ฉินสือโอวก็ห่วงเรื่องนี้เช่นกัน ขนแร่ทองคำทั้งลำแบบนี้ออกจะน่ากลัวไปหน่อย แค่อธิบายว่างมขึ้นมาจากแถบทะเลสาธารณะคงไม่ได้
เมื่อก่อนพวกเขาจะปล่อยข่าวเรื่องสมบัติเรืออับปางในแถบทะเลสาธารณะใกล้ๆ กับทะเลอาณาเขตของอเมริกา ครั้งนี้ถ้าทำแบบนั้นแล้วพวกเอฟบีไอ เอ็นเอสเอ ซีไอเอได้ข่าวแล้วชิงลงมือก่อน จัดการย้ายแร่ไปไว้ภายในเขตทะเลอาณาเขต จากนั้นก็ทำเรื่องโดยมีหลักฐานพร้อม
อย่างไรเสียนี่ก็เป็นประเทศที่มีกำลังทัพเรือที่แกร่งที่สุดในโลก และยังเป็นรัฐบาลอันธพาลอันเลื่องชื่อ ผลงานศิลปะมูลค่าหลายสิบล้านจากเรืออับปางอาจจะไม่คุ้มค่าที่พวกเขาจะคิดวางแผนเล่ห์กล แต่แร่ทองคำมูลค่าสี่ถึงห้าพันล้านดอลลาร์นั้นเพียงพอแน่นอน
งานศิลปะต่อให้แพงกว่านี้ก็เป็นแค่ของสะสม ทองน่ะเป็นสกุลเงินแข็งเลยนะ!
ในด้านนี้กลับกลายเป็นรัฐบาลแคนาดาที่ไม่เคี่ยวแบบนั้น เพียงแต่แคนาดามีฉายาว่าประเทศแห่งภาษี อัตราภาษีสูงมาก ถ้าแร่ทองคำนี้หลอมและจำหน่ายภายในแคนาดา พวกเขาต้องจ่ายภาษีสูงกว่าที่อเมริกาครึ่งหนึ่ง
แต่ภายใต้สถานการณ์นี้ จ่ายภาษีไม่เป็นไร สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการได้ทองพวกนี้มาต่างหาก
“แอตแลนติกเหนือไม่ค่อยมีเรือขนส่งสมบัติ เราจะอธิบายที่มาที่ไปของแร่ทองพวกนี้อย่างไร?” ฉินสือโอวใช้นิ้วเคาะโต๊ะ “นี่เป็นปัญหาใหญ่ไม่ใช่เหรอ?”
บิลลี่พูดยิ้มๆ “วางใจเถอะ เรื่องนี้ฉันจัดการเอง เรืออับปางในแอตแลนติกเหนือก็มีไม่น้อย ฉันจะหาข่าวลือที่น่าเชื่อถือแล้วเอาแร่ทองคำพวกนี้ไปผูกเข้าด้วยกันก็โอเคแล้ว”
ฉินสือโอวคิดๆ ดูแล้วพูดขึ้น “พวกเรากลับเซนต์จอห์น เรียกเบลคกับแบรนดอนมาประชุม ถึงเวลาที่ต้องหารือเรื่องนี้กันหน่อยแล้ว”
บิลลี่พยักหน้า จากนั้นก็ทำหน้าชื่นตาบานต่อไป “เพื่อน คืนนี้กะจะสนุกอย่างไร?”
ฉินสือโอวชูเครื่องดื่มขึ้นพลางพูดว่า “ดูหนังสักเรื่องเป็นไง?”
บิลลี่แบมือออกไปข้างตัวแล้วร้องออกมา “อย่าทำงั้นสิ เพื่อน นี่มันไมอามี สวรรค์ของผู้ชาย! เอาน่า นายไม่ต้องสนใจมันแล้ว นี่มันถิ่นฉัน ทุกอย่างฉันจะจัดการเอง นายเตรียมรับความสุขเถอะ!”
สนุกที่บิลลี่หมายถึงก็คือไปเที่ยวผับ ฉินสือโอวกับเหมาเหว่ยหลงไม่ได้สนใจเรื่องแบบนี้ แต่ไปเที่ยวหน่อยก็ได้
ดังนั้นเป็นเวลาสองวันติดที่พอตกกลางคืนบิลลี่ก็พาพวกเขาไปดิ้นในผับ ฉินสือโอวยังพอว่า พอวันที่สามไม่ว่าอย่างไรเหมาเหว่ยหลงก็ไปไม่ได้แล้ว บิดเอวจนเจ็บ!
