโตเกียวกำลังจะทำให้คนญี่ปุ่นปวดหัวแล้ว

สำรวจไม้ที่หาเจอรอบหนึ่ง ข้างในมีหนอนเรือ ฉินสือโอวก็ถ่ายพลังโพไซดอนเข้าไป ถ้าระหว่างนี้เจอสาหร่ายฮีเทโรซิกม่า อคาชิโวเขาก็จะถ่ายพลังโพไซดอนเข้าไปด้วย

สาหร่ายนี้เป็นสาหร่ายอีกประเภทหนึ่งที่จะทำให้คนญี่ปุ่นแถวอ่าวโตเกียวปวดหัวได้ พวกมันกระจายอยู่ในเขตทะเลน่านน้ำชายฝั่ง เป็นแฟลกเจลเลต และเป็นหนึ่งในสิ่งมีชีวิตหลักในปรากฏการณ์สาหร่ายสะพรั่งของญี่ปุ่น

สาหร่ายฮีเทโรซิกม่า อคาชิโวไม่ใช่แค่เคยแผลงฤทธิ์ที่อ่าวโตเกียวเท่านั้น ทางชายฝั่งตะวันตกของอเมริกาเหนือ อย่างที่รัฐบริติชโคลัมเบียแคนาดามันก็เคยออกฤทธิ์มาแล้ว เพราะสาหร่ายชนิดนี้ดูดซึมสารอาหารทั้งวันทั้งคืน ดังนั้นเมื่อแพร่กระจายเป็นจำนวนมากก็จะเป็นภัยต่อการเพาะเลี้ยงประมงในท้องถิ่น

แต่ว่าจำนวนของสาหร่ายฮีเทโรซิกม่า อคาชิโวในตอนนี้น้อยมาก คงจะไม่พุ่งขยายจำนวนจนกลายเป็นปรากฏการณ์สาหร่ายสะพรั่งที่ใหญ่ได้ ต่อไปอย่างมากก็แค่แกล้งพวกญี่ปุ่นเบาๆ แต่ไม่ทำให้ปวดหัวเหมือนกับหนอนเรือ

ฉินสือโอวรู้สึกว่าตัวเองใจอ่อนเกินไป ที่จริงเขายังมีวิธีแก้แค้นคนขายเนื้อโลมาชาวญี่ปุ่นที่ดีกว่า นั่นก็คือการแก้แค้นด้วยกำลังทหาร

ครั้งที่แล้วต่อกรกับเรือดำน้ำนิวเคลียร์คอนเนตทิคัตของอเมริกา เขารวบรวมระเบิดน้ำลึกที่ทันสมัยที่สุดไว้จำนวนหนึ่ง มีถึงสิบสองลูก ที่ก้นทะเลของคนญี่ปุ่นมีโกดังเก็บน้ำมัน ถ่านหิน เป็นต้น ขอแค่โยนระเบิดพวกนี้ลงไป โกดังพวกนั้นต้องไม่เหลือซากแน่

แต่วิธีแบบนี้ก็เกินไปหน่อย ฉินสือโอวยังไม่คิดจะใช้วิธีนี้ แล้วอีกอย่างการที่เขาเอาระเบิดน้ำลึกพวกนี้ไว้ก็ยังมีประโยชน์อย่างอื่น อย่างเช่นต่อไปเรือดำน้ำใครมาท้าทายในถิ่นเขาอีก…

ทำงานทั้งหมดนี้เสร็จ ฉินสือโอวก็แค่รอผล เขาแทบจะทนรอไม่ไหว แก้แค้นสิบปีก็ไม่สาย แต่เขารอสิบปีไม่ได้หรอก ทางที่ดีให้เขาได้เห็นหนอนเรือกับสาหร่ายฮีเทโรซิกม่า อคาชิโวขยายจำนวนตอนนี้เลยยิ่งดี

เพียงแต่เขาเองก็รู้ ตอนนี้ที่สำคัญที่สุดไม่ใช่การแก้แค้น แต่เป็นการดูแลโลมาที่เอามาพวกนั้น

ที่เอามาแรกๆ ก็ยังพอว่า โลมาพวกนั้นเพิ่งจะเข้าไปในอ่าว ยังไม่ได้ถูกทำร้าย ยังสามารถว่ายน้ำในทะเลได้อย่างอิสระ แต่โลมาที่เสียครีบหางไปล่ะจะทำอย่างไร?

