มื้อเย็น ฉินสือโอวเตรียมแต่อาหารทะเลให้พอลลี่ทั้งนั้น
วันนั้นที่ฟาร์มพอลลี่ พวกเขาล้มลูกวัวเลี้ยงเขาเลยนะ ฉะนั้นฉินสือโอวก็ไม่ขี้เหนียว เอาของดีที่สุดของฟาร์มปลาออกมาอย่างไว้หน้า
ปลาตัวเป่าย่าง ปลาไหลอเมริกาตุ๋น เพรียงทะเลนึ่ง ปลาหัวเมือกผัดซอสแดง ส่วนปูหิมะ เมนล็อบสเตอร์กับปลาค็อด แน่นอนว่ายิ่งขาดไม่ได้
แน่นอนว่านอกจากอาหารทะเลก็ขาดไก่งวงย่างกับสเต๊กเนื้อไม่ได้ สองจานนี้เป็นอาหารเลี้ยงแขกที่จำเป็นของครอบครัวคนแคนาดา ฉินสือโอวรู้สึกว่าคนแคนาดานี่ก็เก่งจริง กินกับข้าวสองจานนี้ไม่เบื่อกันบ้าง
ที่จริงแล้วคนแคนาดาก็ไม่ได้เจ๋งอะไรขนาดนั้น เห็นฉินสือโอวเตรียมสเต๊กเนื้อ พอลลี่ก็รีบออกปากห้ามว่า “เฮ้ ฉิน ที่จริงอาหารที่คุณเตรียมก็เยอะพอแล้ว สเต๊กเนื้อจานนี้ก็ไม่เป็นไรหรอก?”
เดิมทีฉินสือโอวก็ไม่ได้เตรียมสเต๊กเนื้อจริงๆ แต่วันนี้เป็นวันเปิดโถกะปิที่เขาหมักไว้ เขารู้วิธีทำสเต๊กเนื้อโดยใช้กะปิที่อร่อยมากสูตรหนึ่ง นี่เป็นอาหารจานเด็ดของบ้านเกิดเขา พอลลี่ไม่เคยกินอย่างแน่นอน
อาหารจานนี้ก็คือสเต๊กเนื้ออบกะปิ พอเขาเปิดโถกะปิกลิ่นคาวเค็มก็พวยพุ่งขึ้นมา นี่คือกะปิชั้นดี ไม่มีกลิ่นเหม็นมีแต่กลิ่นเค็มและคาว พอกลิ่นทั้งสองแบบนี้รวมตัวเข้าด้วยกัน จะพูดว่าเป็นกลิ่นทะเลก็ได้
กะปิมีสีชมพูเสมอกัน ฉินสือโอวตักออกมาสองช้อน ผสมกับไข่ขาว และแป้งเพราะช่วยดับกลิ่นคาวของซอสกุ้งได้ดี จากนั้นก็ใส่ผักชี ต้นหอม หัวหอม กระเทียมสับ ทีนี้ก็ไม่มีกลิ่นคาวเหลืออยู่แล้ว
เขาทำอาหารนี้เป็นอันดับสุดท้าย กะปิต้องหมักจนเข้าเนื้อถึงจะได้ที่เลยต้องใช้เวลา
พอหมักเสร็จ ก็ต้องเอาลงทอดในน้ำมัน คนแคนาดาทำกับข้าวชอบใช้น้ำมันทอด พวกเขาเห็นว่าอาหารทอดธรรมดาดีกว่าอาหารทอดแบบน้ำมันท่วม
พอทอดสเต๊กเนื้อหมักกะปิเรียบร้อย อาหารจานสุดท้ายก็เสร็จแล้ว กินข้าวได้
เพราะชาวประมงกับพวกทหารไม่สนิทกับพอลลี่ ครั้งนี้ฉินสือโอวเลยจัดงานเลี้ยงในบ้านแบบง่ายๆ พ่อแม่ เออร์บัก พวกเด็กๆ อีวิลสันแล้วก็เขากับวินนี่
อีวิลสันกินข้าวกับพวกเขาตลอด พ่อแม่ฉินชอบเขามาก เพราะเขากินเยอะสุดๆ แถมยังไม่เลือกกิน มีเขาอยู่พ่อแม่ฉินก็ทำอาหารได้ตามสบาย อย่างไรสุดท้ายก็ไม่เหลือทิ้ง
ในสายตาของคนแก่ทั้งสอง เด็กที่ไม่กินทิ้งกินขว้างก็คือเด็กดี
เหมาเหว่ยหลงกัดเนื้อเข้าไปหนึ่งคำ รสชาติอันแปลกใหม่ทำให้เขาประหลาดใจ “ฉิน จานนี้แกทำได้อร่อยมาก ฉันเพิ่งเคยกินสเต๊กเนื้อแบบนี้ครั้งแรก รสชาติไม่เลวเลย”
พอลลี่เองก็กินได้ เขาพยักหน้าพูดว่า “ย่างสเต๊กได้นุ่มมาก ที่สำคัญก็คือมีกลิ่นทะเลด้วย ฉิน คุณทำได้อร่อยมากเลย ต้องยกนิ้วให้คุณเลยล่ะ ฮ่ะๆ”
ตอนที่ฉินสือโอวทำก็ชิมก่อนแล้ว ประเด็นก็คือเพราะกะปิดี กลิ่นคาวไม่หนัก รสออกหวานๆ กะปิแบบนี้ป้ายบนหมั่นโถวกินกับข้าวยังได้เลย
หู่เป้าฉงหลัวโดนกลิ่นหอมของเนื้อทอดดึงให้ตามมา วินนี่ให้อาหารมันไปแล้ว พวกมันก็ยังเงยหน้ามองดูฉินสือโอวรอของกินอย่างคาดหวัง
เหมาเหว่ยหลงอยากเอาของให้มันกิน ฉินสือโอวจึงรีบห้ามพัลวัน “แกดูสิว่าพวกมันอ้วนขนาดไหน? ให้อีกไม่ได้แล้ว มื้อเย็นพวกมันก็ไม่ใช่กินน้อยๆ”
เจ้าพวกตัวเล็กรออยู่ครู่หนึ่งก็ยังไม่ได้ของกินเลยเดินคอตกออกไป ทำเอาพอลลี่ขำจนไม่ไหว
วินนี่พูดขึ้น “พรุ่งนี้ฉันต้องตั้งกฎขึ้นมา ตอนนี้นักท่องเที่ยวก็ให้อาหารโลมาแบบไม่มีขีดจำกัดเหมือนกัน ฉันรู้สึกว่าช่วงนี้โลมาอ้วนขึ้นเยอะเลย”
เหมาเหว่ยหลงไม่รู้เรื่องโลมาเลยถามว่าเรื่องอะไรกัน ฉินสือโอวอธิบายพักหนึ่ง คนทั้งโต๊ะเลยเริ่มวิพากษ์วิจารณ์คนญี่ปุ่น พอลลี่ก็วิจารณ์ด้วย เพราะเจ้าของฟาร์มแคนาดาเกลียดวัววากิวเป็นที่สุด พวกนั้นโกยเงินไปหมดเลย…
เหมาเหว่ยหลงไม่เคยเล่นกับโลมาเลย จึงบอกว่าพรุ่งนี้เขาก็จะไปเลี้ยงโลมา ให้ฉินสือโอวพาเขาไปเที่ยวหน่อย ฉินสือโอวส่ายหน้าบอกโลมามีอะไรน่าสนุก พรุ่งนี้ถ้าตามเขาไปมีอะไรสนุกกว่านี้อีก
สิ่งที่น่าสนุกกว่านั้นก็คือไปอเมริกาส่งนิมิตส์ให้คาเมรอน…
ฉินสือโอวกลับมาจากท่าเรือบาสก์เกือบจะเดือนหนึ่งแล้วก็ยังไม่ได้ส่งนิมิตส์ไปให้คาเมรอน แต่จะผลัดอีกต่อไปไม่ได้แล้ว
ไปอเมริกาจากแคนาดาสะดวกมาก แต่เงื่อนไขคือห้ามเอาสัตว์เลี้ยงไปด้วย
ตามขั้นตอนทั่วไป ฉินสือโอวจะพานิมิตส์ไปอเมริกา ก็ต้องพานิมิตส์ไปทำการตรวจหาโรค ดีที่คาเมรอนทำเรื่องเสร็จหมดแล้ว ฉินสือโอวสามารถพามันขึ้นเครื่องได้เลย
ครั้งนี้ไปจากเกาะแฟร์เวล นิมิตส์ก็เชื่องขึ้น มันอยู่ข้างฉินสือโอว ตื่นเต้นไปตลอดทาง
หนังเรื่องนี้ของคาเมรอนถ่ายทำที่ไมอามีเป็นหลัก เพราะไมอามีมีหาดและทะเลที่สวยกว่าอ่าวเซนต์ลอว์เรนซ์ และหนังภัยพิบัติทางทะเลแบบนี้ก็มีฉากเป็นหนึ่งในจุดขาย
นี่เป็นครั้งที่สองที่ฉินสือโอวกับเหมาเหว่ยหลงมาไมอามีด้วยกัน คราวที่แล้วที่มาเมืองนี้ พวกเขาเจอเรื่องจี้ปล้นเป็นครั้งแรก ตอนนี้นึกย้อนกลับไปก็น่าสนใจดี
“ไม่รู้คดีคลี่คลายหรือยัง” เหมาเหว่ยหลงพูด “ว่ากันว่าทีมอาชญากรรมของไมอามีเก่งมาก”
ฉินสือโอวถาม “แกรู้เรื่องกองกำลังตำรวจของไมอามีด้วยเหรอ?”
เหมาเหว่ยหลงพูด “แน่นอน แกคิดว่าหลายปีมานี้ฉันดูหนังฮอลลีวูดกับหนังอเมริกาไปเปล่าๆ หรือไง?”
ฉินสือโอว “…”
คนที่มารับทั้งสองคนก็คือบัตเลอร์ ไมอามีเป็นหนึ่งในฐานที่มั่นหลักของอาหารทะเลแบรนด์ต้าฉิน พอเจอกันลุงหนวดก็กอดเหมาเหว่ยหลงยกใหญ่ จากนั้นก็พูดกับนิมิตส์ “เฮ้ เพื่อน พวกเราเจอกันที่อเมริกาอีกแล้ว? สบายดีไหม? โอ้ ผมสบายดี”
นิมิตส์มองบัตเลอร์ด้วยสายตาดูถูก จากนั้นก็มองไปรอบๆ อย่างลนๆ นี่มันสถานที่แปลกนี่นา นกโจรสลัดใหญ่ร้อนใจกับสิ่งนี้
บัตเลอร์ส่งทั้งสองคนไปที่กองถ่ายที่นอกหาด ตอนที่อยู่บนรถเขาพูดว่า “เพื่อนๆ อวยพรฉันด้วย ฉันกำลังจะร่วมงานกับผู้กำกับคาเมรอนแล้ว”
“หมายถึงอะไร?” ฉินสือโอวถามออกมา
เหมาเหว่ยหลงเข้าใจความหมายเขาในทันที “อาหารทะเลแบรนด์ต้าฉินจะแทรกโฆษณาในหนังเลยใช่ไหม? โอ้ นี่เป็นหนังฟอร์มใหญ่เลยนะ เท่าไรล่ะ?”
บัตเลอร์หันมาพูดยิ้มๆ “ฮะ แม้ว่านี่จะเป็นไอเดียที่ดี แต่ฉันเองคนเดียวตัดสินใจไม่ได้ ที่จริงฉันก็แค่บทบาทเล็กๆ ตัวจริงก็คล้ายกับตัวละครนี้ไม่ใช่เหรอ? ฉันน่ะเป็นถึงผู้จำหน่ายอาหารทะเลฟาร์มปลาต้าฉินรุ่นแรก”
ฉินสือโอวเกาคางแล้วพูดอย่าสนใจ “เพื่อน พวกเราแทรกโฆษณาเข้าไปในหนังเรื่องนี้ได้ หนังของคาเมรอนนะ หนังภัยพิบัติทางทะเลฟอร์มยักษ์ ทำไมไม่ใช้ประโยชน์หน่อยล่ะ?”
พอลุงหนวดเหยียบคันเร่งก็พูดอย่างประหลาดใจ “ให้ตาย เหมือนคุณกำลังผมเล่นเลย! พวกเราไม่จำเป็นต้องแทรกโฆษณา นี่ก็คือหนังโปรโมตที่ทำให้พวกเรา อย่าบอกผมนะว่าฉิน ว่าตอนที่บริษัทหนังกับคุณเซ็นสิทธิ์ในการดัดแปลง คุณไม่ได้ขอให้เพิ่มบริษัทเราเข้าไป?”
ฉินสือโอวพูดอย่างอ่อนแรง “เพื่อน คุณต้องเข้าใจนะ ตอนที่เกิดเรื่องนี้ พวกเรายังไม่ได้ทำอาหารทะเลแบรนด์ต้าฉิน!”
อีกอย่าง ตอนนั้นเขาขอให้ผู้ผลิตภาพยนตร์ปกปิดร่องรอยของฟาร์มปลาต้าฉินเพื่อปกป้องตัวเองด้วย…
……………………………………….