บิลลี่อธิบายเรื่องร่างอนุสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วยการคุ้มครองมรดกทางวัฒนธรรมใต้น้ำของยูเนสโกที่กำลังถูกผลักดันอยู่ในตอนนี้ให้ฟังคร่าวๆ ด้วยรอยยิ้มจืดเจื่อน นี่เป็นกฎหมายระหว่างประเทศที่อเมริกาพยายามเสนอให้นำมาปฏิบัติใช้อย่างจริงจัง โดยจะถือว่าผู้ที่ทำการกู้วัตถุจะไม่มีกรรมสิทธิ์ในวัตถุใดๆ ก็ตามที่ถูกขุดค้นขึ้นมา
ร่างอนุสัญญาฉบับนี้เสนอให้ยกเลิกกฎหมายว่าด้วยการค้นพบและกฎหมายการช่วยเหลือที่ใช้กับซากเรืออับปางที่อยู่ในขอบเขตด้านประวัติศาสตร์ ซากเรืออับปางที่เกี่ยวข้องกับประวัติศาสตร์จะต้องถูกจัดการและได้รับการคุ้มครองเหมือนกันทั้งหมด
นอกจากนี้ เพื่อให้แน่ใจได้ว่าจะสามารถยับยั้งการกู้วัตถุใต้น้ำทางพาณิชย์ทุกประเภทได้อย่างมีประสิทธิภาพ แม้ว่าจะเป็นการกู้ซากเรืออับปางในเขตน่านน้ำสากล แต่ทุกประเทศที่ร่วมลงนามก็จะไม่สามารถอนุญาตให้เรือที่ทำการกู้ซากเรืออับปางที่เป็นโบราณวัตถุเข้าเทียบท่าได้
ร่างอนุสัญญายังกำหนดไว้อีกว่า ต้องได้รับการอนุญาตจากในประเทศเท่านั้น ถึงจะสามารถดำเนินการกู้วัตถุใต้น้ำขึ้นมาได้ อีกทั้งประเทศที่มีความเกี่ยวข้องจะต้องยึดวัตถุโบราณทั้งหมดที่ไม่เป็นไปตามข้อกำหนดของร่างอนุสัญญา และจะมีบทลงโทษทางกฎหมายอย่างเข้มงวด และมีการปรับเงินกับประเทศที่นำเข้าโบราณวัตถุที่ถูกกู้ขึ้นมาอย่างผิดกฎหมาย
สำหรับบริษัทกู้วัตถุใต้น้ำนี่ถือเป็นเรื่องร้ายแรงมาก หากกฎข้อบังคับเหล่านี้ถูกนำมาปฏิบัติใช้ เช่นนั้นแล้วบริษัทกู้วัตถุใต้น้ำกว่าแปดสิบเปอร์เซ็นต์ในตอนนี้ล้วนแต่ต้องปิดตัวลงทั้งสิ้น
พอได้ฟังบิลลี่อธิบายแล้ว เบลคกับแบรนดอนก็รู้สึกหนาวไปถึงกระดูกสันหลัง “มีเรื่องที่เฮงซวยขนาดนี้ด้วยเหรอ? พวกคนอเมริกาอย่างพวกนายคิดจะทำบ้าอะไรกัน?”
ฉินสือโอวกลับมีท่าทีที่นิ่งสงบ เป็นแบบนี้แล้วมันทำไม? ที่ประเทศของพวกเรา นโยบายที่นำมาปฏิบัติก็เป็นแบบนี้ทั้งนั้นแหละโอเคไหม
เขาไม่สนใจกฎหมายระหว่างประเทศพวกนี้หรอก ถึงอย่างไรสำหรับเขาแล้วกฎหมายข้อนี้ถือเป็นข้อดีเสียอีก สมบัติที่จมอยู่ใต้มหาสมุทรส่วนใหญ่เป็นโบราณวัตถุไม่ใช่แร่จำนวนมหาศาลแบบนี้ ดังนั้นบริษัทกู้วัตถุใต้นำจึงเป็นคู่แข่งของเขาทั้งนั้น เมื่อไม่มีคู่แข่งเหลืออยู่แล้ว สมบัติใต้ทะเลก็จะเป็นของเขาแค่คนเดียวแล้วไม่ใช่เหรอ?