ถ้าทิ้งพวกมันไว้ในทะเลตามมีตามเกิด พวกมันก็มีชีวิตได้ไม่นาน เพราะพวกมันเสียความสามารถที่จะหาอาหารและหนีการล่าของฉลามแล้ว

ถ้าเอาพวกมันกลับมาที่ฟาร์มก็ไม่ปลอดภัยเช่นกัน ถ้าเกิดมีคนมาพบพวกมัน ถึงตอนนั้นคนญี่ปุ่นต้องสงสัยแน่ โลมาที่ว่ายน้ำไม่ได้ทำไมถึงสามารถว่ายข้ามมหาสมุทรแปซิฟิกไปยังมหาสมุทรแอตแลนติกเหนือได้?

ฉินสือโอวไม่รู้จะทำอย่างไรดี เขาก็เลยหน้านิ่วคิ้วขมวดขึ้นมาอีก

วินนี่จ้องเขาด้วยสีหน้าแปลกๆ ใช้เท้าเล็กเตะไปที่ขาใหญ่ของเขาแล้วพูดว่า “คืนนี้คุณเป็นอะไรไปคะ? สีหน้าเปลี่ยนอย่างกับใส่หน้ากาก เกิดอะไรขึ้น?”

ฉินสือโอวกระแอมไอแล้วพูดว่า “ความคิดผมตีกันอยู่ ข้างหนึ่งบอกว่ารีบทำน้องให้เถียนกวา ส่วนอีกข้างบอกว่า…”

เขามองไปที่วินนี่ วินนี่ตอบไปตามอัตโนมัติว่า “ว่าอะไรคะ?”

“บอกว่าผมต้องทำน้องให้เถียนกวาสองคน” ฉินสือโอวตอบจริงจัง

วินนี้ถูกเขาหยอกจนยิ้มออกมา ก่อนจะสะบัดผมแบบยั่วยวนแล้วตอบด้วยสายตาเย้ายวน “งั้นสุดท้ายใครชนะล่ะคะ?”

ฉินสือโอวหัวเราะพลางดึงเธอเข้ามากอดในอ้อมอก เสี่ยวเถียนกวายื่นมือแล้วร้องหาพ่อแม่อีก ฉินสือโอวคว้าพี่น้องเฟอเรทยัดเข้าไปในอกเธอ ไปเล่นกับเฟอเรทไป พ่อกับแม่กำลังยุ่งเรื่องสำคัญอยู่

เหล่าเฟอเรทเศร้าอีกครั้ง พวกเราต้องเจ็บตัวอีกแล้ว…

ด้านฉินสือโอวกำลังมีความสุขกับภรรยาในอ้อมอก ส่วนบัตเลอร์กำลังยุ่งจนหัวปั่น

อาหารทะเลต้าฉินเข้าสู่ตลาดโตเกียวได้สำเร็จแล้ว ในด้านนี้อิสึซาโอะ อาโอยาม่ามีความดีความชอบอย่างเถียงไม่ได้ เขากับนิชิมุระ เร็นกลายเป็นมือซ้ายขวาของบัตเลอร์ในการบุกตลาดโตเกียว ทุกวันนี้พวกเขาร่วมมือกันสู้กับเทซึกะ โกดะอย่างเมามัน

ตลาดอาหารทะเลโตเกียวตอนนี้ถือว่าวุ่นวาย บริษัทร่วมทุนคิโยมุระกำลังตีกับไดนิสึ บัตเลอร์นำอาหารทะเลต้าฉินก็มีความขัดแย้งกับตระกูลมอร์รี่มาตลอด นักธุรกิจอาหารทะเลคนอื่นก็อยากได้ส่วนแบ่งด้วยจึงพากันแบ่งทีม จนตลาดโตเกียวแบ่งแยกราวกันแคว้นประเทศ

