หลังจากสั่งซื้ออุปกรณ์ประกอบคอกม้าสองวัน ในตอนที่เพิ่งจะทานมื้อเที่ยงเสร็จ ฉินสือโอวที่กำลังอ่านข่าวอยู่ในร่มไม้ก็ได้ยินเสียงเห่าของหู่จือกับเป้าจือดังขึ้นมา
เขานึกว่าบริษัทที่ขายกระท่อมแบบประกอบมาส่งวัสดุสำหรับการสร้างคอกม้าแล้ว เขาจึงลุกยืนขึ้นแล้วพูดกับตัวเองว่า “เชื่อเลย วีไอพีก็ดีอย่างนี้ล่ะนะ แบบนี้มันเร็วทันใจดีจริงๆ”
พวกเด็กๆ ก็อยู่ตรงใต้ร่มไม้เช่นกัน พวกเขาแต่ละคนกำลังนั่งทำการบ้านช่วงปิดเทอมอยู่กับโต๊ะกับเก้าอี้ตัวเล็กๆ ชีวิตเด็กประถมในแคนาดาช่างมีความสุขมากจริงๆ ฉินสือโอวเคยเห็นการบ้านของพวกเขามาก่อน ไม่ใช่แค่มีการบ้านน้อย แต่การบ้านที่ได้ก็ง่ายดายสุดๆ
ทว่าพวกเด็กๆ คงไม่ได้คิดอย่างนั้น เดิมทีพวกเขากำลังขีดเขียนกระดาษจดบันทึกอย่างหน้าดำคร่ำเครียด แต่พอได้ยินที่ฉินสือโอวพูดพวกเขาแต่ละคนก็เริ่มรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมา ถามว่า “คอกม้ามาถึงแล้วเหรอครับ? แบบนี้ก็ทำงานได้แล้วใช่ไหมครับ?”
ฉินสือโอวไม่พอใจกับทัศนคติด้านการเรียนของพวกเขา จึงกล่าวว่า “ฉันแค่เดาเฉยๆ มันจะเร็วขนาดนั้นที่ไหนกันล่ะ? พวกนายทำตัวดีๆ นั่งทำการบ้านอยู่ตรงนี้ซะ”
กอร์ดอนก็พูดกับเขาว่า “มันก็เร็วเท่านี้แหละ ฉิน คุณตามกระแสการพัฒนาของโลกยุคปัจจุบันไม่ทันใช่ไหมล่ะ? ยุคนี้คือยุคของการส่งพัสดุแบบเร่งด่วน! ไม่ว่าอะไรก็จัดส่งได้เร็วทันใจทั้งนั้น!”
ฉินสือโอวหัวเราะออกมา เขาพูดในใจว่าในอนาคตถ้าพวกนายมีแฟน พวกนายก็คงไม่อยากให้มันรวดเร็วไปเสียทุกสิ่งทุกอย่างแล้วล่ะ
เขาให้พวกเด็กๆ รออยู่เฉยๆ ก่อน ส่วนตัวเขาเองเดินไปที่ประตูทางเข้าฟาร์มปลา หลังจากนั้นก็ผิวปากปลอบหู่จือกับเป้าจือให้ลดความตื่นเต้นลง
หลังจากเข้ามาใกล้ประตูทางเข้าแล้ว ฉินสือโอวลองมองดูก็คิดว่าไม่น่าจะเป็นแบบนั้น ชายวัยกลางคนสองคนกำลังยืนอยู่ที่ด้านนอกประตู ลักษณะท่าทางของทั้งสองคนดูเหมือนผู้ใช้แรงงาน แต่พวกเขากลับสะพายกระเป๋ามาแค่ใบเดียว แถมยังไม่มีรถตามมาอีกต่างหาก
เมื่อเป็นเช่นนี้ แล้ววัสดุสร้างคอกม้าอยู่ที่ไหนกันล่ะ? จากที่เขารู้มาคอกม้ามีความสูงสิบเมตร กว้างห้าเมตร วัสดุก็ดีกว่ากระท่อมสำหรับดื่มกาแฟกับเบียร์อยู่หลายเท่า จะใส่ไว้ในกระเป๋าใบนี้ได้เหรอ?