หลังจากนั้นฉินสือโอวก็ไปไม่ได้แล้ว เพราะว่าวินนี่นั่งเครื่องมาที่ไมอามี
วินนี่มาครั้งนี้ไม่ได้มาคนเดียว เธอยังพาฮานี่ย์และเจ้าหน้าที่รัฐคนอื่นๆ มาเพื่อประชุมกับคาเมรอน บริษัทหนัง และนักลงทุน ทั้งสามฝ่ายนี้เพื่อหารือเรื่องที่จะเปลี่ยนสถานที่ถ่ายทำบางส่วนไปที่เกาะแฟร์เวล
แบบนี้ฉินสือโอวก็ถือว่าได้รับการปลดปล่อย พอวินนี่มา เขาก็กลับบ้านได้แล้ว ส่วนนิมิตส์ให้เธอดูแลก็ได้
นกโจรสลัดใหญ่เห็นวินนี่ดีใจกว่าเห็นฉินสือโอวเสียอีก รีบกระพือปีกบินไปตรงหน้าเธอ วนรอบๆ ตัวเธอเหมือนลูกหมาตัวหนึ่ง แล้วเอาหัวคลอเคลียขาเธอยกใหญ่
วินนี่กอดนิมิตส์ขึ้นมา จากนั้นก็มองฉินสือโอวด้วยสายตาแปลกๆ แต่ไม่ได้พูดอะไร ตรงไปรวมตัวกับคาเมรอนและคนอื่นๆ ที่มารับและคุยกันเล็กน้อย
แต่ว่าพอทั้งสองคนอยู่กันสองต่อสอง จู่ๆ เธอก็ดึงฉินสือโอวแล้วถามว่า “ที่รักคะ คุณเจอเรื่องกลุ้มอะไรหรือเปล่า?”
ฉินสือโอวพูดด้วยความประหลาดใจ “เปล่า ไม่มีอะไรนี่”
วินนี่ส่ายหน้าอย่างแน่วแน่แล้วพูดว่า “ท่าทางคุณแปลกๆ นี่ไม่ใช่คุณ คุณต้องมีเรื่องกลุ้มอะไรแน่ๆ เกี่ยวกับเรื่องหนังหรือเปล่า?”
สัญชาตญาณและเซนส์ของผู้หญิงนี่เยี่ยมจริงๆ ฉินสือโอวอุทาน เขาพูดว่า “ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับหนัง ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร เพียงแต่ผมต้องกลับไป จัดการกับเรื่องนี้สักหน่อย”
ได้ยินฉินสือโอวบอกว่าจะกลับไปวินนี่ก็ขมวดคิ้วไม่พอใจและพูดว่า “คุณยุ่งขนาดนั้นเลยเหรอคะ? ฉันกะว่าอยากจะมาใช้เวลากับคุณที่นี่ ปรากฏว่าพอฉันมาถึงคุณก็จะไป”
ฉินสือโอวจูบเธอก่อนจะพูดว่า “ที่รัก ผมจำเป็นต้องกลับ มีเรื่องสำคัญรอผมอยู่ ถ้าเรื่องนี้จัดการเรียบร้อย คุณก็จะได้เป็นภรรยาของเศรษฐีที่รวยที่สุดในเซนต์จอห์นแล้ว”
วินนี่ดึงแขนเขาไว้ก่อนจะจ้องลึกเข้าไปในตาของเขาและเอ่ยขึ้น “พวกคุณเจอสมบัติเรืออับปางอะไรอีกใช่ไหม? ฟังฉันนะคะฉิน ฉันไม่ได้อยากเป็นภรรยาของเศรษฐีที่รวยที่สุด ฉันแค่อยากให้เราอยู่ด้วยกันก็เท่านั้น พวกเรามีเงินมากพอแล้ว ไม่ใช่เหรอ?”
ฉินสือโอวตบหลังเธอแล้วพูดปลอบใจ “อย่าคิดมากเลย ไม่มีอะไร เราได้อยู่ด้วยกันแน่ๆ”
พอบอกลาวินนี่เสร็จ ฉินสือโอวก็รีบกลับเซนต์จอห์นพร้อมบิลลี่และเหมาเหว่ยหลง
แบบนี้เหมาเหว่ยหลงก็ไม่มีความจำเป็นที่จะอยู่ต่อ เขาเปลี่ยนเครื่องที่สนามบินเซนต์จอห์นแล้วตรงกลับแฮมิลตันไปดูแลฟาร์มของเขาต่อ
ก่อนที่จะกลับมา ฉินสือโอวโทรหาเบลคกับแบรนดอน ฉะนั้นตอนที่พวกเขากลับมาที่ฟาร์มก็เห็นทั้งสองคนอยู่ที่นั่นแล้ว
ข้างๆ ทั้งสองคนยังมีสาวสวยคนหนึ่งอยู่ด้วย พอเห็นฉินสือโอวแบรนดอนก็ชี้ไปที่เธอแล้วพูดยิ้มๆ “ยังจำเธอได้ไหม?”
ฉินสือโอวจำได้อยู่แล้ว ผู้หญิงคนนี้เป็นแอร์โฮสเตสเหมือนกับวินนี่ ก่อนหน้านี้ที่ไปร่วมประชุมประจำปีด่วนก็คือแอร์โฮสเตสคนนี้ที่บริการพวกเขา
นอกจากนี้เขาก็ติดตามวีแชทของแบรนดอน พอกลับมาจากเกรตแบร์ริเออร์รีฟ ครึ่งปีให้หลังมานี้มักจะเห็นแบรนดอนลงรูปคู่ของทั้งสองคนบ่อยๆ ดูท่าคราวนี้แบรนดอนจะจริงจังเสียแล้ว
แน่นอนว่าอายุเขาก็ไม่น้อยแล้ว ฉินสือโอวนึกว่าเขาจะเป็นพวกครองตัวเป็นโสดเสียอีก
หญิงสาวยื่นมือออกมา และยิ้มกว้างก่อนพูดขึ้น “เทรซี่ สต็อกตัน สวัสดีค่ะคุณฉิน ยินดีที่ได้พบคุณอีกนะคะ”
“สวัสดีครับเทรซี่” ฉินสือโอวพูด “ยินดีต้อนรับสู่ฟาร์มปลาของผม ถ้าชอบล่ะก็ ผมให้คนพาไปเที่ยวได้นะครับ”
เทรซี่พูดพร้อมรอยยิ้มดีใจ “แบบนั้นก็ดีเลยค่ะ”
หลังจากกลับไปที่วิลล่า ฉินสือโอวก็โบกมือเรียกเชอร์ลี่ย์ ให้เธอพาเทรซี่ออกไปเดินเล่น
เทรซี่เดินออกไป ไม่ได้พูดอะไรมาก รอจนเธอไปแล้วฉินสือโอวก็พูดกับแบรนดอนว่า “ต่อไปชีวิตนายคงลำบากแน่”
แบรนดอนยิ้มแล้วเอ่ยขึ้น “ไม่สิ ควรบอกว่าดีขึ้นกว่าเดิม เธอก็เหมือนกับวินนี่”
บิลลี่มองทั้งสองด้วยความงุนงงแล้วพูดว่า “พวกนายคุยเรื่องอะไรกัน? ทำไมฉันไม่รู้เรื่อง?”
เบลคพูดยิ้มๆ อย่างจนใจ “ไอ้งั่งอย่างแกก็ยากจะเข้าใจคำพูดซับซ้อนพวกนี้ ดูไม่ออกเหรอ? เทรซี่เป็นผู้หญิงฉลาด เธอรู้ว่าพวกเรามีเรื่องจะคุยกัน ฉะนั้นพอฉินเชิญเธอไปเที่ยวชมฟาร์มปลาเธอไม่ได้พูดอะไรแล้วก็ไปเลย”
บิลลี่เกาจมูกก่อนจะพูดแบบเพิ่งเข้าใจ “มิน่าล่ะ ฉินถึงพูดว่าแบรนดอนจะให้ชีวิตลำบาก มีแฟนเป็นผู้หญิงฉลาดชีวิตก็ลำบากจริง”
ฉินสือโอวเปิดโทรศัพท์และเชิญให้พวกเขานั่งลง “โอเค ไม่คุยเรื่องพวกนี้แล้ว มาพูดเรื่องจริงจังกันดีกว่า ทองพวกนี้จะจัดการอย่างไร? ฉันกับบิลลี่เสนอให้ขนไปทางแอตแลนติกเหนือแล้วค่อยเข้าแคนาดา”
เบลคครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “ขนมาแคนาดาเลยก็ไม่เลวนะ ตระกูลฉันมีคอนเนคชั่นเยอะกว่าที่นี่ แต่เอาจริงๆ ทองสิบตันออกจะเยอะไปหน่อย”
…………………………………………