เดิมทีการร่วมมือระหว่างบริษัทร่วมทุนคิโยมุระกับตระกูลมอร์รี่เป็นพันธมิตรที่แกร่งมาก จะครองตลาดโตเกียวก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่ พวกเขาวางแผนไว้อย่างดีด้วยซ้ำ แทบจะกลืนกินบริษัทไดนิสึได้เหมือนเนื้อชิ้นโต

น่าเสียดายที่คนสู้ฟ้าไม่ได้ ที่งานประมูลปลาทูน่าครีบน้ำเงินอัมสเตอร์ดัม พวกเขาขาดทุนย่อยยับ

ตอนนั้นเทซึกะ โกดะกับตระกูลมอร์รี่ได้ราชาแห่งปลาไป แน่นอนว่าได้มาด้วยราคา 2.5 ล้านยูโร พวกเขานึกไม่ถึงว่านั่นยังไม่ใช่ต้นทุน ต้นทุนที่แท้จริงคือหลังจากนี้

ในตอนที่เทซึกะ โกดะกับตระกูลมอร์รี่ตั้งใจจะขายปลาตัวโตนี้เพื่อเก็งกำไร บัตเลอร์ก็เอาปลาทูน่าครีบน้ำเงินอีกสองตัวที่มีความยาวและคุณภาพเนื้อคล้ายกันมาที่โตเกียว…

แบบนี้ปลาตัวโตนั้นก็ไม่มีราคาแล้ว จะตั้งราคาพวกนี้สูงๆ ต้องอาศัยความหายาก แต่จู่ๆ ก็มีปลาตัวโตที่คล้ายกันสี่ตัวโผล่มา ยังจะเหลือความหายากอะไรอีก?

การซื้อขายนั้นคิโยมุระกับตระกูลมอร์รี่ขาดทุนค่อนข้างแย่ วงการธุรกิจก็เหมือนกับสนามรบ ก้าวพลาดครั้งเดียวก็พลาดไปหมด

อีกอย่างในฐานะคู่แข่งทั้งชีวิตของเทซึกะ โกดะ อิสึซาโอะ อาโอยาม่าก็ไม่ใช่คนที่จะรับมือได้ง่ายๆ เขาถือโอกาสนี้โจมตีบริษัทร่วมทุนคิโยมุระซึ่งเห็นผลอย่างชัดเจน

หลังจากที่อาหารทะเลต้าฉินกับไดนิสึก่อตั้งขึ้น อิสึซาโอะ อาโอยาม่าก็มีความคิดเป็นอื่น ฉินสือโอวกับบัตเลอร์ใช้เขามาตลอด แต่เขาเองก็ใช่ว่าไม่ได้ใช้ฉินสือโอวกับบัตเลอร์เสียหน่อย?

ตอนนี้เขารู้สึกว่าจวนได้เวลาแล้วจึงอยากหลุดพ้นจากการปกครองของบัตเลอร์แล้วทำธุรกิจของตัวเอง พอลุงหนวดรู้สึกได้ก็รีบรุดมาที่โตเกียวเพื่อคุมเอง ใช้ทั้งไม้อ่อนไม้แข็ง ถือว่าคุมอิสึซาโอะ อาโอยาม่าไว้ได้ชั่วคราว

จัดการเรื่องด่วนได้แล้ว บัตเลอร์ก็โทรหาฉินสือโอวเพื่อโอ้อวดฝีมืออันสูงส่งของเขา

ส่วนฉินสือโอวพอรู้ว่าเขาไปคุมงานที่โตเกียวก็ดีใจทันที เขาคิดวิธีที่จะจัดการเรื่องโลมาพิการออกแล้ว