ฉินสือโอวส่ายหัวแล้วถามพวกเขาว่า “พวกคุณคือคนของบริษัทเรนโบว์คอทเทจหรือเปล่า?”
ครั้งนี้ถึงคราวของคนทั้งคู่ที่ต้องส่ายหัวแล้ว ชายวัยกลางคนเชื้อสายละตินหนึ่งในนั้นใช้ภาษาอังกฤษด้วยสำเนียงที่ฟังออกยากพูดกับเขาว่า “ไม่ ไม่ใช่ พวกเราเป็นคนของบริษัทจัดหางานฮันนิบาล โอ้ ผมจะพูดอย่างนั้นก็ไม่ถูก พวกเราเป็นคนที่บริษัทนายหน้าแนะนำให้มาทำงานที่นี่”
พอเขาพูดจบ พวกเขาอีกคนก็ยื่นจดหมายฉบับหนึ่งให้กับฉินสือโอว พร้อมกับพูดเสริมว่า “คุณคือคุณฉินใช่ไหมครับ? คุณฉินเจ้าของฟาร์มปลาต้าฉิน?”
คนคนนี้เป็นคนจีน เขาถามเป็นภาษาจีนกลางอย่างชัดถ้อยชัดคำ
ฉินสือโอวพยักหน้ารับพร้อมกับกล่าวว่า “ใช่ครับ ผมชื่อฉินสือโอว บริษัทแนะนำพวกคุณมายังไงบ้างครับ? ให้มาดูว่าที่นี่ต้องการคนงานหรือเปล่าใช่ไหมครับ?”
พอได้ฟังที่เขาพูดจนจบ คนจีนคนนั้นก็เผยสีหน้าเป็นกังวลออกมา “ไม่ใช่ครับ คุณฉิน พวกเราคือคนที่บริษัทนายหน้าส่งให้มาทำงานที่นี่ ฟาร์มปลาไม่ได้ต้องการคนงานหรอกเหรอครับ?”
ฉินสือโอวขมวดคิ้วด้วยความงงงวย เขาเปิดจดหมายอ่าน ด้านในคือจดหมายแนะนำฉบับหนึ่ง ซึ่งช่วยแนะนำพวกเขาทั้งสองคนไว้ว่า ชายวัยกลางคนชาวละตินชื่อว่าคาปาไล ปาจิฮาเก้น วัยรุ่นคนจีนชื่อว่าซ่งชิงซาน ส่วนสุดท้ายประทับตราสีแดงสดเอาไว้
ดูจากจดหมายแนะนำที่เขียนก็เหมือนว่าจะเป็นอย่างนั้นจริงๆ แต่ฉินสือโอวจำไม่ได้ว่าเขาเคยติดต่อไปที่บริษัทจัดหาแรงงานที่ไหนมาก่อน เขานึกว่าชาร์คเป็นคนจัดการเรื่องนี้จึงควักวิทยุสื่อสารออกมาเพื่อถามว่า “ชาร์ค นายเคยไปถามหาคนงานจากบริษัทจัดหาแรงงานมาก่อนหรือเปล่า?”
ชาร์คตอบเขากลับมาว่า “ไม่นะครับ ถ้าต้องการคนงาน ผมต้องขออนุญาตคุณก่อนอยู่แล้ว”
ได้ยินแบบนี้แล้ว สีหน้าของพวกเขาทั้งสองคนก็เริ่มแย่ลง ชายวัยกลางคนชาวละตินถึงกับพึมพำขึ้นมาด้วยความร้อนอกร้อนใจ ไม่รู้ว่ากำลังพึมพำเรื่องอะไรอยู่
ฉินสือโอวตัดสายจากวิทยุสื่อสาร เขาไหวไหล่แล้วพูดกับทั้งสองคนว่า “บางทีอาจจะเขียนผิดหรือเปล่า ทั้งสองคน บางทีอาจจะเป็นฟาร์มปลาแห่งอื่นที่กำลังขาดคนหรือเปล่า?”
เขารู้ว่าไม่มีทางเป็นอย่างนั้นแน่ เนื่องจากส่วนหัวของจดหมายแนะนำเขียนชื่อฉินสือโอวกับฟาร์มปลาต้าฉินเอาไว้
ชายวัยกลางคนชายละตินจึงพูดกับเขาด้วยความร้อนรนว่า “ไม่ๆๆ เป็นไปไม่ได้ ทางบริษัทบอกว่าเป็นฟาร์มปลาต้าฉินในเมืองแฟร์เวล แถมเขายังให้รูปภาพของคุณไว้อีกด้วย คุณดูสิ”
เขาหยิบภาพถ่ายเลือนรางใบหนึ่งออกมา เป็นภาพถ่ายของฉินสือโอวจริงๆ แต่คล้ายกับว่านี่น่าจะเป็นรูปภาพที่หามาจากในข่าวมากกว่า อีกทั้งในรูปนั้นฉินสือโอวยังอุ้มหู่จือเป้าจือเอาไว้ด้วย ท่าทางเหมือนว่าเขากำลังให้สัมภาษณ์กับนักข่าวอยู่ที่บริเวณหน้าศาลตัดสิน
ซ่งชิงซานมีปฏิกิริยาตอบโต้ที่ไวกว่านิดหน่อย เขาถามฉินสือโอวด้วยความวิตกกังวลว่า “คุณไม่ได้ติดต่อไปที่บริษัทของพวกเราจริงๆ เหรอครับ? ไม่อย่างนั้นคุณลองโทรศัพท์ไปถามพวกเขาหน่อยได้ไหม?”
ฉินสือโอวพอจะรู้แล้วว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น พวกเขาทั้งสองคนเจอบริษัทนายหน้าเถื่อนเข้าให้แล้ว ที่แคนาดามีบริษัทเลวทรามแบบนี้อยู่หลายแห่ง แต่มักจะอยู่ในเมืองใหญ่เสียมากกว่า ยังไม่เคยได้ยินว่าที่นครเซนต์จอห์นมีเรื่องพวกนี้ด้วย
แต่เมื่อมองดูท่าทางของคาปาไลกับซ่งชิงซานที่เหมือนกับว่าจะเป็นแรงงานที่ขยันขันแข็ง ในใจของเขาก็เริ่มรู้สึกเห็นใจคนทั้งคู่ จึงยกโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรออก ขณะเดียวกันก็ถามขึ้นมาว่า “พวกคุณเพิ่งย้ายถิ่นฐานมาอยู่ที่นี่เหรอ?”
ซ่งชิงซานก็พอจะเดาได้เช่นกัน เขาตอบฉินสือโอวกลับไปพร้อมกับรอยยิ้มจืดเจื่อน “ผมมาที่นี่ได้ไม่ถึงหนึ่งสัปดาห์ ส่วนพี่ชายคนนี้มาถึงที่นี่นานกว่าหน่อย มาถึงได้ประมาณสิบกว่าวันแล้วครับ”
ปลายทางที่เขาโทรไปปิดเครื่อง ฉินสือโอวเปิดลำโพงเพื่อให้พวกเขาได้ยิน หลังจากนั้นก็ไหวไหล่พูดว่า “ที่พวกคุณหางานนี้ พวกคุณได้เสียเงินหรือเปล่า?”
คาปาไลก็รู้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้น เขาจึงพูดด้วยความรู้สึกสิ้นหวังว่า “จ่ายเงินไปแล้วครับ ไอ้พวกชั่วเอ๊ย! พวกเลวนั่นควรจะลงนรกไปซะ! พวกเขาเก็บเงินผมไปแปดร้อยดอลลาร์ บอกว่านี่เป็นเงินมัดจำก่อนทำงาน เพื่อป้องกันไม่ให้พวกเราสร้างความวุ่นวายให้กับคุณ”
ส่วนซ่งชิงซานก็พูดอย่างกระวนกระวายใจว่า “ถ้าอย่างนั้นพวกเราต้องรีบกลับกันแล้ว ต้องรีบไปเอาเงินจากพวกมันคืนมา”
เมื่อเห็นว่าทั้งสองคนมีเหงื่อออกท่วมทั้งหน้าภายในเวลาชั่วพริบตาเดียว ฉินสือโอวก็รู้แล้วว่า เงินแปดร้อยดอลลาร์คงจะไม่ใช่เงินจำนวนน้อยๆ สำหรับพวกเขา เขาจึงได้พูดขึ้นมาว่า “ตอนนี้ไม่มีเรือเฟอร์รี่แล้ว เดี๋ยวผมใช้เรือของตัวเองไปส่งพวกคุณแล้วกัน”
ช่วยได้ก็ช่วย สองคนนี้ดูน่าสงสารมาก จนทำให้ฉินสือโอวนึกถึงเรื่องสมัยก่อนตอนที่พ่อของเขาไปทำงานแล้วต้องเจอกับหัวหน้าผู้รับเหมาใจทราม
ฉินสือโอวขับเรือยนต์ความเร็วสูงที่เร็วที่สุดออกไป ฝ่าลมโต้คลื่นไปตลอดทั้งทาง หลังจากนั้นก็ใช้เส้นสายหารถแท็กซี่เพื่อรีบพาพวกเขาทั้งสองคนไปที่บริษัทแห่งนั้น
หลังจากกลับไปแล้ว เขาก็กลับมาอ่านข่าวต่อ เขาตั้งใจค้นหาข่าวเกี่ยวกับบริษัทนายหน้าใจโฉดโดยเฉพาะ ปรากฏว่าข่าวที่เกี่ยวข้องที่เขาหาเจอมีอยู่อย่างมหาศาล
แค่ช่วงต้นเดือนของเดือนนี้ กระทรวงแรงงานของแคนาดาได้บุกค้นองค์กรจัดหาแรงงานชั่วคราวไปแล้วตั้ง 50 แห่ง ผลการตรวจสอบชี้ให้เห็นว่า เกือบ 75% ขององค์กรจัดหางานหรือเท่ากับ 37 องค์กร ล้วนแต่มีพฤติการณ์ที่ผิดต่อกฎหมาย มีเพียง 13 แห่งที่เหลืออยู่เท่านั้นที่ดำเนินงานอย่างถูกต้อง ในบรรดาองค์กรที่มีพฤติการณ์ที่ผิดกฎหมายตั้งอยู่ที่ โทรอนโตเป็นจำนวนมากที่สุดถึงสามแห่ง
อีกทั้งองค์กรจัดหาแรงงานชั่วคราวเหล่านี้ยังเป็นนายหน้าใต้ดิน พวกเขาล้มเหลวในการปฏิบัติตามกฎหมายว่าด้วยมาตรฐานการคุ้มครองแรงงานโดยสิ้นเชิง ทั้งไม่จ่ายเงินค่าล่วงเวลาให้กับพนักงาน ไม่ให้หยุดวันหยุดนักขัตฤกษ์ไปจนถึงไม่ให้มีวันลาพักร้อน
บริษัทนายหน้าของแคนาดาแตกต่างกับประเทศอื่นๆ พวกเขาสามารถจัดการงานได้ตรงตามมาตรฐาน ซึ่งสามารถกล่าวได้ว่าเป็นบริษัทแรงงานคน บางโรงงานก็ใช้เพียงแค่ผู้รับเหมาหาคนงาน ทางโรงงานจ่ายเงินให้กับบริษัทนายหน้า ส่วนบริษัทนายหน้าก็จะเป็นฝ่ายจ่ายเงินเดือนและให้สวัสดิการสังคมให้แก่คนงาน
การใช้แรงงานคนด้วยวิธีนี้มีข้อดีอยู่หนึ่งอย่าง ซึ่งก็คือวิธีนี้ทำให้หมดความยุ่งยาก พวกเขาไม่ต้องไปติดตามดูประวัติและสุขภาพของคนงาน หากเกิดปัญหาบริษัทนายหน้าจะเป็นผู้รับผิดชอบเอง
หลังจากได้อ่านข่าวที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้แล้ว ก็ไม่ได้มีข่าวของพวกซ่งชิงซาน ฉินสือโอวจึงไม่ได้คิดอะไรมาก เขาเพียงแต่ยกเรื่องนี้ขึ้นมาคุยกับวินนี่ตอนที่กลับมาถึงแล้ว วินนี่บอกว่าเธอรู้เรื่องพวกนี้มาก่อนแล้ว แท้ที่จริงนี่เป็นปัญหาใหญ่ในสังคมแคนาดาที่มีมาอย่างยาวนาน แต่รัฐบาลไม่ได้เข้าไปจัดการแก้ปัญหา คนที่ได้รับความเดือดร้อนก็เป็นเพียงคนธรรมดา ทั้งยังเป็นผู้อพยพเสียส่วนใหญ่
……………………………………………….