ส่วนจะอธิบายเรื่องสมบัติพวกนี้อย่างไรนั้น ฉินสือโอวก็แค่บอกว่าเป็นมรดกตกทอดจากปู่สอง เหมือนกับตอนที่จัดการสมบัติจากใต้ทะเลสาบเฉินเป่าก็พอแล้ว แคนาดาคุ้มครองทรัพย์สินส่วนบุคคลจากการล่วงละเมิด
เพียงแต่ว่าตอนนี้เขาจะแสดงออกว่าเขาสนับสนุนข้อกฎหมายใหม่ไม่ได้ เขาจึงแสดงท่าทีไม่พอใจเพราะความโมโหออกมา “ฟัค คนอเมริกานี่แม่งชอบเจ๋อเรื่องของชาวบ้านไปทั่วจริงๆ เลย อย่าเข้าใจผิดนะ บิลลี่ ฉันไม่ได้ว่านาย ฉันหมายถึง…”
“ตอนนี้จะยังพูดอะไรอีก? ชิท หวังจริงๆ เลยว่าพวกวอร์ชิงตันมันจะฉิบหายกันให้หมด!” บิลลี่ก็อดด่าไม่ได้เหมือนกัน “ไอ้ลูกหมาพวกนี้เอาเงินภาษีที่พวกเราจ่ายไปกินไปดื่มไปเลี้ยงเมียน้อย สุดท้ายแม้แต่น้ำซุปก็ไม่เหลือไว้ให้พวกเรากินแม้แต่หยดเดียว!”
ถ้ากฎหมายระหว่างประเทศอันใหม่ถูกนำมาบังคับใช้ บริษัทกู้วัตถุใต้น้ำโอดิสซีย์ที่เป็นตัวแทนครอบครัวของพวกเขาก็ต้องปิดตัวลง และต่อให้ไม่ถูกปิด แต่ถ้าอยากจะหาเงินก็คงทำได้ยากแล้ว
ด่าอยู่สักพัก แต่สุดท้ายก็หนีไม่พ้นประเด็นนี้อยู่ดี จะทำอย่างไรกับทองคำสิบตันพวกนี้?
“ได้เงินน้อยหน่อยก็ไม่เป็นไรหรอก…” ฉินสือโอวส่ายหัวพูดอย่างจนปัญญา “คราวนี้จัดการพวกมันที่แคนาดานี่แหละ”
เบลคส่ายหัวอย่างคนที่มั่นคงในจุดยืน เขากัดฟันแล้วพูดว่า “พวกเราต้องมีจิตใจที่กล้าได้กล้าเสีย เพื่อน เราต้องมีจิตใจที่กล้าได้กล้าเสีย! ช่างหัวกฎหมายระหว่างประเทศ ทุบไปทุบมา รถจักรยานก็กลายเป็นมอเตอร์ไซค์ได้! กู้ขึ้นมาจากอเมริกา แล้วก็ใช้วิธีเดิม ไปเลี่ยงภาษีที่มาเก๊า!”
ปรึกษากันอยู่ครู่หนึ่ง ทั้งสองฝ่ายต่างก็ไม่มีไอเดียที่ดีกว่านี้แล้ว สุดท้ายจึงตัดสินใจลองสู้ดูสักตั้ง ตัดสินใจว่าจะไปจัดการแร่ทองคำที่อเมริกาเหมือนเดิม
หลังจากนั้นเทรซี่ก็กลับมา แล้วเอ่ยชมว่าฟาร์มปลาของฉินสือโอวมีวิวทิวทัศน์ที่สวยงามมาก
ฉินสือโอวบอกว่าตอนนี้ยังไม่ดีเท่าไรนัก ที่ฟาร์มปลากำลังเตรียมตัวสร้างสวนดอกไม้ เลยทำให้ไม่เป็นระเบียบเท่าไร อีกทั้งยังไม่ได้สร้างบ่อน้ำร้อน ถ้าสร้างเสร็จเรียบร้อยแล้วเขาจะเชิญทุกๆ คนให้มาเที่ยวพักผ่อนที่นี่
ตกดึกนอนอยู่บนเตียงคนเดียว ฉินสือโอวเปิดหน้าต่างที่อยู่บนหัวนอนออก มองดูแสงดาวเปล่งประกายระยิบระยับท่ามกลางความมืดมิดในยามค่ำคืนอย่างใจลอย ขณะเดียวกันก็พาจิตสำนึกแห่งโพไซดอนทั้งสี่สายดำดิ่งลงไปในน้ำ
เป็นเวลานานมากแล้ว ที่เขาไม่ได้ใช้จิตสำนึกแห่งโพไซดอนเพื่อตรวจดูฟาร์มปลา แต่ใช้มันเพื่อขนกระจกนิรภัยใต้น้ำไปที่บริเวณใกล้ๆ กันกับแนวปะการัง เพื่อสร้างวังใต้น้ำที่มีเอกลักษณ์เป็นหนึ่งไม่เป็นสองรองใคร
แน่นอนว่า จิตสำนึกแห่งโพไซดอนไม่ใช่ช่าง มันทำงานที่ต้องใช้ความประณีตละเอียดอ่อนไม่ได้ เขาทำได้แค่ขนกระจกนิรภัยใต้น้ำพวกนี้ไปจัดวางไว้ให้มีรูปทรงเหมือนบ้านก็เท่านั้น
เขาประมาณการไว้ว่าจะสร้างมันขึ้นมาก่อนหน้าที่งานแต่งงานของเขากับวินนี่จะมาถึง แล้วหลังจากนั้นค่อยพาเธอดำน้ำลงไปดู
กระจกใต้น้ำแต่ละชิ้นถูกส่งเข้ามาด้วยความเหน็ดเหนื่อยและลำบากยากเย็น ฉินสือโอวมองดูมันอยู่สักพัก หลังจากนั้นก็ใช้จิตสำนึกแห่งโพไซดอนทั้งสามสายส่งกระจกเข้ามาเพิ่มตามส่วนที่ยังขาดต่อไป และให้อีกหนึ่งสายที่เหลือไปหาคราเคน ให้มันออกเดินทางไปยังทิศใต้ เพื่อไปเป็นกำลังหนุนให้กับเรือที่ขนส่งแร่ทองคำ
เรือที่บิลลี่ใช้ในการขนส่งแร่ทองคำล็อตนี้เป็นเรือสำหรับกู้วัตถุใต้น้ำลำหนึ่งจากตระกูลของเขา ระหว่างทางต้องระวังเรื่องการรักษาความลับเป็นอย่างมาก คนที่อยู่บนเรือไม่ได้รับอนุญาตให้ใช้โทรศัพท์ นอกจากกัปตันเรือและต้นหนเรือแล้ว คนอื่นๆ ที่เหลือจะจับโทรศัพท์ผ่านดาวเทียมไม่ได้ เป็นการรักษาความลับในการทำงานขั้นสูงสุด
หลังจากฉินสือโอวออกคำสั่งกับคราเคนไปแล้ว เขาก็เคลื่อนย้ายจิตสำนึกแห่งโพไซดอนไปไว้ในงูเหลือมทะเลตัวหนึ่ง งูเหลือมทะเลยักษ์จำนวนสิบตัวกำลังว่ายน้ำอยู่ที่ใต้ท้องเรืออย่างรวดเร็ว คุ้มกันเรือกู้งมวัตถุอยู่อย่างลับๆ
ตรวจการณ์ผ่านงูเหลือมทะเลอยู่สักพัก การเดินเรือไม่ได้มีปัญหาอะไร จิตสำนึกแห่งโพไซดอนทั้งสี่สายกวาดดูลาดเลาในบริเวณรอบๆ ด้วยความรวดเร็ว เมื่อเห็นว่าไม่มีเรือลำอื่นไล่ตามมา เขาจึงดึงจิตสำนึกแห่งโพไซดอนกลับมา และสร้างวังคริสทัลของเขาต่อไป
แบ่งประเภทตามรูปทรงอย่างคร่าวๆ อันดับแรก เขาสร้างผนังทั้งสี่ด้านไว้บนพื้นที่ราบรอบแนวปะการัง แน่นอนว่าในตอนสุดท้ายเมื่อสร้างเสร็จแล้วก็จะมีผนังเพียงสี่ด้านเท่านั้น ถึงอย่างไรก็คงไม่สามารถตั้งขื่อคานอันใหญ่เพื่อทำหลังคาได้หรอกใช่ไหมล่ะ?
หลังคามีไว้สำหรับบังแดดบังฝน แต่ในสภาพแวดล้อมใต้ทะเลแบบนี้ มันจำเป็นจะต้องบังแดดบังฝนด้วยเหรอ?
ยุ่งอยู่กับงานมาตลอดสองคืน วินนี่พานิมิตส์กับบรรดาเพื่อนร่วมงานของเธอกลับมาถึงเกาะแล้ว ฉินสือโอวที่ตั้งใจจะไปรับเธอ ก็ถามเธอว่า “เรียบร้อยแล้วใช่ไหมครับ?”
วินนี่ทำท่าทางมือบอกเขาว่า ‘โอเค’ แล้วพูดว่า “ใช่ค่ะ พวกเขาแค่อยากถ่ายทำฉากมรสุมที่ไมอามี่เท่านั้น ส่วนเรื่องราวของฟาร์มปลาจะถูกถ่ายทำในเมือง แล้วก็จะเปิดเส้นทางการท่องเที่ยวสายใหม่เพิ่มอีกหนึ่งสาย ใช่ไหมคะ?”
“นี่เป็นความดีความชอบของผม คุณต้องตอบแทนผมด้วยนะครับ” ฉินสือโอวพูดไปยิ้มไป เขาเข้าไปรับนิมิตส์ เจ้าตัวหลังถลึงตาใส่เขาด้วยความไม่พอใจ มันกระพือปีกบินขึ้นสูง ไปรวมตัวกับบุชและแคลร์ที่เขาพามาด้วยกันหลังจากนั้นก็พากันบินหนีไป
วินนี่พูดอย่างยิ้มๆ ว่า “ฮ่า คราวนี้คุณทำให้ลูกไม่พอใจจริงๆ แล้วล่ะ คุณพามันไปไมอามี่ แต่ตัวเองดันหนีมาก่อน”
ฉินสือโอวกล่าวว่า “แต่ผมก็ยังให้คุณอยู่เป็นเพื่อนมันไม่ใช่เหรอครับ?”
กลับมาถึงฟาร์มปลาแล้ว พอฉินสือโอวลงรถ เขาก็มองเห็นหู่จือกับเป้าจือที่กำลังนั่งอยู่ในพงหญ้ากำลังมองดูอะไรสักอย่างด้วยความสนอกสนใจเป็นอย่างยิ่ง ขนาดเขากับวินนี่กลับมาบ้านก็ยังไม่ได้รับความสนใจจากพวกมันเลย
ฉินสือโอวเดินตามไปแนวสายตาของสัตว์เลี้ยงทั้งสองตัว เงาร่างสีเทาของพี่น้องเฟอเรทปรากฏตัวอย่างเลือนรางอยู่ในพงหญ้าสีเขียวสด พวกมันทั้งสองตัวย่ำเท้าหาของอยู่ในพงหญ้าไปทางซ้ายทางขวาด้วยท่วงท่าอ่อนช้อย ไม่รู้ว่ากำลังหาอะไรอยู่
หาอยู่สักพัก อยู่ๆ เฟอเรทผู้พี่ที่มีร่างกายแข็งแรงกว่าก็สะบัดหัวด้วยความกระปรี้กระเปร่า อีกเดี๋ยวต่อมามันก็กระโดดขึ้นไปในอากาศ แล้วมุดหัวเข้าไปในโพรงใต้พงหญ้า
ต่อจากนั้น เสียงร้องแหลมก็ดังขึ้นมาจากในโพรงทันที พอฉินสือโอวได้ยินก็คิดว่า นี่ใช่เสียงของกระรอกดินหรือเปล่านะ?
เขารีบเดินเข้าไปดู ก็เห็นเฟอเรทผู้พี่กำลังลากลูกกระรอกดินตัวหนึ่งออกมาข้างนอก หางเล็กๆ กระดกขึ้นอย่างแรง พร้อมออกแรงกดอุ้งเท้าเล็กไว้บนพื้น ลูกกระรอกดินตัวนั้นทั้งดิ้นทั้งร้อง แต่ก็ยังถูกมันลากออกมาอยู่ดี
ฉินสือโอวรีบจับเฟอเรทผู้พี่ขึ้นมา ในที่สุดลูกกระรอกดินก็หนีรอดจากอุ้งมือมารได้แล้ว มันรีบไปหลบอยู่ที่ด้านหลังเท้าของเขา แล้วเงยหน้าขึ้นไปมองเขาด้วยความรู้สึกน้อยใจเพราะไม่ได้รับความเป็นธรรม ดวงตาสีดำกลมโตคลอไปด้วยหยดน้ำตา
…………………………………………….