สมองเขาแล่นอย่างรวดเร็ว ฉินสือโอวกับบัตเลอร์คุยกันเรื่องงานธุรกิจครู่หนึ่งค่อยเปลี่ยนไปเรื่องชีวิตประจำวัน เขาพูดว่า “นี่เพื่อน คุณรู้จักผู้เชี่ยวชาญเรื่องการเที่ยวชมดูวาฬบ้างไหม? ทางผมมีวาฬอยู่ อยากจะเริ่มทำการท่องเที่ยวชมวาฬ”

บัตเลอร์มีคอนเนคชั่นมากมาย เขาตกปากรับคำ บอกว่าถ้ากลับอเมริกาแล้วเขาจะหาคนให้

ฉินสือโอวขอบคุณ สุดท้ายก็แสร้งพูดแบบไม่ได้ตั้งใจว่า “ที่จริงผมก็อยากจะเปิดการท่องเที่ยวชมโลมาอยู่เหมือนกัน แต่น่าเสียดายที่ทางนี้มีโลมาไม่มาก คุณก็รู้ โลมามันว่ายไปทั่ว มันไม่อยู่กับที่”

บัตเลอร์ไม่ได้คิดมาก เขาพูดยิ้มๆ “ใช่ๆๆ โลมาก็เป็นเหมือนม้าพยศแห่งท้องทะเล พวกมันชอบว่ายไปทั่ว…”

……………………………………….

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

Status: Ongoing

เดือนเมษายน  ณ เมืองไหเต่าซึ่งอากาศยังคงความหนาวเย็นของฤดูใบไม้ผลิอยู่

7 โมงครึ่งแล้วแต่ฉินสือโอวกลับไม่รู้สึกง่วงงุนอีกต่อไป เขากระชับเสื้อคลุมเอนตัวนั่งพิงหัวเตียงพลางทอดสายตาเหม่อมองไปยังนอกหน้าต่าง

เขามาอยู่ในเมืองนี้ได้ 8 ปีแล้ว เริ่มจากมาเรียนมหาวิทยาลัย หลังจากเรียนจบก็ยังคงก็อาศัยอยู่ในเมืองนี้ต่อมา

มหาวิทยาลัยจงยางไห่หยางที่ฉินสือโอวเรียนจบมาเป็นมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดในเมืองไหเต่า หลังจากที่เขาเรียนจบ เขาก็ได้เข้าทำงานในแผนกทรัพยากรบุคคลที่บริษัทปิโตรเลียมที่ดีที่สุดของเมืองไหเต่าด้วยความเหลือจากเหมาเหว่ยหลงรุ่นพี่ของเขา

ทำงานในตำแหน่งนี้มาได้ 4 ปี จนเมื่อเดือนที่แล้วแผนกทรัพยากรบุคคลก็มีพนักงานดูแลเอกสารสาวสวยเข้ามาใหม่คนหนึ่ง ผู้จัดการมอบหมายให้ฉินสือโอวเป็นพี่เลี้ยงดูแลเธอ แรกๆ ก็ไม่มีอะไร แต่ความสวยของเธอดันไปโดดเด่นสะดุดตาทายาทเศรษฐีคนหนึ่งในบริษัทเข้า

เรื่องที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นก็ง่ายๆ เข้าอีหรอบเดิม ทายาทเศรษฐีคนนั้นเห็นเธอกับฉินสือโอวสนิทกันก็เลยเกิดความหึงหวง เขาเรียกฉินฉือโอวไปเตือนหลายครั้ง แต่ฉินสือโอวไม่สนใจ จนกระทั่งทั้งสองมีปากเสียงกันจนถึงขั้นลงไม้ลงมือในท้ายที่สุด

เดิมทีมันเป็นเพียงปัญหาเรื่องผู้หญิง แต่เมื่อทายาทเศรษฐีถูกฉินสือโอวทำร้าย ปัญหาที่ตามมาหลังจากนั้นจึงยิ่งไปกันใหญ่ หมอนั่นติดต่อไปหาเพื่อนของเขาที่อยู่แผนกการเงินเพื่อให้พวกนั้นสร้างหลักฐานใส่ร้ายว่าฉินสือโอวยักยอกเงินก้อนหนึ่งของบริษัทไป

การยักยอกเงินบริษัทถือเป็นเรื่องที่ค่อนข้างใหญ่โต ฉินสือโอวไม่เพียงต้องชดใช้เงินคืนให้บริษัท แต่เขายังถูกไล่ออกเพราะเหตุนี้อีกด้วย!

จะว่าไปเรื่องที่ถูกไล่ออกจากบริษัทมันก็ไม่ได้แย่อะไร ที่จริงฉินสือโอวก็คิดจะลาออกอยู่แล้ว แต่ปัญหาอยู่ที่ทั้งเนื้อทั้งตัวเขาตอนนี้แทบจะไม่มีเงินเหลืออยู่เลย เพราะเงินของเขาถูกนำไปชดใช้ให้บริษัทจนหมดแล้ว

เคราะห์ซ้ำกรรมซัดไปอีกก็คือเดือนนี้เขาต้องจ่ายค่าเช่าห้องสำหรับสามเดือนข้างหน้าอีกด้วย ลำพังเงินที่เขาเหลืออยู่ตอนนี้มีพอแค่ค่าอาหารแต่ละมื้อเท่านั้น และไม่ว่ายังไงเงินก็คงไม่พอจ่ายค่าเช่าห้องแน่ๆ

ขณะที่ฉินสือโอวกำลังเครียดเรื่องค่าเช่าห้องก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น!

ฉินสือโอวเดินไปเปิดประตูก่อนใบหน้าดุดันของลุงเจ้าของห้องจะปรากฏขึ้นต่อหน้าเขาทันที ลุงเจ้าของห้องมาหาเขาตอนนี้ก็มีอยู่แค่เหตุผลเดียวเท่านั้นคือการมาเก็บค่าเช่าอย่างไม่ต้องสงสัย

ถึงแม้ว่าเมืองไหเต่าจะตั้งอยู่ทางเหนือ แต่เนื่องจากอยู่ติดทะเลจึงทำให้เมืองไหเต่ากลายเป็นเมืองท่าที่สำคัญแห่งหนึ่ง ดังนั้นนั้นเศรษฐกิจจึงเติบโตอย่างรวดเร็ว เรียกได้ว่าเป็นเมืองรองเลยก็ว่าได้ และด้วยเหตุนี้จึงทำให้บ้านมีราคาสูงมา ส่วนค่าเช่าบ้านก็แพงเช่นกัน

ฉินสือโอวเช่าห้องสตูดิโอขนาดเล็ก 1 ห้องนอน 1 ห้องรับแขกเอาไว้ ค่าเช่าต่อเดือนอยู่ที่หนึ่งพันหยวน แถมยังเก็บค่าเช่าล่วงหน้าทีละ 3 เดือนอีก นั่นจึงหมายความว่าเขาต้องจ่ายสามพันหยวนภายในเดือนนี้ แต่ที่ยิ่งไปกว่านั้นก็คือแค่สามร้อยหยวนเขายังไม่มีเลย!

ช่วยไม่ได้ ฉินสือโอวจึงทำได้เพียงยิ้มแห้งๆ และขอร้องให้ลุงเจ้าของห้องช่วยเห็นใจเขาหน่อย ลุงเจ้าของห้องดูไม่ค่อยพอใจมากนัก และก่อนจากไปเขาก็พูดออกมาเสียงแข็ง “ฉันให้เวลา 2 วัน เย็นวันมะรืนฉันจะมาเก็บเงินอีกที ถ้ายังไม่จ่ายค่าเช่าห้องนายก็ไสหัวออกไปซะ!”

ช่างเป็นคำพูดที่ทำร้ายจิตใจเหลือเกิน แต่ฉินสือโอวไม่มีแรงจะโมโหอีกแล้ว

ฉินสือโอวในวันนี้ถูกบีบบังคับจนอับจนหนทางมองไปทางไหนก็มืดแปดด้านไปหมด

เมื่อส่งเจ้าของห้องเช่ากลับไปแล้ว ฉินสือโอวก็กลับไปนอนลงบนเตียงด้วยใบหน้าเหนื่อยล้า ในหัวของเขาคิดเรื่องอนาคตไม่ออกและยังสิ้นหวังกับเรื่องราวในปัจจุบัน

อีกไม่นานเขาก็จะสามสิบแล้ว แต่กลับไม่มีงาน ไม่มีบ้าน ไม่มีรถ และพอนึกถึงหน้าพ่อแม่ใจของเขาก็ยิ่งห่อเหี่ยวเข้าไปใหญ่

ในตอนนั้นเองจู่ๆ ประตูห้องของเขาถูกเคาะอีกครั้ง และเสียงดังบาดหูของเจ้าของห้องเช่าก็ดังขึ้นมา

“เสี่ยวฉิน เปิดประตู เปิดประตูเดี๋ยวนี้!”

พอได้ยินเสียงเจ้าของห้องเช่าความรู้สึกห่อเหี่ยวและสิ้นหวังในใจของเขาก็ถูกแทนที่ด้วยความโกรธ ตาลุงเจ้าของห้องชักจะมากเกินไปแล้วนะ ไหนบอกว่าให้เวลาเขาสองวัน พอถึงเวลาแล้วจะมาเก็บเงินไง แล้วทำไมถึงกลับมาทวงเร็วขนาดนี้?

ฉินสือโอวข่มกลั้นความโกรธแล้วเปิดประตูออกไป แต่เขากลับพบว่าข้างกายของเจ้าของห้องเช่ามีตำรวจในเครื่องแบบที่สวมหมวกปีกกว้างอีกคนอยู่ด้วย

เมื่อตำรวจเห็นฉินสือโอว เขาก็เอ่ยปากถามขึ้นมา “คุณคือคุณฉินใช่ไหมครับ?”

ฉินสือโอวพยักหน้า จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงพูดต่อ “ถ้าอย่างนั้นเชิญไปกับผมด้วยครับ มีคนอยากพบคุณ”

พอได้ยินตำรวจพูดอย่างนั้น ยังไม่ทันที่ฉินสือโอวจะพูดอะไร เจ้าของห้องเช่าก็รีบพูดขึ้นมาทันที “คุณเจ้าหน้าที่ครับ ผมไม่ได้มีความเกี่ยวข้องอะไรกับเสี่ยวฉินนะครับ ถ้าเขาไปก่อคดีอะไรมา มันไม่เกี่ยวกับห้องของผมนะครับ”

ฉินสือโอวจะไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ เขาคิดว่าคดีก่อนหน้านี้อาจจะมีปัญหาอะไรขึ้นมาเขาจึงได้แต่เดินตามเจ้าหน้าที่ตำรวจหนุ่มไปยังสถานีตำรวจด้วยสภาพไร้วิญญาณ

พอถึงสถานีตำรวจ เจ้าหน้าที่ก็พาเขาตรงไปยังห้องของผู้อำนวยการทันที

เมื่อเข้าไปในห้องเขาก็กวาดตามองไปรอบๆ ห้องก่อนจะเห็นตำรวจพุงพลุ้ยวัยกลางกำลังชงชาให้ชายในชุดสูทสองคนที่นั่งอยู่ตรงโซฟา

สิ่งที่ทำให้ฉินสือโอวจับต้นชนปลายไม่ถูกก็คือหนึ่งในสองคนที่นั่งอยู่บนโซฟาเป็นชายสวมสูทรูปร่างสูงใหญ่ ผมสีบลอนด์ นัยน์ตาสีฟ้าและผิวขาวซีดราวกับแวมไพร์ อายุของเขาน่าจะไม่ต่ำกว่าห้าสิบหกสิบเห็นจะได้ เพราะเคราของเขากลายเป็นสีขาวราวกับหิมะไปแล้ว แต่ร่างกายที่กำยำนั้นช่างดูทรงพลังและน่าเกรงขามเหลือเกิน

เจ้าหน้าที่ตำรวจวัยกลางคนคนนั้นคือผู้อำนวยการสถานีตำรวจอย่างไม่ต้องสงสัย ว่าแล้วเขาก็ยื่นมือมาทางฉินสือโอวแล้วพูดขึ้น “คุณคือคุณฉินสือโอวสินะครับ? สวัสดีครับ ผมหลัวหย่งจื้อผู้อำนวยการสถานีตำรวจท้องที่ถนนซวงเหอเขตหลัวซานครับ”

ช่วงก่อนหน้านี้ฉินสือโอวถูกพวกตำรวจทำให้เขารู้สึกเหมือนอยู่ไม่สู้ตาย เมื่อเห็นหลัวหย่งจื้อยื่นมือมาจึงรีบเข้าไปจับ ก้มหัวโค้งแนะนำตัวเองทันที

หลังจากหลัวหย่งจื้อปล่อยมือฉินสือโอวแล้ว ชายวัยกลางคนที่ก่อนหน้านี้นั่งอยู่ตรงโซฟาก็ลุกขึ้นมาจับมือเขาแล้วพูดขึ้น “สวัสดีครับคุณฉิน ผมหลี่ซิ่นจากศาลประชาชนกลางแห่งเมืองไหเต่าครับ ส่วนท่านนี้คือคุณเออร์บัก ชาร์คแมน ทนายความที่มีชื่อเสียงจากสำนักงานกฎหมายฟาสเกนส์ ประเทศแคนาดาครับ”

หลังจากที่ทั้งสองฝ่ายได้แนะนำตัวกันแล้ว แวมไพร์เฒ่าที่วางตัวสูงสง่าน่าเกรงขามมาตลอดก็ถามออกมาเป็นภาษาอังกฤษ “สวัสดีครับคุณฉินสือโอว คุณรู้จักฉินหงเต๋อไหมครับ”

ขณะหลี่ซิ่นกำลังจะแปล ฉินสือโอวก็ตอบออกมาด้วยภาษาอังกฤษอย่างคล่องแคล่ว

“ฉินหงเต๋อหรอครับ? เขาคือปู่รองของผม อืม..ก็คือพี่ชายคนที่สองของปู่ผม”

เออร์บักพยักหน้าแล้วถามอีก “ถ้าอย่างนั้นคุณคงจะมีหัวใจโพไซดอนใช่ไหมครับ มันเป็นจี้สีน้ำเงินเล็กๆ ที่สวยมากๆ อันหนึ่ง ช่วยเอาออกมาให้ผมดูหน่อยได้ไหมครับ?”

ฉินสือโอวขมวดคิ้ว เขาไม่เข้าใจว่าฝรั่งคนนี้พูดถึงอะไร แต่กระนั้นเขาก็เลื่อนมือไปปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตเม็ดบนสุดออกแล้วดึงสร้อยเส้นสีแดงที่มีจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินออกมา

เออร์บักยื่นมือไปรับหัวใจโพไซดอน แล้วหันไปพูดกับหลัวหย่งจื้อ “ผมขอแก้วกระดาษใบหนึ่งหน่อยได้ไหมครับ?”

หลัวหย่งจื้อยกหูโทรศัพท์ อึดใจต่อมาแก้วคริสทัลราคาแพงก็ถูกยื่นมาให้เขาอย่างรวดเร็ว

เออร์บักเติมน้ำลงไปในแก้วแล้วนำหัวใจโพไซดอนหย่อนลงไปในน้ำ ทันใดนั้นน้ำในแก้วก็เปลี่ยนเป็นสีน้ำเงินเช่นเดียวกับหัวใจโพไซดอน และเมื่อเออร์บักขยับข้อมือ น้ำในแก้วก็กระเพื่อมส่งกลิ่นน้ำทะเลออกมา

ทุกคนในที่นั้นตกตะลึงจนพูดไม่ออก ฉินสือโอวก็ไม่เคยรู้มาก่อนว่าจี้เล็กๆ ที่ตัวเองห้อยมาตลอดมีพลังวิเศษแบบนี้

เมื่อเสร็จแล้วเออร์บักก็พูดออกมาอย่างจริงจังว่า “คุณฉินสือโอว สวัสดีครับ ผมเออร์บัก ชาร์คแมน ทนายความมือหนึ่งจากสำนักงานกฎหมายฟาสเกนส์ คุณฉินหงเต๋อมอบหมายให้ผมนำพินัยกรรมมาส่งมอบให้กับคุณ เดี๋ยวผมจะอ่านให้ฟังนะครับ…”

เออร์บักเปิดพินัยกรรมแล้วพูดออกมา

“นับแต่บัดนี้เป็นต้นไป คุณฉินสือโอว หลานคนโตของคุณฉินหงเต๋อ จะเป็นผู้สืบทอดฟาร์มปลาต้าฉิน ซึ่งตั้งอยู่ที่รัฐนิวฟันด์แลนด์และแลบราดอร์ นครเซนต์จอห์น ประเทศแคนาดา! ซึ่งมีมูลค่าการตลาดตามการประเมินโดยธนาคารแคนาดาอยู่ที่ประมาณ 42 ล้านดอลลาร์แคนาดา หรือก็คือ 233,100,000 หยวนครับ! “

หัวใจของฉินสือโอวเต้นดัง ‘ตุบ ตุบ ตุบ’ ราวกับจะหลุดออกมา ไม่ง่ายเลยที่เขาจะทำใจให้สงบลงได้ จากนั้นเขาก็ถามออกไปด้วยเสียงสั่นๆ “นี่คุณเออร์บักไม่ได้กำลังล้อผมเล่นใช่ไหมครับ? คุณปู่รองของผมทิ้งทรัพย์สินมูลค่า 230 ล้านหยวนให้ผมอย่างนั้นเหรอ?”

เออร์บักพยักหน้าเพื่อยืนยัน ต่อมาเขาก็แนะนำอะไรอีกนิดหน่อย ประมาณว่าตอนนี้เขาเป็นทนายส่วนตัวของฉินสือโอวแล้ว และต้องการให้ฉินสือโอวเดินทางไปแคนาดาโดยเร็วที่สุดเพื่อดำเนินการเกี่ยวกับการส่งมอบอสังหาริมทรัพย์ต่างๆ ให้เสร็จสิ้น

ฉินสือโอวลงนามในเอกสารยินยอมรับมรดกภายใต้การรับรองของหลัวหย่งจื้อและหลี่ซิ่น จากนั้นเขาก็พาหลี่ซิ่นกับเออร์บักเดินทางไปยังห้องเช่าของตัวเอง

พอไปถึงอพาร์ตเมนต์เขาก็ต้องตกใจเมื่อได้เห็นกองข้าวของที่วางอยู่หน้าห้อง เมื่อมองดูดีๆ เขาก็พบว่าทั้งหมดเป็นของของเขาจำพวกผ้าห่ม ที่นอน หนังสือและคอมพิวเตอร์

เมื่อเจ้าของห้องเช่าเดินออกมาเห็นฉินสือโอว เขาก็ล็อกประตูดัง ‘กริ๊ก’ แล้วพูดออกมาอย่างเย็นชา

“กลับมาแล้วเหรอ? ดีเลย ฉันจะได้พูดให้นายเข้าใจ นายไปทำอะไรไม่ดีมาใช่ไหม? ไม่อย่างนั้นตำรวจจะมาหานายถึงที่ทำไม”

พอฉินสือโอวทำท่าจะตอบกลับ เขาก็แสดงสีหน้าเย็นชาแล้วพูดต่อ “ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว เก็บของของนายแล้วไสหัวออกไปซะ ฉันปล่อยห้องเช่าให้คนไม่ได้เรื่องอย่างนายไม่ได้หรอก”

ทันใดนั้นฉินสือโอวก็ได้สติขึ้นมาทันที

……………………………………….

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท