ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – บทที่ 1279 ลอยขึ้นมาบนผิวน้ำ

บทที่ 1279 ลอยขึ้นมาบนผิวน้ำ

พอได้รับคำสั่งของฉินสือโอวแล้ว เหล่าลูกๆ ฉลามวาฬทั้งสามก็ดีใจและพร้อมปฏิบัติหน้าที่ในทันที

แต่บอลหิมะเข้าไปใกล้แถบชายฝั่งไม่ได้ เพราะจากลูกวาฬเบลูกามาถึงตอนนี้ได้กลายเป็นวาฬเบลูกาโตเต็มวัยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ลำตัวมีความยาวถึงสี่เมตรครึ่ง และทั้งตัวก็มีแสงระยิบระยับแวววาว เปล่งประกายเผยถึงรูปโฉมงดงามเพียงหนึ่งเดียวในทะเล

นอกจากเหล่าเด็กๆ ฉลามวาฬทั้งสามแล้ว ฉินสือโอวยังส่งกองทัพนักฆ่าที่ไม่ได้ใช้งานมานานอย่างกั้งตั๊กแตนเจ็ดสีออกไปด้วย

คำสั่งที่เขาได้ให้ไว้กับกั้งตั๊กแตนเจ็ดสีคือ ให้เคลื่อนที่จากบริเวณริมชายฝั่งของฟาร์มปลาสาธารณะมุ่งสู่ส่วนที่ลึกลงไปของมหาสมุทร ระหว่างทางหากเจอหอยพวกนั้นก็ให้ทุบให้แตกและกินพวกมันให้สิ้นซาก!

ถ้าไม่ใช่ว่าที่เกาะประสบปัญหากับเรื่องหอยพิษ ฉินสือโอวก็คงจะคิดไม่ออกว่าเขาสามารถสั่งให้เหล่ากั้งตั๊กแตนเจ็ดสีไปจัดการได้ เพราะพวกมันชอบทุบหอยให้แตกจากนั้นก็จับกินจนหมด อย่างตอนที่อยู่ในฟาร์มปลาพวกมันก็คอยทำลายหอยที่ฉินสือโอวเลี้ยงอยู่ทุกๆ วัน

ในฟาร์มปลาต้าฉินไม่ว่าจะเป็นปลากุ้งปูต่างก็มีอยู่จำนวนมาก จะมีก็แต่หอยที่มีอยู่น้อยมาก ด้วยเพราะการอาศัยอยู่ในแหล่งธรรมชาติเพียงลำพังจะทำให้การสืบพันธุ์ลดลงและไม่สามารถขยายสายพันธุ์ให้แพร่กระจายออกไปได้

และหนึ่งในสาเหตุที่ก่อให้เกิดเหตุการณ์นี้ ก็คือการที่เหล่ากั้งตั๊กแตนเจ็ดสีเจริญอาหาร เนื่องจากตลอดทั้งวันตั้งแต่เช้าจนค่ำพวกมันไม่ทำอะไร คอยแต่จะกวาดล้างบริเวณใต้ท้องทะเลที่อยู่แถบชายฝั่งของฟาร์มปลา คอยแต่จะทุบหอยและกินพวกมันจนหมด!

ไปจนถึงกั้งตั๊กแตนเจ็ดสีที่เจริญอาหารเหล่านั้นสามารถที่จะขุดเอาหอยงวงช้างขึ้นมาจากโคลนทะเลได้ ฉินสือโอวก็จนปัญญาแล้วจริงๆ กินกันเก่งเสียเหลือเกิน

ในขณะที่ส่งให้ลูกน้องออกไปช่วยหา ฉินสือโอวการก็ได้ส่งจิตสำนึกแห่งโพไซดอนออกไปค้นหาตามแนวเลียบชายฝั่งทั่วทั้งสี่ทิศ

จิตสำนึกแห่งโพไซดอนที่แผ่ขยายปกคลุมน่านน้ำใหญ่พอจนทำให้การเคลื่อนไหวรวดเร็วตามไปด้วย แต่บริเวณแถบชายฝั่งทะเลของเมืองเล็กๆ ยาวมาก หนึ่งชั่วโมงครึ่งผ่านไปเขาก็ยังไม่สามารถค้นหาจนทั่วได้

เวลาเช่นนี้ทำให้เห็นว่ายิ่งคนเยอะก็ยิ่งมีกำลังในการค้นหาเยอะตามไปด้วย อีกทั้งยังเป็นบีนที่เจอหอยเต้าปูนก่อนหนึ่งตัว จากนั้นพอเห็นจิตสำนึกแห่งโพไซดอนก็เลยพาเขาว่ายเข้าไปดู

โลมาปากขวดเป็นสัตว์ชนิดหนึ่งที่ชอบออกกำลังกายเป็นอย่างมาก ในทุกๆ วันบีนจะว่ายเตร็ดเตร่อยู่บริเวณรอบๆ ทะเล ซึ่งตรงส่วนนี้ก็ถือเป็นอาณาเขตของมันอยู่แล้ว ดังนั้นสำหรับหอยเต้าปูนแล้วมันจึงสามารถหาพวกมันเจอได้ก่อนใครเพื่อน

แต่อย่าดูที่ไอคิวของโลมาปากขวด เพราะในบางด้านไอคิวของพวกมันก็สูงเทียบเท่าไอคิวระดับเด็กอายุสิบสองขวบ โดยเฉพาะบีนที่ดูดซับพลังโพไซดอนมามากขนาดนั้น นับว่ามีไอคิวค่อนข้างสูงทีเดียว

เมื่อตามบีนไป ฉินสือโอวจึงเจอหอยเต้าปูนตัวหนึ่งในทันที

หอยตัวนี้มีความยาวประมาณสิบเซนติเมตร กระดองแข็ง ใหญ่และหนัก กระดองหอยของมันเป็นรูปทรงกรวย ยอดเกลียวไม่สูง สีพื้นเป็นสีขาว ส่วนภายนอกของหอยมีลายจุดสีดำน้ำตาลกระจายเต็มไปหมด ประกอบกับมีลายเส้นตรงแนวดิ่งสั้นๆ

ฉินสือโอวจึงนำโทรศัพท์มือถือออกมาค้นหาในอินเทอร์เน็ต หลังจากนั้นจึงแน่ใจตัวตนของมันว่าเป็นหอยเต้าปูนลายเสือ หอยเต้าปูนลายเสือเป็นสายพันธุ์ที่พบเจอมากที่สุด ซึ่งพิษของมันอยู่ในระดับกลาง

ตอนที่เขาพบเจอหอยตัวนี้ มันกำลังจับเหยื่อที่เป็นปลาหมึกขนาดเท่าฝ่ามือตัวหนึ่งที่ค่อยๆ ว่ายเข้าไปใกล้หอยเต้าปูน เนื่องจากลวดลายของหอยชนิดนี้มีความซับซ้อน ทำให้สิ่งมีชีวิตในมหาสมุทรจำนวนมากเข้าใจผิดนึกว่าเป็นหินโสโครกเลยจะมาหลบอาศัย

หลังจากปลาหมึกขนาดเล็กเข้าไปใกล้หอยเต้าปูนลายเสือ หอยเต้าปูนลายเสือตัวนั้นก็ค่อยๆ ยื่นอวัยวะที่เป็นเหมือนลูกศรอันหนึ่งออกมา ซึ่งก็คือแรดูลาที่มันใช้เวลาจู่โจม

ภายในตัวของหอยเต้าปูนมีพิษ ซึ่งสารพิษนั้นจะถูกลำเลียงผ่านหลอดพิษและส่งไปยังส่วนที่เป็นแรดูลาที่สามารถพ่นสารพิษเข้าไปในเหยื่อได้โดยตรง

แต่หอยเต้าปูนจะไม่จู่โจมไปทั่ว เนื่องจากแรดูลาของมันเมื่อใช้ไปหนึ่งครั้งพิษในครั้งนั้นก็จะหมดไป จึงจำเป็นต้องแน่ใจว่าจะต้องเอาชีวิตเหยื่อได้สำเร็จ พวกมันถึงจะลงมือ มิเช่นนั้นมันก็จะหิวอยู่ช่วงหนึ่ง

จึงไม่ต้องสงสัยเลย ปลาหมึกน้อยตัวนี้ถือเป็นอาหารชั้นยอด หอยเต้าปูนรอให้มันเข้ามาใกล้บริเวณแรดูลา จากนั้นแรดูลาที่อ่อนนุ่มก็จะยืดตรงออกมาทันที หลังจากที่ปลาหมึกน้อยโดนเข้าก็จะขาดออก แล้วแรดูลาก็จะไปฝังอยู่ในตัวของปลาหมึกน้อย

ปลาหมึกน้อยตกใจ มันกำลังจะว่ายน้ำหนีไปทางด้านหลัง แต่พิษก็ออกฤทธิ์แล้ว ทำให้มันขยับตัวไม่ได้หลังจากนั้นก็ตาย

พิษของหอยเต้าปูนเป็นสารพิษประเภทโปรตีน มีพิษต่อระบบประสาทคล้ายกับพิษของงูจงอาง

สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมเมื่อถูกกัดและรับพิษเข้าไป จะทำให้มีอาการอักเสบบวมแดง บาดแผลจะมีอาการแสบร้อนก่อน ไปจนถึงมีอาการชา หลังจากนั้นถึงค่อยๆ แพร่กระจายไปทั่วร่างกาย ทำให้แขนขาไม่มีแรง กล้ามเนื้อปลายประสาทชา จิตใจอ่อนแรง จากนั้นก็จะค่อยๆ สลบไป แล้วตายในที่สุด ซึ่งสาเหตุนั้นก็มาจากกล้ามเนื้อหัวใจไม่มีแรง นี่จึงเป็นเหมือนกับพิษของงูจงอาง

แต่ปลาและกุ้งขนาดเล็กที่เป็นสัตว์ลำตัวอ่อนนุ่มเมื่อถูกกัดเข้าไป จะไม่แสดงอาการมากขนาดนี้ แต่จะชาและตายไปเลย เหมือนกับปลาหมึกน้อยตัวนี้!

หลังจากหอยเต้าปูนลายเสือจู่โจมสำเร็จ ฉินสือโอวใช้จิตสำนึกแห่งโพไซดอนทำเครื่องหมายไว้บนตัวของมัน เพื่อที่ว่าพรุ่งนี้มาหาก็จะง่ายขึ้น

จากนั้นเขาก็ค้นหาต่อทันที โดยใช้หอยเต้าปูนลายเสือตัวนี้เป็นจุดศูนย์กลางในการมองไปรอบด้าน ไม่นานก็เจอหอยเต้าปูนลายเสืออีกสี่ห้าตัวอย่างรวดเร็ว

หอยเต้าปูนลายเสือเหล่านี้กระจายตัวอยู่ในบริเวณรัศมีประมาณสองร้อยกว่าตารางเมตร เป็นที่ดำรงชีวิตที่นับว่าเป็นจุดศูนย์รวมมากที่สุด

และพอเขาหาต่อไปข้างหน้าก็ค้นพบหอยเต้าปูนชนิดอื่นตัวหนึ่ง

หอยเต้าปูนชนิดนี้งดงามมาก ลักษณะคล้ายกับขวดแก้วเซรามิกเล็กๆ ขวดหนึ่ง สีของพื้นกระดองเป็นสีขาวบริสุทธิ์ แต่ภายนอกมีลายจุดสีน้ำตาลแดงที่ซับซ้อนมาก แถมผิวสัมผัสของกระดองยังลื่นเป็นเงางดงาม มองดูแล้วทำให้รู้สึกดึงดูดอย่างกับขวดที่งดงามประณีต

หอยเต้าปูนชนิดนี้ค่อนข้างเป็นที่รู้จักมาก มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่าหอยเต้าปูนขนนกแดง ความยาวสูงสุดสามารถยาวได้ถึงยี่สิบสี่เซนติเมตร แต่ถ้าหากความยาวเกินสิบเซนติเมตรจะมีมูลค่ามาก สามารถประมูลราคาได้ถึงหนึ่งแสนสองแสนหยวนได้เลยทีเดียว

สำหรับหอยเต้าปูนขนนกแดงที่มีความยาวถึงยี่สิบเซนติเมตร ราคาก็คงต่ำกว่าหอยนมสาวทะเลยักษ์ที่ฉินสือโอวเลี้ยงไว้ไม่เท่าไร

แต่หอยเต้าปูนขนนกแดงชนิดตัวนี้ไม่ได้มีมูลค่ามากมายขนาดนั้น เพราะมันมีความยาวเพียงห้าถึงหกเซนติเมตร หอยชนิดนี้สามารถพบเห็นได้ทั่วไป ในตลาดปลาสวยงามจ่ายเพียงไม่กี่ร้อยหยวนแคนาดาก็สามารถซื้อได้แล้ว

ซึ่งสาเหตุที่ทำให้ราคาของหอยเต้าปูนขนนกแดงทั้งหลายตกต่ำ ก็คือพวกมันมีพิษ โดยปกติแล้วคนไม่ยินยอมที่จะเพาะเลี้ยงพวกมัน มิเช่นนั้นก็คงจะสามารถเพิ่มราคาขึ้นมาได้อีกระดับหนึ่งอยู่

หลังจากที่ค้นพบหอยเต้าปูนขนนกแดง ฉินสือโอวก็ยังคงค้นหาต่อไป แล้วเขาก็เจอเข้ากับหอยเต้าปูนลายเสืออีกจำนวนหนึ่ง เช่นนี้จึงทำให้เขาสันนิษฐานเบื้องต้นว่าหอยเต้าปูนเหล่านี้ต้องมีคนนำมาปล่อยไว้เป็นแน่

ถ้าพูดถึงว่าตัวอ่อนของหอยเต้าปูนขนนกแดงถ้าบังเอิญลอยตามกระแสน้ำมายังเขตทะเลของเกาะเล็กๆ นี้ ก็พอจะน่าเชื่ออยู่ แต่ขณะเดียวกันถ้าพูดว่ามีทั้งหอยเต้าปูนลายเสือและหอยเต้าปูนขนนกแดงลอยตามกระแสน้ำมาคงจะเป็นไปไม่ได้

นอกจากนี้ หากฉินสือโอวกระจายวางหอยแต่ละชนิดไว้เป็นจุดๆ โดยเมื่อสามจุดนั้นเชื่อมต่อกันก็เกือบจะเป็นเส้นตรง และเส้นตรงเส้นนี้ก็เชื่อมกันไปยังท่าเรือของเกาะพอดี!

เมื่อเป็นเช่นนี้จึงเดาได้ไม่ยากจริงๆ น่าจะมีคนโดยสารเรือข้ามฟากหรือขับเรือมาเองเข้ามาใกล้บริเวณหมู่เกาะแล้วสาดหอยพิษเหล่านี้มาด้วยเจตนาร้าย ด้วยใจที่คิดอยากจะทำลายธุรกิจการท่องเที่ยวบนเกาะแฟร์เวล

ฉินสือโอวเดาถึงเพียงแค่นี้ ทั้งนี้อาจจะมีมือมืดที่คอยอยู่เบื้องหลังซึ่งหากพูดไปก็จะไม่เป็นการดี หรือจะเป็นตระกูลมอร์รี่ หรือคนที่เขาเคยผิดใจอย่างพ่อแม่ของลินตัน วอเทอเรนซ์ หรืออาจจะเป็นใครที่คิดอิจฉาเศรษฐกิจของเมืองแฟร์เวลก็เป็นได้

แต่ถ้าจะพึ่งการเดาก็คงเดาไม่ออกอยู่ดีว่าเป็นใคร ฉินสือโอวจึงทำการค้นหาอีกครั้ง จนสุดท้ายก็เจอหอยเต้าปูนขนนกแดงสองตัวและหอยเต้าปูนลายเสืออีกสิบสี่ตัว

เขาเลยนำหอยเต้าปูนขนนกแดงกลับมายังฟาร์มปลาในเขตแนวปะการัง พร้อมกับบอกเหล่าลูกๆ ฉลามวาฬทั้งสามว่า ไม่ให้ไปก่อกวนพวกมันอีก หลังจากนั้นหอยเต้าปูนลายเสือทั้งสิบสี่ตัวก็ม้วนตัวไปอยู่ตามริมทะเล โดยกระจายตัวแบ่งกันไปอยู่สองที่ ทำให้ง่ายต่อการค้นหาในวันพรุ่งนี้

หลังจากนั้นเขาก็ไปที่ลำธารแคบบนเขาสูงเพื่อไปดูปลาไส้ตันฟลอริดา ซึ่งตัวเมียออกไข่แล้วเป็นที่เรียบร้อย ภารกิจของปลาตัวผู้เป็นอันประสบผลสำเร็จ ซึ่งแต่ละตัวก็อยู่ดีกินดีจนอ้วนท้วมสมบูรณ์

เห็นเช่นนี้แล้วฉินสือโอวเลยพาพวกมันกลับไปยังมหาสมุทร แต่ปลาเล็กยังคงต้องรอเวลาอีกสองเดือนถึงจะสามารถฟักไข่ได้ ส่วนปลาตัวเมียจะอยู่ในน้ำจืดนานไม่ได้

……………………………………..

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

Status: Ongoing

เดือนเมษายน  ณ เมืองไหเต่าซึ่งอากาศยังคงความหนาวเย็นของฤดูใบไม้ผลิอยู่

7 โมงครึ่งแล้วแต่ฉินสือโอวกลับไม่รู้สึกง่วงงุนอีกต่อไป เขากระชับเสื้อคลุมเอนตัวนั่งพิงหัวเตียงพลางทอดสายตาเหม่อมองไปยังนอกหน้าต่าง

เขามาอยู่ในเมืองนี้ได้ 8 ปีแล้ว เริ่มจากมาเรียนมหาวิทยาลัย หลังจากเรียนจบก็ยังคงก็อาศัยอยู่ในเมืองนี้ต่อมา

มหาวิทยาลัยจงยางไห่หยางที่ฉินสือโอวเรียนจบมาเป็นมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดในเมืองไหเต่า หลังจากที่เขาเรียนจบ เขาก็ได้เข้าทำงานในแผนกทรัพยากรบุคคลที่บริษัทปิโตรเลียมที่ดีที่สุดของเมืองไหเต่าด้วยความเหลือจากเหมาเหว่ยหลงรุ่นพี่ของเขา

ทำงานในตำแหน่งนี้มาได้ 4 ปี จนเมื่อเดือนที่แล้วแผนกทรัพยากรบุคคลก็มีพนักงานดูแลเอกสารสาวสวยเข้ามาใหม่คนหนึ่ง ผู้จัดการมอบหมายให้ฉินสือโอวเป็นพี่เลี้ยงดูแลเธอ แรกๆ ก็ไม่มีอะไร แต่ความสวยของเธอดันไปโดดเด่นสะดุดตาทายาทเศรษฐีคนหนึ่งในบริษัทเข้า

เรื่องที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นก็ง่ายๆ เข้าอีหรอบเดิม ทายาทเศรษฐีคนนั้นเห็นเธอกับฉินสือโอวสนิทกันก็เลยเกิดความหึงหวง เขาเรียกฉินฉือโอวไปเตือนหลายครั้ง แต่ฉินสือโอวไม่สนใจ จนกระทั่งทั้งสองมีปากเสียงกันจนถึงขั้นลงไม้ลงมือในท้ายที่สุด

เดิมทีมันเป็นเพียงปัญหาเรื่องผู้หญิง แต่เมื่อทายาทเศรษฐีถูกฉินสือโอวทำร้าย ปัญหาที่ตามมาหลังจากนั้นจึงยิ่งไปกันใหญ่ หมอนั่นติดต่อไปหาเพื่อนของเขาที่อยู่แผนกการเงินเพื่อให้พวกนั้นสร้างหลักฐานใส่ร้ายว่าฉินสือโอวยักยอกเงินก้อนหนึ่งของบริษัทไป

การยักยอกเงินบริษัทถือเป็นเรื่องที่ค่อนข้างใหญ่โต ฉินสือโอวไม่เพียงต้องชดใช้เงินคืนให้บริษัท แต่เขายังถูกไล่ออกเพราะเหตุนี้อีกด้วย!

จะว่าไปเรื่องที่ถูกไล่ออกจากบริษัทมันก็ไม่ได้แย่อะไร ที่จริงฉินสือโอวก็คิดจะลาออกอยู่แล้ว แต่ปัญหาอยู่ที่ทั้งเนื้อทั้งตัวเขาตอนนี้แทบจะไม่มีเงินเหลืออยู่เลย เพราะเงินของเขาถูกนำไปชดใช้ให้บริษัทจนหมดแล้ว

เคราะห์ซ้ำกรรมซัดไปอีกก็คือเดือนนี้เขาต้องจ่ายค่าเช่าห้องสำหรับสามเดือนข้างหน้าอีกด้วย ลำพังเงินที่เขาเหลืออยู่ตอนนี้มีพอแค่ค่าอาหารแต่ละมื้อเท่านั้น และไม่ว่ายังไงเงินก็คงไม่พอจ่ายค่าเช่าห้องแน่ๆ

ขณะที่ฉินสือโอวกำลังเครียดเรื่องค่าเช่าห้องก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น!

ฉินสือโอวเดินไปเปิดประตูก่อนใบหน้าดุดันของลุงเจ้าของห้องจะปรากฏขึ้นต่อหน้าเขาทันที ลุงเจ้าของห้องมาหาเขาตอนนี้ก็มีอยู่แค่เหตุผลเดียวเท่านั้นคือการมาเก็บค่าเช่าอย่างไม่ต้องสงสัย

ถึงแม้ว่าเมืองไหเต่าจะตั้งอยู่ทางเหนือ แต่เนื่องจากอยู่ติดทะเลจึงทำให้เมืองไหเต่ากลายเป็นเมืองท่าที่สำคัญแห่งหนึ่ง ดังนั้นนั้นเศรษฐกิจจึงเติบโตอย่างรวดเร็ว เรียกได้ว่าเป็นเมืองรองเลยก็ว่าได้ และด้วยเหตุนี้จึงทำให้บ้านมีราคาสูงมา ส่วนค่าเช่าบ้านก็แพงเช่นกัน

ฉินสือโอวเช่าห้องสตูดิโอขนาดเล็ก 1 ห้องนอน 1 ห้องรับแขกเอาไว้ ค่าเช่าต่อเดือนอยู่ที่หนึ่งพันหยวน แถมยังเก็บค่าเช่าล่วงหน้าทีละ 3 เดือนอีก นั่นจึงหมายความว่าเขาต้องจ่ายสามพันหยวนภายในเดือนนี้ แต่ที่ยิ่งไปกว่านั้นก็คือแค่สามร้อยหยวนเขายังไม่มีเลย!

ช่วยไม่ได้ ฉินสือโอวจึงทำได้เพียงยิ้มแห้งๆ และขอร้องให้ลุงเจ้าของห้องช่วยเห็นใจเขาหน่อย ลุงเจ้าของห้องดูไม่ค่อยพอใจมากนัก และก่อนจากไปเขาก็พูดออกมาเสียงแข็ง “ฉันให้เวลา 2 วัน เย็นวันมะรืนฉันจะมาเก็บเงินอีกที ถ้ายังไม่จ่ายค่าเช่าห้องนายก็ไสหัวออกไปซะ!”

ช่างเป็นคำพูดที่ทำร้ายจิตใจเหลือเกิน แต่ฉินสือโอวไม่มีแรงจะโมโหอีกแล้ว

ฉินสือโอวในวันนี้ถูกบีบบังคับจนอับจนหนทางมองไปทางไหนก็มืดแปดด้านไปหมด

เมื่อส่งเจ้าของห้องเช่ากลับไปแล้ว ฉินสือโอวก็กลับไปนอนลงบนเตียงด้วยใบหน้าเหนื่อยล้า ในหัวของเขาคิดเรื่องอนาคตไม่ออกและยังสิ้นหวังกับเรื่องราวในปัจจุบัน

อีกไม่นานเขาก็จะสามสิบแล้ว แต่กลับไม่มีงาน ไม่มีบ้าน ไม่มีรถ และพอนึกถึงหน้าพ่อแม่ใจของเขาก็ยิ่งห่อเหี่ยวเข้าไปใหญ่

ในตอนนั้นเองจู่ๆ ประตูห้องของเขาถูกเคาะอีกครั้ง และเสียงดังบาดหูของเจ้าของห้องเช่าก็ดังขึ้นมา

“เสี่ยวฉิน เปิดประตู เปิดประตูเดี๋ยวนี้!”

พอได้ยินเสียงเจ้าของห้องเช่าความรู้สึกห่อเหี่ยวและสิ้นหวังในใจของเขาก็ถูกแทนที่ด้วยความโกรธ ตาลุงเจ้าของห้องชักจะมากเกินไปแล้วนะ ไหนบอกว่าให้เวลาเขาสองวัน พอถึงเวลาแล้วจะมาเก็บเงินไง แล้วทำไมถึงกลับมาทวงเร็วขนาดนี้?

ฉินสือโอวข่มกลั้นความโกรธแล้วเปิดประตูออกไป แต่เขากลับพบว่าข้างกายของเจ้าของห้องเช่ามีตำรวจในเครื่องแบบที่สวมหมวกปีกกว้างอีกคนอยู่ด้วย

เมื่อตำรวจเห็นฉินสือโอว เขาก็เอ่ยปากถามขึ้นมา “คุณคือคุณฉินใช่ไหมครับ?”

ฉินสือโอวพยักหน้า จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงพูดต่อ “ถ้าอย่างนั้นเชิญไปกับผมด้วยครับ มีคนอยากพบคุณ”

พอได้ยินตำรวจพูดอย่างนั้น ยังไม่ทันที่ฉินสือโอวจะพูดอะไร เจ้าของห้องเช่าก็รีบพูดขึ้นมาทันที “คุณเจ้าหน้าที่ครับ ผมไม่ได้มีความเกี่ยวข้องอะไรกับเสี่ยวฉินนะครับ ถ้าเขาไปก่อคดีอะไรมา มันไม่เกี่ยวกับห้องของผมนะครับ”

ฉินสือโอวจะไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ เขาคิดว่าคดีก่อนหน้านี้อาจจะมีปัญหาอะไรขึ้นมาเขาจึงได้แต่เดินตามเจ้าหน้าที่ตำรวจหนุ่มไปยังสถานีตำรวจด้วยสภาพไร้วิญญาณ

พอถึงสถานีตำรวจ เจ้าหน้าที่ก็พาเขาตรงไปยังห้องของผู้อำนวยการทันที

เมื่อเข้าไปในห้องเขาก็กวาดตามองไปรอบๆ ห้องก่อนจะเห็นตำรวจพุงพลุ้ยวัยกลางกำลังชงชาให้ชายในชุดสูทสองคนที่นั่งอยู่ตรงโซฟา

สิ่งที่ทำให้ฉินสือโอวจับต้นชนปลายไม่ถูกก็คือหนึ่งในสองคนที่นั่งอยู่บนโซฟาเป็นชายสวมสูทรูปร่างสูงใหญ่ ผมสีบลอนด์ นัยน์ตาสีฟ้าและผิวขาวซีดราวกับแวมไพร์ อายุของเขาน่าจะไม่ต่ำกว่าห้าสิบหกสิบเห็นจะได้ เพราะเคราของเขากลายเป็นสีขาวราวกับหิมะไปแล้ว แต่ร่างกายที่กำยำนั้นช่างดูทรงพลังและน่าเกรงขามเหลือเกิน

เจ้าหน้าที่ตำรวจวัยกลางคนคนนั้นคือผู้อำนวยการสถานีตำรวจอย่างไม่ต้องสงสัย ว่าแล้วเขาก็ยื่นมือมาทางฉินสือโอวแล้วพูดขึ้น “คุณคือคุณฉินสือโอวสินะครับ? สวัสดีครับ ผมหลัวหย่งจื้อผู้อำนวยการสถานีตำรวจท้องที่ถนนซวงเหอเขตหลัวซานครับ”

ช่วงก่อนหน้านี้ฉินสือโอวถูกพวกตำรวจทำให้เขารู้สึกเหมือนอยู่ไม่สู้ตาย เมื่อเห็นหลัวหย่งจื้อยื่นมือมาจึงรีบเข้าไปจับ ก้มหัวโค้งแนะนำตัวเองทันที

หลังจากหลัวหย่งจื้อปล่อยมือฉินสือโอวแล้ว ชายวัยกลางคนที่ก่อนหน้านี้นั่งอยู่ตรงโซฟาก็ลุกขึ้นมาจับมือเขาแล้วพูดขึ้น “สวัสดีครับคุณฉิน ผมหลี่ซิ่นจากศาลประชาชนกลางแห่งเมืองไหเต่าครับ ส่วนท่านนี้คือคุณเออร์บัก ชาร์คแมน ทนายความที่มีชื่อเสียงจากสำนักงานกฎหมายฟาสเกนส์ ประเทศแคนาดาครับ”

หลังจากที่ทั้งสองฝ่ายได้แนะนำตัวกันแล้ว แวมไพร์เฒ่าที่วางตัวสูงสง่าน่าเกรงขามมาตลอดก็ถามออกมาเป็นภาษาอังกฤษ “สวัสดีครับคุณฉินสือโอว คุณรู้จักฉินหงเต๋อไหมครับ”

ขณะหลี่ซิ่นกำลังจะแปล ฉินสือโอวก็ตอบออกมาด้วยภาษาอังกฤษอย่างคล่องแคล่ว

“ฉินหงเต๋อหรอครับ? เขาคือปู่รองของผม อืม..ก็คือพี่ชายคนที่สองของปู่ผม”

เออร์บักพยักหน้าแล้วถามอีก “ถ้าอย่างนั้นคุณคงจะมีหัวใจโพไซดอนใช่ไหมครับ มันเป็นจี้สีน้ำเงินเล็กๆ ที่สวยมากๆ อันหนึ่ง ช่วยเอาออกมาให้ผมดูหน่อยได้ไหมครับ?”

ฉินสือโอวขมวดคิ้ว เขาไม่เข้าใจว่าฝรั่งคนนี้พูดถึงอะไร แต่กระนั้นเขาก็เลื่อนมือไปปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตเม็ดบนสุดออกแล้วดึงสร้อยเส้นสีแดงที่มีจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินออกมา

เออร์บักยื่นมือไปรับหัวใจโพไซดอน แล้วหันไปพูดกับหลัวหย่งจื้อ “ผมขอแก้วกระดาษใบหนึ่งหน่อยได้ไหมครับ?”

หลัวหย่งจื้อยกหูโทรศัพท์ อึดใจต่อมาแก้วคริสทัลราคาแพงก็ถูกยื่นมาให้เขาอย่างรวดเร็ว

เออร์บักเติมน้ำลงไปในแก้วแล้วนำหัวใจโพไซดอนหย่อนลงไปในน้ำ ทันใดนั้นน้ำในแก้วก็เปลี่ยนเป็นสีน้ำเงินเช่นเดียวกับหัวใจโพไซดอน และเมื่อเออร์บักขยับข้อมือ น้ำในแก้วก็กระเพื่อมส่งกลิ่นน้ำทะเลออกมา

ทุกคนในที่นั้นตกตะลึงจนพูดไม่ออก ฉินสือโอวก็ไม่เคยรู้มาก่อนว่าจี้เล็กๆ ที่ตัวเองห้อยมาตลอดมีพลังวิเศษแบบนี้

เมื่อเสร็จแล้วเออร์บักก็พูดออกมาอย่างจริงจังว่า “คุณฉินสือโอว สวัสดีครับ ผมเออร์บัก ชาร์คแมน ทนายความมือหนึ่งจากสำนักงานกฎหมายฟาสเกนส์ คุณฉินหงเต๋อมอบหมายให้ผมนำพินัยกรรมมาส่งมอบให้กับคุณ เดี๋ยวผมจะอ่านให้ฟังนะครับ…”

เออร์บักเปิดพินัยกรรมแล้วพูดออกมา

“นับแต่บัดนี้เป็นต้นไป คุณฉินสือโอว หลานคนโตของคุณฉินหงเต๋อ จะเป็นผู้สืบทอดฟาร์มปลาต้าฉิน ซึ่งตั้งอยู่ที่รัฐนิวฟันด์แลนด์และแลบราดอร์ นครเซนต์จอห์น ประเทศแคนาดา! ซึ่งมีมูลค่าการตลาดตามการประเมินโดยธนาคารแคนาดาอยู่ที่ประมาณ 42 ล้านดอลลาร์แคนาดา หรือก็คือ 233,100,000 หยวนครับ! “

หัวใจของฉินสือโอวเต้นดัง ‘ตุบ ตุบ ตุบ’ ราวกับจะหลุดออกมา ไม่ง่ายเลยที่เขาจะทำใจให้สงบลงได้ จากนั้นเขาก็ถามออกไปด้วยเสียงสั่นๆ “นี่คุณเออร์บักไม่ได้กำลังล้อผมเล่นใช่ไหมครับ? คุณปู่รองของผมทิ้งทรัพย์สินมูลค่า 230 ล้านหยวนให้ผมอย่างนั้นเหรอ?”

เออร์บักพยักหน้าเพื่อยืนยัน ต่อมาเขาก็แนะนำอะไรอีกนิดหน่อย ประมาณว่าตอนนี้เขาเป็นทนายส่วนตัวของฉินสือโอวแล้ว และต้องการให้ฉินสือโอวเดินทางไปแคนาดาโดยเร็วที่สุดเพื่อดำเนินการเกี่ยวกับการส่งมอบอสังหาริมทรัพย์ต่างๆ ให้เสร็จสิ้น

ฉินสือโอวลงนามในเอกสารยินยอมรับมรดกภายใต้การรับรองของหลัวหย่งจื้อและหลี่ซิ่น จากนั้นเขาก็พาหลี่ซิ่นกับเออร์บักเดินทางไปยังห้องเช่าของตัวเอง

พอไปถึงอพาร์ตเมนต์เขาก็ต้องตกใจเมื่อได้เห็นกองข้าวของที่วางอยู่หน้าห้อง เมื่อมองดูดีๆ เขาก็พบว่าทั้งหมดเป็นของของเขาจำพวกผ้าห่ม ที่นอน หนังสือและคอมพิวเตอร์

เมื่อเจ้าของห้องเช่าเดินออกมาเห็นฉินสือโอว เขาก็ล็อกประตูดัง ‘กริ๊ก’ แล้วพูดออกมาอย่างเย็นชา

“กลับมาแล้วเหรอ? ดีเลย ฉันจะได้พูดให้นายเข้าใจ นายไปทำอะไรไม่ดีมาใช่ไหม? ไม่อย่างนั้นตำรวจจะมาหานายถึงที่ทำไม”

พอฉินสือโอวทำท่าจะตอบกลับ เขาก็แสดงสีหน้าเย็นชาแล้วพูดต่อ “ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว เก็บของของนายแล้วไสหัวออกไปซะ ฉันปล่อยห้องเช่าให้คนไม่ได้เรื่องอย่างนายไม่ได้หรอก”

ทันใดนั้นฉินสือโอวก็ได้สติขึ้นมาทันที

……………………………………….

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน